ตอนที่ 276 : ราฟเตอร์·พาวน์
แคว้นซิลวารัสตั้งอยู่ทางตะวันตกของอาณาจักรโลเอ็น อยู่ติดกับเทือกเขาโฮนาซิสซึ่งทอดยาวมาจากสาธารณะรัฐอินทิส หนึ่งในถนนของเบ็คลันด์ได้หยิบยืมชื่อดังกล่าวมาใช้ บริเวณสุดสายของถนนมีศูนย์บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งอยู่
หลายคนจึงหวังปักหลักในย่านนี้ เนื่องจากสัมผัสได้ถึงความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ และราฟเตอร์·พาวน์คือหนึ่งในนั้น
ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านหมายเลข 29 บาโรเน็ตพาวน์กำลังยืนข้างมุขหน้าต่างปิดสนิท สายตามองข้ามถนนไปยังซิลวารัสยาร์ดฝั่งตรงข้าม
แม้จะมีอายุสี่สิบตอนต้น แต่จอนสองข้างกลับขาวหงอกถ้วนทั่ว ดวงตาปูดโปน ริ้วรอยปรากฏเป็นร่องลึกเด่นชัด ร่างกายมีกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกตลอดเวลา
บนพื้นห้องด้านหลังราฟเตอร์มีซากชุดชั้นในวางเรียงราย ตรงกันข้ามเป็นเตาผิง
บาโรเน็ตพาวน์ยกแก้วกระดก ซดเหล้าอึกสุดท้ายลงคอจนเกลี้ยง จากนั้นก็ย่างกรายอย่างเชื่องช้าไปทางประตู หวังเดินกลับห้องนอนและงีบหลับอย่างสบายใจ
เมื่อไม่มีท่อลำเลียงความร้อนจากเตาผิงไปยังห้องนอน ขณะเดินออกจากห้องนั่งเล่น ราฟเตอร์·พาวน์สัมผัสถึงความเย็นยะเยือกประหนึ่งปลายฤดูใบไม้ร่วงได้ทันที
“บัดซบ!” มันสบถหัวเสียพลางใช้มือหมุนลูกบิดประตูห้องนอนด้วยอากัปกิริยาสั่นเทา
ห้องนอนมีบรรยากาศมืดสนิท แสงสว่างเดียวคือจันทร์แดงสลัวนอกหน้าต่าง
ขณะราฟเตอร์กำลังจะปิดประตูตามหลังและทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ดวงตาของมันพลันเบิกโพลงอย่างตกตะลึงสุดขีด
มีใครบางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างผ้าม่าน!
บุคคลปริศนาสวมชุดคนงานสีเทาอมฟ้า รวมถึงหมวกแก๊ป ทุกส่วนของร่างกายหลบซ่อนภายใต้เงามืดมิดชิด
เมื่อสัมผัสถึงสายตาของบาโรเน็ตพาวน์ ชายปริศนาบรรจงเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า
ใบหน้าถูกทาด้วยแถบสีสามแถว แดง เหลือง และขาว ประหนึ่งตัวตลกจากคณะละครสัตว์ก็มิปาน
ราฟเตอร์·พาวน์เตรียมแหกปากพลางวิ่งหนีสุดชีวิต แต่การกระทำดังกล่าวไม่เกิดขึ้นเนื่องจากสายตาเหลือบเห็นลูกโม่ในมือขวาของอีกฝ่าย ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ชายปริศนาส่งเสียงแหบพร่าสองประโยค
“ขอแนะนำว่า…อย่าได้ทำเรื่องไม่ฉลาด”
“หากยอมร่วมมือ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอันตราย และไม่ขโมยทรัพย์สินใดในบ้านแม้แต่ชิ้นเดียว…ถ้ายังมีเหลืออยู่ละนะ”
สีหน้าราฟเตอร์·พาวน์เริ่มแปรเปลี่ยนหลายหน จนกระทั่งยอมปิดประตูห้องด้านหลังอย่างว่านอนสอนง่าย ตามด้วยการชูสองมือขึ้นพร้อมกับเดินไปนั่งบนขอบเตียง
“ต้องการอะไรจากผม?” มันสะอึกเล็กน้อยตามประสาของคนเมา ร่างกายสั่นระริก ก่อนจะรีบโพล่งหลังจากนึกบางสิ่งขึ้นได้ “ซิลวารัสยาร์ดอยู่ฝั่งตรงข้ามเองนะ!”
“ฉันรู้ แต่มั่นใจว่าตัวเองอยู่ใกล้นายมากกว่าซิลวารัสยาร์ดแน่นอน” ไคลน์ในร่างตัวตลก กล่าวต่อไปด้วยเสียงจงใจดัดให้แหบ “แค่จะถามสักสองสามข้อเท่านั้น”
ก่อนเดินทางมายังถนนซิสวารัส ไคลน์เข้ามิติสายหมอกเพื่อทำนายถามว่า การเดินทางของตนจะมีอันตรายหรือไม่ และผลลัพธ์ระบุว่าปลอดภัยไร้กังวล
“คำถาม?” ริมฝีปากราฟเตอร์ทวีความสั่นระริก ก่อนจะหัวเราะขื่นขม “อีกแล้วหรือ…ฉันไม่มีวันหนีจากฝันร้ายบัดซบนี่พ้นใช่ไหม?”
“ก่อนหน้าฉัน เคยมีคนจำนวนมากพยายามซักถามนาย?” ไคลน์ขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่แค่คำถาม! หลังจากท่านลุง ไวเคาต์ผู้มีหน้ามีตาในสังคม จากโลกนี้ไป เรื่องราวสุดบัดซบได้เกิดกับชีวิตผมนับไม่ถ้วน! คุณพ่อบ้านใจดีกลับลาออกโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย! บรรดาคนรับใช้ต่างทำตัวเย็นชาใส่โดยไม่มีเหตุผล ราวกับกลายเป็นคนแปลกหน้ากะทันหัน! พวกมันต้องกำลังมองหาบางสิ่งแน่ ใช่แล้ว! ตอนนั้นฉันยังถึงไม่สิบขวบด้วยซ้ำ! ทำได้เพียงเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบงันโดยไม่กล้าพูดคุยกับใคร อยากนอนหลับไปตลอดกาลและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย!” ราฟเตอร์ตะเบ็งเสียงตอบอย่างไร้เรี่ยวแรงราวกับใกล้หมดสติเต็มที
กำลังมองหาบางสิ่ง? พวกมันตามหาเบาะแสอาคารใต้ดิน? หรือกำลังตามหาสมบัติตกทอดของตระกูลพาวน์กันแน่? ตัวอย่างเช่น ตะกอนพลังหน้าประตูอาบเลือดบานนั้น ห้องซึ่งมีวิญญาณมารสิงสถิต…เชื้อพระวงศ์และโบสถ์คงทราบถึงการมีอยู่ของตะกอนพลัง เนื่องจากเหล่าอาวุโสต่างรู้จักกฎการอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงและความถาวรของพลังพิเศษเป็นอย่างดี…ในเมื่อตระกูลไวเคาต์พาวน์เสื่อมโทรม ตะกอนพลังก็ต้องถูกนำกลับมาคืนราชวงศ์…นอกเสียจากว่า อดีตไวเคาต์เฒ่าจะหาซื้อตะกอนพลังในเส้นทางเดียวกันไปหลอกคืนให้ราชวงศ์ เพื่อปกปิดการมีตัวตนของอาคารใต้ดิน…ไคลน์ผุดคำถามมากมายหลังจากตั้งใจฟังเรื่องราว
ชายหนุ่มอาจดูเหมือนทำตัวผ่อนคลาย แต่ความจริงพร้อมจู่โจมใส่อีกฝ่ายตลอดเวลา
“เกิดเรื่องแบบนั้นอยู่นานแค่ไหน?”
“ผมไม่ทราบ….ไม่ทราบอะไรเลย! รอบตัวมีแต่ใบหน้าไม่คุ้นเคย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบริวารคนใดสมรู้ร่วมคิดกันบ้าง…ฮะฮะ! เด็กอย่างผมทำได้แค่แสร้งตาบอด…หลังจากทำตัวน่าสมเพชอยู่หลายปี เหล่าบริวารจงใจบังคับให้ผมดื่มเหล้า ร่วมเพศ ติดพนัน และสูบยา ทั้งหมดก็เพื่อเปลี่ยนให้ผมกลายเป็นเหมือนพวกเศษขยะ!” ราฟเตอร์·พาวน์หัวเราะแห้งราวกับคนบ้า “เมื่อเห็นผมทำตัวเหลวแหลกโดยสมบูรณ์ พวกมันก็เลิกจับตามองทันที และเมื่อผมขายบ้าน เหล่าบริวารก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทั้งหมด! ไม่สิ คงยังไม่ไปไหนไกลแน่ พวกมันกำลังเฝ้ามองผม ไม่ปล่อยให้ผมแจ้งตำรวจได้ง่ายนัก…”
ชายคนนี้มีอาการทางจิต…เราไม่มีทางทราบเลยว่า คำพูดของเขาจริงหรือเท็จกันแน่ ถึงสีออร่าจะตรงตามอารมณ์ภายนอก แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า เขาไม่ได้สะกดจิตตัวเองให้เชื่อเช่นนั้น เพื่อกลบเกลื่อนชีวิตอันน่าสมเพชหลังจากไวเคาต์แก่ชราเสียชีวิตลง…ถ้าเป็นอย่างหลัง การกุเรื่องโกหกตัวเองซ้ำไปมาอย่างยาวนาน จะทำให้สมองฝังใจว่าเป็นความจริง…ในฐานะนักวิชาการคีย์บอร์ดจากโลกเก่า ผู้เก่งทุกเรื่องอย่างละนิด ไคลน์เคยพบคนหลอกตัวเองมานักต่อนักแล้ว
ผ่านไปสองวินาที ชายหนุ่มซักถาม
“แล้วคนก่อนหน้า ถามคำถามแบบไหน?”
“ถามว่าทายาทสองคนของอดีตไวเคาต์เสียชีวิตอย่างไร และถามว่าไวเคาต์เฒ่ามีพฤติกรรมเช่นไรในช่วงเวลาดังกล่าว…มาถามเรื่องแบบนี้กับเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบอย่างผมเนี่ยนะ? พวกเขาหวังคำตอบแบบไหน?” ราฟเตอร์กัดฟันกรอดขณะเล่าเรื่อง
“ใจเย็น…ใจเย็นก่อน” ไคลน์ยกมือซ้ายขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายใจเย็น ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดหาวิธีตรวจสอบว่า บาโรเน็ตพาวน์ทราบเรื่องของอาคารใต้ดินบ้างหรือไม่
หลังจากนั้น ไคลน์ซักถามอย่างละเอียดจนพึงพอใจ ก่อนจะเงยหน้ากล่าวกับราฟเตอร์ด้วยเสียงแหบพร่า
“ดูเหมือนนายจะไม่รู้อะไรเลยสินะ”
“ขอโทษสำหรับการรบกวนยามวิกาล”
ไคลน์ยืนขึ้น โน้มตัวคำนับเล็กน้อย เป็นการแสดงความขอโทษจากใจจริง
ระหว่างนั้น รอยยิ้มอันบ้าคลั่งและสติแตกของราฟเตอร์·พาวน์พลันจางหาย ดวงตาสีฟ้าครามจ้องมองไคลน์อย่างลุ่มลึก ราวกับกำลังสำรวจบางสิ่ง
เมื่อเห็นไคลน์เหยียดตัวตรงอีกครั้ง มันกลับไปเผยรอยยิ้มกึ่งเสียสติเช่นเดิม อัดแน่นไปด้วยโทสะ เศร้าโศก บ้าคลั่ง และขื่นขมทุกข์ระทม
ทันใดนั้น เสียงภาษาประหลาดพลันดังแว่วข้างหูราฟเตอร์กะทันหัน
“แดงฉาน!”
ไคลน์ฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในแผ่นโหละยันต์หลับใหล ก่อนจะโยนใส่ราฟเตอร์ด้วยมือข้างซ้ายอันเปลือยเปล่า
เมื่อเสียงโลหะกระทบพื้นดังกังวาน บรรยากาศสุขสงบพลันแผ่ซ่านไปทั่วห้องอย่างฉับพลัน โอบกอดร่างบาโรเน็ตพาวน์พร้อมกับกล่อมให้มันหลับใหล ทิ้งตัวลงบนเตียงกะทันหัน
“ต้องขอโทษด้วย คำถามก่อนหน้ามีไว้สำหรับเปรียบเทียบในภายหลัง ขั้นตอนถัดไปคือการคุยกับดวงวิญญาณโดยตรง” ไคลน์ใช้มือตบร่างราฟเตอร์·พาวน์ในชุดนอนแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมือกลับมาทาบหน้าอก และโค้งคำนับขอโทษอีกครั้ง
ถัดมา ชายหนุ่มใช้ยันต์ความฝันเพื่อบุกรุกฝันของราฟเตอร์ประหนึ่งโอสถ ‘ฝันร้าย’
ท่ามกลางโลกสีเทาส่องแสงระยิบระยับต่อเนื่อง ไคลน์กำลังเดินเคียงข้างราฟเตอร์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มันเห็นอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเหล่าสาวใช้ไร้ใบหน้ารอบตัว กลิ่นอายของพวกเธอเปี่ยมด้วยความไม่ปรกติและน่าหวาดกลัว ราฟเตอร์เหลียวมองด้านข้าง และได้พบชายชราผู้หนึ่งกำลังมองตอบ ถัดมา ไคลน์เห็นราฟเตอร์เดินไปนั่งขดตัวตรงมุมห้องด้วยอาการสั่นเทา เงาความมืดเริ่มกลืนกินฉากความฝันทีละนิด
ตรงตามคำอธิบายก่อนหน้าทุกประการ…ไคลน์พยายามชักนำความฝันให้ดำเนินไปตามจุดประสงค์ของตน แต่ก็ไม่ง่ายเลย เนื่องจากบาโรเน็ตพาวน์คนปัจจุบันมีอาการทางจิตขั้นรุนแรง เพียงกระตุ้นเล็กน้อยก็ทำให้ออกวิ่งแหกปากอย่างบ้าคลั่งไร้จุดหมาย
ด้วยปัจจัยข้างต้น ไคลน์จึงไม่ได้รับข้อมูลเป็นประโยชน์เพิ่มเติม
เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ ชายหนุ่มตัดสินใจออกจากห้วงความฝัน และโยนยันต์หลับใหลใส่ราฟเตอร์·พาวน์อีกแผ่น ตามด้วยการโปรยสารสกัดอมานด้า เตรียมประกอบพิธีกรรมสื่อวิญญาณกับเป้าหมาย
มันเรียกหามิติสายหมอก จากนั้นเข้าไปตอบรับ และส่งร่างจิตตัวเองทะลวงผ่านห้วงพายุความคิดเหยื่อ ถัดมาไม่นาน ไคลน์ได้พบดวงวิญญาณมายาเจ้าของร่าง ลักษณะเหมือนกับตัวจริงทุกประการ เพียงแต่โปร่งใส
“ไวเคาต์เฒ่ากล่าวสิ่งใดกับนายก่อนตาย” ไคลน์ไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนซักถาม
ราฟเตอร์·พาวน์พยักหน้ารับ
“เขาต้องการให้ผมรักษาตระกูลเอาไว้”
“อย่างอื่นล่ะ?” ไคลน์ถามย้ำ
“เขาต้องการให้ผมจดจำความรุ่งเรืองของบรรพบุรุษตลอดไป” ราฟเตอร์ขานตอบด้วยน้ำเสียงล่องลอย
ไคลน์ผงกหัว
“แล้วบรรดาสาวใช้มองหาสิ่งใด?”
“ผมไม่ทราบ” ราฟเตอร์ตอบเหมือนเดิม
เพื่อนำมาเปรียบเทียบ ไคลน์ยังคงยิงคำถามแบบเดียวกับเมื่อครั้งราฟเตอร์ยังมีสติครบถ้วน และได้ข้อสรุปว่า บาโรเน็ต·พาวน์มิไม่ได้โกหกตน ทุกสิ่งจากปากล้วนเป็นความจริงทั้งหมด
ถึงตรงนี้ ไคลน์ไม่คิดอยู่ต่อ มันนำร่างกายแหวกว่ายผ่านห้วงพายุความคิด จากนั้นก็ห่อหุ้มพลังวิญญาณส่งตัวเองกลับมายังโลกจริง
ถัดมา ไคลน์ใช้เทคนิคพิเศษทำลายหลักฐานทั้งหมดซึ่งอาจสาวถึงตน ตามด้วยการโยนนกหวีดทองแดงอะซิกไปยังจุดต่างๆ ของห้องเพื่อสร้างอำนาจ ‘ขัดขวางผลทำนาย’
“ขอบคุณสำหรับความร่วมมืออีกครั้ง มิสเตอร์บาโรเน็ต” เมื่อจัดการทุกสิ่งเสร็จสรรพ ไคลน์โน้มตัวคำนับนอบน้อมส่งท้าย
ชายหนุ่มหันหลังกลับ เปิดหน้าต่าง และกระโดดลงมายังถนนด้านล่าง หายตัวกลมกลืนไปกับความมืดมิดอย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นสักพัก ราฟเตอร์พาวน์ลืมตาตื่นขึ้นจากเตียงกะทันหัน
รอบดวงตาสีฟ้าครามของมัน ปรากฏให้เห็นเส้นเลือดฝอยสีแดงซึ่งเกิดการฉีกขาด!
ราฟเตอร์ดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง มันหันไปมองบานหน้าต่างห้องนอนซึ่งกำลังเปิดอ้า
…
หลังจากนั่งรถม้าอ้อมผ่านเขตตะวันออก ไคลน์แวะล้างเครื่องสำอางและเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นปรกติ ปิดท้ายด้วยการเดินทางกลับบ้าน 15 ถนนมินส์ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
มันยังไม่เข้านอนทันที และไม่ได้คิดถึงวิธีจัดการกับอาคารใต้ดิน ตรงกันข้าม ชายหนุ่มส่งตัวเองเข้ามิติสายหมอกเทา
บนเก้าอี้ประธานใหญ่ ไคลน์แบมือออกอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นเส้นผมสีน้ำตาลหนึ่งกระจุก ทั้งหมดเป็นของราฟเตอร์·พาวน์ ได้มาจากการกระชากขณะอีกฝ่ายนอนหลับ
ยังเหลือวิธีสุดท้ายสำหรับยืนยัน…ทำนายบนมิติสายหมอก…ไคลน์พึมพำ ตามด้วยการเสกปากกาและกระดาษหนัง เขียนข้อความทำนายลงไปโดยไม่ลังเล เพราะนั่งไตร่ตรองมาตลอดทางแล้ว
“อนาคตของราฟเตอร์·พาวน์”
เราสามารถตรวจสอบอดีตของอีกฝ่ายได้จากการมองเห็นอนาคต! ไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้พนักสูง ปากขยับพึมพำประโยคทำนายจนครบเจ็ดครั้ง
ในเมื่อซากอาคารโบราณใต้ดินมีส่วนเกี่ยวข้องกับหกเทพจารีต ไคลน์ไม่กล้าผลีผลามทำนายถึงโดยตรง จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำนายถามอนาคตของราฟเตอร์·พาวน์แทน
………………….