ตอนที่ 302 : เบาะแส
หลังจากไคลน์ สจ๊วต คาสลาน่า และลิเดียรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ นักสืบอีกหนึ่งคนซึ่งขอลาชั่วคราวเพราะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ได้เดินทางมาถึงถนนสวนกรีน สิ่งนี้เป็นสัญญาณว่า งานของไคลน์จบลงแล้ว
เนื่องจากอาโดลมีอาการดีขึ้นจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า ร็อค·คอร์โรมันจึงไม่ตระหนี่ในการจ่ายค่าแรง มันเพิ่มเงินอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์จากเดิม สิบปอนด์ซึ่งเคยตกลงไว้กับไคลน์
อย่างไรก็ตาม ถึงจะเป็นพ่อค้าอัญมณีใจกว้างผู้ยอมเพิ่มค่าแรงนอกเหนือสัญญา แต่ในความเป็นจริง ร็อค·คอร์โรมันมิได้ร่ำรวยขนาดนั้นเมื่อเทียบกับมหาเศรษฐีตัวจริงภายในเขตตะวันตกและเขตราชินี…
ถนนสวนกรีนค่อนข้างห่างไกลใจกลางความเจริญ แถมยังใกล้กับสุสานด้วยการเดินเท้าเพียงสิบนาที…เฮ่อ…เมื่อเทียบกับมิสบอดี้การ์ด ไม่สิ มิสชารอน เธอเรียกค่าจ้างในราคาสามวันต่อ หนึ่งพันปอนด์ แต่งานคุ้มกันหนึ่งวันของเรากลับทำเงินได้แค่สิบห้าปอนด์ ช่างแตกต่างอะไรเช่นนี้…
แต่ถ้าเราได้ทำภารกิจแบบนี้ทุกวัน…รายรับต่อปีจะเท่ากับห้าพันสี่ร้อยปอนด์ นับว่าสูงสุดในบรรดาชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง แม้แต่ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติยังมีรายรับเพียง ห้าพันปอนด์ต่อปี…ฮะฮะ…คงได้แต่ฝันกลางวันละนะ สำหรับนักสืบเอกชนทุกคน นานทีปีหนจึงจะมีงานเข้ามาสักครั้ง…แค่คิดว่าเราต้องใช้เงินมากกว่าสามพันปอนด์ในการซื้อวัตถุดิบโอสถลำดับหก ผู้ไร้หน้า สมองพลันปวดแปลบขึ้นมาทันที…สำหรับคนทั่วไป เงินจำนวนดังกล่าวสามารถใช้จ่ายอย่างสุขสบายได้ตลอดชีวิต!
แต่ข่าวดีก็คือ ถึงจะมีเทคนิคสวมบทบาทช่วยเหลือ ก็ยังต้องใช้เวลาอีก หกเดือนถึงหนึ่งปีสำหรับย่อยโอสถนักมายากลให้สมบูรณ์…หรือต่อให้พบแก่นแท้ได้เร็ว ก็คงไม่เร็วไปกว่าสองเดือนแน่…ยังพอมีเวลาให้รวบรวมเงินและเบาะแสวัตถุดิบ…
เดี๋ยวสิ…จัสติสยังติดค้างค่าหัวคีลิงเกอร์กับเรา เอ่อ กับผู้รับใช้เราอีก ห้าพันปอนด์…
แต่สภาพคล่องทางการเงินของหล่อนคงไม่ราบรื่นในช่วงนี้ ต้องรออีกหลายเดือน ให้เธอผ่อนชำระหนี้เก่าหมดก่อน จึงจะกลับมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้อีกครั้ง…
ไคลน์เก็บธนบัตร ห้าปอนด์สามใบใส่กระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็เดินทางออกจากเขตตะวันตกด้วยความคิดมากมาย
เมื่อกลับถึงถนนมินส์ ชายหนุ่มรีบเผากระดาษรูปคน ‘ขึ้นสนิม’ ทิ้งและสร้างใหม่อีกสองแผ่น
พอตกเย็น มันเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินไปยังสถานีสะพานเบ็คลันด์ และเดินเท้าต่อไปยังบ้านลับจัดการชุมนุมของเนตรแห่งปัญญา
ตัวเลขโฆษณาจัดซื้อของบริษัทเอินส์ยังคงอยู่ในความทรงจำ ไคลน์ใช้หลังมือเคาะประตูบ้านตามรหัสอย่างไม่ผิดเพี้ยน
เฉกเช่นสองสามหนก่อน ช่องเหนือประตูเลื่อนเปิดพร้อมดวงตา บุคคลด้านในเปิดประตูให้ผ่านเข้าไป
ไคลน์สวมหน้ากาก สวมผ้าคลุมหัว และเดินตามผู้ช่วยเนตรแห่งปัญญาเข้าไปในห้องนั่งเล่นบรรยากาศมืดสลัว
มองผ่านเพียงผิวเผิน ชายหนุ่มตระหนักทันทีว่าจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมในวันนี้ ลดลงจากปรกติราวครึ่งหนึ่งเห็นจะได้
เรามาตรงเวลาพอดิบพอดี…หมายความว่าคนอื่นสาย? ไคลน์ย่างกรายด้วยฝีก้าวธรรมดา ไม่ปิดบังตัวตนว่าเป็นไก่อ่อนผู้เสี่ยงโชคจากหนแรก สายตามองหาเก้าอี้ว่างสักพักก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งตัวนั่งอย่างไม่รีบร้อน
ผ่านไปสองสามนาที ชายชราเนตรแห่งปัญญากระแอมล้างคอและกล่าว
“เริ่มการชุมนุมได้ คงไม่มีใครมาเพิ่มแล้ว”
เมื่อพูดจบ มันอธิบายสั้นกระชับ
“เป็นเพราะฆาตกรต่อเนื่องยังไม่ถูกจับ ส่งผลให้เหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา จิตแห่งจักรกล และ MI9 ขยายวงสืบสวนเป็นการใหญ่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จึงค่อนข้างปรกติ หากจะมีสหายของพวกเราหลายคนไม่ต้องการเดินทางออกจากบ้านในยามวิกาล ว่ากันตามตรง ผมค่อนข้างประหลาดใจกับจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมวันนี้ เพราะมากกว่าความคาดหมายพอสมควร”
นั่นสินะ การชุมนุมลับไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอก สมาชิกทุกคนจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปัจจุบัน… ไคลน์รีบจ้องมองรอบตัว และพบว่านักปรุงยาร่างท้วมยังคงปรากฏตัวเหมือนทุกครั้ง ชายหนุ่มจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
และไม่ผิดคาด นักปรุงยาอ้วนจัดระเบียบหน้ากากเล็กน้อย ก่อนตะโกนเสียงดังโดยไม่แสดงท่าทีคาดหวังมากนัก
“ต้องการซื้อผลึกแก่นน้ำพุเอลฟ์ ราคาต่อรองกันได้”
“ผมมี” ไคลน์รีบขานตอบ
มันกังวลว่าอาจมีคนอื่นครอบครองผลึกแก่นน้ำพุเอลฟ์เหมือนกัน และจะทำให้ราคาลดลงถ้ามีผู้เสนอขายสองราย
แม้วัตถุดิบพิเศษชนิดนี้จะหายากมาก โดยเฉพาะกับชุมนุมผู้วิเศษระดับล่าง แต่คนเราไม่ควรตั้งอยู่บนความประมาท
“ต้องการซื้อผลึกแก่นน้ำพุเอลฟ์” นักปรุงยาร่างท้วมทวนคำซ้ำราวกับท่องบท
ขณะกล่าวไปได้ครึ่งประโยค มันชะงักคำพูดและหันมามองยังต้นเสียง ดวงตาเบิกโพลงประหนึ่งถูกฟ้าผ่า ริมฝีปากขยับพึมพำ…
“นายมี…?”
“ใช่” ไคลน์พบว่าท่าทีตอบสนองของนักปรุงยาร่างท้วม ประหลาดใจเกินพอดีไปสักนิด
ชายหนุ่มรีบสะบัดเสื้อคลุมพร้อมกับล้วงมือเข้าไปหยิบกล่องบุหรี่โลหะออกมา
แกร่ก! ไคลน์เปิดฝา เผยให้เห็นวัตถุคล้ายไข่ไก่สีซีด ‘ผลึกแก่นน้ำพุเอลฟ์’ ด้านใน
“ถ้ากังวลว่าจะเป็นของปลอม ผมยินดีให้มิสเตอร์เนตรแห่งปัญญาตรวจสอบ” ไคลน์เสริมเสียงแผ่วเบา
ว่ากันตามตรง เรื่องนั้นไม่จำเป็นสักเท่าไร เหล่าผู้วิเศษสามารถแยกแยะได้ทันทีว่า สิ่งใดเป็นวัตถุดิบหลักโอสถ และสิ่งใดเป็นของปลอม รวมถึงสามารถแยกแยะได้ว่า วัตถุดิบดังกล่าวถูกปนเปื้อนหรือไม่
แต่ถ้าไม่ใช่ผู้วิเศษหรือมีความรู้ในศาสตร์เร้นลับน้อย ก็อาจถูกตบตาได้ง่ายจากสินค้าทำเลียนแบบ ในกรณีเช่นนี้ต้องให้ใครสักคนช่วยตรวจสอบ
นักปรุงยาร่างท้วมจ้องมองวัตถุในมือไคลน์พลางอ้าปากค้าง ราวกับได้เห็นหญิงสาวในอุดมคติซึ่งตนตามหามาแสนนาน สีหน้าแววตาปลามปลื้มหลงใหลไม่ปิดบัง
ผ่านไปหนึ่งอึดใจ มันรีบส่ายศีรษะหนักแน่นพร้อมกับโพล่งขึ้น
“ไม่จำเป็น…นี่แหละ…นี่แหละ!!”
ไคลน์ยกมุมปากพร้อมกับแจ้งราคา
“สามร้อยปอนด์และเบาะแสโอสถนักปรุงยา”
“เบาะแสสูตรโอสถนักปรุงยา…? เป็นนายนี่เอง!” นักปรุงยาอ้วนผงะเล็กน้อยเมื่อทราบว่าคนขายเป็นใคร
มันไม่มีวันลืม เพราะไคลน์เคยสั่งยาระงับประสาทไว้แต่ไม่ยอมมาเอาสักที!
พร้อมกันนั้น นักปรุงยาแสดงสีหน้าเจ็บแค้นปนเสียดาย มันถอนหายใจพลางตัดพ้อในความไม่ยุติธรรม
“ทำไมนายถึงโชคดีแบบนี้…ทำไมฉันถึงไม่เลือกเส้นทางโชคชะตา…”
นายกำลังพูดอยู่กับใคร…ฉันคือราชาเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ! ไคลน์รำพันติดตลก
นักปรุงยาร่างท้วมถอนหายใจซ้ำพร้อมกับขยับเปลี่ยนท่านั่ง
“แพงเกินไป…สองร้อยปอนด์ และเบาะแสโอสถนักปรุงยา”
“เบาะแสนักปรุงยาเป็นแค่ของแถม เพราะผมไม่มีทางทราบว่าเป็นเบาะแสจริงหรือไม่ ฉะนั้น…สามร้อยปอนด์ไม่ขาดไม่เกิน ผมเชื่อว่าในเบ็คลันด์ยังมีคนต้องการเจ้านี่อีกมาก” ไคลน์ฉีกยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย “ราคานี้ยุติธรรมแล้ว คุณอาจไปเจอคนขาย สี่ร้อยหรือ ห้าร้อยปอนด์โดยไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
“ฉันไม่ใช่ไอ้งั่งสักหน่อย ของแค่นี้อดทนรอได้น่า…” นักปรุงยาพึมพำ “ส่วนเบาะแสของโอสถนักปรุงยา ฉันสามารถให้ตาแก่…เอ่อ ให้มิสเตอร์เนตรแห่งปัญญาช่วยยืนยัน”
“ต้องเป็นวัตถุจับต้องได้ และต้องมีรายละเอียดเกี่ยวข้องพอสมควร ผมถึงจะยืนยันได้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ ลำพังเบาะแสของคุณไม่เข้าข่ายดังกล่าว” เนตรแห่งปัญญาตอบ
แต่เราสามารถใช้พลังทำนายช่วยยืนยันเบาะแสได้ ขอแค่มีระดับไม่เกินสองถึงสามขั้นสูงกว่าเรา…ไคลน์เสริมในใจ
แน่นอน ภายในชุมนุมลับแปลกหน้า มันไม่คิดเปิดเผยต่อหน้าทุกคนว่าตนมีพลังทำนาย
“ก็ได้…สามร้อยปอนด์กับเบาะแสโอสถนักปรุงยา จัดให้ตามต้องการ!” นักปรุงยาร่างท้วมสูดลมหายใจลึก มือล้วงหยิบธนบัตรเงินสดปึกใหญ่ หลังจากนับจำนวนจนแน่ใจ มันขอกระดาษกับปากกาจากผู้ช่วย และก้มหน้าขยุกขยิกเขียนบางสิ่งลงไป
เมื่อเขียนจบ มันขยำกระดาษเป็นก้อนกลม ปิดท้ายด้วยการส่งสิ่งของทั้งหมดให้กับผู้ช่วย
แต่ขณะผู้ช่วยเดินเข้ามาใกล้ ไคลน์แสดงสีหน้าประหลาดใจชัดเจน
นอกจากเงินสดและก้อนกระดาษเบาะแส ยังมีขวดแก้วบรรจุสองเหลวสีฟ้าอีกสี่ใบ
“นี่คือ?” ไคลน์ซักถามพลางขมวดคิ้ว
“ความจำสั้นหรือ ทั้งหมดคือยาระงับประสาทของนายไง! ฉันปรุงเองกับมือ ถ้าสงสัยก็ให้มิสเตอร์เนตรแห่งปัญญาตรวจสอบได้เลย ทั้งหมดราคาสองปอนด์ถ้วน ดังนั้นเงินสดของฉันจึงเท่ากับ สองร้อยเก้าสิบแปดปอนด์”
ลืมเสียสนิท…เราซื้อยาระงับประสาทเพื่อให้มาดามชารอนเชื่อใจ แต่เธอไม่อยู่แล้ว…ช่างเถอะ ก็ไม่เลวเหมือนกัน อาจมีโอกาสได้ใช้งานในบางสถานการณ์…ไคลน์ไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม เพียงหยิบผลึกแก่นน้ำพุเอลฟ์ออกมาวางข้างลำตัว รับสิ่งของทั้งหมดจากผู้ช่วย และนับเงินต่อหน้าทุกคน พร้อมกับใช้แสงเทียนสลัวช่วยพิสูจน์ว่าเป็นธนบัตรแท้
สองร้อยเก้าสิบแปดปอนด์ถ้วน…ไม่ขาดไม่เกิน…ไคลน์ตระหนักว่ากระเป๋าสตางค์ของตนไม่สามารถรับธนบัตรทั้งหมดไหว จึงพับบางส่วนเก็บใส่กระเป๋าเสื้อแทน
หลังจากเก็บยาระงับประสาท ไคลน์คลี่ก้อนกระดาษเบาะแสและก้มหน้าอ่าน
“ทางทิศใต้ของสะพานเบ็คลันด์ บนถนนกุหลาบ จงตามหาวิหารฤดูเก็บเกี่ยว หากนายช่วยบิชอปยูทรอฟสกี้ทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับสูตรโอสถนักปรุงยาเป็นรางวัล”
สำหรับอาณาจักรโลเอ็น วิหารของโบสถ์พระแม่ธรณีมีจำนวนเพียงน้อยนิด และวิหารฤดูเก็บเกี่ยวคือหนึ่งในนั้น
โบสถ์พระแม่ธรณีถือครองเส้นทางนักเพาะปลูกและนักปรุงยา…ข้อมูลของเบาะแสนับว่าสอดคล้องกัน…ไคลน์ครุ่นคิดพลางขยำกระดาษกลับคืนสภาพเดิม
การชุมนุมดำเนินไปตามปรกติ แต่ไคลน์ไม่ทราบว่าสตรีชายอาวุธเถื่อนไปไหน ถ้าหล่อนไม่เข้าร่วมในวันนี้ ก็คงไม่มีสินค้ามาขายเพิ่ม เพราะไม่มีใครเสนอขายอาวุธแม้แต่ชิ้นเดียว
ทำเอาไคลน์ผิดหวังเล็กน้อย มันอุตส่าห์มีเงินในมือ ห้าร้อยกว่าปอนด์ทั้งที ก็อยากเสริมเขี้ยวเล็บให้ตัวเองสักหน่อย
หลังจากการซื้อขายผ่านไปสักพัก บุรุษคนหนึ่งบนเก้าอี้ไร้พนักพิง กล่าวด้วยเสียงแผ่ว
“เพื่อนคนหนึ่งของผมโชคร้าย ถูกพบตัวเข้าระหว่างทางการสืบหาฆาตกรต่อเนื่อง ส่งผลให้ถูกหน่วยทูตพิพากษาขังไว้ภายในคุกของวิหารวายุสลาตัน ผมต้องการจ้างกลุ่มผู้วิเศษจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเขาออกมา”
เนตรแห่งปัญญาแผดเสียงตวาดทันที
“สุนัขป่า! ห้ามพูดเรื่องเหลวไหลเช่นนั้นออกมาอีกเป็นอันขาด! วิหารของทูตพิพากษามีสมบัติวิเศษทรงพลังชนิดสามารถจัดการกับพวกเราทุกคนได้พร้อมกัน! ชะตากรรมของพวกพ้องเจ้าถูกกำหนดเอาไว้แล้ว อย่าได้นำพาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในบ่วงกรรมแบบเดียวกันเลย”
‘สุนัขป่า’ มองไปรอบตัวและพบว่าไม่มีใครสนใจข้อเสนอของตน จึงทำได้เพียงตบเข่าหนึ่งฉาดอย่างหงุดหงิด
“แต่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด! เขาเป็นคุณหมอใจดี ช่วยชีวิตคนไข้มานับไม่ถ้วน และไม่เคยทำร้ายใคร! เพียงเพราะดื่มโอสถเข้าไป เขาต้องถูกกักขังภายในคุกคับแคบไร้แสงเดือนแสงตะวันอย่างนั้นหรือ! บางทีอาจกลายเป็นหนูทดลองของทูตพิพากษาไปแล้ว…ทำไมกัน…ทำไม!!”
ถ้อยคำรำพันของสุนัขป่าดังกังวานทั่วห้องนั่งเล่นเงียบสงัด แม้แต่นักปรุงยาร่างท้วมช่างจ้อ ก็ยังต้องปิดปากมิดชิด
เฮ่อ…ในฐานะอดีตหน่วยผู้วิเศษของโบสถ์รัตติกาล ไคลน์ทำได้เพียงถอนหายใจเงียบงันอย่างไร้คำปลอบใจ
ว่ากันตามตรง ถ้าไม่ตระหนักถึงเทคนิคสวมบทบาท ผู้วิเศษนอกกฎหมายก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา…
แต่ถ้าเผยแพร่เทคนิคสวมบทบาทอย่างแพร่หลาย นั่นจะยิ่งเป็นอันตรายกับสังคมมากกว่า…และนอกเหนือจากเทคนิคสวมบทบาท โลกผู้วิเศษยังมีกฎการอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงและความถาวรของพลังพิเศษ…
ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม การชุมนุมดำเนินใกล้ถึงจุดจบ ไคลน์มือเปล่าตัดสินใจซักถามเสี่ยงดวง
“มีใครขายปืนลูกโม่ดัดแปลง และกระสุนแฝงพลังพิเศษชนิดต่างๆ บ้างไหม ตัวอย่างเช่น พลังปัดเป่า พลังไล่ผี”
ไคลน์ไม่เจาะจงขนาดกระสุน เนื่องจากมันยังไม่มีปืน รอให้ได้กระสุนพิเศษก่อน ค่อยมาพิจารณาว่าตนควรใช้ปืนลูกโม่แบบใด
ท่ามกลางความเงียบงัน หญิงสาวปริศนาในมุมเดียวกับไคลน์ ขานตอบด้วยเสียงแผ่ว
“ดิฉันสามารถมอบคำตอบให้คุณได้ในการชุมนุมคราวหน้า”
น่าจะเป็นแม่ค้าอาวุธเถื่อนคนนั้น ผู้มีช่างฝีมือคอยหนุนหลัง…ไคลน์พึมพำ
“ตกลง”
หลังจบการชุมนุม ไคลน์ไม่รีบร้อนกลับถนนมินส์ทันที แต่ตรงไปยังถนนปาล์มดำของเขตตะวันตกเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และมุ่งหน้าไปทางจุดตัดระหว่างเขตเหนือและเขตฮิลสตัน
พิกัดดังกล่าวคือบ้านของผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นหนึ่งในของสมาชิกนิกายวิญญาณ
คาปุสตี้·รีดด์
………………….
