ตอนที่ 118 : สิงหาคม
วันเวลาเลือนผ่านอย่างรวดเร็ว เมืองทิงเก็นต้องบอกลาฤดูหนาวและย่างกรายเข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัว อุณหภูมิปรกติสูงถึง ยี่สิบหก หรือ ยี่สิบเจ็ดองศาเซลเซียสขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่
ติ๋ง…!
ไคลน์ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำโดยปล่อยให้หยดของเหลวสีใสไหลเป็นทางบนพื้นห้อง
มันยืนก้มหน้าเชยชมซิกแพคของตัวเองซึ่งเริ่มก่อเป็นรูปร่างหลังจากฝึกภาคบ่ายติดต่อกันหลายสัปดาห์
ผลลัพธ์จากการฝึกมิได้เสริมสร้างเฉพาะกล้ามเนื้อ ยังรวมถึงพละกำลังและเรี่ยวแรงซึ่งเพิ่มขึ้นจากสมัยเป็นบัณฑิตประวัติศาสตร์มาก
ในวันนี้ ครูฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างมิสเตอร์กาเวนเริ่มลงลึกรายละเอียด ‘ฟุตเวิร์ค’ หรือจังหวะสืบเท้า
หลักพื้นฐานสำคัญของฟุตเวิร์คคือการส่งพลังโจมตีไปด้านหน้า หากปักหลักยืนมั่นคงและถ่ายทอดแรงได้ถูกต้อง กำปั้นมนุษย์จะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นจากเดิมหลายสิบเท่า
ตึก ตึก ตึก!
ไคลน์เลียนแบบท่าทางของกาเวน บ้างก้าวขาไปด้านหน้า บ้างสลับซ้ายขวา และบ้างสืบเท้าถอยหลังพลางตั้งการ์ดป้องกัน มันกำลังฝึกฝนปล่อยหมัดในจังหวะถูกต้องเหมาะสม
ฟู่ว!
เมื่อพึงพอใจกับผลลัพธ์ ชายหนุ่มเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวซึ่งแขวนไว้บนราวออกมาซับน้ำบนร่างกาย
นับตั้งแต่เริ่มติดต่อกับดักซ์เตอร์·กูเดเลียน ชีวิตไคลน์เผชิญความสงบสุขมานานสองสัปดาห์ติดต่อ ไม่พบเรื่องราวเหนือธรรมชาติแม้แต่หนเดียว กลายเป็นวิถีชีวิตแสนเรียบง่ายและมั่นคง
ค่าจ้างจากเหยี่ยวราตรีและกรมตำรวจถูกจ่ายตรงเวลา คาบเรียนศาสตร์เร้นลับกับนีลล์ก็ไปได้สวย นับวันจะยิ่งเพิ่มพูนความรู้เชิงลึก
ขณะเดียวกัน ฝีมือยิงปืนและทำอาหารก็มิได้ขาดตกบกพร่อง หาเวลาฝึกซ้อมอยู่เป็นระยะแถมยังช่วยเบ็นสันและเมลิสซ่าเลือกเครื่องเรือนเข้าบ้านเพิ่มอีกหลายชิ้น
ด้านที่ทำงาน ไคลน์หาโอกาสสอบถามคดีเหนือธรรมดาชาติเก่าๆ กับทีมเหยี่ยวราตรีซึ่งเริ่มสนิทสนม และมันไม่ลืมเดินทางไปยังสโมสรพยากรณ์เพื่อทำนายดวงให้ลูกค้าเป็นระยะ
หลังจากทดลองปฏิบัติตามกฎของนักทำนายที่ตัวเองตั้งไว้อย่างเคร่งครัด ชายหนุ่มรู้สึกว่าพลังวิญญาณของตนมีพัฒนาการดีขึ้นมาก รวมถึงความคืบหน้าการย่อยโอสถ
ไคลน์มีความสุขหลังจากชีวิตเริ่มราบรื่น หากไม่มีปมคาใจอีกสองสามอย่าง เช่นตนยังรู้สึกอยากกลับโลกเก่า ยังหาปล่องไฟสีแดงไม่พบ และยังไขปริศนาหุ่นกระบอกอัปมงคลไม่ได้ ชีวิตมันถือว่าค่อนข้างมีวาสนา
สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ชุมนุมไพ่ทาโรต์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมิได้ว่างเว้น แต่ปราศจากความคืบหน้าของไดอารีจักรพรรดิโรซายล์
อัลเจอร์ยังไม่กลับฝั่ง วันๆ เห็นเพียงคลื่นทะเลสุดลูกหูลูกตา จึงไม่มีสิ่งใดจะรายงาน
ความคืบหน้าเดียวมาจากมิสจัสติส เธอได้พบกับผู้วิเศษสองคนโดยบังเอิญ หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เมื่อพบว่าฟอร์สมีหน้ากระดาษไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ไว้ในครอบครอง ออเดรย์จึงตัดสินใจเข้าร่วมวงเดียวกับหล่อนและเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคน ซิล·เดียร์ชา
เด็กทั้งสามรับปากกับมิสเตอร์ฟูลว่าจะพยายามหาไดอารีอย่างสุดความสามารถ
ด้านแฮงแมนก็มิได้ละเลย มันให้ความหวังกับไคลน์ว่า สำนักงานโบสถ์วายุต้องมีฉบับคัดลอกไดอารีเก็บอยู่ไม่น้อยแน่ ไว้กลับฝั่งจะรีบรวบรวมให้มากที่สุด
นอกเหนือจากนั้น จัสติสยังกล่าวเสริม เธอระบุว่าพวกพ้องผู้วิเศษใหม่ทั้งสองนล้วนมีคุณสมบัติมากพอสำหรับเข้าร่วมชุมนุมไพ่ทาโรต์ ทั้งคู่ต่างปิดบังฉากหน้าไม่ให้ใครทราบความจริง คนหนึ่งเขียนนิยาย ส่วนอีกคนเป็นนักล่าค่าหัวและทำงานรับจ้างทั่วไป
ทั้งฟอร์สและซิลไม่ใช่บุคคลสุ่มเสี่ยงต่อการนำความลับชุมนุมไพ่ทาโรต์ออกไปแพร่งพราย ปัญหาเดียวคือพลังของพวกเธอยังอ่อนแอเกินไป เป็นเพียงผู้วิเศษลำดับเก้าเท่านั้น ไม่เหมาะสมกับการเข้าร่วมองค์กรลับระดับสูงอย่างชุมนุมไพ่ทาโรต์
หืม…องค์กรลับระดับสูง?
เหมือนบริษัทขายตรงมากกว่ามั้ง…?
ไคลน์ตอบจัสติสด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน เด็กสาวคนนี้จินตนาการตนไว้ทรงพลังมากแค่ไหนกัน?
เรื่องสมาชิกใหม่ มันรับปากว่าจะหาโอกาสตรวจคุณสมบัติให้ภายหลัง
แน่นอน มิสจัสติสไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาต่อไป เธอมิได้เอ่ยชื่อหรือรายละเอียดของสมาชิกใหม่ทั้งสองคน เพราะเกรงว่าแฮงแมนอาจสาวไปถึงตัวตนแท้จริงผ่านข้อมูลดังกล่าว
มิสจัสติสมีความเร็วในการย่อยโอสถสูงมาก อีกสามถึงสี่สัปดาห์คงเสร็จสมบูรณ์ เพื่อการนั้นคงต้องเร่งมือติดต่อกับดักซ์เตอร์ให้มันล้วงข้อมูลสูตรผลิตโอสถลำดับแปด·นักอ่านใจ ออกมาจากสมาคมแปรจิต
ภายในหัวกำลังทบทวนเหตุการณ์บนมิติสายหมอกเมื่อวันก่อน ก่อนจะเช็ดตัวเสร็จ
ในช่วงยี่สิบวันที่ผ่านมา ตนได้พบกับดักซ์เตอร์เพียงหนเดียว และไต่ถามเพียงอาการส่วนตัว รวมถึงข้อมูลจิปาถะของสมาคมแปรจิตอย่างหยาบๆ
ช่วยไม่ได้ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว คงต้องเร่งซักถามข้อมูลโอสถนักอ่านใจให้เร็วกว่าแผนเดิมเล็กน้อย
ไคลน์ติดกระดุมขณะน้ำผ้าขนหนูโพกไว้เพื่อซับหยดน้ำค้างเมื่อเทียบกับจัสติสแล้ว ตนมีสปีดการย่อยพลังนักทำนายเร็วมาก เมื่อย่างเข้าสัปดาห์ล่าสุด เสียงในหัวซึ่งไม่ควรได้ยินหายไปได้สมบูรณ์ ไม่ปรากฏแม้แต่หนเดียว แม้จะเข้าฌานและเปิดเนตรวิญญาณบ่อยครั้งตาม
มันแกะผ้าขนหนูออกมาซับผมให้แห้งเป็นหนสุดท้าย ปากพึมพำขณะเดินตรงมาทางประตูห้องน้ำ
“ดูเหมือน ‘ข้อปฏิบัติ’ ของนักทำนายที่เราคิดค้นขึ้นเองจะส่งผลอย่างมาก”
“ภายในสัปดาห์หน้า เราจะย่อยโอสถนักทำนายเสร็จสมบูรณ์แน่นอน”
“แต่ปัจจุบันยังหาวิธีรวบรวมเขาคริสตัลของแพะเทาภูเขาโฮนาซิสโตเต็มวัย และต้นสมบูรณ์ของกุหลาบโฉมมนุษย์ไม่ได้…”
“หรือต้องทำแบบมาดามดาลี่ย์? ยื่นคำร้องขอเลื่อนระดับไปยังโบสถ์รัตติกาล…แต่ถ้าทำแบบนั้น ตัวเราจะกลายเป็นจุดสนใจของเบื้องบนทันที ยังไม่อยากรีบร้อนขนาดนั้นต้องการเติบโตไปเรื่อยๆ เป็นลำดับขั้นตอนมากกว่า”
“จากข้อมูลของเหยี่ยวราตรี สมาชิกชุมนุมแสงเหนือบางส่วนถูกจับกุมเพิ่มในทิงเก็น นับเป็นประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม แต่ปัญหาคือยังหามิสเตอร์ Z ในจดหมายไม่พบ”
“นักสืบเฮนรีกล่าวความคืบหน้าคดีปล่องไฟสีแดงอาจได้ข้อสรุปในสัปดาห์นี้ เงินออมปัจจุบันของเรามีเกินกว่าเจ็ดปอนด์ ดังนั้นไม่ต้องกลัวเกี่ยวกับการจ่ายค่าจ้างงวดสุดท้าย”
“จากข้อมูลของบ้านซึ่งมีปล่องไฟสีแดงหลังก่อนๆ รวมถึงรายละเอียดผู้พักอาศัย ผลการทำนายของเราไม่พบความผิดปรกติแม้แต่จุดเดียว ครั้นจะให้เดินทางไปตรวจสอบทีละหลังคงเสียเวลานานเกินไป”
“หืม…หรือเราควรเลือกเฉพาะหลังที่เพิ่งเปลี่ยนผู้เช่าได้ไม่นาน? คงไม่มีทางอื่นแล้วสินะ”
…
ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้ไม้อย่างเงียบงันพลางครุ่นคิด มือก้มหยิบกางเกงขายาวสีดำขึ้นมาสวมถัดมาเป็นโบว์หูกระต่ายและซองปืนรักแร้
ชุดฝึกอัศวินซึ่งชุ่มเหงื่อถูกโยนลงตะกร้าผ้าเตรียมซัก มันเปิดประตูห้องน้ำสุดโอ่โถงพร้อมกับเดินออกไปด้วยเครื่องแต่งกายเกือบเต็มรูปแบบ
ปัจจุบัน ไคลน์เพิ่งฝึกศิลปะการต่อสู้ประจำวันพุธเสร็จและยังอยู่ภายในบ้านของมิสเตอร์กาเวน
“สวัสดีค่ะ มิสเตอร์โมเร็ตติ”
สาวใช้บ้านกาเวนผ่านมากล่าวทักทายและโค้งศีรษะคำนับชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังห้องน้ำหรูหรากว้างขวางด้านหลัง
“รบกวนทำความสะอาดด้วยครับ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว ส่วนสาวใช้ซักรีดจะเข้ามานำชุดฝึกกลับไปซักตอนหกโมงเย็น”
หญิงสาวตอบขณะก้มหน้า
สาวใช้ซักรีดไม่เหมือนกับสาวใช้ปรกติ พวกหล่อนไม่ต้องการที่พักหรืออาหาร วันทั้งวันจะหมดไปกับการตระเวนรวบรวมเสื้อผ้าจากบ้านแต่ละหลัง ก่อนจะนำกลับไปซักที่บ้านตัวเองให้เสร็จพร้อมเพรียง
วันถัดมาจะนำไปส่งคืนและเก็บชุดใหม่กลับบ้านไปซักอีกทอด วนเวียนเช่นนี้เป็นกิจวัตร นี่คือทางรอดเดียวของอาชีพแรงงานภายในอาณาจักรโลเอ็น
ไคลน์ไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม มันเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นซึ่งเจ้าของบ้านกำลังเอนหลังผ่อนคล้ายบนเก้าอี้ไม้โยก
ชายหนุ่มเหลือบเห็นกาเวนผงกศีรษะให้เบาๆ เป็นการทักทายตามมารยาท ในมือชายชราถือหนังสือพิมพ์อาโฮว่ายามเย็น บนตักมีผ้าห่มผืนหนาปกปิดท่อนล่างจากแสงแดด
ไคลน์ทราบดี ชายสูงวัยซึ่งกำลังนอนอาบแดดยามบ่ายผู้นี้มีอายุเพียงห้าสิบกว่าเท่านั้น แต่สภาพห่อเหี่ยวหมดอาลัยตายอยากได้มอบบรรยากาศของชายชราวัยแปดสิบ
ในทุกวันของการฝึก กาเวนจะเงียบงันเป็นส่วนมาก เอ่ยปากพูดเฉพาะจุดที่ไคลน์ทำผิดหรือไม่ก็ต้องการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรฝึกสอน ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงมีบทสนทนาเข้ามาเกี่ยวข้องไม่มากนัก
จากฝีมือซึ่งยังเผยออกมาไม่หมด เขี้ยวเล็บกาเวนยังคงดุร้ายเยี่ยงสัตว์ป่า ร่างกายปราดเปรียวคล่องแคล่ว ความเร็วมิได้ลดลงตามอายุดังที่ไคลน์จินตนาการ
กาเวนร่างปัจจุบันสามารถรับมือไคลน์พร้อมกันสามคนได้ไม่ยาก เช่นนั้นแล้วอัศวินผู้นี้จะมีฝีมือวัยหนุ่มเก่งกาจเพียงใดกัน?
นอกจากจะมีรายได้กรมตำรวจในฐานะครูฝึกศิลปะป้องกันตัว กาเวนยังครอบครองบ้านหลายหลังแถบชานเมืองและปล่อยให้ผู้คนเช่าอาศัย มันมั่งคั่งพอจะจ้างพ่อครัวส่วนตัว สาวใช้จำนวนหนึ่ง รวมถึงสาวใช้ซักรีด
หากเป็นอาณาจักรแห่งอาหารบนโลกเก่าของตน ชายวัยห้าสิบซึ่งมีเงินทองและอิทธิพลมากขนาดนี้สามารถเที่ยวรอบโลกได้บ่อยครั้งตามใจต้องการ
ไคลน์เบือนสายตาหนีจากกาเวนพลางส่ายศีรษะ ก่อนจะเดินตรงไปยังราวแขวนผ้าและหยิบหมวกกับชุดกันลมสีดำมาสวม
หลังจากแต่งกายเรียบร้อย มันเดินออกจากบ้านพร้อมไม้ค้ำเลี่ยมเงินในมือซ้าย ฝ่าเท้าย่างก้าวไปบนทางเดินหินซึ่งปกคลุมด้วยวัชพืชสีเขียวหนาทึบ
ทันใดนั้น มันเหลือบเห็นรถม้าขนาดเล็กซึ่งห้องโดยสารมีเพียงสองล้อจอดรออยู่หน้าบ้าน
บุรุษใบหน้าคุ้นตายืนไม่ห่างจากรั้วโลหะ
“เลียวนาร์ด?”
ไคลน์พึมพำพลางขมวดคิ้ว มันย่อมไม่เข้าใจจุดประสงค์การมาเยือนของเหยี่ยวราตรีผมเผ้ายุ่งเหยิงตรงหน้า
เสียวนาร์ดแต่งกายตามปรกติของมัน เชิ้ตขาวไม่สวมสูท กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังไร้เชือก นิ้วมือกำลังหมุนหมวกเล่น
เมื่อเห็นไคลน์เดินออกจากบ้าน เลียวนาร์ดส่งเสียงทักทายพลางแสยะยิ้ม
“คิดไม่ถึงล่ะสิ! ดีใจที่ได้พบผมใช่ไหม?”
แค่ประหลาดใจ…แต่ไม่ได้มีความสุข
ไคลน์ไม่แยแสอากัปกิริยาไร้สาระ เพียงจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวของนักกวีจอมปลอม
“แล้วมีอะไร?”
เลียวนาร์ดสวมหมวก
“หัวหน้าต้องการให้คุณเข้าร่วมทีมของผมกับฟราย ไว้คุยรายละเอียดบนรถ”
“ตกลง” ไคลน์เดินตามขึ้นรถม้า
ขณะฉากสองข้างทางเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องตามเสียงเกือกม้ากระทบพื้นถนน นักกวีเลียวนาร์ดหยิบเอกสารจำนวนหนึ่งส่งให้นักทำนายไคลน์อ่าน
ชายหนุ่มก้มหน้าพิจารณา
“11 สิงหาคม ห้าทุ่ม เขตตะวันตก ซารัสผู้ล้มละลายพยายามจุดไฟเผาอาคารโดยหวังก่อโศกนาฏกรรม แต่กลับลงเอยด้วยความตายของเขาเพียงคนเดียว”
“11 สิงหาคม สี่ทุ่ม เขตท่าเรือ ซิดกระโดดลงแม่น้ำทัสซอคเพื่อจบชะตาชีวิตสุดอนาถาของตน”
“11 สิงหาคม สองทุ่ม เขตถนนสายล่างบนถนนกางเขนเหล็ก มาดามลอวิสผู้ดำรงชีพด้วยการขายไม้ขีดกล่องเสียชีวิตจากอาการป่วยฉับพลัน”
…
หลังจากอ่านสองคดีแรกจบ ไคลน์รู้สึกประหลาดใจกับความธรรมดาและเรียบง่าย มันไม่พบความผิดปรกติใดเลย
คดีเหล่านี้นอกจากจะไม่ใช่หน้าที่ของเหยี่ยวราตรีแล้ว แม้แต่ตำรวจทั่วไปยังรู้สึกเอือมระอา
แต่ยิ่งอ่านยิ่งต้องขมวดคิ้ว
หลังจากครบสองหน้ากระดาษ ไคลน์เงยหน้าถามเลียวนาร์ด
“ไม่ถี่ไปหน่อยหรือ?”
เมื่อความตายแสนธรรมดาปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลาไล่เลี่ยจนผิดสังเกต สิ่งนี้จึงไม่ใช่คดีปรกติอีกต่อไป
เลียวนาร์ดพยักหน้า
“อัตราการตายในสองสัปดาห์หลังเพิ่มขึ้นเป็นห้าเท่าจากปรกติ เมื่อศูนย์ใหญ่กรมตำรวจทิงเก็นตรวจพบเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล คดีจึงถูกส่งต่อให้เหยี่ยวราตรีทันที รวมถึงทูตพิพากษาและจิตแห่งจักรกลด้วย ถึงสาเหตุการตายของเหยื่อจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่หัวหน้ากำชับให้พวกเราค้นหาความผิดปรกติให้พบ ต้องพึ่งพาพลังทำนายและพิธีกรรมเวทมนตร์”
ไคลน์กระจ่าง
“เข้าใจแล้ว”
เลียวนาร์ดดีดนิ้วด้วยมาดสุดเท่
“คุณ ผม และฟรายเป็นทีมเดียวกัน รับผิดชอบคดีในเขตถนนกางเขนเหล็ก ส่วนรอยัล ซิก้าและลุงนีลล์เป็นทีมสอง รับผิดชอบเขตเหนือ หัวหน้าคอยเตรียมความพร้อมในสำนักงาน เผื่อว่าทีมใดเผชิญเหตุไม่คาดฝัน”
“ตกลง”
ไคลน์พยักหน้าเคร่งขรึมก่อนจะหันไปถามบางสิ่งกับนักกวีเก๊
“ช่วยแวะบ้านผมก่อนได้ไหม จำเป็นต้องทิ้งโน้ตบอกน้องสาวและพี่ชาย”
คืนนี้คงไม่ได้ทานอาหารร่วมกันแล้ว คดีเหนือธรรมชาติอาจลากยาวกว่าปรกติ
เลียวนาร์ดยิ้ม
“ไม่มีปัญหา เป็นทางผ่านพอดี”
เมื่อได้ยิน ไคลน์เพ่งสมาธิกับเอกสารคดีตรงหน้าอีกครั้ง มันพยายามมองหาจุดเชื่อมโยงของความไม่ปรกติ ทั้งด้านเวลาเกิดเหตุ ชื่อของเหยื่อ และสาเหตุการตาย
กระทั่งตระหนักถึงบางสิ่ง…
นี่คือภารกิจประเภททีมครั้งแรกของตนในฐานะเหยี่ยวราตรีอย่างเป็นทางการไม่ใช่หรือ?
……………………