ตอนที่ 271 : กุหลาบทองคำ
เขตเชอร์วู้ด ถนนปรารถนา
ตั้งอยู่ใกล้กลับแม่น้ำทัสซอคซึ่งไหลพาดผ่านเมืองเบ็คลันด์ คนเดินถนนผ่านไปมาสามารถมองลอดผ่านช่องว่างระหว่างอาคารบ้านเรือน เพื่อพบกับแม่น้ำสายใหญ่แต่มีสีค่อนข้างขุ่นมัวด้านหลัง
นักข่าวหนังสือพิมพ์ ‘เกาะกระแสรายวัน’ ไมค์·โยเซฟ ก้าวเท้าลงจากรถม้า ปลายนิ้วของมันกำลังชี้ไปทางอาคารสามชั้นสีฟ้าอมเทาตรงหน้า ด้านข้างมีชายสวมโค้ทกระดุมสองแถวสีดำยืนประกบ เป็นใครไม่ได้นอกจากไคลน์ ผู้สวมหมวกทรงกึ่งสูงใบโปรดและแว่นตากรอบทอง
“นั่นคือกุหลาบทองคำ ซ่องถูกกฎหมายอันดับหนึ่งของเขตสะพานเบ็คลันด์และเขตเชอร์วู้ด ประตูเปิดบ่ายสามโมงตรง และจะปิดในเวลาตีสองของวันถัดไป”
ซ่องถูกกฎหมายอันดับหนึ่งในเขตเชอร์วู้ดและสะพานเบ็คลันด์? หรืออีกความหมายหนึ่ง ยังมีซ่องคุณภาพดีกว่านี้แต่ไม่ถูกกฎหมาย…ไคลน์พึมพำกับตัวเอง สายตามองไปยังทางเข้าอาคาร บานประตูมีสัญลักษณ์กุหลาบทองคำสลักอยู่ แต่ไม่มีป้ายชื่อแขวนไว้
“แบบนี้นับเป็นโสเภณีด้วยหรือ?” ไคลน์ซักถามเสียงเรียบ
“แน่นอน เพียงแต่พวกหล่อนเกรดสูงกว่า” ไมค์·โยเซฟเดินนำอย่างชำนาญ พลางใช้มือผลักประตูหน้าของอาคารกุหลาบทองคำ
เพียงย่างกรายเข้าไป ไคลน์ได้กลิ่นน้ำหอมหลายชนิดผสมปนเป ตามด้วยเสียงปลอบประโลมเจือความเย้ายวนของดนตรี
มันกวาดสายตามองตามนิสัย และได้พบการ์ดคุมซ่องสวมชุดโค้ทสีดำ สวมหมวกทรงกึ่งสูง พวกมันยืนกระจายทั่วทุกมุมของห้องโถงหลัก สิ่งนี้ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไร ในเมื่อเป็นซ่องถูกกฎหมาย มักมีพวกขี้เมาและพวกชอบโวยวายคอยปั่นป่วนเป็นธรรมดา
รอบโถงสีทองอร่ามเต็มไปด้วยเก้าอี้นวมและโซฟาละลานตา มีแม้กระทั่งเปียโน แต่ใจกลางห้องถูกเว้นว่างไว้สำหรับเต้นรำ
ภายในโถงเต็มไปด้วยหญิงสาวผมหลากสี มีทั้งทอง น้ำตาล ดำ และเหลืองอ่อน พวกเธอสวมสุดหลายประเภท ทั้งราบเรียบแต่ดูดี ไปจนถึงหรูหราสะบัดพลิ้ว กระจายตัวนั่งตามแต่ละมุมห้อง บางคนสวยแบบผู้ใหญ่ บางคนไร้เดียงสาและขี้อาย บางคนมีบรรยากาศชวนให้หลงใหล และบางคนงดงามจนไม่อยากละสายตาไปไหน
หญิงสาวเหล่านี้ บ้างกำลังดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรี บ้างหัวเราะคิกคักขณะสนทนากันเอง บ้างก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์และวารสารเงียบงัน และบ้างกำลังเต้นรำกับบุรุษ
คงเป็นเพราะปัจจุบันเพิ่งบ่ายสามครึ่ง ลูกค้าภายในร้านจึงบางตา หากมองเพียงผิวเผินจะเหมือนกับงานลีลาศมากกว่าสถานบริการนางโลม
“ต้องมาสักสองทุ่ม คุณจะได้เห็นบรรดาสาวงามเต้นเซ็กซี่เย้ายวนกว่านี้อีก ฮะฮะ! หากคุณชอบใครเป็นพิเศษ แค่เดินเข้าไปชวนหล่อนเต้นรำ ท่ามกลางเสียงดนตรีไพเราะ คุณสามารถซักถามและต่อรองราคาได้ หากทั้งสองฝ่ายได้ข้อตกลงร่วมกัน ขั้นตอนถัดไปคือการมีช่วงเวลาอันเร่าร้อนกับพวกเธอบนชั้นสองหรือสามของอาคาร หึหึ! ยิ่งถ้าคุณมีงบใช้จ่ายไม่อั้น สามารถเสพสุขกับเธอได้ทั้งคืนตามแต่ใจต้องการ” ไมค์เหลียวซ้ายแลขวาอย่างหลุกหลิก ไม่หลงเหลือคราบสุภาพบุรุษอ่อนโยนก่อนหน้าเลยสักนิด กลายเป็นชายหนุ่มหน้าระรื่นหื่นกระหาย
มันตระเวนไปทั่วโถงใหญ่พร้อมกับสวมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า จนกระทั่ง ไมค์ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเด็กสาวคนหนึ่ง อายุราวสิบห้าสิบหกไม่เกินนี้
นี่มัน…เขากำลังเผยธาตุแท้ หรือเป็นการแสดงอันแนบเนียนของมืออาชีพ? ไคลน์จ้องมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่จำต้องเดินตามไมค์อย่างไม่มีทางเลือกมากนัก
“หนึ่งในเหยื่อของคดี ซีเบล มีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น ในทางทฤษฎีแล้ว เด็กสาวอายุไล่เลี่ยกันมีโอกาสเป็นเพื่อนมากกว่า และทราบข้อมูลเบื้องลึกมากกว่า” ไมค์หรี่เสียงอธิบายไคลน์อย่างกระชับ
จากนั้น มันยักคิ้วให้ไคลน์พลางซักถามด้วยน้ำเสียงปรกติ
“คุณสนใจคนไหน?”
“ผมเป็นแค่บอดี้การ์ด” ไคลน์ตอบกลับอย่างสมเหตุสมผล
ไมค์พยักหน้าแผ่วเบา ก่อนจะยิ้ม
“ขณะกำลังทำเรื่องอย่างว่า ผมไม่ชอบถูกใครจ้องมอง”
“ผมจะยืนรอนอกห้อง” ไคลน์เข้าใจความหมายไมค์ มันกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมของมืออาชีพ
ไมค์ไม่กล่าวสิ่งใดต่อ มันเดินเข้าประชิดตัวเด็กสาวเป้าหมาย โค้งศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กน้อยพลางยื่นแขนออกไปหา ปิดท้ายด้วยการชักชวนเต้นรำ
อายุแค่นี้ต้องมาเป็นโสเภณีเสียแล้ว กรุงเบ็คลันด์ช่างเต็มไปด้วยสิ่งมัวเมาและโสมม…เฮ่อ…ต้องคอยบริการลูกค้าวัยกลางคนและวัยชราหื่นกระหาย บางคนจอนหงอกขาวหมดแล้ว…ไคลน์นำมือไพล่หลังและยืนตัวตรง สายตาจ้องมองไมค์กับเด็กสาวกำลังเต้นรำท่ามกลางดนตรีจังหวะช้า
ไม่กี่นาทีถัดมา ไมค์เดินกลับมาหาไคลน์ด้วยสีหน้าหงุดหงิดเจือจาง
“แพงเกินไป”
ขณะเข้าใกล้ ไมค์กระซิบเสียงค่อย
“เด็กคนนั้นรู้จักซีเบล แต่แม่เล้าของซ่องแห่งนี้ มาดามโลเพส ห้ามมิให้ใครเล่าเรื่องของซีเบลให้ลูกค้าฟังเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกลงโทษสถานหนัก พระเจ้าช่วย! ขณะหล่อนพูดคำว่าลงโทษ ร่างกายของเธอสั่นเทาชัดเจน จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า แต่ละคนต้องผ่านนรกขุมใดมาบ้าง”
ไคลน์ถอนหายใจอย่างเห็นอกเห็นใจ แต่มันเองก็จนปัญญาจะช่วย ชายหนุ่มหรี่เสียงลงและถามกลับ “แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อ?”
“ผมไม่ต้องการให้พวกเธอเผชิญชะตากรรมโหดร้าย คงต้องไปคุยกับมาดามโลเพสโดยตรงเท่านั้น” ไมค์ตบบ่าไคลน์แผ่วเบา “ช่วยคุ้มครองผมด้วย!”
ไคลน์กวาดสายตา มันกล่าวตักเตือนด้วยสีหน้าขึงขัง
“ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้น คุณต้องฟังผม”
“เข้าใจไหม? ทำตามคำบอกของผม!”
“ตกลง ไม่มีปัญหา” ไมค์แบมือสองข้างพลางยกขึ้นเสมอหัวไหล่ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
เมื่อกล่าวจบ ไมค์มุ่งหน้าไปยังโซฟาเดี่ยวมุมห้องทันที ตรงนั้นมีสตรีสวมชุดหรูหรานั่งไขว่ห้าง หล่อนโบกเครื่องสำอางค่อนข้างหนา
“ถ้าคุณไม่อยากเสียหน้าหลังจบการเต้นรำ หรือไม่ต้องการอับอายต่อหน้าเด็กสาวจำนวนมาก ผมขอแนะนำให้เข้าไปคุยกับมาดามโลเพสก่อน เธอทราบราคาของหญิงบริการทุกคนในซ่องดี” ไมค์จงใจพูดเสียงดัง
เมื่อสาวสวยได้ยินบทสนทนาระหว่างสองหนุ่ม เธอชำเลืองสายตามอง พลางลุกขึ้นยิ้ม
“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ หนุ่มหล่อทั้งสอง ดิฉันมีนามว่าโลเพส สนใจหญิงสาวคนไหนเป็นพิเศษหรือคะ?” แน่นอน “ไมค์จ้องมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า ก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า” ผมสนใจคุณ…อย่างมากครับ”
ฉันเองก็สนใจนายเหมือนกัน…คนอะไรทำตัวในซ่องได้เหมือนกับเป็นบ้านตัวเอง…มุมปากไคลน์กระตุกแผ่วเบา
โลเพสชะงักสีหน้าหนึ่งอึดใจ ตามด้วยการแสร้งหัวเราะปลอม ๆ
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ วันนี้ดิฉันไม่ค่อยสบาย คุณก็น่าจะทราบ หญิงสาวมักมีวันไม่สบายเดือนละครั้งอยู่แล้ว”
เมื่อเห็นว่าหมดสิทธิ์ชักชวนโลเพสเข้าไปในห้องเพื่อพูดคุยอย่างลับๆ ไมค์ยืนเงียบงันราวสองวินาที ก่อนจะสวมสีหน้าขึงขัง
“มาดามโลเพส ผมเป็นนักข่าว ต้องการทราบข้อมูลของซีเบล นี่คือบัตรแสดงตัว”
สีหน้าโลเพสอึมครึมกะทันหัน เธอตอบกลับอย่างหมดความอดทน
“ฉันเล่าทุกเรื่องให้ตำรวจฟังหมดแล้ว! ทำไมคุณถึงไม่ไปถามพวกเขา!”
“ซีเบลเป็นเด็กกำพร้าเร่ร่อนซึ่งดิฉันรับมาอยู่ในความดูแล ช่วงค่ำคืนดังกล่าว เธอตอบรับคำชวนของลูกค้าคนหนึ่งและตามไปนอนบ้านเขา โดยหลังจากนั้น ซีเบลเสียชีวิตขณะเดินทางกลับในช่วงเช้ามืด”
“ทีนี้ก็กลับไปได้แล้ว! หรือไม่ก็ชักชวนหญิงสาวของเราเต้นรำสักคน!”
ขณะกล่าว โลเพสโบกมือส่งสัญญาณให้การ์ดคุมซ่องสองคนเริ่มเคลื่อนไหว
ไคลน์สืบเท้าเดินเข้ามาบังไมค์·โยเซฟ มันเดินนำนักข่าวไปยังทางประตูออก การ์ดคุมซ่องเห็นดังนั้นจึงไม่กล้าไล่ตาม
ผ่านไปสองสามก้าว ไคลน์หรี่เสียง
“หล่อนโกหก”
“หือ?” ไมค์รีบชำเลืองมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“สายตาของเธอไม่หยุดนิ่งขณะเล่าเรื่อง คล้ายกับไม่กล้าสบตาคุณโดยตรง แต่กลับแอบชำเลืองท่าทีของคุณอย่างลับๆ ประหนึ่งกำลังโกหกโดยสำรวจอาการตอบสนองของอีกฝ่ายไปด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ท่ายืนของเธอแฝงความระแวง แถมยังแสดงอาการกระวนกระวายชัดเจน” ไคลน์อธิบายบทวิเคราะห์ของตนอย่างใจเย็น
ไมค์อ้าปากค้าง ก่อนจะถอนหายใจยาวในอีกสองวินาทีถัดมา
“สมกับเป็นนักสืบชื่อดัง สายตาช่างสังเกตและมีทักษะอนุมานหาเหตุผลในระดับยอดเยี่ยม เพียงไม่กี่วินาที คุณได้รับข้อมูลสำคัญมากมาย”
นั่นเพราะฉันมีเนตรวิญญาณต่างหาก จึงมองเห็นว่าสีออร่าโลเพสผิดปรกติ…จากนั้นค่อยอนุมานเหตุผลเอาเอง… ไคลน์ฉีกยิ้ม
“ขอบคุณสำหรับคำชม แต่พวกเราต้องกลับกันแล้ว”
ไมค์·โยเซฟหันกลับไปมองโลเพส เธอกำลังเดินเข้าไปในประตูลับข้างห้องโถง ประหนึ่งมุ่งหน้ากลับห้องพักส่วนตัว เมื่อไคลน์เพ่งสายตาสำรวจ ประตูบานดังกล่าวค่อนข้างอับสายตา มีบรรยากาศเงียบสงบ มองเข้าไปจากโถงหลักจะไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน แถมหน้าประตูยังมีการ์ดร่างใหญ่สองคนยืนเฝ้า
“บางที พวกเราควรแอบสะกดรอยตามมาดามโลเพสไป เหตุการณ์เมื่อครู่อาจทำให้เธอลงมือกระทำบางสิ่งน่าสงสัย…” ไมค์หันกลับมามองไคลน์ “คุณจัดการการ์ดคุมซ่องสองคนพร้อมกันไหวไหม? ขอแบบจบเร็วๆ”
“มิสเตอร์ งานของผมมีเพียงปกป้องคุณ ส่วนเรื่องอื่นอยู่นอกเหนือข้อตกลง” ไคลน์ตอบพลางยิ้ม
“ผมจะจ่ายเพิ่ม! จ่ายทันที ห้าปอนด์ตามข้อตกลงเดิม! และถ้าเกิดการต่อสู้ระหว่างหลบหนี ผมจะจ่ายเพิ่มอีก ห้าปอนด์!” ไมค์ขบกรามแน่นขณะกล่าว
“ตกลง” ไคลน์ฉีกยิ้มพลางยื่นแขนออกไปขอจับมือ ไมค์จับตอบพอเป็นพิธี
ถัดมา ทั้งสองคนเดินอ้อมจนเกือบวนครบหนึ่งรอบ เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของการ์ดคุมซ่องสองคนก่อนหน้า ฝีเท้าย่างกรายเข้าใกล้ประตูลับข้างโถงหลักทุกขณะ
“ท่านแขกผู้มีเกียรติ ตรงนี้ห้ามผ่าน รบกวนออกไปด้วยครับ” หนึ่งในการ์ดคุมซ่องเดินออกมาขวางไคลน์และไมค์
“ขอโทษครับ พวกเราจะรีบ…” ไคลน์ก้มศีรษะคำนับอย่างสุภาพ
ทันใดนั้น มันปล่อยกำปั้นขวาพุ่งตรงด้วยความเร็วสูง กระแทกใส่ท้องการ์ดคุมซ่องตรงหน้าเต็มแรง
เหยื่องอตัวกุมท้องกะทันหัน ไคลน์เหยียดตัวตรงพร้อมกับสับสันมือซ้ายใส่ท้ายทอยซ้ำ
ตุ้บ!
การ์ดคุมซ่องคนแรกหมดสติล้มลงฉับพลัน พวกพ้องอีกคนกำลังยืนทึ่งด้วยแววตาเหม่อลอย มิอาจตอบสนองได้ทันเวลา
ไคลน์รีบสืบเท้าเข้าประชิดตัว ชายหนุ่มใช้มือขวาอุดปากเหยื่อ พร้อมกับซัดหมัดซ้ายใส่ช่องท้องตามเดิม
พรวด!
การ์ดคุมซ่องใช้สองมือกุมท้องด้วยสีหน้าเจ็บปวด จากนั้นก็สำรอกเศษอาหารทางปาก โชคดีว่าไคลน์ชักมือขวากลับทันเวลา ตามด้วยการใช้มือข้างดังกล่าวสับท้ายทอยให้อีกฝ่ายหมดสติ
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มใช้แขนซ้ายประคองร่างเหยื่อให้ล้มลงพื้นอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวล
หลังจากมองหน้ากันเล็กน้อย ไคลน์ใช้มือบิดด้ามจับและผลักประตูเปิด มันแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว โดยมีไมค์·โยเซฟตามติดด้วยท่าทางชำนาญ
ทำไมถึงคล่องแคล่วนัก? นายเป็นแค่นักข่าวไม่ใช่หรือ? ไคลน์รำพัน พลางย่างกรายไปบนทางเดินด้วยความเงียบเชียบแต่ว่องไว
ทันใดนั้น เสียงโลเพสดังแว่ว
“บอกคาพินด้วย! ช่วงนี้อย่าเพิ่งส่งใครมาเพิ่มเด็ดขาด!”
คาพิน? ส่งมาเพิ่ม? ไคลน์หันไปมองไมค์ด้านข้าง และพบว่าต่างฝ่ายต่างมีสีหน้าประหลาดใจพอ ๆ กัน
ในเวลาเดียวกัน เสียงฝีเท้าของโลเพสดังเข้าใกล้ทางเดินมากขึ้นทุกขณะ
“วิ่ง!” ไคลน์กระชากแขนไมค์ มุ่งหน้าไปยังทางออกโดยไม่เหลียวหลังกลับ พวกมันสับขาสุดแรงอย่างไม่คิดชีวิต
ระหว่างกำลังหนี ไคลน์รีบปิดประตูลับข้างโถงใหญ่อย่างลนลาน ทันใดนั้น โชคเข้าข้างพวกมันเล็กน้อย กลอนประตูเกิดขัดข้องกะทันหัน ส่งผลให้บุคคลด้านในไม่สามารถเปิดออกมาได้สักพัก
ถัดมา คนทั้งสองแสร้งเดินไปตามโถงหลักราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ฝีเท้าเป็นไปอย่างเร่งรีบแต่ไม่ผิดวิสัย เมื่อใกล้ถึงทางออก พวกมันได้ยินเสียงโวยวายเปี่ยมโทสะของโลเพสดังแว่วจากด้านหลัง
จนกระทั่งออกมายังถนนด้านนอกสำเร็จ ไมค์·โยเซฟหายใจเข้าออกอย่างผ่อนคลาย ตามด้วยการกล่าวชื่นชม
“ผมเคยผ่านเหตุการณ์ทำนองนี้บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยมีหนใดง่ายและราบรื่นเท่านี้มาก่อน”
“ขอบคุณจากใจจริง ผมต้องรีบกลับไปสืบหาว่าคาพินคือใคร”
ขณะกล่าว ไมค์หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาพร้อมกับดึงธนบัตรห้าปอนด์หนึ่งใบ มันชะงักมือเล็กน้อยพลางส่งเสียงพึมพำ
“พูดตามตรง ค่าจ้างของคุณแพงเอาเรื่องเหมือนกันนะ มากกว่ารายรับครึ่งหนึ่งของผมในหนึ่งสัปดาห์เสียอีก”
“แต่คุณเบิกได้นี่?” ไคลน์ฉีกยิ้มกว้างไปถึงมุมปาก ก่อนจะซักถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “แล้วคุณไม่กลัวโลเพสเอาเรื่องตามหลังหรือ? หล่อนสามารถตามตัวได้จากชื่อหนังสือพิมพ์ จากนั้นก็ให้ตำรวจเล่นงานคุณข้อหาบุกรุก”
“นั่นเป็นนามบัตรปลอม” ไมค์·โยเซฟยักไหล่ด้วยสีหน้าเป็นกันเอง
“…” ไคลน์พลันทึ่งในความเป็นมืออาชีพ
เมื่อเห็นไมค์ขึ้นรถม้ากลับไป ชายหนุ่มเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง ยืนรอรถม้าเพื่อกลับบ้าน ขณะเดียวกันก็คอยระวังการถูกสะกดรอยตามเป็นระยะ
ทันใดนั้น รถม้าปริศนาคันหนึ่งวิ่งมาหยุดตรงหน้าไคลน์พอดิบพอดี
ชายวัยกลางคนสวมโค้ทสีดำตัวใหญ่ก้าวเท้าออกจากห้องโดยสาร มันผงกหัวให้ไคลน์
ดวงตาสีฟ้าคราม ใบหน้าเรียว แก้มตอบ จอนสองข้างมีสีขาวแซม อีกฝ่ายคือสุภาพบุรุษสูงวัยซึ่งไคลน์เคยเห็นในซ่องกุหลาบทองคำเมื่อครู่
เขาไม่ใช่ลูกค้าของกุหลาบทองคำ…แต่เป็นเหมือนกับพวกเรา…ไคลน์พลันกระจ่าง
“สวัสดีครับ ผมชื่อไอเซนการ์ด·สแตนธอน เป็นนักสืบเอกชน แต่ได้รับมอบหมายให้สืบคดีนี้ร่วมกับกรมตำรวจ พอจะมีเวลาคุยกันสักหน่อยไหม?” สุภาพบุรุษสูงวัยแนะนำตัวพลางชี้นิ้วเข้าไปในห้องโดยสารรถม้า
………………….