ตอนที่ 158 : กันไว้ดีกว่าแก้
เหตุใดมิสจัสติสถึงสดใสร่าเริงตลอดเวลากันนะ ถ้าตนเอาอย่างได้บ้างก็คงจะดี…
เมื่อเห็นอีกฝ่ายทักทายด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่า ไคลน์รำพันด้วยอารมณ์หดหู่
ชายหนุ่มย้อนนึกกลับไปเมื่อครั้งหล่อนยอมจ่ายเงินหนึ่งพันปอนด์อย่างง่ายดายราวกับไม่สลักสำคัญ นั่นยิ่งทำให้ยาจกไคลน์เกิดความท้อแท้มากกว่าเดิม
เดอะซัน เดอร์ริค·เบเกอร์ มันคือเด็กหนุ่มผู้ไม่ต้องการให้ชื่อเสียงตัวเองเสื่อมเสีย รีบขานตอบคำทักทายของเด็กสาวทันที
“ผมได้สูตรโอสถนักอ่านใจมากแล้ว”
ตลอดหนึ่งสัปดาห์หลัง มันง่วนอยู่กับการสืบทอดมรดกจากพ่อแม่ นอกเหนือจากอุปกรณ์สำคัญภายในบ้านอย่างเฟอร์นิเจอร์และของจิปาถะ เดอร์ริคนำสมบัติราคาแพงไปขายในตลาดมืดทั้งหมด แลกมากับสูตรโอสถนักอ่านใจและวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถนักขับขาน ส่งผลให้เหลือเงินเก็บเพียงร่อยหรอ และอาหารแต่ละมื้อต้องทานอย่างประหยัด
อย่างไรก็ตาม เดอร์ริคไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาใหญ่โต หากตนผ่านบททดสอบทางทหารของเมืองได้ มันจะถูกบรรจุเป็นหนึ่งในสมาชิกหน่วยเก็บกวาด ต่อสู้กับสัตว์ร้ายในความมืด และได้รับค่าจ้างมากพอสำหรับประทังชีวิตอย่างราบรื่น
และเมื่อตนแข็งแกร่งขึ้น จะสมัครเข้าทีมสำรวจเพื่อค้นหาความจริงในเงามืด เป้าหมายสูงสุดคือการลบล้างคำสาปแสนโหดร้ายไปจากดินแดนแห่งนี้… เดอร์ริควางแผนชีวิตด้วยสีหน้ามุ่งมั่น สายตาชำเลืองทางเดอะฟูลผู้มีหมอกหนาทึบรายล้อม
เด็กหนุ่มตระหนักว่าเมื่อคราวก่อน จัสติสได้ทำการแลกเปลี่ยนกับมิสเตอร์ฟูลด้วยกระดาษสีน้ำตาลสองแผ่น โดยกระดาษดังกล่าวโผล่จากความว่างเปล่าอย่างไร้เหตุผล
แม้เดอร์ริคจะยังไม่เข้าใจวิธีการสักเท่าไร แต่มันไม่ตื่นตระหนกมากนัก อีกประเดี๋ยวเดอะฟูลคงอธิบายเอง
“ขั้นแรก เจ้าต้องทบทวนสูตรโอสถในหัวจนเกิดเป็นภาพชัดเจน จากนั้นให้หยิบปากกาตรงหน้าขึ้นมาถือ และเพ่งสมาธิแน่วแน่ รวบรวมความปรารถนาเพื่อจะเขียนข้อความลงบนกระดาษ”
ในเมื่อเดอะซันมาจากเมืองเงินพิสุทธิ์ ปากกาในชีวิตประจำวันคงไม่ใช่ประเภทหมึกซึม ไคลน์จึงสร้างปากกาขนนกแทน
แน่นอน ไม่มีหมึกเตรียมไว้ให้
เดอร์ริคมิบังอาจเคลือบแคลงในถ้อยคำของเดอะฟูล มันรีบปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ปากกาขนนกถูกเลื่อนมาจ่อกับกระดาษด้วยแรงปรารถนาจะเขียนข้อความลงไป
เพียงไม่กี่วินาที สูตรโอสถนักอ่านใจได้ปรากฏบนแผ่นกระดาษหนังสีน้ำตาล
หลังจากอ่านทวนสองหน เดอร์ริคพยักหน้าพร้อมกับเลื่อนแผ่นกระดาษไปทางจัสติส
ออเดรย์เปี่ยมด้วยอารมณ์ตื่นเต้นและร้อนรน แต่เด็กสาวยังคงเอื้อมมือหยิบกระดาษด้วยกิริยามารยาทสง่างาม ก่อนจะนั่งลงอ่านข้อความซึ่งถูกแปลจากภาษาคนยักษ์ให้เป็นภาษาโลเอ็นโดยไคลน์
วัตถุดิบหลัก :
หนึ่ง ต่อมใต้สมองสภาพสมบูรณ์ของมังกรดินมายาโตเต็มวัย
สอง ไขกระดูกของกระต่ายครึ่งภูต สิบ มิลลิลิตร
วัตถุดิบรอง :
…
ไม่เคยได้ยินชื่อวัตถุดิบเหล่านี้เลยสักครั้ง…
ออเดรย์นั่งอ่านพลางขมวดคิ้ว แม้จะเคยเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุดิบวิเศษจากฟอร์สและซิลมาบ้างก็ตาม
เมื่อเผชิญสถานการณ์ไม่คาดฝัน เด็กสาวสูญเสียภาวะผู้ชมโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น เสียงเคาะโต๊ะพลันดังลอดแทรกแซงโสตประสาทออเดรย์ เธอรีบหันไปมอง และได้พบเดอะฟูลกำลังใช้นิ้วเคาะโต๊ะทองแดงเป็นจังหวะ
เกิดอะไรขึ้น? ออเดรย์เริ่มสับสนและทำตัวไม่ถูก ขณะกำลังจะซักถามให้กระจ่าง สายตาบังเอิญเหลือบเห็นการเปลี่ยนแปลงบนแผ่นกระดาษสีน้ำตาลในมือ
ข้อความท้ายชื่อวัตถุดิบถูกแก้ไขเล็กน้อย
วัตถุดิบหลัก :
หนึ่ง ต่อมใต้สมองสภาพสมบูรณ์ ของมังกรดินมายาโตเต็มวัย
(ชื่อปัจจุบันคือซาลามันเดอร์สีรุ้ง)
สอง ไขกระดูกของกระต่ายครึ่งภูต สิบ มิลลิลิตร
(ชื่อปัจจุบันคือกระต่ายฟาสแมน)
วัตถุดิบรอง :
…
…ตนรู้จักทั้งหมด!
ออเดรย์ผงะชั่วครู่ ก่อนจะแสดงสีหน้าผ่อนคล้ายจากก้นบึ้งหัวใจ เมื่อตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่วัตถุดิบหายากเกินเอื้อม
“ขอบพระคุณมากค่ะ มิสเตอร์ฟูล ความรู้ของท่านช่างกว้างขวางดุจดังจักรวาล”
ออเดรย์หันมองทางเก้าอี้ประธานพร้อมกับคำนับในท่านั่งอย่างนอบน้อม
แฮงแมนอัลเจอร์ย่อมไม่ทราบเหตุผล แต่มันรู้สึกถึงการดูหมิ่นในถ้อยคำของจัสติส
เหตุไฉนเธอถึงกล้าชมตัวตนระดับเทียบเคียงเทพว่า ‘มีความรู้กว้างขวาง’
ลำพังตัวตนของเดอะฟูลก็ไม่ต่างอะไรจากห้วงความรู้อนันต์เดินได้!
ไคลน์เพียงพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่ทำเป็นเรื่องใหญ่โตโอ่อ่า ว่ากันตามตรง ความรู้เกี่ยวกับชื่อโบราณของไคลน์ ไม่ได้มาจากสูตรโอสถนักอ่านใจของดักซ์เตอร์ด้วยซ้ำ
นับตั้งแต่ตัดสินใจดึงเดอะซันเข้าร่วมชุมนุมไพ่ทาโรต์ ชายหนุ่มได้เตรียมความพร้อมอย่างหนักเกี่ยวชื่อโบราณและภาษาคนยักษ์ มันมั่นใจว่าต้องได้เผชิญเหตุการณ์ทำนองนี้ในสักวัน ฉะนั้น ต่อให้ดักซ์เตอร์มอบสูตรไม่ทันเวลา แต่ไคลน์ก็สามารถแก้ไขรายละเอียดให้จัสติสได้เหมือนเดิม
สุภาษิตจีนถึงมีวลีว่า ‘กันไว้ดีกว่าแก้’
ขณะเดียวกัน ออเดรย์นั่งจำสูตรนักอ่านใจตรงหน้าอย่างมุ่งมั่น หลังจากทวนซ้ำสองสามหน เด็กสาวลงมือเขียนไดอารีจักรพรรดิโรซายล์หนึ่งแผ่นจากความทรงจำ
“ของท่านค่ะ” หล่อนพูดพลางวางปากกา
สายตาชำเลืองมองทางเดอะฟูลผู้ถูกรายล้อมด้วยหมอกหนาทึบ
“นอกเหนือจากนี้ ดิฉันจะมอบเงินให้ผู้รับใช้ของท่านอีก สามร้อยปอนด์…ไม่ทราบว่า สามร้อยปอนด์เพียงพอหรือไม่คะ?”
น้ำเสียงของออเดรย์แฝงความรู้สึกผิด เนื่องจากไดอารีจักรพรรดิโรซายล์สามแผ่นมีมูลค่าเพียง ยี่สิบปอนด์ แต่สูตรโอสถลำดับแปดจะมีมูลค่าราว สี่ร้อยห้าสิบปอนด์ อ้างอิงจากเส้นทางผู้ตัดสิน ซึ่งซิล·เดียร์ชากำลังสนใจ
หากหักลบคณิตศาสตร์เบื้องต้นก็สามารถเห็นภาพชัดเจนว่า เมื่อเทียบสูตรโอสถลำดับแปดกับไดอารีโรซายล์สามแผ่น ออเดรย์จะยังกำไรอยู่ สี่ร้อยสามสิบปอนด์
แต่นั่นเป็นเพราะเธอโชคดีได้พบบุคคลไม่ตระหนักถึงคุณค่า เพราะว่ากันตามตรง ไดอารีจักรพรรดิโรซายจะมีราคาเฉลี่ยแผ่นละ ห้าสิบปอนด์เลยทีเดียว
สามร้อยปอนด์จึงนับว่าสมเหตุสมผลแล้ว เด็กสาวปลอบตัวเองเพื่อไม่ให้รู้สึกผิด
ในเวลาเดียวกัน
…สามร้อยปอนด์? ตนยังไม่เคยจับเงินมากขนาดนั้นมาก่อนเลยสักครั้ง!
ไคลน์เห็นเงิน สามร้อยปอนด์กับตาเพียงหนเดียวคือ เมื่อครั้งเซอร์เดอไวล์ตอบแทนให้พ่อและแม่ของเฮลี่ย์ในคดีพิษสารตะกั่ว
แต่ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นไม่แยแสเงินจำนวน สามร้อยปอนด์ ราวกับเป็นแค่เศษเงิน
ศีรษะผงกแผ่วเบาพลางเปล่งเสียง
“สมเหตุสมผล…ตกลงตามนั้น ส่วนนี่คือข้อมูลของผู้รับใช้เรา”
ชายหนุ่มไม่ต้องการพูดวลี ‘ธนาคารเบ็คลันด์’ หรือ ‘บัญชีลับ’ ออกจากปาก นั่นจะทำให้ภาพลักษณ์ของเดอะฟูลผู้น่าเกรงขามต้องมัวหมอง ไคลน์เสกแผ่นกระดาษหนังวางตรงหน้ามิสจัสติสโดยไม่เปล่งเสียง
ย้อนกลับไปเมื่อพุธก่อน มันฉวยโอกาสปลอมตัวเปิดบัญชีลับกับธนาคารเบ็คลันด์สาขาทิงเก็นขณะตระเวนหาบ้านปล่องไฟสีแดง เพื่อเตรียมการรับโอนเงินจากจัสติสโดยเฉพาะ
บัญชีลับนั้นใช้งานไม่ยุ่งยาก เพียงจำรหัสบัญชีและรหัสผ่านให้แม่นยำก็พอ หากข้อมูลสอดคล้อง ไม่ว่าใครก็สามารถถอนเงินจากบัญชีดังกล่าวได้
ว่ากันตามตรง ธนาคารยินดีช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยด้วยการประทับลายนิ้วมือ แต่ไคลน์ไม่ต้องการ แบบนั้นจะเป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเองมากเกินไป
ระบบความปลอดภัยเดียวจึงเป็นรหัสผ่าน
แต่ก็ไม่ใช่รหัสธรรมดา ชายหนุ่มเขียนมันด้วยภาษาเฮอมิสโบราณว่า : เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ
เฮอมิสโบราณเป็นภาษาอันตรายซึ่งไม่ได้เข้ารหัส หมายความว่าการเปล่งปากเปล่าก็มากพอสำหรับประกอบพิธีกรรม
ฉะนั้น หากมีใครแอบคัดลอกและอ่านรหัสผ่านบัญชีลับ ไคลน์จะทราบทันทีว่า บัญชีธนาคารของตนถูกบุคคลภายนอกรุกล้ำ แถมยังสามารถขึ้นไปบนมิติสายหมอกและตรวจสอบได้ว่าหัวขโมยคือใคร!
ไคลน์ชื่นชมสติปัญญาสุดล้ำลึกของตน
ข้อเสียเดียวของวิธีการดังกล่าวคือ ตัวตนเดอะฟูลจะถูกเปิดเผยสู่โลกภายนอกเป็นหนแรก แต่เมื่อหักลบความเสี่ยง ชายหนุ่มมองว่าเป็นการลงทุนคุ้มค่า
เมื่อเขียนไอดารีเสร็จ ออเดรย์วางแผ่นกระดาษสีน้ำตาลบนโต๊ะ เยื้องไปทางเดอะฟูลเล็กน้อย จากนั้นก็เพ่งสมาธิกับข้อมูลบัญชีธนาคารของผู้รับใช้เดอะฟูลตรงหน้า
ธนาคารเบ็คลันด์…บัญชีลับ
เด็กสาวได้แต่นึกสงสัย ผู้รับใช้ของเดอะฟูลจะเป็นหญิงหรือชาย มีพลังแบบใด และเป็นผู้วิเศษลำดับเท่าไร
หืม…ต้องแข็งแกร่งมากแน่ อย่างน้อยก็ระดับพลเรือโทแห่งวายุ คีลิงเกอร์…เธอปล่อยให้ความคิดตัวเองลอยเตลิดครู่หนึ่ง
จากนั้นก็รวบรวมสมาธิเพื่อจดจำรหัสบัญชีธนาคารลับอย่างตั้งใจ เพราะเมื่อเป็นบัญชีลับ จุดอ้างอิงเดียวคือเลขบัญชี จึงห้ามจำผิดโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเงินจะไปเข้าบัญชีลับของบุคคลอื่นแทน
เมื่อเห็นเด็กสาวเริ่มออกอาการประหม่า เดอะฟูลส่งรอยยิ้มอ่อนโยน
“เจ้าไม่ต้องกังวลเกินไป”
ออเดรย์รีบเงยหน้ามองทางเก้าอี้ประธาน
“เมื่อกลับถึงบ้าน เจ้าสามารถเอ่ยนามเราเพื่อทบทวนความทรงจำบนมิติแห่งนี้ได้”
ไคลน์เคยใช้วิธีดังกล่าววาดภาพเหมือนของปล่องไฟสีแดงมาแล้ว จึงมั่นใจว่าได้ผลแน่นอน
ชายหนุ่มกังวลความป้ำเป๋อของเด็กสาวผมทองมาก กลัวว่าอีกฝ่ายจะโอนเงินผิดบัญชี จึงเสนอวิธีช่วยเรียกความทรงจำกลับมา
ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ…? ออเดรย์ฉงน
แต่เนื่องจากน้ำเสียงของเดอะฟูลเปี่ยมด้วยความมั่นใจและไม่ปรากฏอาการสั่นคลอน เด็กสาวจึงไม่กล้าเคลือบแคลง อีกฝ่ายคือบุคคลทัดเทียมเทพ ไม่มีสิ่งใดทำให้เธอประหลาดใจได้อีกแล้ว
เดี๋ยวนะ…แล้วตนจะเปลืองสมองจำสูตรโอสถไปทำไม!
ออเดรย์หมดคำพูดไปชั่วขณะ
ทันใดนั้น ไคลน์เคาะโต๊ะอีกครั้งด้วยจังหวะผ่อนคลาย มันไม่รีบอ่านแผ่นไดอารีจากจัสติส แต่เลือกหันไปถามเดอะซัน
“แล้วเจ้าต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน”
เดอร์ริคก้มหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“ปัจจุบัน ตัวผมยังไม่ต้องการสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ทราบว่า จะขอเก็บไว้แลกเปลี่ยนในอนาคตได้หรือไม่ อาจเป็นสูตรโอสถลำดับแปด หรือไม่ก็วัตถุดิบวิเศษ ผมจะรีบย่อยโอสถนักขับขานโดยเร็ว”
ลำดับแปด ผู้วิงวอนแห่งแสง…ไคลน์ผงกศีรษะแผ่วเบาเมื่อตระหนักว่าตนมีสูตรโอสถลำดับถัดไปของเดอะซัน
แต่ต้องการเป็นวัตถุดิบคงยากหน่อย…เพราะต่อให้มี ตนก็คงไม่มีวิธีส่งไปยังดินแดนเทพทอดทิ้งอยู่ดี
แล้วเมื่อครู่ เดอะซันพูดว่า ‘ย่อย’ สินะ
หมายความว่าเมืองเงินพิสุทธิ์ตระหนักถึงการมีอยู่ของเทคนิคสวมบทบาท
แล้วทำไม ลำดับสูงสุดของผู้วิเศษในเมืองดังกล่าวจึงมีถึงแค่สี่? เพราะไม่มีวัตถุดิบสำหรับพัฒนาไปเป็นลำดับสามหรือ?
ไคลน์ก้มหน้าขบคิด ขณะเดียวกันก็ไม่ปฏิเสธทางเลือกของเดอะซัน คือการเก็บสิ่งแลกเปลี่ยนไว้ใช้ในอนาคต
ออเดรย์เองก็สัมผัสถึงวลี ‘ย่อย’ ได้เช่นกัน เธอรีบหันไปถามเด็กหนุ่มอย่างสงสัย
“มิสเตอร์ซัน คุณตระหนักถึงเทคนิคสวมบทบาทด้วยหรือ?”
เดอร์ริคขมวดคิ้วพลางจ้องมองเด็กสาวอย่างสับสน
“ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย…หลักสูตรพื้นฐานของเมืองเงินพิสุทธิ์ ได้สอนเทคนิคสวมบทบาทกับทุกคนตั้งแต่ยังเล็ก”
…เทคนิคสวมบทบาทถูกสอนในหลักสูตรพื้นฐานของโรงเรียน?
ออเดรย์รีบหันมองทางแฮงแมนตามสัญชาตญาณ อีกฝ่ายก็กำลังมองเธอเช่นกัน ทั้งสองไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน
ตัวตนของเดอะซันลึกลับซับซ้อนมาก…
มิสเตอร์ฟูลดึงเด็กคนนี้เข้ามาในชุมนุมไพ่ทาโรต์ได้อย่างไร เขาสามารถดึงใครได้จากทั่วทุกมุมโลกเลยหรือ…?
ยิ่งล่วงรู้ความลับ ออเดรย์ก็ยิ่งทึ่งในความยิ่งใหญ่ของเดอะฟูลแห่งสายหมอก เด็กสาวพยายามชำเลืองสายตาตรวจสอบ แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจ
อัลเจอร์ชิงถามหยั่งเชิง
“มิสเตอร์ซัน คุณช่วยเล่ารายละเอียดของบทเรียนเทคนิคสวมบทบาทให้ฟังได้ไหม บอกเฉพาะประเด็นสำคัญก็ได้”
“ไม่มีปัญหา” เดอร์ริคพยักหน้า
“ในหนังสือมีเรียนระบุไว้ชัดเจนว่า หนึ่งในหลักการสำคัญของเทคนิคสวมบทบาทคือ ห้ามลืมเด็ดขาดว่ากำลังสวมบทบาทอยู่”
ว่าแล้วเชียว…เทคนิคสวมบทบาทคือวิธีเจ้าเล่ห์สำหรับหลอกตาวิญญาณซึ่งหลงเหลือภายในโอสถ เป็นการย่อยพลังโดยไม่ยอมจำนนหรือตกเป็นทาสของวิญญาณลึกลับ
โดยทั่วไปสาเหตุหลักของภาวะคลุ้มคลั่งมักเกิดจาก ผู้วิเศษหลงตกเป็นเหยื่อเสียงกระซิบจากวิญญาณจนถูกครอบงำร่างกายโดยสมบูรณ์
มิสเตอร์ซัน…ข้อมูลเมื่อครู่สำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวลี ‘ห้ามลืมเด็ดขาดว่าเป็นเพียงการสวมบทบาท’
แต่เด็กคนนี้กลับเอามาบอกเล่าผู้อื่นโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน…ช่างไร้เดียงสานัก
……………………