บทที่ 1024 เอ้อร์หนิวเพียงคำเดียว 3 คนอึ้งตะลึง
ประโยคนี้หนักแน่นราวอัสนีสวรรค์ สะท้านสะเทือนจิตใจคนทั้งหลายที่อยู่ที่นี่
จากเสียงที่ดังมา เงาร่างสูงใหญ่ที่ลงมาจากฟ้ามาปรากฏตัวข้างหน้าเยวี่ยตงและหลันเหยา ก้าวมาทีละก้าวๆ เดินไปทางสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว
ฝีเท้ามุ่งมั่นและมีพลัง ทุกก้าวราวเหยียบไปบนจังหวะเต้นของหัวใจ ความกดดันรุนแรง
จากการเดินมา ไหล่ทั้ง 2 ของเขา หน้าอก ท้อง ขาทั้ง 2 ตลอดจนศีรษะ มีโลกใบใหญ่ทั้งหมด 9 ใบ กำลังกะพริบส่องประกายเจิดจ้า พลังชีวิตเข้มข้นพวยพุ่ง
พลังโลกทั้ง 9 ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี
พลังกดดันน่าหวาดกลัวลงมาเยือน กดอัดจนฟ้าดินคำรามลั่น
ในพลังท่วมฟ้าดินนี้ ในลมพายุที่น่ากลัวนี้ คนคนนี้ยิ่งปรากฏขึ้นในสายตาของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวอย่างชัดแจ้ง
ร่างของเขาสูงเกิน 8 ฉื่อ กายกำยำ เหมือนขุนเขาตั้งตระหง่าน ยืนอยู่กลางสนามรบที่ลมฝนพัดกระหน่ำ
ผิวเหมือนตากแดดตากฝนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจึงดูดำ เหมือนเป็นหินสีดำอันเข้มแข็งที่เกิดจากการลับของกาลเวลา
ใบหน้าแข็งแกร่งมุ่งมั่นแต่ล้ำลึก ภายใต้คิ้วเข้มทั้ง 2 ข้าง ดวงตาล้ำลึกดุจดวงดาว ฉายประกายที่เฉียบคมและมุ่งมั่น
โดยเฉพาะทุกสิ่งที่สายตาจับจ้องไป ราวอาชาพันตัวห้อตะบึง ควันศึกพวยพุ่งทั่วฟ้า มีขุนเขาและสายน้ำแตกสลาย
สิ่งที่เจิดจ้าพร่างพรายที่สุดคือเกราะสงครามที่สวมอยู่บนร่างเขา เกราะนี้เห็นได้ชัดว่าสร้างขึ้นอย่างวิจิตรปราณีตจากช่างฝีมือมีชื่อเสียง ทุกที่ล้วนส่องประกายวาววาม
บนเสื้อเกราะยังประดับไว้ด้วยอัญมณีทรงต่างๆ ภายใต้การสาดส่องของแสงอาทิตย์ก็ทอประกายเจิดจ้าพร่างพราย พริบพราวทั่วทั้งร่าง ขับเน้นให้เขาเป็นดุจดวงดารา
สวี่ชิงจ้องมองคนคนนี้ ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ในใจไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เขาในขณะนี้ มีความเป็นเทพเป็นหลัก
ส่วนเอ้อร์หนิวกลับให้ความสนใจประเมินเสื้อเกราะของอีกฝ่าย ในดวงตาฉายประกายอิจฉาขึ้นกลุ่มหนึ่ง แค่นเสียงขึ้นจมูก
“ทำท่าทางเหมือนไร้เทียมทานในใต้หล้า เจ้าก็แค่ไส้เดือนสวมกระดอง คิดว่าตัวเองเป็นตะพาบหรืออย่างไร ผู้มาเยือนจงบอกฐานะตัวตนมาซะ ท่านปู่หนิวของเจ้าคนนี้ไม่ฆ่าคนไร้ชื่อเสียง!”
สายตาเงาร่างสูงใหญ่เย็นชา พลังอำนาจทั่วทั้งร่างคำรามลั่น เดินมาพลางเอ่ยราบเรียบ “แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร หลี่ว์หลิงจื่อ ลูกศิษย์คนที่ 10 ใต้บัญชาการของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียน”
ทันทีที่คำพูดดังออกมา เงาร่างของเขาก็มาอยู่ข้างหน้าสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวแล้ว มือขวาที่หยาบหนาและมีพลัง เหมือนสามารถกุมโลกทั้งใบไว้ได้ พลันกดมายังทั้ง 2 คน
สวี่ชิงทั่วทั้งร่างพลังต้นกำเนิดเทพปะทุ พลังอำนาจเทพปกคลุม เอ้อร์หนิวแสงสีฟ้ากะพริบวูบวาบ ผนึกน้ำแข็งปะทุ
ต่อต้านทันที
ท่ามกลางเสียงดังระเบิดครืนครั่น สวี่ชิงทั่วร่างสะท้านเฮือก อาศัยการป้องกันกายเนื้อก็ไม่เป็นอะไรมาก แต่พลังโจมตีที่มาจากหลี่ว์หลิงจื่อก็ยังทำให้เขาต้องถอยหลัง
แต่ไม่นานนัก สวี่ชิงก็พุ่งออกไปอีกครั้ง พลังอำนาจลบเลือนแผ่ออก ยิ่งมีอำนาจเคราะห์หายนะและจันทร์สีม่วงลอยขึ้น ตามหาส่วนที่บกพร่องขาดหายในใจของอีกฝ่าย หล่อเลี้ยงพิษต้องห้าม
ส่วนเอ้อร์หนิวทางนั้นการป้องกันสู้สวี่ชิงไม่ได้ เผชิญหน้ากับฝ่ามือของระดับเตรียมสู่เทวะ 9 โลก ร่างของเขาระเบิดทันที แปรเปลี่ยนเป็นหมอกเลือดม้วนตลบไป จากนั้นก็หลอมรวมเป็นรูปร่างอีกครั้งอย่างรวดเร็ว พูดออกมา “แรงเยอะดีนี่ แต่ว่าคำพูดของเจ้าเมื่อครู่หมายความว่าย่างไร คู่ฝึกเต๋าที่เจ้าว่าคือคนไหน แม่ผู้หญิง 2 คนนี้เป็นคู่ฝึกเต๋าของเจ้าทั้ง 2 คนเลยหรือ”
“หรือว่า คนหนึ่งเป็นคู่ฝึกเต๋า คนหนึ่งเป็นชู้รัก”
ในขณะที่เสียงดังสะท้อน เอ้อร์หนิวก็พุ่งไปอีกครั้ง แปรเปลี่ยนเป็นหนอนสีฟ้านับไม่ถ้วน อ้าปากกว้าง พ่นไอเย็นออกมา
ร่วมกับสวี่ชิง คนหนึ่งผนึกแช่แข็ง คนหนึ่งโจมตี
แต่พลังโลก 9 ใบเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตคุณสมบัติเทพทั้งหมดที่สวี่ชิงเผชิญหน้าด้วยก่อนหน้านี้
นี่คือตัวตนที่ขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถสำเร็จเป็นระดับเจ้าเหนือหัว
ต่อให้สวี่ชิงจะไม่ธรรมดา เอ้อร์หนิวจะแปลกประหลาด แต่ความแตกต่างของพลังโดยสมบูรณ์ก็ทำให้วิธีต่างๆ ของพวกเขาต่างระเบิดทลาย
หลี่ว์หลิงจื่อกระทั่งว่ายังไม่ได้ใช้พลังวิเศษด้วยซ้ำ แค่อาศัยพลังที่เพิ่มขึ้นจากโลก 9 ใบ หมัดเดียวทำลายซึ่งทุกสิ่ง
ฟ้าดินส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น สวี่ชิงถอยไปอีกครั้ง เอ้อร์หนิวตัวระเบิดอีกครั้ง
แต่เสียงของเอ้อร์หนิวกลับยังดังต่อไป
“ไม่ถูกสิ ชู้ของเจ้าไยจึงควบคุมคู่ฝึกเต๋าของเจ้าเป็นหุ่นเชิดเล่า”
“โอ๊ะโยะโย๋ อาชิงน้อย ข้าพบความลับอะไรเข้าเสียแล้วล่ะ”
“พวกเขา 3 คน น่าสนใจจริงๆ เล่นอะไรกันน่าตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย”
เอ้อร์หนิวพูดพลางร่างไหววูบ มือขวายกขึ้นแหวกหน้าอกตัวเอง ควักเอาหัวใจออกมา แล้วขยี้เต็มแรง
หัวใจของเขาระเบิดทันที
ที่แปลกประหลาดคือ หลี่ว์หลิงจื่อทางนั้นฝีเท้าฝีเท้าก็หยุดชะงักไปเช่นกัน หน้าอกมีเสียงตึกๆๆ ดังมา คล้ายว่าการขยี้หัวใจตัวเองของเอ้อร์หนิว ส่งผลกระทบกับเขา
“อะแฮ่ม ข้าอยากจะถามว่า การละเล่นสนุกของพวกเจ้า 3 คนยังขาดคนหรือไม่ ข้าก็อยากร่วมด้วย เจ้าดูหัวใจข้าสิ ทั้งใหญ่ทั้งแข็งแรงใช่หรือไม่”
เอ้อร์หนิวเลียริมฝีปาก ท่าทางสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ต้องพูดเลยว่าเอ้อร์หนิวในด้านการทำลายบรรยากาศของสนามรบเรื่องนี้เป็นมือหนึ่งเลยทีเดียว…
เดิมทีหลี่ว์หลิงจื่อรัศมีอำนาจท่วมฟ้า แต่จากคำพูดที่ดังออกมาของเอ้อร์หนิว ผสมไปด้วยอารมณ์นัยยะอย่างอื่นแฝงด้วย ทำให้เยวี่ยตงทางนั้นสีหน้าย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนหลี่ว์หลิงจื่อประกายเย็นเยียบในดวงตารุนแรงยิ่งขึ้น มือซ้ายยกขึ้นแล้วพลันกดไปที่หว่างคิ้ว
ทันใดนั้นหว่างคิ้วของเขาก็แยกออกเป็นรอยแยกทางหนึ่ง แล้วมีดวงตาสีเลือดแดงก่ำข้างหนึ่งปรากฏออกมา!
ดวงตานี้ทันทีที่ปรากฏขึ้น ความรู้สึกของอำนาจกลุ่มหนึ่งก็พลันพวยพุ่งออกมา
จะเห็นในดวงตาโลหิตข้างนี้มีรอยเต๋าเต็มไปหมด
ไม่ได้มีเพียงสวี่ชิงและเหล่ารัฐทายาทแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราเท่านั้น ที่สามารถคว้าอำนาจมาได้โดยที่ยังไม่ได้ก้าวสู่ระดับเตรียมสู่เทวะ
ลูกศิษย์คนที่ 10 ของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนคนนี้ ในระดับเตรียมสู่เทวะก็คว้าอำนาจมาได้แล้วเช่นกัน
ตอนนี้จากเนตรโลหิตสาดแสงกะพริบ เงาร่างของเขาอยู่บนสนามรบดุจพายุคลั่ง ปะทุรวดเร็วทรงพลัง หอบม้วนทุกสิ่ง อาบย้อมโลกทำให้ท้องฟ้ามืดหม่น แผ่นดินหมองมัว
มีเพียงลมเท่านั้นที่เป็นทุกสิ่งของที่นี่
นั่นคืออำนาจแห่งลม
ทุกที่ที่ผ่าน มิติถูกฉีกทึ้ง ม่านฟ้าเกิดรอยแยก แผ่นดินหอบม้วนธารน้ำแข็งขึ้นมา สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวยิ่งเหมือนว่าวที่สายป่านขาด ถอยร่นไปข้างหลังอย่างรวดเร็วท่ามกลางลมพายุลูกนี้
ร่างของเอ้อร์หนิวแหลกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วกลับคืนร่างใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า ปากตะโกนลั่น “อาชิงน้อย ใช้ไม้ตาย!”
สวี่ชิงทางนี้ ในดวงตาทั้ง 2 ที่สงบนิ่งมีประกายแสงแปลกประหลาดฉายวาบ ถอยพลันพลางมองหลี่ว์หลิงจื่อด้วยสายตาแฝงรอยลึกซึ้งผาดหนึ่ง จากนั้นก็ยกมือขวาชี้ไปยังท้องฟ้า
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี แสงไหลวน เจดีย์วิเศษเทพศักดิ์สิทธิ์ลงมาเยือนท่ามกลางลมพายุ ไม่ว่าลมพายุจะพัดกระหน่ำเพียงใด ก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่กลางอากาศ
สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น เพียงก้าวเดียวก็ก้าวเข้าไปในเจดีย์วิเศษ
เอ้อร์หนิวอึ้งตะลึง แต่ก็ปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว พุ่งเข้าไปในเสี้ยวพริบตา
เพียงพริบตา ในลมพายุ เจดีย์วิเศษส่งเสียงเลื่อนลั่น ราวกับหินยักษ์ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ภาพนี้ทำให้เมื่อหลี่ว์หลิงจื่อเห็นคิ้วต้องขมวดไปเล็กน้อย
ส่วนในเจดีย์วิเศษ เอ้อร์หนิวยืนข้างสวี่ชิง พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“อาชิงน้อย ไม้ตายที่ข้าพูดถึงไม่ใช่อันนี้ เป็นแผ่นหยกจักรพรรดินี”
สวี่ชิงทำเหมือนไม่ได้ยิน มองไปทางหลี่ว์หลิงจื่อที่อยู่ข้างนอก คล้ายครุ่นคิด
เมื่อครู่ในขณะที่เขาประมือกับลูกศิษย์มหาจักรพรรดิก็สัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นพลังเพลิงเทวะที่แผ่วเบามากๆ กลุ่มหนึ่ง
ระลอกคลื่นกลุ่มนี้เร้นลับเป็นอย่างยิ่ง ในสภาวะปกติไม่มีทางสัมผัสได้ สวี่ชิงก็ไม่ได้สัมผัสด้วยจิตใจ แต่เป็นเพลิงเทวะที่กายเนื้อของเขาอาศัยสัญชาตญาณสัมผัสได้
นี่เกี่ยวกับตอนนี้เขามีความเป็นเทพเป็นหลัก อีกทั้งกายเนื้อพิเศษ
หากไม่ใช่เช่นนี้เกรงว่าเขาก็ไม่อาจสัมผัสได้เช่นกัน
ตอนนี้ขณะที่ขบคิด เอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าสวี่ชิงไม่สนใจตน ในใจบ่นงึมงำขึ้นมาสามสี่ประโยคอย่างอดไม่ได้
“เกลียดอาชิงน้อยในสภาวะนี้ที่สุดเลย ความเป็นเทพควบคุมโดยสมบูรณ์ ไม่เคารพคนแก่ ไม่รักเมตตาเด็กเลยแม้แต่น้อย!”
“แต่ว่าทำไมเขาถึงจ้องหลี่ว์หลิงจื่อคนนั้นอยู่เรื่อย หรือว่าค้นพบความลับอะไรบางอย่างเข้า”
เอ้อร์หนิวหรี่ตา มองไปเช่นกัน สังเกตอย่างละเอียด พยายามหาร่องรอย
ส่วนตอนนี้ นอกฟองอากาศเจดีย์วิเศษ หลี่ว์หลิงจื่อผู้เป็นลูกศิษย์มหาจักรพรรดิคนนั้นกำลังลองใช้พลังอำนาจ โจมตีเจดีย์วิเศษ
พายุส่งเสียงระเบิดครืนครั่น พัดกระหน่ำกวาดโหม แต่สำหรับเจดีย์ที่ลอยอยู่กลางอากาศผลกระทบที่เกิดเล็กน้อยนัก
เห็นเป็นเช่นนี้ ลูกศิษย์มหาจักรพรรดิคนนี้ก็ไม่ลงมือต่อ แต่หลังจากที่จ้องตากับสวี่ชิงโดยมีฟองอากาศกั้น ก็ยกมือสะบัด
ทันใดนั้นทะเลเพลิงผืนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ อาศัยการเพิ่มพลังของลม หุ้มเจดีย์วิเศษ เริ่มทำการหลอม
ทำทุกอย่างเหล่านี้เสร็จเขาก็ไม่สนใจเจดีย์ แต่หันหลังก้าวไปก้าวหนึ่ง เดินมายังพื้นดิน ข้างหน้าเยวี่ยตง
เทียบกับร่างสูงใหญ่ของเขา เยวี่ยตงดูบอบบางเป็นอย่างมาก ยังไม่ทันที่หลี่ว์หลิงจื่อจะเอ่ยปาก เยวี่ยตงก็พูดขึ้นก่อน “จัดการ 2 คนนี้ก่อน!”
หลี่ว์หลิงจื่อสีหน้าเป็นปกติ ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ทันแล้ว” เขาพูดพลางจับจ้องสายตาไปยังร่างของหลันเหยาที่สลบอยู่ข้างๆ
“จัดการเรื่องของพวกเราก่อน ส่วนเผ่ามนุษย์ 2 คนนั้น อาศัยของวิเศษโบราณ แม้จะหลบเลี่ยงอำนาจของข้าได้ แต่ก็ทำให้ตัวเองจนตรอก ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องสนใจ”
“รอเมื่อจัดการเรื่องของพวกเราเรียบร้อย พวกเขาหนีไม่รอด”
“ตอนนี้คลายวิชาควบคุมอารมณ์ต่อหลันเหยา!”
น้ำเสียงของหลี่ว์หลิงจื่อไม่ยอมให้ปฏิเสธ
เยวี่ยตงรู้สึกไม่ยอมจำนนเล็กๆ แต่หลังจากสัมผัสได้ถึงความเด็ดขาดของหลี่ว์หลิงจื่อได้ นางเงียบนิ่งไปสามสี่อึดใจ ฝืนยินยอม ยกมือชี้ไปที่ร่างของหลันเหยา
ทันใดนั้นใบหน้าของเยวี่ยตงที่ถักทอขึ้นในเส้นด้ายแห่งชะตาบนร่างหลันเหยาก็หมองหม่นไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็สลายไป ทำให้อารมณ์ของหลันเหยากลับเป็นปกติ
ร่างของนางตอนนี้สั่นสะท้าน ค่อยๆ ลืมตาทั้ง 2 ข้างขึ้นมา
ดวงตาหงส์สับสนงุนงงก่อน จากนั้นก็ได้สติอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เห็นเยวี่ยตงและหลี่ว์ตงจื่อที่อยู่ข้างหน้า สีหน้าของนางขาวซีดทันที ทุกอย่างหลังจากที่มาถึงแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ผุดขึ้นในใจ
ประสบการณ์ที่ถูกคนดึงอารมณ์ความรู้สึกไปจนสิ้นแบบนั้น เมื่อนึกย้อนไปในสภาวะที่ได้สติแล้วเช่นนี้ ก็มองร่องรอยอะไรออกทันที ดังนั้นจึงจ้องเยวี่ยตง เอ่ยขึ้นอย่างอาฆาตแค้น “เยวี่ยตง เจ้าและข้านับจากที่รู้จักกันมา ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย มองเจ้าเป็นสหายสนิท แต่เจ้ากลับใช้วิชาต้องห้ามโหดเหี้ยมเช่นนี้กับข้า!”
เยวี่ยตงสายตาเย็นชา ตอบไปอย่างเรียบเฉย “เจ้าและข้าแม้จะคบค้าเป็นสหายสนิท แต่จะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าเกิดในตระกูลมหาจักรพรรดิ อีกทั้งสายเลือดยังบริสุทธิ์ ส่วนข้า…เป็นเพียงแค่บุคคลตัวเล็กๆ ที่ไม่ว่าอะไรก็ต้องอาศัยตัวเองไปแย่งชิงมาเอง”
“โลกใบนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ดังนั้น ข้าอยากจะเดินไปให้ไกลยิ่งกว่า”
หลันเหยาได้ยินลมหายใจหอบถี่ จากนั้นก็มองไปทางคู่ฝึกเต๋าของตัวเอง หลี่ว์หลิงจื่อ
หลี่ว์หลิงจื่อแววตาอ่อนโยน มองหลันเหยาเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ไม่ต้องรีบร้อน เจ้าและข้าเป็นคู่ฝึกเต๋ากัน ข้าจะบอกเจ้าให้ อีกทั้งด้วยความฉลาดของเจ้าก็น่าจะเดาได้แล้ว”
“หลันเหยา ข้าในฐานะที่เป็นลูกศิษย์มหาจักรพรรดิ ตัวเองมีพรสวรรค์เหนือกว่าคนอื่นมากมาย ทว่าติดที่สายเลือด ไม่อาจสัมผัสรับรู้มรดกแกนกลางได้ หากคิดจะก้าวสู่ระดับเจ้าเหนือหัวก็อีกยาวไกลไม่รู้ว่าเมื่อใด”
“ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้า ผสานสายเลือดของเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับข้า ให้ข้าสัมผัสรับรู้มรดกของมหาจักรพรรดิแทนตระกูลของพวกเจ้า”
“และตอนนี้ท่านอาจารย์สภาวะเช่นนี้ คิดว่าท่านหากรู้เรื่องก็คงจะยินยอมเช่นกัน”
“แต่ตระกูลของเจ้าอย่างไรก็อำนาจยิ่งใหญ่ ดังนั้น…ข้าให้เยวี่ยตงใกล้ชิดเจ้า ล่อเจ้าออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ ทำให้นางควบคุมอารมณ์เจ้าที่นี่ได้ จากนั้นทันทีที่เวลาเหมาะสมก็ให้ข้าผสาน”
“เรื่องก็เป็นอย่างนี้”
ทันทีที่หลี่ว์หลิงจื่อพูดจบ ความอาฆาตแค้นในดวงตาหลันเหยายิ่งรุนแรง สีหน้าเหี้ยมเกรียม กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในตอนนี้เอง ในเจดีย์กลางอากาศ เอ้อร์หนิวที่เห็นภาพนี้ด้วยตัวเองตัวตาเบิกกว้าง ตบหน้าตักฉาด ส่งเสียงตื่นตะลึงดังลั่นอย่างอดไม่อยู่
“อื้อหืม คนแดนศักดิ์สิทธิ์เล่นสนุกกันขนาดนี้เชียวหรือ!”
เอ้อร์หนิวดวงตาเป็นประกาย ท่าทางเหมือนเปิดโลก
“แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า เหมือนว่าบทจะพลิกอีกอย่างไรอย่างนั้น!”
เสียงกวนประสาทของเอ้อร์หนิวเมื่อดังขึ้น เยวี่ยตง หลันเหยาและหลี่ว์หลิงจื่อสีหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างไม่อาจจับสังเกตได้
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
