Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 77

Lord of the Mysteries 77

ตอนที่ 77 : สิ่งตกค้าง

“ได้ครับ”

เลียวนาร์ดตอบด้วยท่าทีผ่อนคลายหลังจากได้ยินคำสั่งดันน์·สมิท

ถัดมา ทุกคนเดินออกจากโกดังสินค้าและตรงไปยังจุดที่สัตว์ประหลาดรีเอล·บีเบอร์เสียชีวิต

“หัวหน้า พวกเรากำลังค้นหาอะไรหรือ?”

ไคลน์กวาดสายตามองเศษก้อนเนื้อที่กระจัดกระจายตามพื้นพร้อมกับถามดันน์ มันฝืนข่มอาการอาเจียนไว้อย่างสุดความสามารถ

ดันน์ไม่เงยหน้าขึ้น เพียงใช้นัยน์ตาเทากวาดมองไปรอบจุดเกิดเหตุ

“รีเอล·บีเบอร์ถูกปลุกก่อนกำหนด คลุ้มคลั่ง และกลายเป็นสัตว์ประหลาด นี่คือรูปแบบการคลุ้มคลั่งพื้นฐาน ขณะเดียวกันก็หมายความว่า รีเอล·บีเบอร์ยังดูดซับพลังจากสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสไม่หมด โดยทั่วไปแล้ว ชิ้นส่วนของร่างกายจะตกผลึกเกิดเป็น ‘วัตถุดิบวิเศษ’ สำหรับปรุงโอสถในเส้นทางที่เกี่ยวข้อง”

“หลังจากนี้ หากคุณมีโอกาสเผชิญเหตุการณ์ที่คล้ายกันโดยบังเอิญ อย่าพลาดการค้นหาวัตถุดิบวิเศษเด็ดขาด ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งของสำคัญที่มีมูลค่าสูง”

อย่างนี้นี่เอง…ไคลน์พยักหน้าเบาๆ

ทันใดนั้น ชายหนุ่มฉุกคิดประเด็นใหม่

ถ้าเกิดว่า จุดที่กลายเป็นวัตถุดิบวิเศษดันมาจากอวัยวะ…เอ่อ…อวัยวะเพศ? ของแบบนั้นจะถูกนำไปใช้ปรุงโอสถจริงหรือ?

ขณะความคิดไคลน์กำลังฟุ้งซ่าน บอร์เจียผู้มีดวงตาเรียวคมดุจดังเหยี่ยวส่งเสียงตะโกน

“เจอแล้ว…อะแฮ่ม”

ดันน์และคนที่เหลือรีบหันมองและเดินไปใกล้ ไคลน์เองก็เช่นกัน สีหน้าของมันเปี่ยมด้วยความใคร่รู้

สิ่งที่วางบนพื้นด้านหน้าบอร์เจียคือวัตถุประหลาดสีเทาขนาดเท่ากำปั้น ผิวสัมผัสภายนอกเปียกชุ่มและมีลักษณะบอบบาง คล้ายกับสมองมนุษย์ที่พึ่งถูกกระชากออกจากกะโหลกได้ไม่นาน

ถึงอย่างนั้น ไคลน์ก็แยกแยะไม่ออกอยู่ดีว่า ก้อนสีเทาชิ้นนี้เป็นวัตถุดิบวิเศษที่แตกต่างจากเศษเนื้อปรกติอย่างไร ทว่า ถ้าบอร์เจียยืนยันก็คงไม่ผิด และอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์คือการที่มันยังคงรูปร่างไว้ได้ ทั้งที่มีเหตุระเบิดรุนแรงทั่วบริเวณ

ดันน์ใช้นัยน์ตาเทาเพ่งมองพร้อมกับย่อเข่านั่งยองลง มือขวายังคงยกดัมเบลลมเนื่องจากหีบโลหะสีดำอยู่ในระยะห้าเมตร ก่อนจะใช้มือซ้ายที่สวมถุงมือหนังดำบรรจงสัมผัสก้อนเยลลีสีเทาอย่างระมัดระวัง

พรวด!

ในวินาทีที่ปลายนิ้วแตะโดน ก้อนสีเทาได้พ่นของเหลวเหนียวข้นออกมา นี่คือรูปร่างที่แท้จริงของวัตถุดิบวิเศษ

อายร์·ฮาร์สันเห็นดังนั้นจึงรีบหยิบกล่องโลหะทรงจัตุรัสสีเงินออกจากกระเป๋าเสื้อ มันคือกล่องใส่บุหรี่ อายร์หยิบบุหรี่ทั้งหมดออกมาเก็บใส่กระเป๋าตัวเอง ก่อนจะยื่นกล่องโลหะเปล่าให้ดันน์

“ผมรู้…คุณสูบแต่ไปป์”

ดันน์ยิ้มรับพร้อมกับคว้ากล่องบุหรี่จากมืออายร์ และใช้มันเป็นที่เก็บวัตถุดิบชั่วคราว

ถัดมา ทุกคนรีบเก็บกวาดจุดเกิดเหตุและทำลายหลักฐานทิ้งจนสะอาดเอี่ยม

หลังจากแน่ใจว่าไม่หลงเหลือสิ่งน่าสงสัย ทีมปฏิบัติการชุดเดิมขาดเพียงเลียวนาร์ดได้เดินกลับมายังจุดที่รถม้าถูกผูกไว้

ท่าทีของม้าตื่นกลัวชัดเจน มันใช้เกือกตะกุยดินถี่ๆ พร้อมกับหายใจเสียงดัง ลำตัวสลัดไปมารุนแรงจนเกือบหลุดจากสายบังเหียน

“ผมขับเอง…อะแฮ่ม”

บอร์เจียใช้มือปิดปากพลางกระแอม

“ทุกคนรู้ดีว่าคุณปลอบใจสัตว์เก่ง”

อายร์ยิ้มและพยักหน้า

เมื่อขึ้นรถม้า ดันน์ โรล็อต อายร์ และไคลน์ต่างนั่งทำท่า ‘ยกดัมเบล’ โดยไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา

หลังจากรถม้าเริ่มเคลื่อนตัว ดันน์หันมามองไคลน์พลางเรียบเรียงคำพูดในหัว

“ผมทราบว่าคุณต้องการอ่านสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสมากกว่าใคร แต่อยากให้ช่วยเข้าใจว่านี่เป็นหลักปฏิบัติสากล”

ไม่…ไม่เลย ใครจะไปอยากอ่านมัน!

สมุดโบราณต้องสาปที่นำพาแต่หายนะ!

โดยไม่รอให้ไคลน์ตอบ ดันน์กล่าวต่อ

“ต้องรอให้ผมแจ้งเรื่องนี้กับทางวิหารศักดิ์สิทธิ์เสียก่อน จนกว่าพวกเขาจะกำหนดระดับความสำคัญของสมุดได้ ถึงตอนนั้น พวกเราค่อยมาพิจารณากันว่าคุณมีสิทธิ์อ่านมันหรือไม่”

“ไม่มีปัญหาครับ”

ไคลน์ตอบสั้นห้วน

ดันน์กล่าวต่อขณะมือขวายังคงขยับขึ้นลงไม่หยุด

“ผมเคยรับปากกับคุณว่า จะเลื่อนตำแหน่งให้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเหยี่ยวราตรีเต็มตัว หากพิสูจน์ได้ว่ารีเอล·บีเบอร์เป็นทายาทตระกูลอันทีโกนัสจริง ทว่า ไม่เพียงเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง แต่พวกเรายังจัดการสัตว์ประหลาดดุร้าย แถมยังพิสูจน์ได้ว่าลัทธิเร้นลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ตลอดปฏิบัติการ คุณแสดงผลงานที่น่าทึ่งหลายเรื่อง รวมถึงการสังหารหนึ่งในสมาชิกองค์กรลับชั่วร้ายตามลำพัง ด้วยเหตุนี้ ผมจะรีบยื่นเรื่องบรรจุพนักงานไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้เร็วที่สุด จริงด้วย ผมลืมสิ่งสำคัญที่สุดไป นั่นคือการถามความสมัครใจจากคุณก่อน มิสเตอร์ไคลน์·โมเร็ตติ คุณต้องการจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในพวกเรา หน่วยปฏิบัติการเหยี่ยวราตรีสาขาทิงเก็น หรือไม่? ค่าจ้างของคุณจะเพิ่มขึ้นสองเท่า กลายเป็นหกปอนด์ต่อสัปดาห์ และสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก ค่าจ้างของคุณจะมาจากโบสถ์รัตติกาลและกรมตำรวจแคว้นอาโฮว่าอย่างละครึ่ง ขณะเดียวกัน คุณจะมีตำแหน่งทางราชการเป็นนายตำรวจทดลองงาน เชื่อผมเถอะ สิ่งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกหลายด้าน ในฐานะผู้วิเศษสายสนับสนุน คุณไม่จำเป็นต้องปะทะกับศัตรูโดยตรง แต่จะมีภาระหน้าที่ต้องเข้าเวรเฝ้าประตูยานิสสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง หากไม่ได้รับอนุญาต คุณไม่มีสิทธิ์เดินทางออกจากทิงเก็นโดยพลการ และต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจากครอบครัวเช่นเดิม”

หลังจากดันน์อธิบายข้อดี ข้อเสีย ขีดจำกัดและสิทธิประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเหยี่ยวราตรีให้ฟังอย่างครบถ้วน ไคลน์นั่งครุ่นคิดด้วยสีหน้าขึงขังนานกว่าสิบวินาที

“ผมจะเป็นเหยี่ยวราตรีเต็มตัว”

นี่คือหนทางเดียวที่จะทำให้ตนได้รับสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลเพิ่ม รวมถึงเอกสารเกี่ยวกับองค์กรชั่วร้ายอย่างลัทธิเร้นลับ

หลังจากได้อ่านไดอารีจักรพรรดิโรซายล์หลายแผ่น ไคลน์ได้รับมุมมองใหม่ที่น่าสนใจเช่น จักรพรรดิโรซายล์ปรารถนาจะเป็นผู้วิเศษลำดับต้นๆ เพื่อจะได้มีพลังมากพอในการส่งตัวเองกลับโลกเก่า

ไคลน์นำข้อนี้มาปรับใช้กับตน มันยังไม่ล้มเลิกแผนหลักที่จะศึกษาศาสตร์เร้นลับให้มากขึ้น แต่การมีพลังวิญญาณสูงคือสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน ไม่อย่างนั้นจะใช้มิติสายหมอกได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ที่จักรพรรดิโรซายล์กล่าวไว้ก็ไม่ผิด การพึ่งพาพลังบุคคลลึกลับคือสิ่งอันตรายที่ต้องพึงระวัง

ไคลน์เพิ่งทราบว่าพลังวิญญาณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมิติสายหมอก หลังจากมันกลายเป็นนักทำนายและมีพลังวิญญาณเพิ่ม ไคลน์สามารถดึงสมาชิกเข้าร่วมมิติสายหมอกเพิ่มได้จากเดิมอีกหนึ่งคน

จึงมีความเป็นไปได้ว่า หากตนพัฒนาไปจนถึงลำดับแปดหรือเจ็ด พลังอำนาจบนมิติสายหมอกน่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่นสามารถดึงคนเข้าชุมนุมไพ่ทาโรต์เพิ่มจากเดิม

แต่แน่นอน การพัฒนาลำดับต้องเกิดขึ้นหลังจากย่อยพลังนักทำนายอย่างสมบูรณ์ ขั้นตอนนี้จะรีบร้อนไม่ได้เด็ดขาด

“ยอดเยี่ยมมาก ถ้าทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ยืนยันกลับมาเมื่อไร คุณจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราทันที”

นัยน์ตาเทาของดันน์เผยประกายความสุข

ขณะเดียวกัน อายร์ที่นั่งฟังดันน์กล่าวจบทำการพูดแทรก

“ไคลน์ คงไม่ว่าอะไรถ้าผมจะเรียกคุณแค่ไคลน์ ความสำเร็จของคุณในวันนี้นับว่าน่าเหลือเชื่อ สามารถจัดการผู้วิเศษจากลัทธิเร้นลับได้ตามลำพัง ซึ่งพวกเราคาดเดากันว่า เจ้านั่นน่าจะเป็นผู้วิเศษอย่างน้อยลำดับเจ็ด คุณทำได้อย่างไร? มันน่าอัศจรรย์มาก”

มาแล้ว…คำถามที่ตนรอคอย ไคลน์เตรียมข้ออ้างสำหรับคำถามนี้มานานมาก

ชายหนุ่มตระหนักดีว่า เป็นเรื่องประหลาดเพียงใดที่ตน ผู้วิเศษนักทำนายลำดับเก้า สามารถเอาชนะผู้วิเศษที่กระทั่งดันน์ โรล็อต และอายร์ร่วมมือกันยังมิอาจเอาชนะได้

ไคลน์จึงเตรียมคำแก้ต่างไว้นานแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบันค่อยเอ่ยปากถาม

ใช่แล้ว…ดันน์และอายร์รอบคอบอย่างน่าเหลือเชื่อ พวกมันที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บต่างคำนวณไว้แล้วว่า หากจี้ถามตนเกี่ยวกับ ‘ความลับ’ มากเกินไป ตนอาจไม่พอใจและระเบิดโทสะจัดการพวกมันในสภาพอ่อนแรง

คำถามดังกล่าวจึงถูกเลื่อนออกมาก่อน รอจนกระทั่งตนตอบรับเข้าเป็นสมาชิกเหยี่ยวราตรีอย่างเป็นทางการ เมื่อมั่นใจว่าอยู่ฝ่ายเดียวกัน คำถามที่คาใจจึงถูกถามไถ่

รอบคอบมาก…ดันน์และอายร์ไม่ได้ปรึกษากันเรื่องนี้ แต่พวกมันกลับตัดสินใจในลักษณะเดียวกัน คงเป็นเพราะประสบการณ์ที่โชกโชน

ไคลน์อมยิ้มตอบ

“เป็นเรื่องของดวงมากกว่าครับ ตัวตลกสูทดำประมาทและตัดสินใจผิดพลาด ในวินาทีนั้น ผมถูกแรงระเบิดส่งให้กระเด็นมาพร้อมกับ 2-049 ระยะห่างกะจากสายตาได้ประมาณห้าถึงหกเมตร ค่อนข้างระบุละเอียดได้ยาก เป็นเพราะผลแรงระเบิด ร่างกายผมจึงเฉื่อยชาชั่วขณะ คล้ายกับกำลังถูกครอบงำโดยพลังหุ่นกระบอกไม้ ผมไม่ทราบว่าตัวตลกสวมสูทหายตัวลอบเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไร มันต่อรองกับผมว่าจะยอมช่วยเหลือ แถมยังบอกอีกว่า โอสถลำดับแปดของเส้นทางนักทำนายมีชื่อว่าตัวตลก โดยแลกมากับการให้ผมหักหลังทุกคนและขโมยสมุดบันทึกอันทีโกนัสให้ มันยอมเผยข้อมูลว่า ลัทธิเร้นลับครอบครองเส้นทางนักทำนายไว้อย่างสมบูรณ์ แถมตัวมันยังเคยเป็นนักทำนายมาก่อน”

ไคลน์บรรยายความคิดของตนในขณะนั้นอย่างละเอียด เรื่องสมมติฐานที่อีกฝ่ายทำนายโอกาสสำเร็จในการขโมยสมุดบันทึก และผลลัพธ์ออกมาว่ามีอันตรายสูง จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ให้ไคลน์ขโมยแทน

เนื้อหาที่เล่า ทั้งหมดคือเรื่องจริงโดยไม่ปิดบังหรีอปั้นแต่ง เพราะชายหนุ่มบิดเบือนความจริงมาตั้งแต่ต้น

ความจริงที่ว่าตัวมันถูก 2-049 เล่นงาน

“หืม…ผลการทำนายของมันออกมาเป็นว่า หากเสี่ยงขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสด้วยตัวเองจะมีความเสี่ยงสูงอย่างนั้นสินะ? ก็ถูกของมัน แต่ความเสี่ยงดังกล่าวไม่ได้เกิดจากใครอื่น แต่เป็นตัวคุณ ไคลน์ ตัวคุณที่ยังมีสติครบถ้วน ทำให้ผลการทำนายของมันระบุว่ามีอันตราย…”

โรล็อตสาวสวยสรุปเหตุการณ์พลางอมยิ้ม

“ทว่า นั่นกลับกลายเป็นดาบสองคม ด้วยเวลากระชั้นชิด มันไม่มีเวลาพอจะทำนายเพิ่มเติมและเลือกเสี่ยงไปหาคุณแทน ซึ่งนั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์…ประเด็นนี้น่าสนใจมาก”

ไคลน์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเป็นนัยเห็นด้วย

“ผลการทำนายไม่เคยชัดเจนอยู่แล้ว ท่ามกลางความคลุมเครือนั่น การตีความอาจผิดเพี้ยนจนนำพาไปสู่อันตราย”

เราเองก็ต้องจำเรื่องนี้ใส่ใจไว้

“แล้วหลังจากนั้น คุณจัดการมันอย่างไร?”

ดันน์ถามพร้อมกับเอนหลังพิงพนัก มือขวายังคงขยับขึ้นลง

ไคลน์ยิ้ม

“ผมแสร้งทำเป็นตกลงร่วมมือ แต่ถึงอย่างนั้น มันยังคงไม่กล้าเข้าใกล้ระยะครอบงำของ 2-049 สิ่งที่มันทำคือการใช้พลังบางอย่างเปลี่ยนกระดาษให้กลายเป็นพลองยาว โดยคิดใช้พลองยาวนั่นแตะตัวผม ในจังหวะที่พลองใกล้ถึงตัว ผมฉวยโอกาสกระชากพลองจนมันเสียหลักและกลิ้งเข้าไปในระยะครอบงำของ 2-049 ด้วยตัวเอง เมื่อเห็นดังนั้น ผมรีบลั่นไกสองนัดซ้อนเพื่อปิดบัญชีโดยเร็ว…อันที่จริงค่อนข้างน่าละอาย แม้จะอยู่ใกล้กันเพียงเมตรกว่า แต่ผมกลับไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะยิงให้โดน เลือกพึ่งพาพลังของหุ่นกระบอก 2-049 แทน”

อายร์พยักหน้าเบาๆ

“ด้วยความไวเยี่ยงลิงของมัน ระยะหนึ่งถึงสองเมตรอาจไม่รับประกันผลว่าจะยิงเข้าจุดตาย หรือต่อให้ยิงโดน แต่ตัวตลกยังมีพลังประหลาดที่สามารถโยกย้ายบาดแผลได้ดังใจนึก นั่นจะทำให้คุณตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที…ตัวเลือกของคุณถูกต้องที่สุดแล้ว หากผมอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คงไม่สามารถหาวิธีที่ดีกว่านี้ได้”

ไม่มีใครถามสิ่งใดต่อ ในวินาทีที่ทุกคนทราบว่าตัวตลกสูทดำเข้าสู่ระยะครอบงำของ 2-049 ทุกอย่างก็เป็นอันจบลง

“ขั้นพัฒนาถัดจากนักทำนายคือตัวตลกอย่างนั้นหรือ…น่าแปลกมาก”

ดันน์พึมพำพลางถอนหายใจ

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version