Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 279

Lord of the Mysteries 279

ตอนที่ 279 : ทุกข์มาพร้อมสุข

ท่ามกลางอาคารโบราณมืดมิด ไคลน์เดินไปรอบโถงหลักพร้อมกับตะเกียงในมือ จุดประสงค์คือการตรวจสอบว่า ยังมีทางเข้าออกอื่นเหลืออยู่อีกหรือไม่ แน่นอน มันไม่กล้าย่างกรายเข้าไปในทางเดินคับแคบตรงกลาง ทางเดินซึ่งนำพาไปสู่บานประตูอาบโลหิต ส่วนกองทัพงูจำนวนมาก ถูกขับไล่โดยสายลมหนาวเย็นเช่นเดิม

เมื่อยืนยันแน่ชัดว่าไม่มีทางอื่น ไคลน์รีบถอยกลับไปยืนข้างประตูทางเข้าแรกสุด สายตาชำเลืองมองซอมบี้สามตนและมาดามชารอนกำลังติดตั้งระเบิดตามจุดต่างๆ

“เธอดูชำนาญมากเลยนะ” ไคลน์รำพันพลางถอนหายใจแผ่วเบา

เป็นไปตามคาด ซอมบี้ทั้งสามไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดชายหนุ่ม

เหตุผลหลักก็คือ ไคลน์ใช้พลังวิญญาณของตนผนึกนกหวีดทองแดงไว้ ไม่อย่างนั้น คงถูกต้อนรับอย่าง ‘อบอุ่น’ จากเหล่าซอมบี้ทรงพลัง

ว่ากันตามตรง มันไม่อยากพกนกหวีดทองแดงติดตัวสักเท่าไร แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่ต้องการถูกวิญญาณมารครอบงำ จึงไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องยอมเสียสละพลังวิญญาณบางส่วนไปผนึกนกหวีด

มิสบอดี้การ์ด ไม่สิ มาดามชารอน เธอเคยบอกว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวางระเบิด ดูเหมือนจะไม่ได้โกหกสินะ…

เคยทำงานประเภทนี้มาก่อน? หรือพลังโอสถบางชนิดช่วยให้ชำนาญการวางระเบิด? จากเอกสารลับของเหยี่ยวราตรี มีบางเส้นทางเข้าข่าย เช่นลำดับเก้า อาชญากร นักโทษ นักรบ และนักล่า ลำดับแปด เจ้าพนักงาน ลำดับเจ็ด เจ้าศาสตรา และผู้พิทักษ์ข้อมูล…อย่างหลังสุดมีชื่อเล่นว่า ‘นักสืบ’ เป็นเส้นทางภายในการครอบครองของโบสถ์ปัญญาความรู้…ส่วนโอสถอื่น เราไม่มีข้อมูลเลยสักนิด

มาดามชารอนอยู่บนเส้นทางใด? พลังของเธอไม่สอดคล้องกับข้อมูลในสมองเราเลยสักอย่างเดียว โดยเฉพาะการควบคุมซอมบี้…

ขณะความคิดไคลน์กำลังโลดแล่นและเริ่มคาดเดาต่างๆ นานา ชารอนเตรียมระเบิดเสร็จพอดี ก่อนจะจุดชนวนโดยไม่บอกกล่าว

ช…ชนวนถูกจุดแล้ว? ทำไมถึงไม่บอกกันสักคำ? เฮ้ เฮ้ เฮ้! คนสวย! ช่วยเตือนส่งเสียงก่อนได้ไหม! เมื่อไคลน์ได้สติ มันรีบเผ่นออกจากโถงหลักไปยังทางเดินด้านนอกด้วยร่างกายสั่นเทา

ส่วนซอมบี้ทั้งสาม พวกมันเดินตามหลังชายหนุ่มอย่างใจเย็น

“ตรงนี้ปลอดภัยมาก” ชารอนปรากฏตัวกะทันหัน เธอกำลังลอยข้างไคลน์

ไคลน์หายใจอย่างผ่อนคลาย ก่อนหันไปซักถามเพื่อให้แน่ใจ

“แล้วฝุ่นละอองจากแรงสะเทือนจะไม่ฟุ้งท่วมตรงนี้หรือ?”

“ท่วม” ชารอนตอบพยางค์เดียว

“เยี่ยมไปเลย” ขณะกล่าว ไคลน์ถอยผงะหลังหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ

เสียงเผาชนวนดังแว่วข้างหูทุกลมหายใจ ไคลน์มิอาจหลีกเลี่ยงความกระวนกระวาย

ไม่ใช่เพราะมันหวาดกลัวแรงระเบิด เพียงแต่ไม่สบายใจอย่างไร้เหตุผล

“หนึ่ง” ชารอนโพล่งขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย

“หือ?” ไคลน์ไม่เข้าใจความหมายของหนึ่ง

บึ้มมมมมม!

พื้นทางเดินสะเทือนรุนแรง กลุ่มก้อนฝุ่นละอองพวยพุ่งเข้าหาจากทุกทิศทาง โดยเฉพาะด้านบนซึ่งมากเป็นพิเศษ โสตประสาทไคลน์พลันอื้ออึงจนไม่ได้ยินสิ่งใดไปชั่วขณะ

หากไม่เพราะมีพลังโอสถตัวตลกช่วยไว้ ป่านนี้เราคงเสียหลักล้มหัวคะมำไปแล้ว…

แค่ก! แค่ก! แค่ก! ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่ได้ตั้งตัว ไคลน์ไม่ทันได้ปิดปากปิดจมูกให้เรียบร้อย ฝุ่นควันจึงพุ่งเข้าหน้าเข้าตาพลางไอกระแอมรุนแรง ระหว่างนั้น ก้อนหินใหญ่และเศษดินโคลนถล่มลงมาปิดทางเข้าจนมิดชิด

ขณะพื้นทางเดินยังไม่หายสะเทือน ไคลน์กำนกหวีดอะซิกไว้แน่นถนัด สายตาสอดส่องมองหาภัยอันตรายเพิ่มเติม

แม้จะทำนายยืนยันแล้วว่า ภารกิจในวันนี้ปลอดภัยหายห่วง แต่มันก็ไม่กล้าเชื่อสนิทใจ แม้จะเป็นผลการทำนายจากมิติสายหมอกก็ตาม…เพราะด้านในมีเทวรูปของหกเทพจารีตตั้งอยู่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ชายหนุ่มจึงเลือกพึ่งพานกหวีดอะซิก ให้ช่วยขจัดปัดเป่าออร่าวิญญาณมารหากมันเล็ดลอดออกจากผนึก

เมื่อสัมผัสว่านกหวีกทองแดงยังคงแผ่ไอเย็นอย่างอ่อนโยนเหมือนทุกที และไม่มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงไปในทางผิดปรกติ ไคลน์เริ่มบรรเทาความกังวล มันหันไปมองสามซอมบี้ด้านข้าง และยืนยันได้หนึ่งเรื่องจากกระจกตาของพวกมัน

ใบหน้าของตนกำลังสกปรกมอมแมมมาก!

ไม่เลว…อย่างน้อยก็เป็นหลักฐานให้มิลเลอร์·คาเตอร์เชื่อคำพูดเรา…การเปลี่ยนมาสวมชุดคนงานและหมวกแก๊ปไม่เสียแรงเปล่า…ชายหนุ่มเดินเข้าไปสำรวจบริเวณทางเข้าอาคารโบราณและพบว่า สิ่งก่อสร้างด้านในถูกผนึกไว้โดยสมบูรณ์

โชคดีว่า แรงระเบิดไม่ส่งผลกระทบกับโครงสร้างหลักมากนัก บุคคลผ่านเข้าออกจึงเหลือเพียงเส้นทางผู้ฝึกหัด และกายาพิเศษเหมือนกับมาดามชารอน ถือเป็นการตัดคู่แข่งจำนวนมากในคราวเดียว…ไม่แปลกใจกว่าทำไมเธอถึงยอมช่วยโดยไม่คิดเงิน…ไคลน์ยืนจ้องมองซากดินหินพลางรำพัน

แน่นอน เราเองก็เข้าไปได้เช่นกัน…เพราะเรามีร่างจิต! ไคลน์กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า

“ไปปิดงานกันเถอะ”

มันดีดนิ้วเสียงดังด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็นำทางสามซอมบี้กลับเข้าห้องใต้ดินของบ้าน ส่วนชารอนหายตัวไปสักพักแล้ว

ภายใต้ห้องใต้ดินโอ่อ่า มิลเลอร์·คาเตอร์กำลังเดินกระวนกระวาย สายตาเหลือบมองประตูห้องลับเป็นระยะ

เมื่อเห็นนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้เดินออกมาพร้อมผู้ช่วย มิลเลอร์รีบซักถามเสียงกังวล

“ข้างในเกิดอะไรขึ้น?”

ไคลน์แสร้งหายใจหอบ

“สภาพของอาคารใต้ดินเก่ามาก คล้ายกับไม่เคยถูกบูรณะซ่อมแซมเป็นเวลานาน ขณะพวกเรากำลังขับไล่งู เพียงขยับพลาดนิดเดียว โครงสร้างก็ถล่มลงมาทันที แต่โชคดีว่ายืนอยู่ใกล้กับทางออก จึงวิ่งหนีทันหวุดหวิด”

“โอ้วายุสลาตัน! อาคารใต้ดินอันตรายขนาดนั้นเชียว?” มิลเลอร์เลื่อนกำปั้นขึ้นมาทาบอก

“ใช่ครับ สำหรับอาคารโบราณ ส่วนใหญ่จะมีสภาพชำรุดทรุดโทรมและไม่ถูกบูรณะตามหลัก มีแค่ส่วนน้อยจะได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี” ไคลน์ตอบฉะฉาน “ผมจะพาคุณเข้าไปยืนยันสถานการณ์ด้านใน”

“มันจะไม่ถล่มลงมาอีกแน่นะ?” มิลเลอร์แสดงสีหน้ากังวล

“ไม่ครับ บริเวณทางเข้าปลอดภัยมาก” ชายหนุ่มจงใจปัดฝุ่นพลางแกล้งไอเสียงดัง จากนั้นก็เดินนำทางนายจ้างไปยังหน้าจุดหินถล่ม บริเวณกำแพงและประตูโถงหลักล้วนถูกซากหินก้อนใหญ่ปกปิดมิดชิด เหลือเพียงคราบดินโคลนประปราย

“คุณสามารถใช้บริเวณนี้ได้” ไคลน์กล่าวพลางชี้นิ้วไปยังเขตทางเดินและห้องว่าง

มิลเลอร์เงียบงันหลายวินาที ก่อนจะถอนหายใจยาว

“ขอบคุณสวรรค์ โชคดีว่าผมไม่บุ่มบ่ามส่งคนของตัวเองเข้าไปสำรวจก่อน แต่เลือกมองหาคุณ มืออาชีพตัวจริง ให้จัดการงานนี้แทน ไม่อย่างนั้นคงต้องแลกมาด้วยหลายชีวิต ขอบคุณมาก งานของคุณจบลงแล้ว ผมจะจ่ายงวดสุดท้ายตามสัญญา”

ขณะกล่าว มิลเลอร์·คาเตอร์ล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ นับจำนวนธนบัตร และแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนหลังจากพบว่า ตนมีเงินสดติดตัวเพียงสามสิบปอนด์เท่านั้น

“ไม่เป็นไร ผมยังเหลือเงินตรารูปแบบอื่น ไม่อย่างนั้นคงต้องเดินทางไปธนาคาร” มิลเลอร์พึมพำขณะมองไปทางไคลน์ “คุณรับค่าจ้างเป็นเหรียญทองปอนด์ได้ไหม?”

“รับครับ ผมไม่ปฏิเสธเงินทุกชนิด” มันยิ้ม

ประเภทเงินตราของอาณาจักรโลเอ็น นอกจากธนบัตรแล้ว ยังมีเหรียญทองปอนด์มูลค่าเทียบเท่าธนบัตรปึกใหญ่ โดยเหรียญทองเหล่านี้มีบทบาทคอยกำกับมูลค่าของเงินกระดาษอีกทอดหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายร้อยปีหลัง พลเมืองทวีปเหนือได้รับอิทธิพลจากจักรพรรดิโรซายล์อย่างแพร่หลาย ทุกคนชื่นชอบการใช้เงินกระดาษ เพราะพกพาง่าย สะดวกสบาย ถึงขั้นมีสมาชิกสภาบางคนเสนอให้พิมพ์เงินกระดาษแทนเหรียญเพนนี

ทอง แร่หายากและมีมูลค่ามหาศาลของโลกใบนี้ แทบไม่เคยถูกนำมาใช้หมุนเวียนในระบบแลกเปลี่ยน แต่จะได้รับความนิยมในหมู่กลุ่มสุภาพบุรุษสูงวัยบางคน ซึ่งยังหลงใหลการได้เห็นและสัมผัสก้อนทองคำด้วยปลายนิ้ว พวกเขามักพกกล่องทองติดตัวเสมอ ส่วนมากจะห้อยไว้ตรงปลายโซ่นาฬิกาพก

จุดประสงค์คือ เก็บไว้มองเพื่อสร้างความสุขให้ตัวเอง รวมถึงเป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน

มิลเลอร์พยักหน้ารับ มันรูดมือไปตามโซ่ทองบนหน้าอก ก่อนจะกระตุกปลายโซ่เพื่อดึงกล่องขนาดไม่ใหญ่มากออกจากกระเป๋า ผิวกล่องส่องแสงระยิบระยับแบบเดียวกับโซ่

สุภาพบุรุษสูงวัยเปิดผากล่อง หยิบเหรียญทองจำนวนห้าเหรียญ นำไปรวมกับปึกธนบัตรสามสิบปอนด์ก่อนหน้า ก่อนจะยื่นเงินตราทั้งหมดมาทางไคลน์

ชายหนุ่มยืนนับปึกธนบัตรต่อหน้ามิลเลอร์อย่างไม่เกรงใจ ปิดท้ายด้วยการดีดเหรียญทองห้าเหรียญขึ้นไปในอากาศ และใช้มือคว้าไว้ได้ทั้งหมดอย่างสง่างาม

“ขอบคุณสำหรับความใจกว้าง” ไคลน์กล่าวพลางเงยหน้ามองนายจ้าง จากนั้นก็นำมือขวาทาบอกและโค้งคำนับมิลเลอร์อย่างนอบน้อม

ถ้าเป็นนักสืบธรรมดา ต่อให้พวกมันใช้ระเบิดถล่ม แต่คงได้เผชิญฝันร้ายหลังจากกลับถึงบ้านแน่นอน…สุ้มเสียงมายาจะตามหลอกหลอนโสตประสาท จิตใจอ่อนแอและห่อเหี่ยว สมองกระวนกระวายตลอดเวลา ราวกับถูกใครบางคนจ้องมองในทุกลมหายใจ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของภัยอันตรายจากออร่าวิญญาณมาร ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะหายขาดไปเอง…แต่เรากับชารอนค่อนข้างพิเศษ เธออยู่ในร่างผีตลอดเวลา ส่วนตัวเรา ออร่าวิญญาณมารจะหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเข้าสู่ห้วงมิติหมอกเทา สำหรับซอมบี้สามตนก็ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง พวกมันไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งความตาย ออร่าวิญญาณมารย่อมทำอะไรไม่ได้แน่…ไคลน์นึกตรึกตรองอารมณ์ดี ก่อนจะโบกมืออำลามิลเลอร์·คาเตอร์และเดินออกจากบ้าน

เมื่อถึงถนนใหญ่ โดยไม่รอคำสั่งจากไคลน์ ซอมบี้สามตนมุ่งหน้าไปยังจุดหมายใหม่ด้วยตัวเอง

มาดามชารอนไปแล้วสินะ…เธอไม่คิดเงินค่าเช่าซอมบี้จริงด้วย…ไคลน์อมยิ้มพลางโบกมือลาสามซอมบี้อย่างมีความสุข

ถัดมา ชายหนุ่มกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และออกเดินทางไปยังสโมสรครักซ์เพื่อฝึกยิงปืน

แน่นอน ไคลน์ไม่ลืมฟาดอาหารเที่ยงฟรีจนราบคาบ ลากยาวไปจนถึงมื้อเย็นแสนหรูหรา เป็นการให้รางวัลตัวเองหลังจากจบภารกิจยากลำบากพร้อมเงินก้อนโต ปิดท้ายด้วยการเดินทางกลับบ้านบนถนนมินส์โดยรถม้าสาธารณะ

ท่ามกลางถนนมืดสลัว มีเพียงแสงเหลืองนวลจากเสาตะเกียง ไคลน์ย่างกรายอย่างสบายใจด้วยไม้ค้ำในมือซ้าย

ทันใดนั้น มันได้รับลางสังหรณ์ประหลาด บอกไม่ได้ว่าดีหรือร้ายกันแน่

เกิดอะไรขึ้น? เมื่อไคลน์หยุดเดินและเงยหน้ามองรอบตัว มันพบตำรวจสองนายและสุนัขดมกลิ่น กำลังเดินตรวจตราตามท้องถนน

กำลังสืบคดี? ด้วยสุนัขตำรวจ? หรือจะเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง? ตามปรกติแล้ว จุดเกิดเหตุคดีฆาตกรรมมักมีกลิ่นมะเฟืองและกานพลูเจือจาง จึงต้องใช้สุนัขช่วยดมกลิ่น…ไคลน์วิเคราะห์ตามนิสัย

ในยุคปัจจุบัน สุนัขเลี้ยงตามบ้านเพิ่งแพร่หลายหลังจากจักรพรรดิโรซายล์เป็นผู้ริเริ่มเพาะพันธุ์ ส่งผลให้ยังมีจำนวนไม่มากนัก

เมื่อประเมินว่าตัวเองพกสิ่งของต้องสงสัยค่อนข้างมาก ผนวกเข้ากับลางสังหรณ์เมื่อครู่ ไคลน์ตัดสินใจเดินอ้อม

ทันใดนั้น ตำรวจทั้งสองนายจ้องมองมาทางไคลน์ พร้อมกับส่งสัญญาณให้หยุด

มุมปากชายหนุ่มพลันกระตุกระริก มันยืนรอชะตากรรมด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า

“ขอค้นตัวตามระเบียบปฏิบัติ” ขณะย่างกรายเข้าใกล้ ตำรวจนายหนึ่งแสดงบัตรยืนยันตัวตน

“ไม่มีปัญหาครับ” ไคลน์ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค สุนัขตำรวจพลันส่งเสียงขู่คำรามตามด้วยเห่ากรรโชก

พวกมันได้กลิ่นดินระเบิด? หรือกลิ่นดินปืนจากการซ้อมยิงปืนช่วงบ่าย? ไคลน์ตระหนักถึงสาเหตุของความผิดปรกติ มันเงยหน้ามองสองตำรวจ ผู้กำลังอยู่ในท่าชักปืนเล็ง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอธิบาย “คงเป็นเจ้านี่…ผมบังเอิญเก็บปืนได้ระหว่างทางกลับบ้าน พร้อมด้วยซองปืนรักแร้และเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง กำลังจะไปนำไปส่งตำรวจอยู่พอดี”

มันหยิบลูกโม่ออกจากซองอย่างเชื่องช้า ตามด้วยการชูมือสองข้างขึ้นระดับหัวไหล่ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“คุณตำรวจ อย่างมองด้วยสายตาแบบนั้นสิครับ ผมไม่มีเจตนาพกอาวุธปืนอย่างผิดกฎหมายสักหน่อย”

ขณะตำรวจคนหนึ่งกำลังตั้งท่าเล็ง ตำรวจอีกคนเดินมาหยิบปืนไปจากมือไคลน์ ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม

“คุณต้องไปสถานีกับพวกเรา”

“ตกลงครับ” ไคลน์ยังคงสวมยิ้ม “แต่ผมมีเงื่อนไข พวกคุณต้องติดต่อทนายของผมก่อน มิสเตอร์เยอร์เก้น·คูเปอร์ ผมไม่อนุญาตให้ใครค้นตัวถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วย”

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version