Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 159

Lord of the Mysteries 159

ตอนที่ 159 : พิธีสังเวยและรับมอบ

ประโยคภาษาจีนขยุกขยิกปรากฏบนแผ่นกระดาษสีน้ำตาลอมเหลืองตรงหน้าไคลน์

“2 สิงหาคม เรื่องราวซับซ้อนกว่าในจินตนาการของเรามาก ไม่อยากจะเชื่อว่าประวัติศาสตร์จะถูกบิดเบือนหรือดัดแปลงได้ง่ายขนาดนี้ 5 สิงหาคม เราเพิ่งตระหนักฝีมือแท้จริงของผู้วิเศษขั้นสูง น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว! เมื่อผู้วิเศษขั้นกลางพัฒนาไปเป็นขั้นสูง จะเกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพในปริมาณมหาศาล คล้ายกับขั้นตอนเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นเทพ แต่เราไม่คิดว่าบุคคลเหล่านี้เหมาะกับคำว่า ‘ครึ่งเทพ’ สักเท่าไร คล้ายกับ ‘สิ่งมีชีวิตในตำนาน’ เสียมากกว่า”

“6 สิงหาคม เรามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล เหตุใดเจ็ดโบสถ์หลักถึงมีท่าทีเกี่ยวกับโอสถแปลกประหลาดเช่นนี้? ในกลุ่มผู้วิเศษขั้นเริ่มต้นถึงขั้นกลาง ไม่เพียงทางโบสถ์จะใจกว้างมอบวัตถุดิบหลักให้ แต่ยังมอบสูตรโอสถอย่างละเอียด แถมยังสอนปรุงทุกขั้นตอน และหากจำเป็นต้องใช้พิธีกรรม พวกมันก็เต็มใจถ่ายทอดให้กลุ่มผู้วิเศษขั้นกลางถึงล่าง…แต่ในทางกลับกัน สำหรับผู้วิเศษขั้นสูง พวกมันเตรียมไว้เพียงโอสถชนิดเสร็จสมบูรณ์ โดยไม่ยอมเปิดเผยสูตรหรือพิธีกรรมใดในการสร้างให้ทราบ ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด…พวกมันควรปกปิดสูตรและส่วนผสมจากผู้วิเศษขั้นเริ่มต้นและขั้นกลางมากกว่าไม่ใช่หรือ? เพราะโบสถ์น่าจะมีวัตถุดิบระดับต่ำเก็บไว้มาก และขั้นตอนการปรุงก็ไม่ซับซ้อน กลับกัน ควรเปิดเผยสูตรกับผู้วิเศษขั้นสูงมากกว่า เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นออกคำสั่งแก่ลูกน้องคนสนิท กระจายกันออกไปรวบรวมวัตถุดิบ เนื่องจากเป็นวัตถุดิบหายากและต้องใช้กำลังคนจำนวนมาก ต้องมีความลับซ่อนอยู่แน่… 9 สิงหาคม เราไม่สบายใจกับเหตุการณ์ในช่วงสองวันหลังเลย เราอุตส่าห์ตั้งใจปฏิวัติอุตสาหกรรมของโลก แต่สิ่งนี้กลับกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญ ช่วยให้เทพนอกรีตปรากฏตัวบนโลกมนุษย์อย่างนั้นหรือ?”

จักรพรรดิโรซายล์กำลังหมายถึงอะไร…เงื่อนไขสำคัญช่วยให้เทพนอกรีตปรากฏตัวบนโลกมนุษย์…?

ชายหนุ่มนั่งครุ่นคิดพลางใช้นิ้วเคาะขอบโต๊ะโบราณเป็นจังหวะ

มิสเตอร์ฟูลกำลังประสบปัญหาหนักใจ…? หากสิ่งใดสามารถทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ตึงเครียดได้ คงต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่…ออเดรย์แอบสำรวจภาษากายของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

ไคลน์ก้มหน้าไตร่ตรองถึงปมปริศนามากมายของไดอารี ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมเกี่ยวกับโอสถของแต่ละโบสถ์ หรือปัจจัยการลงมาจุติของเทพนอกรีต

แต่หลังจากผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มไม่สามารถวิเคราะห์ต่อไปได้ เนื่องจากมีข้อมูลน้อยเกินไป

จากนั้น มันลองไตร่ตรองหาอัตราความสำเร็จหากตนใช้พลังทำนายหาคำตอบ

และผลคือ…ไม่น่าสำเร็จ ตนไม่ใช่เทพพยากรณ์สักหน่อย การทำนายหาคำตอบจากคำถามซึ่งไร้ความสัมพันธ์ทางกายภาพ ไม่เคยสำเร็จมาก่อนเลยสักครั้ง

จะเกิดอะไรขึ้นหากตัวมันลองทำนายว่า

“เงื่อนไขสำคัญช่วยให้เทพนอกรีตปรากฏตัวบนโลกมนุษย์”

แค่คิดเสี่ยงแล้ว…ต่อให้ได้ผลทำนายออกมาก็จริง แต่เทพชั่วร้ายก็มีพลังระดับทัดเทียมเทพจารีตไม่ใช่หรือ

ห้ามจ้องมองเทพ…ไคลน์ยังคงไม่ลืม

ต่อให้ไม่ทรงพลังเท่าเทพสุริยันเจิดจรัส แต่หากเป็นเทพซึ่งชำนาญด้านพลังแกะรอย ชายหนุ่มคงถึงคราวฉิบหายแน่นอน

และหากจะทำนายว่า ‘การทำนายถึงเทพนอกรีตมีความเสี่ยงตามมาหรือไม่’ ตนคงไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี เนื่องจากข้อมูลน้อยเกินไปเหมือนเดิม

สรุปคือ หากสามารถเลี่ยงทำนายถึงตัวตนระดับเทพได้ ก็ควรเลี่ยงให้ไกล ถ้ายังต้องการมีชีวิตราบรื่นอยู่

มันทำได้เพียง เก็บคำถามนี้ไว้ในใจและพยายามวิเคราะห์ด้วยเหตุและผลในภายหลัง

ส่วนประเด็นความลับเบื้องบนของโบสถ์ ไม่ว่าจะปริศนาโอสถ หรือปริศนาเทคนิคสวมบทบาท ไว้ตนค่อยถามจากผู้สื่อวิญญาณ…ไม่สิ ผู้นำทางวิญญาณ มาดามดาลี่ย์ หลังจากหล่อนได้เป็นอาวุโสใหญ่หรืออาร์คบิชอปแล้ว

ข้อความของโรซายล์ยิ่งทำให้ไคลน์ต้องการกลายเป็นผู้วิเศษขั้นสูงโดยเร็ว

ชายหนุ่มไตร่ตรองหลายเรื่องเป็นเวลานานพลางใช้นิ้วเคาะโต๊ะ ก่อนจะหยุดพฤติกรรมลงและกวาดสายตามองจัสติส แฮงแมน และเดอะซันเบื้องหน้า

“เชิญสนทนา”

อัลเจอร์รีบกล่าว

“มิสเตอร์ฟูล มิสจัสติส ทางผมได้รับข้อมูลใหม่มาว่า พลเรือโทแห่งวายุ คีลิงเกอร์ แทรกซึมเบ็คลันด์เพื่อทำภารกิจใหญ่ ฉะนั้น มันอาจแฝงตัวเป็นเวลานานสำหรับเตรียมการ มีความเป็นไปได้มากกว่า มันอาจก่อคดีสะเทือนขวัญร้ายแรง เนื่องจากของรางวัลภารกิจเป็นวัตถุมูลค่ามหาศาล ชนิดช่วยให้มันสามารถกลายเป็นผู้วิเศษขั้นสูงได้ทันที”

“กลายเป็นผู้วิเศษขั้นสูงได้ทันที? นั่นจะไม่เกิดภาวะคลุ้มคลั่งตามมาหรอกหรือ คีลิงเกอร์มิได้เกรงกลัวเรื่องนั้นเลยใช่ไหม”

ออเดร์ยถามฉงน แต่ยังรักษาภาวะผู้ชมไว้

หากจำไม่ผิด คีลิงเกอร์คือผู้รับใช้แห่งวายุ ผู้วิเศษลำดับหกเส้นทางลูกเรือ ยังเหลือช่องว่างอีกมากหากจะกลายเป็นผู้วิเศษขั้นสูง

คล้ายกับอัลเจอร์รอคอยคำถามนี้อยู่แล้ว มันตอบกลับฉะฉาน

“นั่นยิ่งทำให้พวกเราตระหนักว่า วัตถุปริศนาดังกล่าวมีมูลค่ามหาศาลเพียงใด แต่เมื่อครู่เป็นเพียงการคาดเดาของผมเท่านั้น ข้อมูลดิบจากการสอบสวน : คีลิงเกอร์เชื่อว่า หากมันสำเร็จภารกิจและได้ครอบครองวัตถุดังกล่าว พลังของมันจะเทียบเท่ากับนาสต์ ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร สี่ราชาโจรสลัดจะกลายเป็นห้า และเจ็ดพลเรือโจรสลัดจะเหลือเพียงหก”

“คนทั่วไปอาจไม่ทราบ แต่ในฐานะผู้วิเศษ พวกเราควรตระหนักไว้ว่า ตำแหน่งราชาโจรสลัดต้องเป็นผู้วิเศษขั้นสูงเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องใช้พลังภายนอกเกื้อหนุนให้อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสมบัติวิเศษ เรือวิเศษ หากคีลิงเกอร์ยกยอตัวเองให้อยู่ในระดับเดียวกับนาสต์ อาจไม่ได้หมายถึงลำดับผู้วิเศษ แต่เป็นสมบัติวิเศษช่วยเกื้อหนุนมากกว่า นั่นคือการวิเคราะห์ของผม”

ข้อมูลเดียวของไคลน์เกี่ยวกับนาสต์คือ มันเป็นผู้วิเศษลำดับสี่ แต่ไม่ทราบเส้นทาง…ชายหนุ่มนั่งฟังเงียบงันโดยไม่ออกความเห็น

เดอร์ริค·เบเกอร์ไม่เข้าใจคำพูดของแฮงแมนแม้แต่ประโยคเดียว ไม่รู้จักชื่อตัวละคร แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามตั้งใจฟัง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการเปิดโลกใบใหม่ให้ตัวเอง

โจรสลัด…? กลุ่มคนตรงหน้าอาศัยอยู่บนดินแดนติดทะเลงั้นหรือ? เดอร์ริครู้จักทะเลจากหนังสือเรียนประวัติศาสตร์เท่านั้น สภาพแวดล้อมรอบเมืองเงินพิสุทธิ์ไม่ได้ใกล้เคียงคำอธิบายจากปากคนเหล่านี้เลยสักนิด

พวกเขาไม่เคยพูดถึงคำสาปตระกูล ไม่เคยพูดถึงสิ่งมีชีวิตในเงามืด รายละเอียดของดินแดนแปลกใหม่ทำให้เด็กหนุ่มเดอะซันรู้สึกอยากรู้อยากเห็น

แต่มิสเตอร์ฟูลกำชับไม่ให้ตนถามเรื่องของผู้ร่วมชุมนุมคนอื่น สิ่งนี้ถือเป็นการกระทำหยาบคาย…เดอร์ริคคิดในใจพลางชำเลืองแฮงแมนและจัสติสเป็นระยะ

“ข้อสันนิษฐานของคุณสมเหตุสมผลทีเดียว มีโอกาสสูงว่าจะเป็นสมบัติวิเศษซึ่งช่วยเกื้อหนุนให้คีลิงเกอร์ทรงพลังเทียบเท่านาสต์”

จัสติสพยักหน้าเห็นด้วย

แฮงแมนเหลือบมองบุรุษหมอกเทาหนาทึบครู่หนึ่ง ก่อนหันกลับมาอธิบายให้จัสติสฟังต่อ

“รายงานของผมแฝงกุญแจสำคัญไว้สองข้อ หนึ่งคือเวลา คีลิงเกอร์จะอาศัยอยู่ในเบ็คลันด์ไปอีกสักพัก และสองคือความรุนแรงของเหตุการณ์ มันจะต้องก่อเรื่องใหญ่โตขึ้นแน่”

มิสเตอร์ฟูล ท่านจะไม่สนใจสักหน่อยหรือ? นี่เป็นเรื่องใหญ่ระดับอาณาจักร ได้โปรดส่งผู้รับใช้ของท่านมายังเบ็คลันด์ด้วย…อัลเจอร์รำพันในใจ แต่ไม่กล้ากล่าวออกไปซึ่งหน้า ทางเลือกเดียวของมันคือแอบชักชวนทางอ้อม

มิสเตอร์อัลเจอร์ คุณไม่ต้องพยายามเน้นย้ำฟังผมฟังมากนัก ด้วยความสามารถปัจจุบัน ผมยังเอาชีวิตตัวเองแทบไม่รอด แล้วจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับผู้วิเศษลำดับสี่ได้อย่างไร

แถมมันยังเดินทางออกจากทิงเก็นโดยพลการไม่ได้ ดังนั้นลืมเรื่องความช่วยเหลือได้เลย

ไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างไม่แยแส

หากไม่นับผู้รับใช้ของเดอะฟูล ตัวมันสามารถส่งผู้วิเศษคอยช่วยเหลือได้สองคน

คนแรกคือดาลี่ย์ เธอใกล้เป็นลำดับหกเต็มทีแล้ว แต่ไคลน์ไม่สามารถเล่าทุกสิ่งให้มาดามดาลี่ย์ฟังได้ อย่างมากก็ช่วยเปิดเผยเบาะแสว่า พลเรือโทแห่งวายุ คีลิงเกอร์ลอบแทรกซึมเบ็คลันด์ อาศัยอยู่บนถนนสักเส้น และเตรียมก่อเหตุอึกทึกครึกโครม

ผลลัพธ์ของการกระทำดังกล่าวคือ ดาลี่ย์คงนำเรื่องไปแจ้งกับเหยี่ยวราตรีเขตเบ็คลันด์ และนั่นจะยิ่งทำให้สถานการณ์วุ่นวายซับซ้อนมากขึ้น…แต่หากไม่มีทางเลือกอื่นจริง ไคลน์ก็สามารถใช้เธอเป็นตัวช่วยสุดท้ายได้

คนถัดมาคืออะซิก แต่ชายหนุ่มไม่สามารถเปิดเผยสถานะเดอะฟูลกับอะซิกได้ และไม่รู้ว่าต้องโน้มน้าวอย่างไรให้เหมาะสม อีกฝ่ายจึงจะยอมร่วมมือ

หลังจากไตร่ตรองถี่ถ้วน ไคลน์ตัดสินใจนั่งเงียบงันโดยไม่กล่าวสิ่งใด

เมื่อเห็นว่าเดอะฟูลไม่คิดจัดการคีลิงเกอร์ด้วยตัวเอง อัลเจอร์พยายามระงับสีหน้าผิดหวัง มันหันมาถามผลความคืบหน้าการแกะรอยตลอดหนึ่งสัปดาห์จากมิสจัสติส

“…กล่าวโดยสั้น พวกเราสามารถบีบวงค้นหาของคีลิงเกอร์ให้แคบลงจากเดิมได้ และกำลังเริ่มดำเนินการขั้นตอนถัดไปค่ะ”

ออเดรย์อธิบายอย่างคร่าว ก่อนเปล่งเสียงด้วยท่าทีราวกับกำลังปฏิบัติการภารกิจสำคัญระดับโลก

“ดิฉันต้องการข้อมูลเพิ่มเติมของคีลิงเกอร์ โดยเฉพาะงานอดิเรกและอุปนิสัยส่วนตัว”

“มันชอบปลามาก โดยเฉพาะปลาทะเล และจะฝานเป็นชิ้นเพื่อกินดิบ…มันชอบเหล้าแรง แต่จะดูแคลนแชมเปญ ไวน์แดง หรือเครื่องดื่มในลักษณะคล้ายกัน…มันจะมองหาสตรีเพื่อปลดปล่อยความต้องการทางเพศทุกครั้งเมื่อขึ้นฝั่ง และด้วยร่างกายกำยำบึกบัน สตรีคนเดียวจึงไม่เคยเพียงพอ…มันเคยชินกับอาวุธประเภทเย็น และจะหลีกเลี่ยงอาวุธประเภทร้อน”

“มันไม่สามารถอยู่ห่างจากน้ำได้นาน ผมหมายถึง มันต้องว่ายน้ำหรือดำน้ำทุกสองสามวันเสมอ”

ออเดรย์นั่งจดจำรายละเอียดทั้งหมดพลางวาดภาพคีลิงเกอร์ในอุดมคติ

“หวังว่าทีมสืบสวนของดิฉันจะมีความคืบหน้าแจ้งเข้ามา การได้ทำงานร่วมกับคุณถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

เด็กสาวอมยิ้มเมื่ออัลเจอร์เล่าจบ

“ด้วยความยินดี” อัลเจอร์ยิ้มรับ

มันทำได้เพียงเชื่อมั่นว่า พลังอำนาจของคุณหนูตระกูลขุนนางใหญ่แห่งเบ็คลันด์ จะมากพอสำหรับแกะรอยเป้าหมาย

ตลอดบทสนทนา ไคลน์แสร้งทำเป็นนั่งฟังอย่างตั้งใจ แต่ความจริงแล้ว สมาธิกำลังเบี่ยงเบนไปทางอื่น ชายหนุ่มเอาแต่ครุ่นคิดว่า ตนจะส่งวัตถุดิบวิเศษสำหรับปรุงโอสถ ข้ามทวีปไปให้เดอะซันด้วยวิธีการใดได้บ้าง

ปัจจุบัน ไคลน์มั่นใจในตัวเองพอสมควรหากเป็นด้านศาสตร์เร้นลับ โดยเฉพาะพิธีกรรมเวทมนตร์ ความรู้สึกดังกล่าวเกิดจากความสำเร็จหนแล้วหนเล่าเมื่อทดสอบปรับแต่งพิธีกรรมบนมิติสายหมอก

และหลังจากอ่านเอกสารลับของเหยี่ยวราตรีคราวก่อน ไคลน์ตระหนักว่าเทพธิดาสามารถมอบ ‘สิ่งของ’ ให้แก่ผู้ประกอบพิธีกรรมร้องขอได้

แถมยังมีบันทึกว่า เทพนอกรีตสามารถกระทำแบบเดียวกันกับสาวกของมัน ฉะนั้น การมอบสิ่งของไม่ใช่พลังเฉพาะตัวของเทพเจ็ดโบสถ์หลักแน่นอน

หรือก็คือ…ไคลน์สามารถ ‘มอบ’ สิ่งของให้กับผู้ประกอบพิธีกรรมหาตนได้

แต่ในความพยายามคราวก่อน ชายหนุ่มทำสำเร็จเพียงส่งเสียงและภาพกลับไป มากเกินกว่านี้ไม่ได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่านั่นคือขีดจำกัด ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากตนกลายเป็นผู้วิเศษลำดับแปดหรือเจ็ด

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญให้ต้องคำนึงถึง ตัวมันสามารถนำ ‘สิ่งของ’ จากโลกจริง เข้ามาอยู่ในมิติสายหมอกได้หรือไม่?

หมายถึงวัตถุตัวจริง…ไม่ใช่ภาพมายาสร้างเสมือนในปัจจุบัน

เดี๋ยวก่อน…ตนเคยอ่านเจอเกี่ยวกับพิธีกรรม ‘สังเวย’ บ่อยครั้งจะถูกใช้ในลัทธินอกรีตเพื่อสังเวยบางสิ่งให้กับเทพนอกรีต

เช่นนั้นแล้ว ตนสามารถ ‘สังเวย’ สิ่งของให้ตัวเองบนมิติสายหมอกได้ไหม?

หากทำได้ การนำสิ่งของจากโลกจริงเข้าสู่มิติสายหมอกก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม

และถ้าการทดลองประสบความสำเร็จ ชายหนุ่มสามารถรับสิ่งของจากแฮงแมนกับจัสติสโดยตรง ไม่ต้องผ่านระบบไปรษณีย์ จากนั้นก็ส่งให้ไคลน์·โมเร็ตติบนโลกจริงอีกทอด

เพราะพิธีสังเวยคือพิธีกรรมขั้นสูง จึงไม่มีปรากฏในหนังสือพิธีกรรมพื้นฐาน แต่ถึงนีลล์จะเคยสอนพิธีกรรมสังเวยให้ พลังวิญญาณของตนคงไม่มากพอจะประกอบพิธีกรรมอยู่ดี

เพราะการส่ง ‘สิ่งของกายภาพ’ ข้ามห้วงมิติจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณในปริมาณมาก

ต้องรีบยกระดับพลังวิญญาณแล้วสิ…

สติไคลน์ย้อนกลับมาจดจ่ออยู่กับชุมนุมไพ่ทาโรต์ตรงหน้าอีกครั้ง ชายหนุ่มตระหนักว่าหัวข้อสนทนาเปลี่ยนจากโจรสลัดคีลิงเกอร์ เป็นลักษณะเฉพาะตัวของสัตว์ประหลาดสักชนิดหนึ่ง

หลังจากนั่งฟังสักพัก ชายหนุ่มอมยิ้ม

“วันนี้พอเท่านี้ก่อน”

“สุดแล้วแต่ท่าน”

แฮงแมน จัสติส และเดอะซันก้มศีรษะเปล่งเสียงพร้อมเพรียง

เมื่อตัดการเชื่อมต่อจากสมาชิก ไคลน์รีบส่งจิตตัวเองดำดิ่งสู่โลกปรกติ ภาพการมองเห็นกลับเป็นห้องนอนอีกครั้ง

ชายหนุ่มสลายกำแพงวิญญาณพร้อมกับดึงผ้าม่านมุขหน้าต่างออก ปล่อยให้แสงแดดส่องลอดเข้ามาในห้อง

มีสองสิ่งต้องทำในสัปดาห์นี้

ประการแรก มันต้องผ่านการทดสอบของเบื้องบนและกลายเป็นผู้วิเศษลำดับแปดให้ได้

ประการสอง มันต้องสร้างยันต์เพลิงสุริยันจากสมบัติวิเศษ 3-078 ยันต์ชนิดนี้อาจมีพลังเทียบเท่าผู้วิเศษลำดับเจ็ดหรือหกเลยทีเดียว

และวันพรุ่งนี้ เหยี่ยวราตรีคงได้รับแจ้งเหตุความวุ่นวายของหมู่บ้านมอร์ส ซึ่งอะซิกแอบไปลงมือก่อเรื่องไว้

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version