บทที่ 1023 ลูกศิษย์ของมหาจักรพรรดิ
วิชาเซียน สร้างขึ้นโดยมหาจักรพรรดิเผ่ามนุษย์คนหนึ่งสร้างขึ้นโดยผสมผสานวิชาโบราณเอาไว้ในยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว
ในช่วงยุคนั้นเป็นช่วงสำคัญที่จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย จากการเผยแพร่วิชาเซียน ทำให้เผ่าพันธุ์พันธมิตรของมนุษย์ในขณะนั้น สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อการรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นหนึ่งเดียวของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว
เพียงแต่ค่าตอบแทนสูงมาก
ผู้สำแดงวิชาเซียน ส่วนมากแล้วตัวเองเกิดการบาดเจ็บเสียหายในระดับที่แตกต่างกันไปตามระดับขั้นของวิชาเซียน
สถานเบาพลังชีวิตเสียหาย สถานหนักรากฐานพังทลาย
ดังนั้นหลังจากที่รวมเป็นหนึ่งได้ วิชาเซียนถูกพันธนาการไว้ในหอวิชาเซียน ผนึกไว้เป็นวิชาต้องห้าม
แต่จากการมาเยือนของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า จากการจากไปของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวและจักรพรรดิของเผ่าต่างๆ ในตอนนั้น เผ่าต่างๆ ก็นำวิชาเซียนไปด้วย เผยแพร่ไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละเผ่า
แต่ว่าผู้ที่ร่ำเรียนสำเร็จก็มีน้อยเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะวิชาเซียนบางวิชาที่เน้นให้ความสำคัญกับการสืบทอดสายตรง เมื่อคนรุ่นถัดไปได้รับสืบทอด คนรุ่นก่อนก็จะต้องตายอย่างอนาถ โหดร้ายยิ่งนัก
ตอนนี้ 6 รากราคะตัณหาที่เยวี่ยตงสำแดงออกมาก็เป็นประเภทนี้!
มือทั้ง 2 ของนางประสานปางมือ แสง 7 สีทั่วทั้งร่างแปรเปลี่ยนเป็นทะเลแสง ในพริบตาที่ส่องสว่างไปทั่วทุกทิศ สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวที่โจมตีเกราะป้องกันมหาจักรพรรดิจิตใจต่างเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ขึ้นมาทันที
ระลอกคลื่นอารมณ์นี้ถูกโลกภายนอกเหนี่ยวนำโดยสมบูรณ์ แผ่ระลอกมายังความคิด แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
ไม่อาจขัดขืน ไม่อาจต้านทาน!
เยวี่ยตงเงยหน้าขึ้น จ้องมองสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว ในเสี้ยวพริบตาที่จิตใจของทั้ง 2 ได้รับผลกระทบ มืองามก็ยกขึ้น แล้วซัดไปที่…ร่างสวี่ชิงก่อน!
“กำจัด 6 ปรารถนา หลุดพ้นจาก 7 อารมณ์!”
เห็นได้ชัดว่าสำหรับนาง ความกดดันที่สวี่ชิงนำมาให้ร้ายกาจรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
แทบจะในพริบตาที่นิ้วมือนางซัดมา ทะเลแสง 7 สีที่ปะทุมาจากร่างนางก็พุ่งออกมาจากค่ายกลมหาจักรพรรดิ เปลี่ยนสีท้องฟ้า แผ่ลามไปยังที่ราบน้ำแข็งทั่วทุกทิศ
ทำให้โลกล้วนอยู่ในแสง 7 สี
สวี่ชิงที่ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยประกายแสง บนร่างเกิดเส้นไหมหลากหลายสีมากมายทันใด เส้นเหล่านี้เป็นมายา แทน 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาของเขา
ตอนนี้ถูกฝืนบังคับดึงออกมา แผ่ซ่านมาจากในร่างเขาอย่างรวดเร็ว รวมเข้าด้วยกัน จะก่อเป็นใบหน้าที่เป็นของเยวี่ยตง
เพียงแต่…สวี่ชิงแม้ในใจจะเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ ใจสั่นไหว แต่สีหน้ากลับฉายความอัศจรรย์
จากการที่ 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาถูกดึงออกมาอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายของเขากลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!
สุดท้ายยามเมื่อเส้นไหมแห่ง 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาในร่างของเขาถูกดึงออกมาจนหมดสิ้น ความแปลกประหลาดบนใบหน้าก็หายไปด้วย
คนทั้งคนเปลี่ยนมาเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง กลิ่นอายยิ่งสั่นสะท้านจิตใจ ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี มิติทุกด้านเกิดเสียงคำรามแปลกประหลาดดังมา
เหมือนว่าวิชาเซียนของเยวี่ยตงไม่เพียงไม่เกิดผล แต่กลับเพิ่มพลังให้กับสวี่ชิง!
และความจริงแล้ววิชาเซียนไม่ใช่ไม่ได้ผล
กับสวี่ชิงก็เกิดผลแล้วจริงๆ
กำจัด 6 ปรารถนาของเขาออกไป แยก 7 อารมณ์ออกไป
และความจริงแล้วก็คือความเป็นมนุษย์!
ความพิเศษของสวี่ชิง ทำให้เมื่อความเป็นมนุษย์ถูกกำจัดหมดไปแล้ว สิ่งที่สำแดงออกมาจากร่างของเขาคือความเป็นเทพ
“น่าสนใจ” สวี่ชิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
เรื่องแบบนี้เขาผ่านประสบการณ์มาหลายครั้ง ไม่เกิดความรู้สึกอึดอัดไม่สบายเนื่องจากสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปชั่วขณะ
ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้เยวี่ยตงใช้วิชาเซียนดึงออกไปตามสบาย
เพราะในพริบตาที่ความเป็นเทพเข้าครอบครองควบคุม ถึงจะเป็นเวลาที่สวี่ชิงแข็งแกร่งที่สุด!
ตอนนี้ จากการหลุดออกไปของความเป็นมนุษย์ จากการแผ่ลามมาของความเป็นเทพ สวี่ชิงยืนอยู่ตรงนั้น ทั่วทั้งร่างแผ่ความมีเหตุผลและความเย็นชาอันสูงสุดออกมา
กลิ่นอายของเขาเหมือนผสานเป็นหนึ่งเดียวไปกับความหนาวเหน็บของที่ราบน้ำแข็ง
เสี้ยวขณะนี้ ในสายตาสวี่ชิง ชีวิตก็ดี สรรพสิ่งทั้งหลายก็ช่าง ทุกสิ่งทุกอย่างความจริงแล้วเป็นความว่างเปล่า ล้วนไม่สำคัญทั้งนั้น
เจ้าเงาที่อยู่บนพื้นตัวสั่นเล็กน้อย สิ่งที่เจ้าเงากลัวที่สุดก็คือสวี่ชิงที่เป็นเช่นนี้
แม้แต่เถาวัลย์เทพศักดิ์สิทธิ์ก็แผ่ระลอกคลื่นอารมณ์กระวนกระวายออกมา
สวี่ชิงที่ความเป็นเทพเข้าควบคุม สำหรับศัตรูของเขาทุกคนแล้วล้วนน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
มองเยวี่ยตงที่ได้รับการปกป้องจากค่ายกลมหาจักรพรรดิอย่างเฉยชาผาดหนึ่ง มือขวายกขึ้นแล้วชี้ไปยังท้องฟ้า
เสี้ยวขณะต่อมา ผืนฟ้าคำรามเลื่อนลั่น
เจดีย์วิเศษยิ่งใหญ่ทรงพลังองค์หนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นในฟ้าดิน
เป็นเจดีย์วิเศษเทพศักดิ์สิทธิ์ของสวี่ชิงนั่นเอง
ทันทีที่เจดีย์นี้พลันปรากฏออกมา ก็พุ่งอย่างรวดเร็วมาหาสวี่ชิง รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ประชิดเข้ามาในพริบตา แล้วกระแทกไปยังค่ายกลป้องกันมหาจักรพรรดิทันที
ฟ้าดินคำรามลั่น เสียงเลื่อนลั่นครืนครั่นสะท้านฟ้าดินดังกึกก้องท่วมผืนนภา
ธารน้ำแข็งบนพื้นสั่นสะทือนจะแตกละเอียดเป็นชั้นๆ หอบม้วนไปทั่วทิศ
เงาร่างของสวี่ชิงก็ก้าวออกมาในเสี้ยวขณะนี้ ในขณะเดียวกับที่ดวงตะวันกล้าแผดเผา อำนาจเทพหายนะ อำนาจเทพแห่งเสียง และอำนาจเทพจันทร์สีม่วงต่างปะทุอยู่
หลังจากที่รวมเข้าด้วยกัน ก็ซัดไปยังค่ายกล
ยิ่งมีพลังต้นกำเนิดเทพอันน่ากลัวราวคลื่นยักษ์ซัดโหม
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ หลังจากที่สวี่ชิงสำแดงพลังทุกอย่างแล้วก็ใช้ร่างตัวเองต่างอาวุธ พุ่งชนไปยังค่ายกล
ค่ายกลสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เยวี่ยตงที่อยู่ในค่ายกลหน้าเปลี่ยนสี
นางจ้องสวี่ชิง จิตใจเกิดคลื่นซัดโหม
นางคิดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้!
สุดท้ายแล้ว ความเข้าใจในตัวสวี่ชิงที่นางมีมันยังไม่พอ!
เห็นว่ากลิ่นอายบนร่างสวี่ชิงยิ่งเย็นเยือกขึ้นภายใต้วิชาเซียนของตน สายตาที่มองตนไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ ลงมือยิ่งน่าหวาดหวั่นครั่นคร้าม การสั่นสะท้านในใจของเยวี่ยตงก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
ในขณะเดียวกัน เสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังมาจากทางเอ้อร์หนิวทางนั้น
“ศิษย์น้องเล็กของข้าฝึกบำเพ็ญทั้งเซียนและเทพพร้อมกัน เจ้ากลัวว่าตัวเองตายช้าเกินไปหรืออย่างไร ถึงได้ดึงความเป็นมนุษย์ของเขาออก ตอนนี้จบเห่เลย คุณสมบัติเทพควบคุม…”
“อาชิงน้อยที่อยู่ในสภาวะแบบนี้ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ขนาดข้ายังต้องแอบหนีเลย”
เอ้อร์หนิวส่งเสียงจิ๊ๆ
เยวี่ยตงสีหน้าเคร่งขรึม หันไปมองทางเอ้อร์หนิว เนตร 7 สีปะทุขึ้น
แสง 7 สีปกคลุมเอ้อร์หนิวทันที
เอ้อร์หนิวไม่รีบร้อนกลับชอบเสียด้วยซ้ำ
“มาๆๆ ให้ข้าได้ลองบ้าง ดูซิว่าวิชาเซียนของเจ้าจะดึง 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาของออกข้าได้หรือไม่ หากทำได้จริงๆ ข้าต้องขอบคุณเจ้าให้ดีเลย”
“ข้าอยู่มาหลายภพหลายชาติขนาดนี้ยังไม่เคยสำเร็จมาก่อนเลย”
เอ้อร์หนิวใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง เสี้ยวขณะต่อมา ร่างของเขาภายใต้การปกคลุมจากแสง 7 สีนี้ ท่ามกลางการปะทุของวิชาเซียน 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาของเขาล้วนกำลังเดือดพล่าน
กำลังถูกดึงออกไปทีละอย่าง พรากไปทีละอย่าง
ในยามที่ถูกดึงออกไปทั้งหมด จะแปรเปลี่ยนเป็นคำสาป ประทับไปที่ร่างของเขา เส้นที่เกิดระลอกคลื่นอารมณ์ถักทอเป็นใบหน้าของเยวี่ยตง
เพียงแต่ ภาพที่เกิดขึ้นกับเอ้อร์หนิวในเสี้ยวขณะนี้ แตกต่างไปจากที่เกิดขึ้นกับสวี่ชิง
เส้นไหม 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาของสวี่ชิงถูกดึงหมดไปอย่างรวดเร็ว
แต่เอ้อร์หนิวทางนี้…
7 อารมณ์ 6 ปรารถนาของเขาเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าวิชาเซียนของเยวี่ยตงจะโคจรอย่างไรก็ไม่อาจดึงออกมาได้หมดในเวลาสั้นๆ
โดยเฉพาะความละโมบของเขา…หลังจากที่เกิดสัญญาณว่าความปรารถนาทั้งหลายของเขาถูกดึงหมดแล้ว ความละโมบนี่เป็นเหมือนหลุมดำ ไม่รู้จักหมดจักสิ้น!
สีหน้าของเยวี่ยตงเปลี่ยนไปอีกครั้ง
สวี่ชิงคนเดียวก็ทำให้นางรู้สึกจัดการยากแล้ว ตอนนี้พบว่าเอ้อร์หนิวทางนี้ยิ่งเป็นตัวประหลาด
นางไม่เคยเห็นผู้บำเพ็ญคนไหน ความละโมบจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ตอนนี้นางทุ่มเทสุดกำลังก็ไม่อาจดึงออกมาได้ทั้งหมด
มากมายมหาศาลเหลือเกิน
“ค่อนข้างช้านะเนี่ย เจ้าเกาให้ข้าหรืออย่างไร แต่เกาด้วยแรงแค่นี้ ทำเอาข้าจะไปต่อก็ไปไม่สุด จะหยุดก็หยุดไม่ได้”
เอ้อร์หนิวไม่พอใจ
“ข้าช่วยเจ้าก็แล้วกัน”
เขาพูดพลางสูดลมหายใจลึก มือขวายกขึ้นซัดไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างเต็มแรง ในดวงตาฉายแววบ้าคลั่งขึ้นมาทันที นั่นคือสีหน้าหลังจากที่เขาเห็นของวิเศษ
เพื่อกระตุ้นตัวเองให้สมจริงยิ่งขึ้น เอ้อร์หนิวกระทั่งว่าเอาวิญญาณของเฟิงหลินเทาออกมา วางไว้ข้างหน้าจ้องเขม็ง หลังจากจินตนาการถึงของวิเศษของอีกฝ่าย ความละโมบของเขาก็ปะทุขึ้นมาทันที
ท่ามกลางเสียงดังเลื่อนลั่น ราวภูเขาไฟระเบิด ทะลักออกมา
เพียงแต่…ความละโมบของเขาเข้มข้นเกินไป เกินกว่าพลังการดึงของเยวี่ยตง ทำให้เยวี่ยตงสะท้านเฮือกไปทั้งร่าง กระอักเลือดสดๆ ออกมา วิชาเซียนของนางพังทลาย
พลังสะท้อนกลับเกิดขึ้นตามมา
เพราะหลันเหยาแบกรับกรรมเวร ดังนั้นหลันเหยากระอักเลือดออกมา ร่างแห้งเหี่ยวไปในทันที ในขณะที่ลมหายใจรวยริน การลงมือของสวี่ชิงก็ปะทุความแม่นยำเฉียบขาดออกมา
เจดีย์วิเศษเทพศักดิ์สิทธิ์เดิมก็ไม่ธรรมดา การทุ่มลงมาของมันทำให้ค่ายกลมหาจักรพรรดิระเบิด รวมกับพลังอำนาจเทพและพลังต้นกำเนิดเทพของสวี่ชิง ก็เน่าเปื่อยไม่หยุด จนกระทั่งสุดท้ายกายเนื้อกลายเป็นอาวุธ หลังจากกระแทกไปหลายครั้ง…
ค่ายกลมหาจักรพรรดิก็ส่งเสียงแตกร้าวมา!
ค่ายกลมหาจักรพรรดิความจริงแล้วไม่ได้สมบูรณ์ ตอนนั้นที่ผนึกเฟิงหลินเทาก็เสียพลังไปเล็กน้อย ตอนนี้เยวี่ยตงถูกพลังสะท้อนกลับ พลังการยืนหยัดลดลง และภายใต้การโจมตีของสวี่ชิง…
ในเสียงแตกร้าว อีกไม่นานเท่าไรก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ในช่วงวิกฤต เยวี่ยตงผมสยายกระเซิง ดวงตาฉายแววเหี้ยมโหด มือทั้ง 2 ประสานปางมือผลักไปข้างนอก ปากส่งเสียงเหี้ยมโหดน่าขนลุกออกมา “ระเบิด!”
นางฉวยโอกาสที่ค่ายกลยังไม่แตกร้าวไปโดยสมบูรณ์ เป็นฝ่ายกระตุ้นมันขึ้นมา ทำให้มันระเบิดเอง แลกมาซึ่งพลังแข็งแกร่งเกินต้านทาน
เสี้ยวขณะต่อมา ค่ายกลมหาจักรพรรดิส่งเสียงสะท้านสะเทือนฟ้าดินออกมา ระเบิดเอง กวาดโหมไปทั่วทุกสารทิศอย่างทรงพลังไม่อาจต้านทาน
ทุกที่ที่ผ่านราวมีลมคลั่งกวาดโหม ธารน้ำแข็งพังถล่ม ม่านฟ้าเกิดเหตุการณ์ประหลาดราวเกล็ดปลา
อาศัยจังหวะนี้ เยวี่ยตงคว้าหลันเหยาแล้วหนีไปทางที่ไกลอย่างรวดเร็ว ยิ่งเอาแผ่นหยกแผ่นหนึ่งออกมา บีบจนแหลก และโยนมันไปกลางอากาศ
แผ่นหยกนี้เดิมทีนางไม่คิดจะใช้มัน
แต่วันนี้ไม่ใช้ไม่ได้
และทันทีที่แผ่นหยกแผ่นนี้แหลกละเอียด เงาร่างของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวก็ฝ่าทะลวงพลังระเบิดตัวเองของค่ายกลมหาจักรพรรดิมาแล้ว เดินมาทางเยวี่ยตง
สวี่ชิงราวเทพมาเยือน ทุกก้าวล้วนทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี พลังกดดันน่าครั่นคร้าม ยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งมาจากร่างของเขา
สีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ ดวงตาเย็นชา
เอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างๆ ต่างจากเขาไปโดยสิ้นเชิง
หอบม้วนด้วยแสงที่แปรเปลี่ยนมาจากความละโมบไม่สิ้นสุด ตลบไปด้วยแสง 7 สี อาบย้อมทุกอย่างรอบๆ เป็นสีดำ
ในแสงสีดำนี้ เอ้อร์หนิวราวมาร เส้นผมปลิวพริ้ว
ขณะยิ้มเหี้ยมเกรียมก็เดินโจมตีมาทีละก้าวๆ
เสี้ยวขณะนี้ราวเทพและมารอยู่พร้อมกัน!
มองภาพนี้ เยวี่ยตงลมหายใจหอบถี่ เสียงพลันแฝงด้วยความเย็นเยือก เอ่ยปากไปทางแผ่นหยกแหลกละเอียด “หลี่ว์หลิงจื่อ ยังไม่ปรากฏตัวอีกหรือ!”
แทบจะในพริบตาเดียวกับที่เยวี่ยตงเอ่ยออกมา แผ่นหยกที่นางบีบแหลกก่อนหน้านี้แผ่นนั้นก็พลันสาดแสงสีเงินออกมา ยิ่งมีระลอกคลื่นส่งข้ามปะทุมา
เกิดเป็นคลื่นวนขนาดมหึมา ขณะที่หมุนวนครืนครั่น เงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากข้างใน มาพร้อมด้วยรัศมีอำนาจสะท้านฟ้า ก้าวออกมา
เพียงแค่ก้าวเดียวก็ก้าวข้ามมิติ เดินออกมาจากค่ายกล เดินมาข้างกายเยวี่ยตง
คนคนนี้เป็นชายหนุ่ม ร่างแบกโลกใบใหญ่ 9 ใบ ทุกใบล้วนพลังชีวิตเข้มข้น รวมอยู่บนร่างของเขา ก่อเป็นระลอกคลื่นพลังบำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ 9 โลกสุดยอด
ส่งผลกระทบต่อฟ้าดิน เหมือนว่าจะแปรเปลี่ยนที่นี่เป็นโลกของเขา
ในพริบตาที่เดินออกมา สายตาแรกที่เขามองไปไม่ใช่เยวี่ยตง แต่เป็นหลันเหยาที่สลบไสล
ดวงตาฉายแววอ่อนโยน จากนั้นก็หันมา ในยามที่มองสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว ความอ่อนโยนถูกแทนที่ด้วยความโหดเหี้ยม!
เอ่ยราบเรียบ “เป็นเจ้า 2 คนที่ทำร้ายภรรยาของข้าแซ่หลี่ว์หรือ”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
