ตอนที่ 142 : ร่วมมือ
ในการพบกันครั้งแรก ไคลน์ยังไม่นำเรื่องโอสถนักอ่านใจขึ้นมาพูดในทันที แบบนั้นคงเป็นการรีบร้อนเกินไป
แต่ขณะเดียวกัน มันก็ไม่คิดปิดบังอีกฝ่าย ถึงจุดประสงค์ที่ตนต้องการทราบสูตรผลิตโอสถนักอ่านใจ
แน่นอน การเก็บซ่อนพฤติกรรมต่อหน้าเส้นทาง ‘ผู้ชม’ ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ฮู้ด·ยูเก็นทำตัวแปลกไปจากปรกติไหม”
คำถามแรกของไคลน์ เกี่ยวกับคนไข้โรงพยาบาลจิตเวชในความดูแลของดักซ์เตอร์ แถมยังเป็นหนึ่งในสมาชิกสมาคมแปรจิต
ดักซ์เตอร์สำรวจดวงตา สีหน้า กิริยาท่าทางของไคลน์อย่างละเอียด
“ไม่ครับ พฤติกรรมของเขาค่อนไปทางปรกติ ว่ากันตามตรง หากต้องการออกจากโรงพยาบาลจิตเวช ฮู้ด·ยูเก็นสามารถกระทำได้ทันที สติของเขากลับเป็นปรกติแล้ว แต่ในระยะหลัง เขาเริ่มสนิทสนมกับคนไข้จิตเวชคนอื่น และบางครั้งก็ช่วยรักษาพวกเขาขณะหมอและพยาบาลไม่อยู่ คนไข้บางรายที่เคยกระวนกระวาย ว้าวุ่น ใช้ความรุนแรง แต่ก็ได้ฮู้ด·ยูเก็นช่วยทำให้สงบลง ผมคิดว่า นั่นอาจเป็นหนึ่งในวิธีฝึกฝนพลังพิเศษของเขา”
นักจิตบำบัด?
ลำดับเจ็ดแห่งเส้นทางผู้ชม
ไม่สิ อาจเป็นผู้วิเศษลำดับสูงกว่านั้น
ในเมื่อยูเก็นไม่ได้เข้าโรงพยาบาลในฐานะแพทย์หรือพยาบาล แต่เป็นฐานะคนไข้
หมายความว่า ยูเก็น ไม่ได้รู้จัก ‘เทคนิคสวมบทบาท’ ตั้งแต่แรก
คงเป็นตามที่นายแพทย์ดักซ์เตอร์คาดเดา ชายคนนั้นบังเอิญพบเทคนิคสวมบทบาทหลังจากอยู่ในสถานะคนไข้แล้ว
การช่วยเหลือคนไข้อื่นอาจให้มันรู้สึกดีขึ้น ได้ยินเสียงและเห็นภาพหลอนน้อยลง จึงเริ่มกระทำอย่างต่อเนื่อง และเริ่มมองว่าโรงพยาบาลจิตเวชคือแดนสวรรค์
ไคลน์ไม่ปกปิดพฤติกรรมตัวเองขณะก้มหน้าวิเคราะห์การกระทำของฮู้ด·ยูเก็น
มันจงใจเผยให้อีกฝ่ายเห็นว่า ตนได้ข้อมูลสำคัญจากเบาะแสเมื่อครู่ เพื่อให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูดีในสายตาอีกฝ่าย เป็นการข่มขวัญทางจิตใจ ดักซ์เตอร์จะได้ไม่กล้าแข็งข้อ
และด้วยเบาะแสดังกล่าว ไคลน์ยังทราบอีกว่า สมาคมแปรจิตคงยังไม่ตระหนักถึงเทคนิคสวมบทบาท
ในยุคสมัยปัจจุบัน ผู้วิเศษลำดับเจ็ดถือเป็นสมาชิกระดับสูงขององค์กร ตัวอย่างชัดเจนคือเหยี่ยวราตรี ดันน์·สมิท
องค์กรเบื้องบนไม่มีทางปกปิดเทคนิคสวมบทบาทกับผู้วิเศษระดับเจ็ดแน่ คนเหล่านี้คือฟันเฟืองสำคัญ หากเกิดคลุ้มคลั่งกลางคันคงไม่เป็นผลดีต่อภาพรวม
เหตุผลสนับสนุนคือ สมาคมแปรจิตเพิ่งถูกก่อตั้งภายในระยะเวลาไม่กี่ร้อยปี อาจจะสามร้อยปีหรือนานกว่านั้นเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะไม่ตระหนักถึงเทคนิคสวมบทบาท
จากข้อมูลของไคลน์ เทคนิคสวมบทบาทน่าจะมาจาก ‘ลัทธิเร้นลับ’ เพราะจักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ว่า บุคคลที่สอนเทคนิคสวมบทบาทกับตนคือมิสเตอร์ซาราธ หนึ่งในตระกูลเก่าแก่ ซาราธ และยังเคยเป็นหัวหน้าของลัทธิเร้นลับ
องค์กรของพวกมันเก่าแก่และมีอายุราวหนึ่งพันห้าร้อยปี ประวัติศาสตร์ยาวนานจนต้องย้อนกลับไปถึงยุคสมัยที่สี่
เดี๋ยวสิ…ถ้าอย่างนั้นก็น่าแปลก
โบสถ์รัตติกาลมีอายุยาวนานเกือบสามพันปี ข้อมูลบันทึกไว้ในพระคัมภีร์รัตติกาลบ่งบอกชัดเจนถึงเรื่องราวสมัยสามพันปีก่อน และยังไม่รวมเรื่องตำนานเล่าขานปลีกย่อยที่ไม่ถูกบันทึกไว้
แล้วองค์กรลับเก่าแก่เช่นนี้จะไม่ตระหนักถึงเทคนิคสวมบทบาทได้อย่างไร
เป็นไปได้จริงหรือ
ยิ่งองค์กรถูกสืบทอดมายาวนาน สมาชิกจำนวนมากย่อมเคยลองผิดลองถูกเกี่ยวกับพลังพิเศษของตัวเอง บุคคลพรสวรรค์โดดเด่นอย่างมาดามดาลี่ย์คงได้ไม่มีแค่คนเดียวแน่ โดยเฉพาะเหล่าหัวกะทิของโบสถ์อย่างสภาอาวุโสชุดปัจจุบัน
จะไม่มีใครสักคนฉุกคิดเลยหรือ ว่าการสวมบทบาทให้ตรงชื่อโอสถ ช่วยลดการได้ยินเสียงกระซิบ ลดการเห็นภาพหลอน
ไม่มีทาง…นอกเสียจากคณะบริหารจะเป็นพวกลิงบาบูนขนหยิก ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางมองข้ามเทคนิคสวมบทบาทไปได้
หากเหยี่ยวราตรีระดับสูงไม่ทราบเทคนิคสวมบทบาทจริง พวกมันก็ต้องมองผู้สื่อวิญญาณดาลี่ย์เป็นอัจฉริยะในรอบสามพันปี!
ไม่มีทางจะปล่อยผ่านเธอโดยไม่สอบสวนหาความจริง สภาอาวุโสต้องเค้นคำตอบจากเธอจนทราบแก่นของเทคนิคสวมบทบาท และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง
มาดามดาลี่ย์ต้องถูกปฏิบัติเยี่ยงคนพิเศษ เธอต้องถูกเชิญไปประจำการในวิหารศักดิ์สิทธิ์และถ่ายทอดเทคนิคสวมบทบาทให้สภาสูง
แต่พวกมันก็ไม่ได้ทำ…
มาดามดาลี่ย์เป็นเพียงเหยี่ยวราตรีประจำท่าเรือเอ็นมาร์ทแสนธรรมดา
ฉะนั้น ไคลน์เริ่มมั่นใจแล้วว่า มาดามดาลี่ย์ไม่ใช่อัจฉริยะคนแรกของโบสถ์รัตติกาล บางทีอาจไม่ติดท็อปสิบ หรือท็อปห้าสิบด้วยซ้ำ
อีกนัยหนึ่งก็คือ โบสถ์รัตติกาลเคยมีบุคคลอัจฉริยะที่ตระหนักถึงเทคนิคสวมบทบาทมาแล้วหลายร้อยคน!
แล้วทำไมถึงยังไม่เผยแพร่เทคนิคสวมบทบาทให้แพร่หลาย…ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด นอกเสียจากเหยี่ยวราตรีระดับสูงจะเป็นพวกเคร่งจารีตเข้าเส้น รุ่นพี่ปฏิบัติตัวอย่างไร รุ่นน้องก็ต้องทำตามโดยห้ามบิดเบือนคำสอน ไม่อย่างนั้นอาจเกิดการคลุ้มคลั่งได้ง่าย…
จะใช่จริงหรือ
แต่นอกจากสมมติฐานดังกล่าว ไคลน์ก็ไม่พบเหตุผลอื่นที่สามารถอธิบายได้ ว่าทำไมวิหารศักดิ์สิทธิ์จึงต้องปิดบังเทคนิคสวมบทบาทจากเหยี่ยวราตรีระดับล่าง
สงสัยต้องกลับไปค้นเอกสารลับ และหาบันทึกเกี่ยวกับผู้วิเศษอัจฉริยะในอดีต ใครย่อยโอสถได้เร็วสุด ใช้เวลาเท่าไร และมีจำนวนทั้งหมดกี่คน
ชายหนุ่มก้มศีรษะไตร่ตรองความผิดปรกติของโบสถ์รัตติกาลด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ดักซ์เตอร์จ้องมองอย่างเป็นกังวล มันตัดสินใจเอ่ยปากถามขัด
“คุณตำรวจ พฤติกรรมของฮู้ด·ยูเก็นมีจุดผิดปรกติอย่างนั้นหรือครับ”
“เปล่า ผมกำลังคิดเรื่องอื่น”
ไคลน์ยิ้มตอบ มันรีบเปลี่ยนบทสนทนา
“มีความคืบหน้ามาจากเบื้องบนของสมาคมแปรจิตบ้างไหม”
“ไม่ครับ มีเพียงการชุมนุมเล็กๆ ภายในแคว้นอาโฮว่าเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของจิปาถะ”
ดักซ์เตอร์ตอบซื่อตรง
ไคลน์พยักหน้า
“แล้วสถานการณ์เกี่ยวกับตัวคุณล่ะ”
ดักซ์เตอร์เล่าโดยพยายามเก็บงำอารมณ์
“ไม่ค่อยสู้ดี ผมยังได้ยินเสียงและภาพหลอนอยู่เป็นระยะ หากไม่เพราะทำงานด้านจิตแพทย์โดยตรง คงกำลังเข้าใจว่าตัวเองเสียสติไปแล้ว”
มันเว้นวรรคพักหนึ่ง
สีหน้าดำมืดยิ่งกว่าเก่า
“ผมพยายามทำตามคำแนะนำของคุณและฮู้ด·ยูเก็น คือไม่ไปสนใจเสียงและภาพหลอน แน่นอน มันช่วยบรรเทาจิตใจได้บางส่วน แต่ก็ยังส่งผลกระทบต่อการนอนอยู่ดี ในระยะหลัง ผมเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง คล้ายกับมีอีกอุปนิสัยหนึ่งเกิดขึ้นภายในสมอง โมโหง่ายขึ้น หงุดหงิดบ่อยครั้ง ผมกังวลกับเรื่องนี้มาก เกรงว่าจะคลุ้มคลั่งเข้าสักวัน”
เป็นดังคาด ไคลน์ไม่ต้องทำนายก็เดาออก
ชายหนุ่มแสยะยิ้มพลางอธิบาย
“ไม่ต้องกังวลไป ปัจจุบัน คุณอยู่ในการคุ้มครองของเหยี่ยวราตรี หนึ่งในสวัสดิการสำคัญคือ พวกเราจะไม่ปล่อยให้คุณคลุ้มคลั่งโดยเด็ดขาด ในฐานะศาสนาเก่าแก่ของโลก โบสถ์รัตติกาลเชี่ยวชาญเทคนิคยับยั้งภาวะคลุ้มคลั่งมาก ผลลัพธ์อาจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่รับประกันว่าสามารถบรรเทาอาการของคุณได้แน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น ผมยินดีแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง คุณอาจไม่เชื่อ แต่ตัวผมสามารถหลุดพ้นจากเสียงและภาพหลอนโดยสมบูรณ์ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น จากข้อมูลของฮู้ด·ยูเก็นและสมาชิกสมาคมแปรจิตคนอื่น คุณคงทราบดีอยู่แล้วว่าผลลัพธ์เช่นนี้น่ามหัศจรรย์เพียงใด”
เพื่อสูตรโอสถลำดับแปด นักอ่านใจ ไคลน์ไม่ลังเลจะอวดโอ่สรรพคุณเกินจริงไปบ้าง
“คุณตำตรวจ คำพูดเมื่อครู่มีเรื่องเท็จปะปนอยู่เล็กน้อย แต่เกือบทั้งหมดล้วนเป็นความจริง”
ดักซ์เตอร์ไต่ถามด้วยสีหน้าสุขุม
“คุณต้องการสิ่งใดจากผมหรือ”
ว่าแล้ว…การโกหกผู้ชมไม่ง่ายเลยสักนิด
ไคลน์ยังยิ้ม
“ไม่ใช่สิ่งที่ผมนำไปใช้เอง”
บุคคลที่ต้องการคือมิสจัสติสต่างหาก!
แต่การตอบแบบเมื่อครู่จะทำให้ดักซ์เตอร์คิดไปเองว่า นั่นคงเป็นความต้องการของเหยี่ยวราตรี และไคลน์ไม่ได้ทำไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
“ห…หากวิธีของคุณได้ผลจริง และความต้องการไม่เหลือบ่ากว่าแรง…”
ดักซ์เตอร์ตอบตะกุกตะกัก
“ไม่ต้องห่วง ทางผมจะยอมเปิดเผยข้อมูลให้ก่อน ค่อยจ่ายคืนวันหลัง”
ไคลน์ยิ้ม ก่อนจะบอกจุดประสงค์
“พวกเราต้องการสูตรโอสถนักอ่านใจ”
ชายหนุ่มไม่คิดซ่อนข้อมูลโอสถนักอ่านใจไว้ตามลำพัง มันจะรายงานเรื่องนี้ให้ดันน์ทราบ โดยแจ้งว่าแลกมากับการเปิดเผยเทคนิคช่วยลดอัตราการคลุ้มคลั่งให้ดักซ์เตอร์
ระหว่างการนำสูตรโอสถไปมอบให้หัวหน้า ตนก็จะ ‘เผลอ’ จดจำเนื้อหาโดยไม่ได้ตั้งใจ
นอกจากนั้น การมอบสูตรโอสถให้กับเหยี่ยวราตรีจะถือเป็นคุณงามความดีเพิ่มเติม เมื่อสมทบกับเรื่องเก่า ตนสามารถทำเรื่องขอเลื่อนระดับกลายเป็นตัวตลกได้ทันที โดยไม่ต้องวุ่นวายออกไปทำภารกิจเพิ่มเติมให้เหนื่อย
ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
เป็นการแลกเปลี่ยนเกินคุ้ม
ดักซ์เตอร์จ้องมองเข้าไปในดวงตาไคลน์เป็นเวลานาน ก่อนจะมอบคำตอบ
“คุณตรงไปตรงมามาก…เข้าใจแล้วครับ ผมจะหาสูตรโอสถนักอ่านใจให้ได้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน และถ้าหากอันตรายเกินไป คงต้องขอยกเลิกภารกิจและใช้อย่างอื่นแลกเปลี่ยนแทน”
“ไม่มีปัญหา”
ไคลน์ไม่บังคับขู่เข็ญอีกฝ่าย มันพยายามเรียบเรียงคำพูดก่อนเริ่มต้นอธิบายเทคนิคสวมบทบาท
“กุญแจสำคัญสำหรับหลีกเลี่ยงภาวะคลุ้มคลั่งคือชื่อของโอสถ โบสถ์พวกเราศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดจนกระทั่งค้นพบความจริง เพียงคิดตามคงเข้าใจได้ยาก ต้องปฏิบัติด้วยตัวเองจึงจะเห็นภาพ ตัวอย่างเช่น โอสถผู้ชมของคุณ หลักการสำคัญคือต้องทำตัวเป็นผู้ชมเพียงอย่างเดียว ห้ามกลายเป็นนักแสดงโดยเด็ดขาด แยกตัวเองออกจากสภาพแวดล้อม ไม่ยื่นมือเข้าไปสอดแทรก รับชมทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถันบรรจง แต่หลักการปลีกย่อยอื่น คุณต้องค้นหาด้วยตัวเองเท่านั้น เมื่อมีประสบการณ์มากเพียงพอ คุณต้องกำหนด ‘กฎ’ ของผู้ชมขึ้นมาเองและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”
ดักซ์เตอร์นั่งฟังอย่างตั้งใจ สีหน้าของมันเริ่มแสดงความชื่นชม
“น่าสนใจมาก ผมไม่เคยนึกถึงแนวคิดแบบนี้มาก่อน ในฐานะแพทย์ ผมขอเรียกมันว่า ‘ทฤษฎี’ คล้ายกับทฤษฎีของนักแสดงโอเปร่า ผมจะลองดู และหวังว่าจะผ่านไปด้วยดี ถ…ถ้ามันสำเร็จ ผมขอสัญญาว่าจะหาสูตรผลิตโอสถนักอ่านใจมาตอบแทนให้ได้”
“ขอให้เทพธิดาปกป้องคุณ”
ไคลน์ทำสัญลักษณ์สี่จุดบนหน้าอก
ชายหนุ่มไม่เรียกร้องสูตรโอสถลำดับเจ็ด นักจิตบำบัด มันทราบดีว่าเกินกำลังของดักซ์เตอร์มากเกินไป ในฐานะสมาชิกใหม่ของสมาคมแปรจิต หากดักซ์เตอร์รีบร้อนอย่างผิดธรรมชาติ เกรงว่าเบื้องบนอาจสงสัยและทำให้สาวมาถึงตน
การวางแผนระยะยาวคือสิ่งสำคัญ ไคลน์มองว่าตนควรปล่อยให้ดักซ์เตอร์ค่อยๆ ไต่เต้า เมื่อคุณหมอมีตำแหน่งใหญ่ภายในสมาคมแปรจิต ถึงตอนนั้นจะให้สืบข้อมูลก็คงไม่ยาก
หลังจากเสร็จสิ้นการนัดพบ ชายหนุ่มแอบมองลอดออกไปนอกห้องผ่านช่องว่างประตู เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใคร ไคลน์รีบเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องซ้อมยิงปืนเล็กสำหรับเหยี่ยวราตรี
ประตูห้องถูกปิดมิดชิด ชายหนุ่มอาศัยอยู่ตามลำพังและก้มหน้าครุ่นคิดเคร่งเครียด
เหตุใดโบสถ์รัตติกาลถึงไม่เปิดเผยเทคนิคสวมบทบาทกับเจ้าหน้าที่ระดับล่าง
เดี๋ยวก่อน…ตนกำลังมองข้ามบางสิ่งไป!
ไม่แปลกหากจะลืม เพราะมันได้รับข้อมูลทั้งสองชนิดในลำดับสลับกัน ส่งผลให้มองข้ามเหตุผลพื้นฐานไป
ข้อมูลแรก ตระกูลอันทีโกนัสถูกทำลายโดยโบสถ์รัตติกาล
และข้อมูลที่สอง ตระกูลอันทีโกนัสถือครองเส้นทางนักทำนายไว้ ต่อให้ไม่สมบูรณ์ แต่ก็เกือบครบเส้นทางแน่นอน
ไคลน์ได้รับข้อมูลสองชนิดนี้ในเวลาห่างกันมาก มันจึงไม่สามารถปะติดปะต่อเข้าด้วยกันได้ทันที จนมองข้ามสิ่งสำคัญไป
ในเมื่อตระกูลอันทีโกนัส ผู้ถือครองเส้นทางสมบูรณ์ของนักทำนาย ถูกฆ่าล้างบางโดยโบสถ์รัตติกาล แล้วเหตุใดโบสถ์รัตติกาลถึงครอบครองโอสถเส้นทางนักทำนายแค่เพียงลำดับเก้าเท่านั้น
หลังจบสงครามครั้งใหญ่ พวกมันไม่มีทางค้นพบเพียงเบาะแสของโอสถลำดับเก้าแน่นอน!
แม้แต่สมาชิกปลายแถวของชุมนุมแสงเหนือ ยังขโมยสูตรผลิตตัวตลกได้จากสมุดบันทึกตระกูลอันทีโนกัสแค่เล่มเดียว แล้วฝ่ายกองทัพรัตติกาลที่ถล่มตระกูลจนราบคาบจะไม่พบอะไรเลยหรือ
เป็นไปไม่ได้
ต่อให้เก็บซ่อนข้อมูลของตระกูลไว้มิดชิดมากแค่ไหน ต่อให้แอบทิ้งสมบัติอันล้ำค่าเอาไว้บนเทือกเขาโฮนาซิส แต่เหยี่ยวราตรีไม่มีทางค้นพบเพียงสูตรผลิตโอสถลำดับเก้าแน่นอน
พวกมันมีผู้สื่อวิญญาณ!
ผู้วิเศษที่สามารถกระชากวิญญาณออกจากศพและซักถามความจริงโดยไม่ถูกปิดบัง!
……………………