Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 117

Lord of the Mysteries 117

ตอนที่ 117 : การติดต่อ

ดักซ์เตอร์·กูเดเลียน นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลจิตเวชกรีนฮัล

ไคลน์พูดทวนรายละเอียดตามคำบอกเล่าของนักสืบเฮนรี ในหัวกำลังครุ่นคิดว่าตนจะลอบตีสนิทบุคคลต้องสงสัยว่าจะเป็น ‘ผู้ชม’ และสมาชิกสมาคมแปรจิตอย่างไรดี

ด้วยประสิทธิภาพต่อสู้สุดห่วยแตก มันไม่คิดเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้ทางเหยี่ยวราตรีเพ่งเล็งว่าตนเป็นบุคคลเจ้าปัญหา

ไม่ต้องการใช้ความรุนแรงกับอีกฝ่าย เพียงหวังแลกเปลี่ยนข้อมูลและวัตถุดิบเล็กน้อยเท่านั้น

ในปัจจุบัน มีโอกาสค่อนข้างสูงว่าดักซ์เตอร์จะกลายเป็นผู้ชมเรียบร้อยแล้ว การลอบเข้าใกล้ผู้วิเศษเส้นทางดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายหากไม่ถูกฝึกฝนด้านภารกิจแทรกซึมมาเป็นอย่างดี

หรือควรใช้คนกลางเข้าไปติดต่อแทน?

ไม่เหมาะแน่ เรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ ยิ่งมีคนรู้มากจะยิ่งเพิ่มปัญหา

ใช่แล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายอ่านอารมณ์และสีหน้าของตนออก ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแกล้งเปิดเผยความจริงใจให้มันรับรู้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด…

เฮนรียังคงอธิบายข้อมูลของดักซ์เตอร์อย่างละเอียด ไคลน์จับทุกประเด็นมาวิเคราะห์หาจุดอ่อนอีกฝ่าย เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงกับความต้องการมากที่สุด

จิตใต้สำนึกของชายหนุ่มกำลังจินตนาการถึงฉากในภาพยนตร์นักสืบบนโลกเก่า

มีโอกาสสำเร็จพอสมควร แต่เราต้องฝึกฝนซ้ำๆ หลายครั้งเพื่อให้มั่นใจ อาจต้องซ้อมหนักหน้ากระจกนานหลายชั่วโมง….

ไคลน์พยักหน้ากับตัวเองเบาๆ พลางเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับคำอธิบายของนักสืบเฮนรี

อะแฮ่ม…! เฮนรีกระแอมเสียงค่อย

“พวกเรากำลังดำเนินการค้นหาปล่องไฟสีแดงกันอยู่ คุณคงทราบแล้วว่าเมืองทิงเก็นมีปล่องไฟลักษณะดังกล่าวเป็นจำนวนมาก หากต้องการหาให้พบโดยเร็ว คุณต้องระบุข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้”

ไคลน์พลันหัวเราะแห้ง

“หากมีข้อมูลมากกว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ผมคงไม่เสียเวลาจ้างพวกคุณแน่”

ด้วยความสัตย์จริง การค้นหาอันยาวนานทำให้มันเจ็บปวดหัวใจไม่น้อย บุคคลภายในบ้านปล่องไฟสีแดงคงทราบว่าตนทำนายหาที่อยู่ของมันจนพบ และย้ายไปยังแหล่งกบดานใหม่นานแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากค้นพบบ้านหลังดังกล่าวในภายหลังจริง ก็คงไม่ถือว่าเสียเปล่าซะทีเดียว เพราะตนสามารถทำนายหาข้อมูลจากร่องรอยผู้อยู่อาศัยเดิม หรือไม่ก็สอบถามผู้เข้าพักอาศัยคนใหม่

และเพื่อการนั้น ตนต้องสิ้นเปลืองเงินไปมากถึงเจ็ดปอนด์เลยทีเดียว

ไคลน์เริ่มปวดหัวตุบ เมื่อนักสืบเฮนรีบอกเล่ารายละเอียดทั้งหมดครบ ชายหนุ่มกำไม้ค้ำแน่นขนัดและเดินลงจากตึกสำนักงาน

แปดโมงสี่สิบนาที ของวันถัดมา

เช้าวันเสาร์แสนสดใสภายในห้องพักแพทย์โรงพยาบาลจิตเวชกรีนฮัล ดักซ์เตอร์·กูเดเลียนในสภาพสวมแว่นตากรอบทอง มันกำลังแขวนเสื้อโค้ตและหมวกไว้บนราว

ขณะเปิดฝากระป๋องกาแฟบดเตรียมชงดื่ม นายแพทย์ดักซ์เตอร์ได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตูห้อง

“เชิญครับ”

ดักซ์เตอร์ขานตอบด้วยท่าทีผ่อนคลาย

บานประตูซึ่งแง้มอยู่เล็กน้อย ถูกดึงเปิดจนพอดีให้บุรุษหนึ่งคนแทรกตัวผ่านเข้ามา

ชายหนุ่มในชุดกันลมสีดำ

ดักซ์เตอร์ไม่คุ้นชินใบหน้าอีกฝ่าย มันจึงขมวดคิ้วก่อนไต่ถามด้วยสีหน้าฉงน

“อรุณสวัสดิ์ครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ?”

ไคลน์ปิดประตูห้องพลางถอดหมวกคำนับ

“อรุณสวัสดิ์ครับ นายแพทย์ดักซ์เตอร์ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่เข้าพบโดยมิได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ผมคือว่าที่สารวัตรไคลน์·โมเร็ตติแห่งกรมตำรวจแคว้นอาโฮว่า ส่วนนี่คือตรากรมตำรวจและบัตรยืนยันตัวตน”

“สารวัตร?”

ดักซ์เตอร์พึมพำพลางก้มหน้าอ่านเอกสารจำนวนมากบนโต๊ะ

“หน่วยปฏิบัติการพิเศษ…”

มันบรรจงเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางสุขุม แววตาคล้ายกับกำลังเพ่งพินิจบางสิ่ง

ผมสั้นสีดำขลับ นัยน์ตาน้ำตาเข้มจนเกือบดำ บรรยากาศรอบตัวคล้ายคลึงนักวิชาการ ปราศจากจิตมุ่งร้าย…อย่างน้อยก็ในปัจจุบัน

ดักซ์เตอร์เลื่อนเอกสารยืนยันตัวตนกลับคืนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงาน

“นั่งลงก่อนครับคุณตำรวจ ผมสามารถช่วยเหลืออะไรคุณได้บ้าง?”

ไคลน์ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้พลางแสยะยิ้ม มันเหยียดแขนเก็บตราอย่างไม่รีบร้อน

“ขอแนะนำตัวเพิ่มเติม…ผมอยู่สังกัดหน่วยเหยี่ยวราตรีแห่งเมืองทิงเก็น เชี่ยวชาญคดีพิเศษเกี่ยวกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติทุกชนิด ยินดีที่ได้พบกัน…มิสเตอร์ผู้ชม”

ขณะไคลน์ยังกล่าวไม่จบประโยค มันชำเลืองเห็นนัยต์ตาดำของอีกฝ่ายหดลีบลง ไม่ใช่เหตุการณ์น่าประหลาดสักเท่าไร

นายแพทย์ดักซ์เตอร์เลือนมือกลับเข้าหาตัวคล้ายกับพยายามคิดหนี

“คุณตำรวจ ผมไม่เข้าใจความหาย”

ดักซ์เตอร์เถียงด้วยท่าทีตื่นตระหนก ปราศจากมาดสุขุมลุ่มลึกเมื่อครู่โดยชิ้นเชิง

“ไม่ขำด้วยหรอกนะ! ผมจะเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัย!”

ไคลน์หยิบลูกโม่ออกจากซองรักแร้พลางอมยิ้มมีเลศนัย ท่าทียังคงผ่อนคลายเช่นเคย

“มิสเตอร์ผู้ชม ไม่สิ คุณหมอดักซ์เตอร์ ด้วยดวงตาคู่นั่น คงมองเห็นแล้วใช่ไหมว่าผมมั่นใจมากเพียงใด…ฮะฮะ! ว่ากันตามตรง ในตอนแรกผมยังมั่นใจไม่เต็มร้อย แต่ท่าทีของคุณเมื่อครู่ได้ยืนยันความคิดผมทั้งหมด”

ทุกประโยชน์ล้วนเป็นความจริง…ไคลน์คิด

ดักซ์เตอร์เริ่มชะงัก สายตาจ้องมองปืนลูกโม่สีทองเหลืองไม่กะพริบ

“ผมไม่เข้าใจว่าคุณหาผมได้อย่างไร ในเมื่อไม่เคยก่อเรื่องเลยสักครั้ง…”

ไคลน์อธิบาย

“แค่บังเอิญเท่านั้น หรืออาจเป็นโชคชะตานำพาให้พวกเรารู้จักกัน หลายสัปดาห์ก่อน ผมเห็นคุณในตลาดมืดค้าของวิเศษหลังผับมังกรชั่ว ผมจำคุณได้แม่น แต่ทางคุณคงไม่ คุณฉลาดมากในการเลือกซื้อวัตถุดิบปรุงโอสถ หว่านซื้อหลายสิ่งซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันเลย หากไม่ใช่ผมคงไม่เอะใจแน่ว่ากำลังลอบซื้อสูตรผลิตโอสถผู้ชม แต่คุณโชคไม่ดีนัก ผมเชี่ยวชาญสูตรผลิตโอสถผู้ชมมาก จึงเริ่มจับตามองนับแต่นั้น”

ดักซ์เตอร์ผ่อนลมหายใจยาว สีหน้าเหนื่อยหน่ายคล้ายกับล้มเลิกความคิดที่จะหนี

“เข้าใจแล้ว…เคยคิดว่าตัวเองรอบคอบแล้วเชียว…”

มันพึมพำในลำคอก่อนเงยหน้าถาม

“ในเมื่อคุณไม่ได้มาจับผม แล้วมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”

ไคลน์ยกมุมปากขึ้น

“ผมไม่เหมือนเหยี่ยวราตรีทั่วไป ไม่คิดว่าผู้วิเศษทุกคนนอกเหนือจากหน่วยงานของโบสถ์จะเป็นบุคคลชั่วร้ายไปเสียหมด แบบนั้นไม่ยุติธรรมกับผู้บริสุทธิ์ซึ่งเคารพกฎหมาย”

ดักซ์เตอร์เริ่มออกอาการโล่งใจ

“โลกนี้จะสงบสุขอย่างมากหากเหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา และจิตแห่งจักรกลทุกคนคิดเหมือนคุณ”

“หืม…รู้จักหน่วยทูตพิพากษาและจิตแห่งจักรกลด้วยหรือ? คุณไม่เหมือนกับคนบังเอิญพบสูตรผลิตโอสถผู้ชมเข้าเลยนะครับ…มีองค์กรอยู่เบื้องหลังใช่ไหม”

ไคลน์เอนหลังพิงเบาะพลางถามหยั่งเชิง

“สมาคมแปรจิต?”

เป็นดังคาด เมื่อได้ยินประโยคล่าสุด สีหน้าดักซ์เตอร์พลันเปลี่ยนแปลง

“คุณหลอกล่อให้ผมพูดออกมาสินะ ดันตกหลุมพรางตื้นเขินแบบนี้เสียได้…”

ดักซ์เตอร์ตำหนิตัวเองอย่างหงุดหงิด

มันเริ่มตระหนักว่าภาวะผู้ชมมิได้ไร้เทียมทานดังจินตนาการ ถึงจะทราบว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย แต่ก็มิอาจเข้าใจถึงจุดประสงค์อย่างถ่องแท้

ไคลน์ดึงโม่ปืนออกมาหมุนเล่นขณะอธิบาย

“คุณหมอ พวกเรามาคุยอย่างสันติดีกว่า ผมจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็แล้วกัน ผมไม่เชื่อว่าผู้วิเศษนอกรีตจะเป็นอาชญากรไปทั้งหมด กระนั้นก็ยังคิดว่า ผู้วิเศษนอกรีตสมควรถูกลงทะเบียนและติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดการคลุ้มคลั่งและทำร้ายประชาชน ซึ่งนั่นคือผลลัพธ์เลวร้ายสูงสุด ผมจะไม่รบกวนชีวิตประจำวันของคุณ หวังเพียงความร่วมมือระหว่างกันเล็กน้อยตามสมควร”

“ความร่วมมือตามสมควร?”

ดักซ์เตอร์ซักถามด้วยสีหน้าสงสัย

ไคลน์ยังเอาแต่ยิ้ม

“ใช่ครับ ตามสมควร ตัวอย่างเช่น ข้อมูลสภาพร่างกายในปัจจุบันของคุณ อาการความรู้สึก เสียงกระซิบภายในหัว ทางเราสามารถช่วยลดอัตราการคลุ้มคลั่งให้คุณได้ นี่คือความเชี่ยวชาญพิเศษของเหยี่ยวราตรี และคุณอาจมอบเบาะแสของผู้วิเศษคนอื่นใกล้ตัว หรือภายในสมาคมแปรจิต ใครก็ตามซึ่งมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงก่อความวุ่นวาย หรือไม่ก็ หากคุณต้องการวัตถุดิบวิเศษชนิดใด พวกเราสามารถจัดหาให้ได้ นี่ถือเป็นสวัสดิการเมื่อยอมร่วมมือกับรัฐบาล คุณคงเข้าใจคำว่าสวัสดิการใช่ไหม? และนับแต่นี้ไป คุณไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะถูกเหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา หรือจิตแห่งจักรกลพบตัวอีก คุณจะได้รับใบรับรองจากผม สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไร้กังวล ใบรับรองของทางเหยี่ยวราตรีจะช่วยยืนยันว่าคุณให้ความร่วมมือกับรัฐบาล สิ่งนี้คือไพ่ตายในการเอาตัวรอดทุกสถานการณ์”

ดักซ์เตอร์นั่งฟังเงียบงันพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจถามขัด

“คุณจะให้ผมทรยศสมาคม?”

“ไม่ใช่การทรยศ”

ไคลน์ตอบตามความจริง

“ผมเพียงขอความร่วมมือให้คุณช่วยรักษาคุณธรรม จริยธรรม และความโอบอ้อมอารีของสังคมมนุษย์ไว้ หน้าที่ของคุณมีเพียงรายงานเบาะแสเกี่ยวกับภัยคุกคามนองเลือด โศกนาฏกรรม และวิถีนอกรีตชั่วร้าย ผมไม่ได้ต้องการให้คุณทรยศองค์กร”

ดักซ์เตอร์เริ่มคล้อยตาม มันรู้สึกดีเมื่อได้ยินข้ออ้างด้านจริยธรรมเมื่อครู่

นายแพทย์ก้มหน้าขบคิดนานเกือบหนึ่งนาที ก่อนตัดสินใจเหยียดแขนออกไปหาไคลน์

“ด้วยความยินดี”

ไคลน์จับมือตอบพร้อมกล่าว

“ด้วยความยินดีเช่นกัน”

มันชะงักคำพูดก่อนถามต่อ

“คุณหมอ ช่วยยืนยันให้แน่ชัดอีกครั้ง คุณคือสมาชิกของสมาคมแปรจิตใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง”

มันพยักหน้า

ไคลน์ยังไม่ได้ปิดเนตรวิญญาณนับตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง หลังจากเห็นสีออร่าอารมณ์ดักซ์เตอร์ปราศจากความผิดปรกติ มันยิงคำถามต่อเนื่อง

“เข้าร่วมสมาคมแปรจิตได้อย่างไร?”

ดักซ์เตอร์เงยหน้ามองไคลน์และตอบ

“ขณะเดินตรวจคนไข้ตามปรกติ ผมพบว่ามีผู้ป่วยคนหนึ่งสามารถอ่านพฤติกรรมของผมได้ทะลุปรุโปร่ง สติของเขากระจ่างชัดจนไม่เหมือนกับคนบ้า…ชื่อของเขาคือ ฮู้ด·ยูเก็น”

ไคลน์นั่งฟังดักซ์เตอร์เล่าทุกสิ่งอย่างละเอียดเป็นเวลานาน ก่อนทั้งคู่จะตัดสินใจแยกย้ายโดยนัดแนะวิธีการและสถานที่ติดต่อไว้ล่วงหน้า

ในการพบกันหนแรก ไคลน์ไม่สนใจจะสอบถามข้อมูลสูตรผลิตโอสถหรือข่าวคราวภายในองค์กร นั่นยังไม่ถึงเวลา

หลังจากชายหนุ่มเดินออกจากห้องทำงาน ดักซ์เตอร์ถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าโล่งอก

มันกำลังกังวลกึ่งหวาดกลัว

บ้านเลขที่ 36 ถนนซุตแลนด์

ขณะนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดันน์บรรจงเงยหน้าขึ้นซักถาม

“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

ไคลน์มาถึงสำนักงานช้ากว่ากำหนดราวครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มพยายามเรียบเรียงคำพูดให้เข้าใจง่าย

“หัวหน้า ผมได้พบกับผู้วิเศษนอกรีตซึ่งยืนยันแล้วว่าเป็นสมาชิกของสมาคมแปรจิต แต่เขามิได้เข้าสู่วิถีนอกรีต ยังมีจิตใจเป็นปรกติและยินยอมให้ความร่วมมือกับเหยี่ยวราตรีแต่โดยดี”

หลังจากเว้นวรรคราวสามวินาที ไคลน์พูดเสริม

“ตามความเห็นของผม พวกเราควรเก็บชายคนนี้ไว้เป็นสายสืบในสมาคมแปรจิต”

คำว่า ‘สายสืบ’ มีรากฐานมาจากภาษาอินทิส แน่นอนว่าบุคคลคิดค้นคือจักรพรรดิโรซายล์

ดันน์พยักหน้า

“คุณรับมือกับสถานการณ์ได้ดี แต่หากมีคราวหลังอีก ควรรายงานให้ผมทราบก่อนเป็นอันดับแรก อย่าลืมกรอกข้อมูลของนายแพทย์คนนั้นให้ผมด้วย จะได้รีบจัดการเครื่องหมายยืนยันตัวตนให้โดยเร็ว ไม่ต้องบอกกับเลียวนาร์ดหรือคนอื่น สิ่งนี้คือหลักปฏิบัติสาวกของโบสถ์ หลังจากนี้ ผู้ที่ต้องติดต่อกับนายแพทย์คนดังกล่าวต้องเป็นคุณเท่านั้น”

ไคลน์ถอนหายใจยาว

“ไม่มีปัญหาครับ”

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version