ตอนที่ 71 : ปรากฏการณ์เฉื่อยชา
ไคลน์ยังคงทำท่ายกดัมเบลลมต่อเนื่อง สายตาชำเลืองมองดันน์·สมิทกำลังใช้มือข้างหนึ่งหมุนบิดประตูห้องผู้คุม ส่วนมืออีกข้างยังคงทำท่ายกดัมเบลไม่ต่างจากไคลน์ ขณะเดียวกันก็ใช้ลำตัวผลักบานประตูห้องเข้าไป
ท่าทีระมัดระวังเป็นพิเศษของหัวหน้าส่งผลให้ชายหนุ่มเริ่มตึงเครียด แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกขบขัน ใครจะไปคิดว่าท่าทางประหลาดเช่นนี้จะกลายเป็น ‘วิธีป้องกัน’ ผลข้างเคียงของวิเศษต้องห้ามไปได้
ยิ่งเหตุการณ์ไม่ปรกติ ไคลน์ก็ยิ่งระวังตัวหนัก ความรู้สึกคล้ายกับการทดสอบความกล้าบนโลกเก่า ที่ถูกเพื่อนบังคับให้เดินผ่านสุสานสุดหลอนยามวิกาลตามลำพัง
ของวิเศษต้องห้ามระดับสอง
อันตรายปานกลาง
ใช้ด้วยความระมัดระวัง
แม้แต่สมาชิกปฏิบัติการของเหยี่ยวราตรีบางคนก็ไม่มีสิทธิ์ทราบรายละเอียด การที่ชายหนุ่มไม่รู้ย่อมเป็นเรื่องปรกติ
ยิ่งความตึงเครียดครอบงำ สมองไคลน์ก็ยิ่งย้ำคิดย้ำทำ วนเวียนอยู่แต่การไขปริศนาหาคำตอบให้กระจ่าง
ทันใดนั้น ภาพการมองเห็นชายหนุ่มพลันสโลโมชั่นคล้ายกับเล่นวิดีโอด้วยความเร็ว 0.5 เท่าหรือ 0.25 เท่า
สมองของตนถูกปิดสวิตช์อย่างนั้นหรือ?
ชะตากรรมแขนขาไม่ต่างกันนัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีคือ ดันน์·สมิทสัมผัสได้ว่าตนผิดปรกติ มันรีบปรี่เข้าหาด้วยท่าทางที่เชื่องช้า
บรรยากาศรอบตัวไคลน์กำลังเฉื่อยชาไปทั้งหมด ประหนึ่งนักดาบที่ฝึกฝนจิตจนบรรลุแก่นแท้และมองเห็นทุกสิ่งช้าลง
ในที่สุด ฝ่ามือของดันน์·สมิทสัมผัสถูกบ่าไคลน์
มันได้รับสติและภาพการมองเห็นกลับคืนมาอีกครั้ง ความเร็วทุกอย่างเป็นปรกติ คล้ายกับเมื่อครู่เป็นเพียงภาพหลอน
“เกิดอะไรขึ้น…”
ไคลน์พึมพำเสียงเบาด้วยสีหน้าหวาดผวา
ดันน์ส่ายศีรษะเล็กๆ พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
“อย่าเสียสมาธิก็พอ”
เมื่อพูดจบ ดันน์เดินเข้าไปในห้องผู้คุมประตูยานิส
ไคลน์ตามติด ก่อนจะเงยหน้าพบกับสี่บุคคลภายในห้องที่บ้างนั่งบ้างยืน
หนึ่งในสี่คือนักกวีเที่ยงคืน เลียวนาร์ด·มิเชล ส่วนอีกสามคนล้วนไม่คุ้นหน้า
แต่หนึ่งสิ่งที่ทุกคนมีร่วมกันคือ…
พวกมันกำลังขยับแขน ‘ยกดัมเบลลม’ โดยไม่มีใครหยุดพัก
“ไคลน์·โมเร็ตติ เขามีความเชื่อมโยงกับสมุดบันทึกตระกูลอันทีโนกัสสูงเป็นพิเศษ”
ดันน์แนะนำตัวไคลน์อย่างคร่าวๆ จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังบุคคลแปลกหน้าทั้งสาม
“สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษเหล่านี้คือสหายจากเหยี่ยวราตรีมุขมณฑลเบ็คลันด์ เธอคือมาดามโรล็อต ลำดับแปด นักขุดสุสาน เจ้าแม่นักแม่นปืนชนิดหาตัวจับยาก”
สตรีวัยราวสามสิบผู้มีใบหน้าเป็นมิตรผงกศีรษะให้ไคลน์เบาๆ
หน้าตาจัดว่าดูดี หล่อนมิได้สวมชุดรุ่มร่ามเยี่ยงสุภาพสตรีปรกติ แต่เป็นสูทดำสลับเชิ้ตขาวคล้ายชายอกสามศอก ไม่สวมหมวก กางเกงรัดรูปสีดำขายาว รองเท้าบูทหนัง มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย
หลังจากไคลน์ทักทายตอบพอเป็นพิธี ดันน์ชี้นิ้วไปยังบุรุษที่นั่งเก้าอี้อีกฝั่งของโต๊ะทำงาน
“อายร์·ฮาร์สัน เหมือนกับผม”
ยังไม่ทันที่ดันน์จะกล่าวจบประโยค การขยับแขนยกดัมเบลของอายร์·ฮาร์สันในชุดกันลมสีเทา พลันเฉื่อยชาลงคล้ายเครื่องจักรที่ลืมหยอดน้ำมันหล่อลื่น
เขาเป็นอะไร…?
ขณะไคลน์กำลังฉงน มาดามโรล็อตใช้แขนข้างที่ว่างอยู่แตะตัวเพื่อให้อายร์ได้สติ
เหมือนกับเราก่อนหน้านี้…
ไคลน์ใช้เวลาไม่นานเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ เมื่อครู่ต้องเป็นผลข้างเคียงจากของวิเศษต้องห้ามรหัส 2-049 แน่…
จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีใครปลุกให้ตื่น?
กลายเป็นซอมบี้ตลอดกาล?
ขณะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ไคลน์รีบทักทายอายร์น้อบน้อม
“บอร์เจีย”
ดันน์กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังเหยี่ยวราตรีแปลกหน้าคนสุดท้าย
บอร์เจียคือบุรุษที่มีรอยแผลเป็นคล้ายถูกมีดกรีดข้างแก้ม ดวงตาเรียวคม นัยน์ตาน้ำตาลเข้ม มันคอยชำเลืองมองทุกคนในห้องเป็นระยะ
“รีบลงมือกันเถอะ ยิ่งพวกเราทำให้คดีจบไวเท่าไร เจ้า 2-049 ก็ยิ่งถูกผนึกเร็วเท่านั้น”
อายร์ผู้มีใบหน้าหล่อเหล่ากล่าวพลางลุกขึ้นยืน ใต้ดวงตาเผยริ้วรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อย
แล้วไหน 2-049?
ไคลน์กวาดสายตามองรอบห้อง แต่ก็ไม่พบของวิเศษต้องห้ามรหัส 2-049 แน่นอน มันมิอาจมองทะลุโต๊ะทำงานได้หากไม่เข้าสู่ภาวะเนตรวิญญาณ
“ตกลง”
ดันน์หันไปกล่าวกับเลียวนาร์ด
“นายเป็นพลขับ ในภารกิจแบบนี้ พวกเราไม่ควรให้ซีซาร์เข้ามาเสี่ยง”
ซีซาร์คือเจ้าหน้าที่พลเรือนที่คอยรับส่งเอกสารให้เหยี่ยวราตรี รวมถึงการเป็นพลขับในบางครั้ง เช่นการขับรถพาไคลน์ไปหามาดามดาลี่ย์ที่บ้านเวิร์ชเมื่อนานมาแล้ว
“ไม่มีปัญหา”
เลียวนาร์ดหยุดพฤติกรรมเอ้อระเหย มันพยักหน้าตอบดันน์ขึงขัง
ทันใดนั้น ไคลน์เหลือบเห็นอายร์·ฮาร์สันโน้มตัวลงไปหยิบหีบโลหะสีดำสนิทที่ถูกโต๊ะทำงานบดบังในตอนแรก
หีบดังกล่าวถูกสลักภาพดวงดาวเจิดจ้าและดวงจันทร์แดงฉาน คล้ายกับเป็นอักขระที่ช่วยสร้างบาเรียวิญญาณจางๆ รอบหีบ
ของวิเศษต้องห้ามอยู่ในนั้นหรือ?
อยากเห็นจังว่า 2-049 มีหน้าตาเป็นอย่างไร…ชายหนุ่มจ้องมองหีบดำไม่กะพริบ
ตึง!
ตึง! ตึง!
เสียงทุบตึงตังดังจากภายในหีบโลหะ เป็นการเคาะที่รุนแรงจนหีบออกอาการสั่นสะเทือน
ตึง! ตึง! ตึง!
ราวกับบางสิ่งภายในหีบลืมตาตื่นและอาละวาดบ้าคลั่ง เสียงทุบดังกล่าวเริ่มบีบเค้นหัวใจทุกคนให้เต้นรุนแรงกว่าปรกติ
2-049 คือสิ่งมีชีวิต?
ขณะไคลน์ครุ่นคิด มันเหลือบเห็นแขนข้างที่ยกดัมเบลลมของดันน์เริ่มเฉื่อยชาคล้ายกับไม่ได้หยอดน้ำมันหล่อลื่น
บอร์เจีย เหยี่ยวราตรีจากเบ็คลันด์ ใช้มือสัมผัสบ่าดันน์เพื่อปลุกให้ตื่น
ใครก็ตามที่ถูกผลของ 2-049 เล่นงาน คนผู้นั้นจะต้องเต้นโรบอทแดนซ์ต่อหน้าคนอื่น หากทุกคนถูกอำนาจเฉื่อยชาครอบงำพร้อมกัน อาจถือกำเนิดเป็นกลุ่มเต้นโรบอทแดนซ์สุดโด่งดังก็เป็นได้
แต่ดูเหมือนเจ้า 2-049 จะเล่นงานได้ทีละเป้าหมายต่อครั้ง นับว่ายังโชคดีอยู่บ้าง
เมื่อได้ข้อสรุป ไคลน์ไม่กล้าละเลยและดูแคลนการยกดัมเบลลมบัดซบนี่อีก
ขณะดันน์เดินนำทุกคนออกจากห้อง ไคลน์ตัดสินใจทิ้งไม้ค้ำไว้ที่นี่ก่อนจะลุกเดินตาม ชายหนุ่มรีบไล่หลังห้าเหยี่ยวราตรีขึ้นไปยังชั้นสองไม่ห่าง
เลียวนาร์ดวิ่งนำล่วงหน้าเพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนอพยพขึ้นชั้นสาม จะได้ไม่ถูกผลของ 2-049 เล่นงานเข้า
เหตุการณ์ทำนองนี้ ถึงจะเกิดไม่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเจ้าหน้าที่เหยี่ยวราตรีนัก
และบุคคลที่ต้องเฝ้าประตูยานิสแทนดันน์คือโคเฮนรี
ไคลน์ถอนหายใจโล่งอกเมื่อ 2-049 ถูกลำเลียงมาถึงรถม้าอย่างปลอดภัย ชายหนุ่มชำเลืองมองนอกหน้าต่างครู่หนึ่งก่อนจะหันไปถาม
“2-049 จะไม่ส่งผลต่อคนเดินถนนหรือ?”
ตลอดทางจากห้องใต้ดินมาจนถึงรถม้า เจ้า 2-049 บัดซบได้สร้างอาการเฉื่อยชาไปทั้งหมดหกครั้ง สองในหกเกิดขึ้นกับไคลน์ ซึ่งดันน์และเลียวนาร์ดช่วยไว้ตามลำดับ
ความถี่สูงจนน่าหวาดหวั่น…
“ไม่ต้องกังวล 2-049 จะส่งผลเฉพาะเป้าหมายที่มีลักษณะมนุษย์ภายในรัศมีห้าเมตร ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งมีโอกาสถูกเล่นงานสูง และหากมีสามคนคอยล้อมมันไว้ภายในรัศมีห้าเมตร คนที่เหลือก็จะไม่ได้รับอันตราย”
มาดามโรล็อตผมดำขลับหันมาตอบไคลน์ด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
เป็นของวิเศษที่ประหลาดชะมัด…ไคลน์ตัดพ้อพลางตั้งใจขยับแขนยกดัมเบลไม่หยุด
ดันน์และเหยี่ยวราตรีที่เหลือไม่กล่าวสิ่งใดตลอดทางไปถึงบ้านรีเอล·บีเบอร์ พวกมันคอยสังเกตอาการกันและกันเพื่อจะได้ช่วยเหลือทันท่วงที
ส่วนมาดามโรล็อตนั้นไม่แยแส เธอมองออกไปนอกหน้าต่างและวิจารณ์ถนนทิงเก็นที่ไม่สะอาดแต่ก็ไม่สกปรก สลับกับการสรรเสริญเยินยอความยอดเยี่ยมของระบบประปากรุงเบ็คลันด์
เพียงไม่นาน รถม้าเคลื่อนตัวมาถึงอาคารหลังที่ไคลน์และเลียวนาร์ดคุ้นเคยเป็นอย่างดี ผู้วิเศษเหยี่ยวราตรีหกคนเดินขึ้นชั้นสามโดยคอยระวังกันและกันตลอดเวลา
ประตูห้องพักรีเอล·บีเบอร์มีป้ายสัญลักษณ์กรมตำรวจทิงเก็นวางขวางไว้ด้านหน้า เป็นนัยว่าที่นี่คือเขตหวงห้ามสำหรับสืบสวนคดี
ดันน์ใช้มือข้างหนึ่งไขกุญแจเปิด ส่วนอีกข้างยังคงขยับออกกำลังกายไม่หยุด กลอนประตูบ้านหลังนี้ถูกเปลี่ยนใหม่เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกบุกรุกเข้าไป
ดันน์ใช้ลำตัวผลักประตูเปิด จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้อายร์·ฮาร์สันที่ถือหีบสีดำเดินเข้าไปเป็นคนแรก
ตึง!
ตึง! ตึง! ตึง!
หีบโลหะถูกกระแทกจากด้านในรุนแรง แรงยิ่งกว่าตอนอยู่ที่สำนักงานเสียอีก
อายร์·ฮาร์สันใช้แขนข้างเดียวถือหีบ แรงกระแทกส่งผลให้หีบเหล็กเริ่มโยกเอนซ้ายทีขวาที
อีกเดี๋ยวคงได้เปิดออกมาเองแน่…
ชายหนุ่มคิดในใจ
ตึง! ตึง! ตึง!
ทันใดนั้น ไคลน์เหลือบเห็นดันน์เริ่มขยับแขนเชื่องช้า มันเตรียมเหยียดแขนข้างที่ว่างออกไปสัมผัสช่วย แต่ทันใดนั้น หัวสมองมันพลันหยุดทำงาน ภาพการมองเห็นฉายวิดีโอสโลโมชั่นด้วยความเร็ว 0.5 เท่า 0.25 เท่าอีกครั้ง
ไหนบอกว่า…เล่นงานได้ทีละคน…
ความคิดความอ่านไคลน์เข้าสู่ภาวะเฉื่อยชาโดยสมบูรณ์
คราวนี้เป็นมาดามโรล็อตที่ใช้มือผลักไคลน์และดันน์ให้ตื่นตามลำดับ
เมื่อได้สติกลับคืน ไคลน์กวาดสายตามองรอบห้องด้วยสีหน้าหวาดผวา มันเกือบจะแหกปากโวยวาย แต่ตัดสินใจหรี่เสียงลงในตอนสุดท้าย
“ไหนพวกคุณบอกว่า 2-049 เล่นงานได้ทีละคนต่อหนึ่งครั้ง?”
โชคดีที่ตัวมันไม่หยุดยกดัมเบลในตอนที่เข้าไปช่วยดันน์
“เมื่อ 2-049 เข้าสู่ภาวะคลั่ง มันจะเล่นงานสองเป้าหมายพร้อมกัน ซึ่งพวกเราสามารถยืนยันได้แล้วว่า รีเอล·บีเบอร์คือทายาทของตระกูลอันทีโกนัสจริง”
อายร์·ฮาร์สันกล่าวเสียงราบเรียบ
โรล็อตอมยิ้มมุมปากพลางอธิบายไคลน์
“2-049 จะเริ่มปั่นป่วนเมื่อเข้าใกล้ทายาทตระกูลอันทีโกนัส ต่อให้มีกลิ่นอายจางๆ หลงเหลือเพียงเล็กน้อยก็ตาม ฉันว่าคุณน่าจะเข้าใจความรู้สึกของมันนะ”
เข้าใจกับผีน่ะสิ…
ไคลน์ถามต่อ
“มันเป็นสิ่งมีชีวิตหรือ?”
โรล็อตยังคงยิ้ม เธอตอบอ้อมๆ
“เดี๋ยวก็ได้เห็นเอง ตราบใดที่รีเอล·บีเบอร์ยังไม่ออกจากทิงเก็น เจ้า 2-049 จะนำทางเราไปหามัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไคลน์ไม่คิดถามต่อ มันเก็บความสงสัยไว้และเดินตามกลุ่มเหยี่ยวราตรีลงไปอย่างเงียบงัน
หีบโลหะสีดำถูกนำกลับมาที่รถม้าอีกครั้งตลอดทางถูกทุบจากด้านในจนเกิดเสียงดังอึกทึก
อายร์·ฮาร์สันชำเลืองมองนอกหน้าต่างรถม้าหลายรอบ เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าไม่มีประชาชนทั่วไปเดินเข้ามาในระยะเล่นงานห้าเมตร
เมื่อสบโอกาส มันรีบวางหีบดำลงบนพื้นรถม้าพร้อมกับปลดผนึกหีบทั้งทางกายภาพและทางวิญญาณ
เสียงทุบโครมครามหยุดลงทันที บรรยากาศรอบรถม้าพลันเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงหายใจจากสมาชิกเหยี่ยวราตรี
ไคลน์เองก็กลั้นหายใจ สายตามันจ้องมองหีบโลหะสีดำที่กำลังเปิดแง้มตัวเองอย่างเชื่องช้า เสียงบรรจงเปิดดังหวีดแหลมจนแสบแก้วหู
ทันใดนั้น
ตึง!
ฝาหีบโลหะถูกดีดหงาย
ท่อนแขนปริศนาสีน้ำตาลข้างหนึ่งยื่นขึ้นมาเกาะขอบหีบไว้ ขนาดและความกว้างเทียบเท่านิ้วชี้ของเด็กเล็ก
แขนอีกข้างโผล่ตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
รูปร่างเต็มตัวของสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์กำลังปรากฏสู่สายตาเหยี่ยวราตรีทุกคนทีละนิดอย่างไม่รีบร้อน
มันมีข้อศอก นิ้วมือ หัวเข่าไว้สำหรับเคลื่อนไหวร่างกาย สวมชุดสีน้ำตาลที่เปื้อนคราบน้ำมัน ใบหน้าถูกวาดด้วยสีคล้ายกับตัวตลกในคณะละครสัตว์
แถบสีแดงสลับเหลือง!
ตัวตนที่แท้จริงของ 2-049 คือหุ่นกระบอกรูปลักษณ์ประหลาดและมีชีวิต
2-049 เงยหน้าขึ้นและจ้องมองไคลน์ด้วยนัยน์ตาสีดำสนิท มุมปากบรรจงโค้งขึ้นจนเผยให้เห็นรอยยิ้มเฉกเช่นตัวตลก
……………………