Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 280

Lord of the Mysteries 280

ตอนที่ 280 : ก้าวแรก

ณ มุมหนึ่งในเขตตะวันออก

‘ยีน’ ผู้กำลังเมามาย มันยืนหันหน้าเข้าหากำแพง ถกกางเกงลง และเริ่มลงมือรดน้ำตะไคร่สีเขียวอย่างสบายใจ

ขณะใกล้เสร็จ ใครบางคนตบบ่ามันอย่างอ่อนโยนจากด้านหลัง

ยีนพลันตัวสั่นเทา รีบถกกางเกงขึ้นพลางบิดตัวหันกลับไปมอง และได้พบกับเด็กชายร่างเล็ก สวมเสื้อนอกเนื้อหยาบพร้อมกับหมวกแก๊ป

‘เด็กผู้ชาย’ เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนและใบหน้าค่อนข้างดูดี แม้จะสกปรกมอมแมมเล็กน้อย

“ซิล? ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้?” ยีนโพล่งขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ซิลเลื่อนนิ้วชี้จ่อริมฝีปาก เป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายเงียบ

พร้อมกันนั้น เธอกล่าวด้วยเสียงจงใจดัด

“ฉันถาม นายตอบ ช่วยเบาเสียงด้วย”

เมื่อถูกความน่าเกรงขามเป็นล้นพ้นคุกคาม ยีนทำได้เพียงพยักหน้ารับ

“มีคนรอบตัววิลเลียมส์ เสียชีวิตภายในสองสามวันผ่านมาบ้างไหม” ซิลถามเสียงเบา

ยีนพยายามเค้นความทรงจำ ด้วยสมองซึ่งกำลังถูกแอลกอฮอล์ครอบงำ

“กาวิน! กาวินถูกพบเป็นศพลอยในแม่น้ำทัสซอคเมื่อเช้า! บางที หมอนั่นคงพลัดตกลงไปในแม่น้ำเมื่อคืน…แม้จะว่ายน้ำไม่เป็น แต่กลับชอบสูดบรรยากาศริมแม่น้ำตอนเมา”

ดวงตาซิลพลันหรี่ลง ก่อนเค้นคำถามใหม่

“กาวินรับภารกิจจากวิลเลียมส์ใช่ไหม? ภารกิจตามหาตัวลาเนวุส”

“แน่นอน พวกเราทุกคนล้วนได้รับงานจากวิลเลียมส์ แต่ก็ไม่ใช่งานใหญ่อะไร แค่ตระเวนไปตามถนนและแสดงรูปถ่ายเป้าหมาย ถามทุกคนว่าเคยเห็นบุคคลในภาพไหม และให้คอยสอดส่องเอาไว้ บุคคลหน้าคล้ายก็ไม่เว้น จริงสิ…วิลเลียมส์บอกว่า ถ้าใครพบเบาะแส เขาจะเลี้ยงเหล้าและอาหารนานสามวันเต็ม! แต่น่าเสียดาย เขาดันจากไปไวจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด…ฉันถึงไม่อยากให้เจ้าของบ้านติดท่อแก๊สยังไงล่ะ! อึก…นั่นมันเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้ฉันมีเงินพอแค่ซุกหัวนอนในห้องพักราคาถูกเท่านั้น” ยีนรำพัน

“แล้วกาวินดูแลย่านไหน? เขาได้เล่าอะไรให้นายฟังบ้าง” เมื่อกล่าวจบ ซิลมองรอบตัวพลางเม้มริมฝีปาก ก่อนจะหันกลับมาจ้องยีน

“ข…เขามักตะเวนไปตามย่านท่าเรือ แถวอู่ต่อเรือไบลัมตะวันออก เมื่อวานเขายังมาพบฉันและเล่าว่า ได้แวะเข้าไปกระจายข่าวเกี่ยวกับการตามหาตัวลาเนวุสในโรงเหล้าสหภาพแรงงาน แถมแจกจ่ายภาพวาดของลาเนวุสให้ทุกคนช่วยกันจำ” ยีนเล่าพลางสะอึก

กรุงเบ็คลันด์มีท่าเรือเป็นจำนวนมาก และท่าเรือส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็น ‘อู่ต่อเรือ’

“หลังจากนั้นล่ะ? กาวินได้เล่าบ้างไหมว่าคิดจะทำอะไรต่อ” ซิลขมวดคิ้ว

“แน่นอน ดื่มไงล่ะ! เขามีแผนจะดื่มให้เมาและหาห้องซุกหัวนอน! เฮ่อ…บางที เขาคงรู้สึกว่าร่างกายร้อนขณะเมา จึงลงไปว่ายน้ำเล่นในแม่น้ำ แต่ลืมว่าตัวเองว่ายไม่เป็น แถมนี่มันใกล้ฤดูหนาวแล้ว!” ยีนถอนหายใจยาว

นี่มัน…กาวินยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย…เพียงแวะเข้าในโรงเหล้าสหภาพแรงงานย่านอู่ต่อเรือไบลัมตะวันออก และแจกจ่าย ‘ใบปลิว’ เพื่อให้คนงานช่วยกันเป็นหูเป็นตามองหาลาเนวุส หลังจากนั้นไม่นานก็เสียชีวิต โดยยังไม่ได้เบาะแสของลาเนวุสแม้แต่อย่างเดียว…ไม่ผิดนักถ้าจะสรุปว่า กาวินถูกฆ่าเพียงรับงานจากวิลเลียมส์…พฤติกรรมฆาตกร คงเรียกว่าเป็นพวกสุดโต่งไม่ได้อีกแล้ว ต้องใช้วลี ‘เสียสติ’ เท่านั้นจึงจะอธิบายได้เห็นภาพ…

ถ้าเราเป็นลาเนวุส ทางเลือกฉลาดคือการย้ายตัวเองไปหลบซ่อนสักแห่ง พยายามหลีกเลี่ยงนักล่าค่าหัว นอกเสียจาก…นอกเสียจากกำลังพัวพันกับบางสิ่งสำคัญมาก ไม่สามารถถอนตัวได้ในระยะสั้น…แต่ว่า…ยังมีนักล่าค่าหัวอีกมากกำลังตามหามัน ไม่ใช่เราคนเดียวสักหน่อย มันอาจฆ่าวิลเลียมส์ได้ก็จริง แต่คิดจะเก็บนักล่าค่าหัวทุกคนของเขตตะวันออกเลยหรือไง? ถ้ามีพลังขนาดนั้นจริง ทำไมถึงไม่ไปฆ่าคนปิดใบค่าหัวของซิลวารัสยาร์ด!

ซิลกำลังสับสนกับตรรกะแสนพิสดารของคนร้าย เธอยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า ทำไมมันถึงต้องลงมือฆ่าวิลเลียมส์อย่างอุกอาจ

ลงเอยด้วย เธอตัดสินใจรายงานความคืบหน้ากับมิสออเดรย์เป็นลำดับแรก จากนั้นก็ปลอมตัวและเดินทางไปยังโรงเหล้าสหภาพแรงงาน จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อการแจกจ่ายใบปลิวลาเนวุสเหมือนกาวิน แต่เป็นการมองหาบุคคลต้องสงสัยอย่างเงียบงัน

เขตเชอร์วู้ด สถานีตำรวจไรซ์

ภาพเก่าย้อนกลับมาอีกครั้ง ไคลน์กำลังนั่งรวมกลุ่มกับหัวขโมยและขี้เมาบนม้านั่งยาว

ดวงซวยชะมัด…ดันถูกตำรวจดักตรวจ แถมยังเดินอ้อมหนีไม่ทัน…ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้ฆาตกรต่อเนื่องบัดซบนั่น! ขณะไคลน์กำลังสาปแช่งใครบางคนในใจ มันครุ่นคิดหาวิธีซ่อนยันต์ ขวดสมุนไพร และน้ำมันสกัด ซึ่งยากจะอธิบายสาเหตุการพกพา เพราะการค้นตัวจากตำรวจกำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ช้า เมื่อนักกฎหมายเยอร์เก้นเดินทางมาถึงสถานี

ไคลน์เตรียมซ่อนบางส่วนไว้ในถุงมือสีดำ รวมถึงซ่อนไว้ตามจุดอับของสถานีตำรวจ และค่อยกลับมาเอาคืนหลังจากถูกปล่อยตัว

แต่ทันใดนั้น ดวงตาของมันสั่นเทา เมื่อเหลือบเห็นนักกฎหมายหนุ่ม เยอร์เก้น·คูเปอร์ ผู้หวีผมเรียบแปล้ แต่งกายมาดเนี้ยบ ราวกับเตรียมไปเข้าร่วมงานเลี้ยง กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ ด้านหลังยังมีตำรวจสองนายเดินตามไม่ห่าง

“ลงนามตรงนี้แล้วกลับบ้านได้” เยอร์เก้นกล่าวด้วยเสียงขึงขัง

“แค่นี้เองหรือ?” ไคลน์ขมวดคิ้วงุนงง

เยอร์เก้นพยักหน้ารับ

“ใช่ ตำรวจทราบว่าคุณเป็นนักสืบชื่อดัง”

เหตุผลบ้าบออะไรกัน? แต่ไคลน์ไม่กล้าซักถามมากความ รีบลุกพรวดขึ้นและเดินตามเยอร์เก้น ผู้สวมโค้ทขนสัตว์สีดำยาว เข้าไปในห้องจัดการเอกสาร ลงนามชื่อตัวเองอย่างไม่รีบร้อน และเดินออกจากสถานีตำรวจไรซ์

สภาพอากาศแตกต่างจากคราวก่อน เมื่อครั้งเยอร์เก้นช่วยประกันตัวในคดีเมอซอล ค่อนข้างมาก ปัจจุบันไม่มีฝนปรอย แต่ยังคงปรากฏหมอกหนา บดบังดวงจันทร์สีแดงเลือดนกบนท้องฟ้า ถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของกรุงเบ็คลันด์มาช้านาน และเนื่องจากเขตเชอร์วู้ดค่อนข้างเจริญ ถนนสองฝั่งจึงมีเสาตะเกียงคอยมอบแสงเหลืองนวลเพียบพร้อม

“ขอบคุณมาก! ผมติดหนี้คุณอีกแล้ว!” ชายหนุ่มรีบย่ำเท้าเดินตามเยอร์เก้นให้ทัน

นักกฎหมายหนุ่มหันมองด้วยสีหน้าขึงขัง ตามด้วยการเปล่งเสียงราบเรียบไร้รอยยิ้ม

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ นี่เป็นงานของผม”

“สองปอนด์”

“…” ไคลน์จ้องมองอีกฝ่ายไม่กะพริบ ก่อนจะเผยรอยยิ้มขบขัน “ตกลง”

ในระยะหลัง กระเป๋าสตางค์ของมันค่อนข้างอู้ฟู่ ธนบัตร หนึ่งปอนด์สองใบถูกหยิบออกมาจ่ายอย่างไม่ลังเล

เยอร์เก้นรับเงินโดยปราศจากท่าทีนอบน้อม เพียงพูดด้วยเสียงจริงจังตามปรกติ

“ถ้าคุณยอมให้ผมเป็นนักกฎหมายประจำตัวอย่างเป็นทางการ ทุกครั้งเมื่อเกิดเรื่องและผมต้องมาประกันตัว จะคิดราคาเพียงปอนด์เดียวเท่านั้น แน่นอน ต้องไม่ใช่คดีร้ายแรง คุณควรเข้าใจด้วยว่า ค่าจ้างของผมส่วนใหญ่ถูกหักไปให้กับสำนักงาน”

เหมือนกับหมอนี่กำลังแช่งให้เราให้แวะโรงพักบ่อยๆ …เฮ่อ…ตำรวจไม่ยอมชงกาแฟให้สักแก้ว แม้แต่น้ำเปล่าก็ไม่… ไคลน์ยังไม่ทันมอบคำตอบ มันได้ยินเยอร์เก้นพูดเสริม

“สำหรับนักสืบเอกชน การเข้าออกโรงพักไม่ใช่เรื่องใหม่ ถ้าดวงไม่ดี บางคนต้องแวะถี่มากหน่อย คล้ายกับเป็นคำสาปของอาชีพ คดีส่วนใหญ่ของนักสืบเอกชน มักหนีไม่พ้นการพกพาอาวุธโดยไม่มีใบอนุญาต รวมถึงการลอบเข้าบ้านผู้อื่นโดยพลการ แต่คุณรับมือกับสถานการณ์ได้ดีมาก ทางตำรวจไม่มีหลักฐานมากพอ ว่าคุณจงใจพกพาอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย และคำอธิบายของกลิ่นดินปืนบนตัวก็สมเหตุสมผล ชื่อของสโมสรครักซ์มีน้ำหนักกับตำรวจ ไม่อย่างนั้นคงถูกดำเนินคดีและต้องขึ้นศาล ส่งผลให้สถานภาพคุณไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย แต่เป็นพลเมืองดี ผู้เก็บอาวุธปืนได้และกำลังจะนำไปมอบให้ตำรวจ สิ่งนี้คือเหตุผลสำคัญซึ่งช่วยให้ไม่ถูกค้นตัว”

งั้นหรอกหรือ…แต่เราต้องเสียลูกโม่ไปหนึ่งกระบอกพร้อมกระสุน นั่นเป็นเงินหลายปอนด์ทีเดียว…แถมยังต้องจ่ายค่าทนายอีกสองปอนด์! ไคลน์พยายามฝืนยิ้ม

“เข้าใจแล้ว นักกฎหมายเยอร์เก้น ได้โปรดมาเป็นทนายประจำตัวของผมด้วย”

มุมปากเยอร์เก้นพลันกระตุกเล็กน้อย มันเผยรอยยิ้มของมืออาชีพ และปิดท้ายด้วยการยื่นแขนออกมาหาไคลน์

“หวังว่าพวกเราจะเข้ากันได้ดี”

“และหวังว่าผมจะไม่ต้องไปช่วยประกันตัวคุณบ่อยๆ”

แล้วคิดว่าฉันอยากนักหรือ…ไคลน์ยิ้มแห้ง

เมื่อกลับถึงบ้าน 15 ถนนมินส์ ไคลน์ผ่อนคลายตัวเองด้วยการแช่อ่างน้ำร้อน

ระหว่างกำลังมีความสุข โสตประสาทพลันได้ยินเสียงเพรียกมายาแหบพร่าของหญิงสาว

จัสติส? ความคืบหน้าเกี่ยวกับลาเนวุส? ชายหนุ่มรีบลุกพรวดจากอ่าง ทำความสะอาดร่างกายให้แห้ง สวมเสื้อผ้าเบาสบาย และประกอบพิธีกรรมเข้าสู่มิติหมอกเทา

เมื่อหยุดยืนตรงหน้าดาวแดงยุบพอง ไคลน์แผ่พลังวิญญาณเข้าไปอย่างอ่อนโยน เพื่อรับฟังข่าวสารจากเด็กสาว

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย…”

“ท่านมิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่ เกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างสืบหาเบาะแสของลาเนวุส…”

จัสติส ผู้สวมชุดคลุมยาวสีขาวโดยไม่ทราบสาเหตุ เล่าถึงเหตุระเบิดบนถนนดาราวีในเขตตะวันออก รวมถึงเหตุจมน้ำของกาวิน

ในฐานะนักอ่านใจ ผู้เพิ่งเข้าสู่โลกเหนือธรรมชาติได้ไม่นาน เธอไม่กล้าเสริมความเห็นของตัวเองลงไป เพราะกังวลว่ามิสเตอร์ฟูลอาจไขว้เขวจากเรื่องดังกล่าว

หลังจากตั้งใจฟังจนจบ ไคลน์ขมวดคิ้วพร้อมกับนึกสงสัยว่า เหตุใดคนร้ายถึงได้ลงมืออย่างสุดโต่งเช่นนั้น

ลาเนวุสมิได้ทรงพลังเหมือนพลเรือโทวายุ คีลิงเกอร์ มันเป็นแค่นักต้มตุ๋น หากพบว่ากำลังถูกตามล่าตัว ทางเลือกฉลาดคือการหลบซ่อนให้มิดชิด หรือไม่ก็ย้ายออกจากเมือง นั่นคือธรรมชาติของนักต้มตุ๋นมืออาชีพ ไม่มีเหตุผลให้ต้องย้อนสืบหานักล่าค่าหัวและกำจัดทิ้งทีละคน

หากใช้มาตรฐานดังกล่าว แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของนักล่าค่าหัวในเขตตะวันออกคงถูกฆ่าทิ้งจนหมด และเรื่องราวก็จะยิ่งลุกลาม จนถึงมือบรรดาหน่วยลับของโบสถ์ ไม่ว่าจะเป็นเหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา หรือจิตแห่งจักรกล

หืม…หรือว่าลาเนวุสจะเสียสติโดยสมบูรณ์? เป็นผลพวงจากการประกอบพิธีกรรมอัญเชิญทายาทพระผู้สร้างแท้จริงลงมายังโลกมนุษย์? สิ่งนี้สอดคล้องกับลักษณะพิเศษของพระผู้สร้างแท้จริงมาก…แต่หนึ่งประเด็นน่าสงสัยก็คือ ทำไมคนเสียสติถึงหลบซ่อนตัวเองได้แนบเนียนมาตลอด…ถึงจะเป็นประเภทกึ่งเสียสติก็เถอะ…ไคลน์นั่งตรึกตรองเป็นเวลานาน มันไม่รีบร้อนมอบคำตอบจัสติส

เนื่องจากอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสม่ำเสมอ และเคยอ่านข่าวระเบิดบนถนนดาราวีผ่านตามาบ้าง ไคลน์จึงมีข้อมูลมากพอสำหรับใช้เทคนิคทำนายฝัน

ประโยคทำนายถูกเขียนลงแผ่นกระดาษ

“เบาะแสของคดีระเบิดบนถนนดาราวี”

เมื่อท่องจบ มันเอนหลังพิงเก้าอี้และสะกดจิตตัวเองเข้าสู่นิมิตฝัน จากนั้นก็เริ่มมองเห็นฉากตึกสีฟ้าอมเทา

บนชั้นสามของอาคาร ห้องพักห้องหนึ่งซึ่งมีสภาพพังยับเยิน หน้าต่างแตกละเอียด ผนังเกินกว่าครึ่งถูกทำลายจนพินาศ คราบสีดำของแรงระเบิดและไฟไหม้ปรากฏประปรายหลายจุด

นิมิตฝันแตกละเอียดในทันที ไคลน์ลืมตาตื่นขึ้นพลางใช้มือข้างหนึ่งเคาะโต๊ะครุ่นคิด

เบาะแสคือจุดเกิดเหตุ?

…และนิมิตฝันเมื่อครู่ยังหมายถึง คนร้ายยืนเฝ้าจุดเกิดเหตุอย่างใจเย็น หลังจากจัดการหนึ่งในนักล่าค่าหัวซึ่งกำลังตามสืบลาเนวุส

นั่นสินะ…มันคงกำลังมองหาว่า ใครคือผู้บงการให้วิลเลียมส์ตามสืบลาเนวุส

เราคงต้องแวะไปยังจุดเกิดเหตุ เผื่อจะมีโอกาสได้พบคนร้ายโดยตรง ถึงมันจะไม่ใช่ตัวลาเนวุสเอง แต่ต้องมีความเกี่ยวข้องแน่นอน

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายคงมีพลังซ่อนตัวได้แนบเนียน…แล้วเราจะหาพบได้อย่างไรโดยไม่ให้เอิกเกริก?

ระหว่างครุ่นคิด มุมสายตาไคลน์เหลือบเห็น ‘ดวงตาดำล้วน’ บนโต๊ะสำริดยาว สิ่งนี้คือตะกอนพลังจาก ‘นักเชิดหุ่น’ โรซาโก้

บนโลกจริง เราไม่สามารถใช้ดวงตาดำล้วนได้ เนื่องจากถูกอิทธิพลของ ‘เสียกเพรียก’ พระผู้สร้างแท้จริงคุกคาม…ถ้าใช้งานเป็นเวลานาน อำนาจครอบงำก็จะยิ่งรุนแรงจนไม่สามารถต้านทานไหว แต่ถ้าใช้งานเพียงระยะเวลาสั้นๆ เราสามารถมองเห็น ‘ด้ายดำ’ แผ่ออกจากร่างบุคคลซึ่งกำลังซ่อนตัว เป็นวิธีเดียวกับการใช้ตรวจสอบว่ามิสบอดี้การ์ดจากไปหรือยัง…ชายหนุ่มหรี่ตาลง ปลดโซ่เงินตรงข้อมือ และทำนายว่า การแวะเวียนไปสืบหาเบาะแสคราวนี้ จะประสบอันตรายหรือไม่

ผลออกมาเป็น ‘ใช่’ หมายความว่ามีอันตราย แต่วงการแกว่งไม่กว้างนัก แถมความเร็วก็ธรรมดา

อันตราย แต่ยอมรับได้…ไคลน์ก้มหน้าเงียบงันนานหลายวินาที ก่อนจะส่งตัวเองกลับสู่โลกจริง

ถัดมา มันประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง นำดวงตาดำล้วนลงมายังห้องนอน โดยเก็บไว้ในกล่องบุหรี่โลหะตามเดิม

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า ติดหนวดเครา และจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ไคลน์เดินมาหยุดหน้ากระจกเงาเพื่อตรวจสอบข้อบกพร่อง

กลิ่นอายเจือจางของนักวิชาการ ถูกกลบโดยหนวดเครารุงรังจนมิดชิด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของมัน มีลักษณะคล้ายบ่อน้ำโบราณ ประหนึ่งผนึกบางสิ่งอันตรายไว้ด้านใน

เมื่อเทียบกับสมัยอยู่ในเมืองทิงเก็น ยากจะให้บอกว่าเป็นคนเดียวกับไคลน์·โมเร็ตติ

มันยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมาจ้อง ตามด้วยการงอนิ้วทีละนิ้ว ไล่จากก้อยไปถึงโป้ง ผนวกกันกลายเป็น ‘กำปั้น’ สมบูรณ์แบบ

ไคลน์จ้องมองเข้าไปในกระจกเงาเต็มบานด้วยสีหน้าอึมครึม ก่อนจะกล่าวเสียงแหบพร่า

“หัวหน้า…วันนี้คือก้าวแรกของการแก้แค้นให้คุณและผม”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ภาพสะท้อนไคลน์ในกระจกกำลังยกโค้งมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มแสนเย็นชา

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version