ตอนที่ 161 : สุสานกลับหัว
บ้านเรือนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมอร์สยังคงเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่เมื่อราวร้อยปีก่อน สิ่งก่อสร้างสะดุดตาเดียวคือยอดแหลมของวิหารซึ่งมีสีดำสนิท
หลังจากนำรถม้าไปจอด ไคลน์และคนอื่นต่างรีบจัดการอาหารเที่ยงให้เสร็จโดยเร็ว มื้ออาหารประกอบด้วยเบคอน ขนมปัง เนย และกาแฟ นับว่าไม่เลวทีเดียว
“พวกเรายังทนสมบัติวิเศษ 3-078 ได้อีกประมาณ สองชั่วโมง สามสิบห้านาที”
โคเฮนรี่กล่าวขณะยืนพิงประตูวิหาร มือขวาหยิบนาฬิกาพกตรวจสอบเวลา
“ควรจัดการคดีในหมู่บ้านให้เสร็จก่อน จากนั้นค่อยกลับมาผลัดเวรเฝ้า 3-0782 เพื่อฟื้นฟูร่างกาย”
ภายใต้สถานการณ์ปรกติ ผู้วิเศษลำดับเก้า ลำดับแปด และลำดับเจ็ดต้องอยู่ห่างจากตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันเป็นเวลานานกว่าสองชั่วโมงจึงจะฟื้นฟูได้เต็มประสิทธิภาพ หรืออย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเพื่อฟื้นฟูบางส่วน
“ตกลง”
“ผมไม่คัดค้าน”
ไคลน์และเลียวนาร์ดพยักหน้าพร้อมกัน
“ควรไปสะสางคดีไหนก่อน?” โคเฮนรี่ถาม
เลียวนาร์ดสลัดคราบตำรวจขี้เกียจพร้อมกับทำสีหน้าเคร่งขรึม
“เริ่มด้วย…คดีชายชราอาศัยอยู่ตามลำพัง ได้ยินเสียงฝีเท้าดังภายในบ้าน”
“เพราะ?” โคเฮนรี่ถามตามความเคยชิน
ด้านไคลน์ก็หันไปฟังอย่างสนใจ
สัญชาตญาณของนักกวีหรือไง…ชายหนุ่มแอบล้อเลียนอีกฝ่าย
เลียวนาร์ดสลับมองไปมาระหว่างไคลน์และโคเฮนรี่ ก่อนจะเผยรอยยิ้ม
“เพราะใกล้กับโบสถ์มากกว่าคดีอื่น”
“คุณทราบได้อย่างไร…มันไม่มีเขียนไว้ในรายงาน”
ไคลน์ขมวดคิ้ว · เลียวนาร์ดแสยะยิ้ม
“ขณะทานอาหารกลางวัน ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำหนหนึ่งใช่ไหม ตอนนั้นบังเอิญได้พบกับเณรสามคน พวกเขาเล่าว่า บ้านของโนอาอยู่ใกล้กับวิหารมาก…ใช่แล้ว ลุงคนนั้นชื่อโนอา”
“ตกลง” โคเฮนรี่หมดข้อโต้แย้ง
ไม่กี่นาทีถัดมา คนทั้งสามเดินมางถึงหน้าบ้านลุงโนอา
เจ้าของบ้านเป็นชายชราผมขาวโพลน รูปร่างผอมบาง สูญเสียมือซ้ายในสงครามตั้งแต่ยังหนุ่ม ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถูกปลดระวางและส่งกลับบ้านเกิด
ขณะเดียวกัน โนอาผลักประตูบ้านออกมาต้อนรับ สายตาจ้องมองบุคคลแปลกหน้าทั้งสามอย่างสนใจ ก่อนชำเลืองมองเชลล์ซึ่งวิ่งตามมาหลังสุด
มันกล่าวเสียงแหบพร่า
“เข้ามา…หวังว่าปัญหาจะถูกแก้ไขเสียที ได้ยินว่าพวกคุณนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีดเงิน และกระเทียมมาด้วยใช่ไหม ขอบคุณสวรรค์ พวกมันต้องช่วยได้มากแน่…ได้โปรดอย่าถือสาคนแก่ขี้บ่น พวกเจ้าต้องเข้าใจด้วยว่า คนนอนไม่หลับมาสองสามวันติดต่อ ต้องประสบอารมณ์ตึงเครียดมากเพียงใด ฉันหวาดระแวงตลอดเวลา หัวสมองขาวโพลนเหมือนอยู่บนทุ่งเมฆ”
ขณะเดินเข้าไปในห้อง เลียวนาร์ดพลันสะดุ้งจนเหยียดหลังตรง มันรีบกวาดสายตามองรอบตัวรวดเร็ว
ด้านไคลน์ก็ไม่ต่าง มันสัมผัสถึงพลังลึกลับเย็นเฉียบแผ่ซ่านทั่วร่าง เป็นร่องรอยเหลือทิ้งจากวิญญาณไม่ผิดแน่
“มีกลิ่นความไม่บริสุทธิ์คละคลุ้งทั่วบ้าน”
โคเฮนรี่กล่าวเสียงค่อย มันสัมผัสความผิดปรกติได้ช้ากว่าใคร
“แต่ก็เจือจาง” เลียวนาร์ดกล่าวผ่อนคลาย
สีหน้าปราศจากความกังวล
จากบรรดาเส้นทางผู้วิเศษในการครอบครองของโบสถ์ หากเทียบเฉพาะลำดับแปด นักกวีเที่ยงคืนนับว่ามีสัมผัสวิญญาณเฉียบแหลมกว่าใคร
“ถูกต้อง” ไคลน์ผงกศีรษะเห็นด้วย
ขณะสัมผัสถึงแสงชำระล้างอันอบอุ่นจาก 3-0782 ชายหนุ่มเชื่อมั่นว่า ไอความเย็นภายในห้องถูกจัดการได้ไม่ยากเย็น
ในเวลาเดียวกัน ชาวบ้านเกือบทั้งหมดกำลังยืนมุงหน้าบ้านของโนอา สายตาสอดส่องสามเหยี่ยวราตรีด้วยท่าทีสอดรู้สอดเห็น
แฮ่ม!
เลียวนาร์ดกระแอมลำคอก่อนเปล่งเสียง
“พวกเราล้วนได้รับการอวยพรจากเทพธิดา สิ่งไม่บริสุทธิ์เหล่านี้จะหายไปอย่างรวดเร็วและไม่ก่อปัญหาภายหลังแน่นอน”
เมื่อพูดจบ มันชำเลืองทางไคลน์พร้อมกับส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มแสดง ‘พิธีกรรมชำระล้าง’ ต่อหน้าชาวบ้าน
ทำไมต้องเป็นตูด้วยฟะ…
ไคลน์รีบจ้องกลับด้วยสีหน้าสับสน ขณะเดียวกันก็ไม่มั่นใจว่า เลียวนาร์ดจะตระหนักถึงความสงสัยของตนหรือไม่
แน่นอน เลียวนาร์ดอ่านออก มันกระซิบ
“เพราะคุณเชี่ยวชาญด้านพิธีกรรม”
ก็ได้…ไม่น่าใช้ข้ออ้างด้านพิธีกรรมโน้มน้าวหัวหน้าแต่แรกเลย
ไคลน์จัดระเบียบเครื่องแต่งกายและหยิบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตราศักดิ์สิทธิ์ มีดเงิน และกระเทียมจากเลียวนาร์ด
ประการแรก มันวางตราศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดไว้ตรงหน้าอก จากนั้นก็ปอกกระเทียมและโยนแต่ละกลีบไว้สี่มุมบ้าน
“หือ…? กระเทียมใช้ไล่ผีด้วยวิธีนี้หรือ”
“ไม่เห็นเหมือนคำอธิบายในหนังสือพิมพ์”
“จะสำเร็จแน่ใช่ไหม…”
…
ชาวบ้านต่างมุงดูและแลกเปลี่ยนความเห็นด้วยสีหน้าตื่นเต้น ไม่ต่างจากกำลังชมคณะละครสัตว์
มันไม่ได้ผลหรอกนะ…ผมแค่แสดง
ไคลน์รำพันพลางหลับตา มือขวาพรมน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงพื้น มือซ้ายถือมีดเงินเดินรอบบ้าน
ขณะโปรยน้ำก็ท่องคาถาพึมพำ
“เทพธิดารัตติกาล…พระมารดาแห่งความลับ…สตรีแห่งสีชาด…ราชินีแห่งหายนะสยองขวัญ…นายหญิงแห่งความสงบสุขุม…”
…
การแสดงสุดแนบเนียนของยอดนักต้มตุ๋นส่งผลให้ชาวบ้านต่างอ้าปากค้าง
เมื่อบรรยากาศเงียบงัน ความเปลี่ยนแปลงก็ยิ่งสัมผัสถึงได้ง่าย
“อบอุ่นจัง…”
“เหมือนกำลังนอนอาบแดด…”
“ไม่…เหมือนแหงนมองท้องฟ้าบริสุทธิ์มากกว่า”
“มหัศจรรย์มาก…เป็นผลมาจากน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม”
“สมกับเป็นยอดนักบวชจากมหาวิหารพระแม่เซเลน่า…”
“เทพธิดาจงเจริญ!”
…
ชาวเมืองต่างกระซิบกระซาบ ในสายตาพวกมัน ตัวตนของไคลน์ เลียวนาร์ด และโคเฮนรี่กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพกราบไหว้
ด้านโนอาพลันแสดงสีหน้าโล่งใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปัญหาของบ้านตนถูกขจัดปัดเป่าเรียบร้อยแล้ว
…ทั้งหมดเป็นฝีมือของ 3-0782 ต่างหาก
ไคลน์แทบไม่ต้องกระทำสิ่งใด เพียงหยุดยืนในแต่ละตำแหน่งให้ครบหนึ่งนาที ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
หลังจากขจัดความไม่บริสุทธิ์ออกจากบ้านลุงโนอาจนเกลี้ยง ไคลน์ลืมตาขึ้นพลางเก็บมีดเงินกลับเข้ากระเป๋า มันวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงกลางหน้าอกพร้อมกับเปล่งเสียง
“เทพธิดาจงเจริญ!”
“เทพธิดาจงเจริง!”
ชาวบ้านด้านนอกร้องประสาน
“ยังเหลือบางสิ่งให้จัดการ แต่พวกเราต้องการความเงียบสงบ”
เลียวนาร์ดอมยิ้มขณะกวาดสายตามอง
หลังจากเห็นความ ‘มืออาชีพ’ ของสามเหยี่ยวราตรี กลุ่มชาวบ้านไม่เคลือบแคลงในฝีมืออีก พวกมันเดินออกจากบ้านโนอาและตามนักบวชเชลล์ไปอย่างว่าง่าย
“อยากหลับสักงีบ…” โนอาฉีกยิ้มกว้าง
มันกำลังมีความสุขสุดขีด แต่ก็ต้องเดินไปทางวิหารพร้อมชาวบ้านคนอื่น
เลียวนาร์ดเดินไปปิดประตูบ้านมิดชิดและหันกลับมาจ้องไคลน์
“ทำนายหาสาเหตุความผิดปรกติ”
“ตกลง” ไคลน์พยักหน้า
มันเองก็ต้องการทราบว่า การทำนายจะแสดงผลลัพธ์เป็นเช่นไร
เหตุการณ์ในหมู่บ้านมอร์สคงเป็นฝีมือมิสเตอร์อะซิกไม่ผิดแน่ แต่อีกฝ่ายคือตัวตนทรงพลัง สิ่งมีชีวิตอายุยืนยาวกว่า หนึ่งพันสามร้อยปี ระดับพลังวิญญาณและการแทรกแซงย่อมสูงส่งมากกว่าปรกติ
ไคลน์มั่นใจหลายส่วน ว่าการทำนายของตนจะถูกแทรกแซงไม่มากก็น้อย ยิ่งปราศจากความช่วยเหลือของมิติสายหมอกด้วยแล้ว บางทีอาจไม่ได้ผลลัพธ์ใดออกมาเลย
ชายหนุ่มหยิบปากกาและกระดาษจากช่องกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะขยุกขยิกเขียนประโยคทำนายลงไป
“ต้นตอพลังไม่บริสุทธิ์ภายในบ้านโนอา”
ไคลน์ถือกระดาษเดินไปทางโต๊ะกลมสำหรับทานข้าว มันเลื่อนเก้าอี้นั่งพร้อมกับเอนหลังพิง ดวงตาปิดสนิท
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเห็นภาพสุสานสีดำสนิท ท่ามกลางโลกความฝันพร่ามัว
ลักษณะคล้ายกับพีระมิด แต่อยู่ในสภาพคว่ำลงและถูกฝังจนเกือบมิด กลุ่มหมอกสีดำบดบังทุกสิ่งด้านในสุสาน
เพียงพริบตา ไคลน์ถูกส่งออกจากความฝัน
“คุณพบอะไรบ้าง” โคเฮนรี่ถามกังวล
ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเล่าความฝันเมื่อครู่โดยไม่ปิดบังสิ่งใด จบลงด้วยการเสนอความเห็นส่วนตัว
“หลุมศพดังกล่าวไม่ใช่สถาปัตยกรรมของทวีปเหนือแน่นอน อย่างน้อยก็ในยุคสมัยห้า ผมค่อนข้างเชี่ยวชาญเรื่องนี้”
เลียวนาร์ดผงกศีรษะ
“นั่นคือพีระมิดกลับหัวของทวีปใต้ แสดงถึงการเดินทางเข้าสู่ภิพบเบื้องล่าง เป็นสุสานสำหรับผู้เรียกตัวเองว่า ‘ทายาทแห่งมรณา’ พบได้บ่อยในจักรวรรดิไบลัมสมัยอดีต รวมถึงเมืองบริวารรอบข้าง ในบางกรณี มันคือสัญลักษณ์ของมรณา หืม… เหตุการณ์เหนือธรรมชาติภายในบ้านหลังนี้ต้องเกี่ยวข้องกับมรณาแน่นอน…สมกับเป็นนักทำนายมือฉมัง… ผลทำนายยังคงแม่นยำเหมือนเคย!”
หากไม่นับถ้อยคำถากถางประโยคสุดท้าย คำอธิบายของเลียวนาร์ดฟังดูน่าสนใจทีเดียว
มิสเตอร์อะซิกเป็นทายาทของมรณา หรือเป็นผู้ทำพันธสัญญากับมรณาเพื่อให้ได้ชีวิตยืนยาวกันแน่
อ้างอิงจากบทหนึ่งในพระคัมภีร์รัตติกาล รวมถึงข้อมูลจากเอกสารลับเหยี่ยวราตรี ‘มรณา’ คือเทพนอกรีตทรงพลัง เคยก่อหายนะรุนแรงบนทวีปเหนือในปลายยุคสมัยสี่ ถึงขั้นถูกเรียกขานว่า ‘ยุคไร้ชีวิตชีวา’
กล่าวกันว่า มรณาล้มลงเนื่องจากถูกเจ็ดเทพจารีตผนึกกำลังโค่น
ไคลน์มิอาจคาดเดาได้ว่า ปราสาทลามุดถูกสร้างขึ้นในสมัยใดหรือช่วงไหน แต่ไม่น่าจะเกิดก่อนยุคไร้ชีวิตชีวา
หากต้องการเบาะแสเพิ่มเติม คงต้องรีบค้นหาบุคคลในบ้านปล่องไฟแดงให้พบ เพราะมันคือผู้ขโมยกะโหลกศีรษะของบุตรชายมิสเตอร์อะซิกไป
และนี่คงเป็นข้ออ้างให้ทวีปเหนือใช้รุกรานยึดครองดินแดนทวีปใต้เป็นอาณานิคม โดยอาศัยความชอบธรรมว่า พลเมืองทวีปใต้ส่วนใหญ่นับถือมรณาซึ่งเป็นลัทธิอันตราย
เนื่องจากไม่พบเบาะแสเพิ่มเติม สามเหยี่ยวราตรีจึงไม่อยู่บ้านโนอานานนัก พวกมันรีบไล่จัดการคดีอื่นให้เสร็จ
การแสดงแบบเดิม และผลลัพธ์แบบเดิม
พวกมันสามารถขจัดความชั่วร้ายออกไปได้ไม่ยากเย็น แต่ก็ตรวจหาต้นตอของการหลอกหลอนไม่พบเช่นกัน
เลียวนาร์ดพยายามสอบปากคำชาวบ้านเพิ่มเติม มันซักถามว่า มีบุคคลแปลกหน้าเดินทางเข้ามาในหมู่บ้านเมื่อสองสามวันก่อนบ้างหรือไม่ แต่คำตอบออกมาเป็นเชิงลบ
มิสเตอร์อะซิกไม่ได้เข้าหมู่บ้านหรอกหรือ?
ไม่สิ คงลอบเข้ามาโดยไม่ให้ใครพบตัวมากกว่า ระวังตัวได้ดีมาก…
ชายคนนั้นบอกว่าจะกลับทิงเก็นวันพุธ หมายความว่า วิญญาณเหล่านี้จะหายไปเองแม้เหยี่ยวราตรีไม่เดินทางมาจัดการ…
ไคลน์ก้มหน้าครุ่นคิดหลายเรื่องขณะเดินกลับวิหารมอร์สพร้อมเลียวนาร์ดและโคเฮนรี่
พวกมันยังมีเวลาอีก หนึ่งชั่วโมง สี่สิบห้านาทีก่อนตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันจะออกฤทธิ์
“เราจะผลัดเวรกันคนละหนึ่งชั่วโมง”
ไคลน์พยายามระงับความตื่นเต้น มันแหงนหน้ามองฟ้าพลางกล่าวเสริม
“หวังว่าจะกลับถึงทิงเก็นทันอาหารค่ำ”
“ไม่มีปัญหา” เลียวนาร์ดยิ้ม
หางตาเหล่มองไคลน์เล็กน้อย
“แต่เพื่อความปลอดภัย พวกเราควรเฝ้าสมบัติวิเศษทีละสองคนพร้อมกัน”
ชายหนุ่มพลันผงะ จิตใจเริ่มปั่นป่วน
มันอมยิ้มพลางหันไปกล่าว
“ไม่เลว…แต่หากใช้วิธีนี้ เราต้องคำนวณการผลัดเวรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใครจะได้พักก่อน ใครเป็นเวรต่อไป และใครต้องควบสองชั่วโมงติดต่อ…อืม… ต้องหาวิธีคำนวณโดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับการเข้าเวรทีละคน และต้องกำหนดตัวแปรนิรนามให้เป็น…”
“หยุด!” นัยน์ตาเขียวมรกตเริ่มสั่นระริก
สีหน้าเลียวนาร์ดไม่สู้ดีนักหลังจากได้ยินสูตรคณิตศาสตร์
“ช่างมันเถอะ…เฝ้าทีละคนก็ได้ คงต้องให้นักบวชเชลล์พาชาวบ้านออกห่างจากวิหาร ส่วนอีกสองคนคอยกีดกันไม่ให้ใครเข้าใกล้”
“ไม่คัดค้าน” โคเฮนรี่พยักหน้า
มันเริ่มปวดหัวหลังจากคิดตามตรรกะอันซับซ้อนของไคลน์
“ตกลง” ไคลน์ผงกหัวรับ
สีหน้าของมันเคร่งเครียดคล้ายกับไม่เต็มใจทำภารกิจตรงหน้าสักเท่าไร
แต่ภายในใจกำลังตื่นเต้นกระวนกระวาย มันเตรียมแผนสำรองเผื่อไว้ว่า หากโน้มน้าวไม่สำเร็จ คงต้องยอมเปิดเผยข้อมูลบางส่วนกับเลียวนาร์ด และหวังให้อีกฝ่ายยอมร่วมมือแต่โดยดี
แต่ไม่จำเป็นแล้ว…
……………………