Skip to content

Outside Of Time 1025


บทที่ 1025 เป็นผู้มากฝีมือด้านการแสดงโดยแท้

เพียงคำพูดเดียว ทำให้คนทั้ง 3 ตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าพลังแห่งคำพูดของเอ้อร์หนิวนั้นแข็งแกร่งเพียงใด

ถึงอย่างไรคนอื่นๆ ก็ฝึกปรือฝีปากเพียงชาติเดียว แต่เอ้อร์หนิวฝึกมาแล้วทุกชาติ พลังฝีปากแข็งแกร่งถึงขีดสุดมานานแล้ว

น่ากลัวว่าหากมีระบบฝึกบำเพ็ญปาก เอ้อร์หนิวคงเข้าใกล้ขั้นสูงสุดของระบบนี้อย่างขาดลอย

แม้แต่สวี่ชิงที่ในตอนนี้ยึดความเป็นเทพเป็นหลัก ก็ยังเหลือบมองเอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างกายผาดหนึ่ง

เอ้อร์หนิวภาคภูมิใจ ยืดอกขึ้น สีหน้าทะนงตน

เขาทันใดนั้นก็ค้นพบความท้าทายใหม่จากสวี่ชิง

“การทำให้สวี่ชิงน้อยที่เป็นปกติชื่นชมข้า เรื่องนี้มิได้ยากเย็นอะไรเลย ออกจะง่ายเกินไปด้วยซ้ำ สิ่งที่ข้าต้องทำคือการทำให้สวี่ชิงน้อยที่ถูกชี้นำโดยความเป็นเทพ ชื่นชมข้าด้วยเหตุผลเช่นกัน นี่สิถึงจะเป็นความสามารถที่แท้จริง!”

เอ้อร์หนิวกระแอมไอ เตรียมที่จะกล่าวต่อไป

แต่ในขณะนั้นเอง นอกเจดีย์ บนซากดินแดนธารน้ำแข็ง การแสดงของพวกเยวี่ยตง ก็มาถึงจุดแตกหักแรกแล้วเช่นกัน

ขณะที่เยวี่ยตงยกนิ้วขึ้นชี้ หลานเหยาที่ฟื้นคืนสติ อารมณ์ก็พลันผันผวนรุนแรงอีกครั้ง

7 อารมณ์ 6 ปรารถนา ปะทุขึ้นจากร่างหลานเหยาอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นเส้นใยที่พวยพุ่งออกจากร่างกาย แผ่ขยายไปยังหลี่ว์หลิงจื่อ

ร่างของหลานเหยาสั่นสะท้าน สีหน้าเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด ต้องการที่จะดิ้นรน แต่ในไม่ช้าแม้แต่ความคิดที่จะดิ้นรนก็กำลังถูกอารมณ์กลืนกิน

เยวี่ยตงที่อยู่ข้างๆ เพิกเฉยต่อความเจ็บปวดของหลานเหยา ทอดสายตามองไปยังหลี่ว์หลิงจื่อ

“หลี่ว์หลาง ก่อนหน้านี้ข้าได้ทำให้ 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาของหลานเหยาปั่นป่วน จนมีคุณสมบัติเป็นเรือนบ่มเพาะแล้ว หากตอนนี้ข้าทำให้อารมณ์ของนางระเบิดออกมา เงื่อนไขทั้งหมดพร้อมแล้ว”

“หวังว่าหลังจากเจ้าประสบความสำเร็จ เจ้าจะไม่ลืมข้อตกลงระหว่างเจ้ากับข้า ข้าต้องการวิชาสืบทอดของเฟิงหลินเทา เพื่อที่จะประทับตราวิชาเซียนของข้าให้กลายเป็นอำนาจ ส่วนเจ้า…นับแต่นี้เป็นต้นไปก็จะบรรลุเป็นเจ้าเหนือหัวอย่างราบรื่น!”

แววตาของหลี่ว์หลิงจื่ออ่อนโยน จ้องมองเยวี่ยตง พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม สีหน้าจริงใจ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่มีทางลืมเลือน วิถีมหามรรคาในอนาคต เจ้ากับข้าจะร่วมทางไปด้วยกัน”

เมื่อเยวี่ยตงได้ยินดังนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าแน่วแน่ ประสานปางมืออีกครั้งและชี้ไป ทันใดนั้นสติสัมปชัญญะสุดท้ายในดวงตาของหลานเหยา ก็มลายหายไป

สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความว่างเปล่าและความสับสน

สามารถหลอมรวมได้แล้ว!

หลี่ว์หลิงจื่อสูดลมหายใจเข้าลึก แววตาก็เผยให้เห็นถึงความคาดหวัง ก้าวเดินไปหาหลานเหยา ในขณะที่ยกมือขวาขึ้น ก็สัมผัสกับเส้นใย 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาที่แผ่ออกมาจากร่างของหลานเหยา

ทันทีที่สัมผัส เส้นใยเหล่านี้ก็หลอมรวมเข้าไปในนิ้วมือของหลี่ว์หลิงจื่ออย่างรวดเร็ว หลอมรวมกับเลือดเนื้อ เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณของเขา

ในเสี้ยววินาทีต่อมา ร่างของหลานเหยาก็สั่นสะท้านรุนแรงยิ่งขึ้น กลิ่นอายของนางค่อยๆ อ่อนแอลง เส้นใยแห่งโชคชะตาที่ก่อตัวขึ้นจาก 7 อารมณ์ 6 ปรารถนา ก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของหลี่ว์หลิงจื่ออย่างต่อเนื่อง

พร้อมกับเลือดเนื้อของหลานเหยา

ร่างของนางผ่ายผอมลงอย่างรวดเร็ว!

ยิ่งไปกว่านั้นพลังบำเพ็ญของนางยังไหลไปตามเส้นใย 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาสู่ร่างของหลี่ว์หลิงจื่อ

และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สายโลหิตบริสุทธิ์จักรพรรดิของหลานเหยา ก็เริ่มถ่ายโอนเช่นกัน

ความว่างเปล่าในดวงตาของหลานเหยา ยิ่งหยั่งลึกมากขึ้น ความสับสนของนางยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ บางทีอาจเป็นความโศกศัลย์ลึกลับที่รวมตัวอยู่ที่หางตาของนาง ก่อนจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำไหลอาบแก้มซูบตอบของนาง

หลี่ว์หลิงจื่อมองเห็นน้ำตาหยาดนี้ ในระหว่างการหลอมรวม เขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ หยุดชะงักลง

เยวี่ยตงที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้เห็นฉากนี้ พลันเอ่ยปากพูด “ตัดใจไม่ลงหรือ?”

หลี่ว์หลิงจื่อส่ายศีรษะ “ไม่ได้ตัดใจไม่ลง ข้าเพียงแค่กำลังคิดว่า การแสดงของพวกเจ้าทั้ง 2 จะพลิกผันเมื่อใดกันแน่”

“แม้แต่น้ำตาก็ยังปรากฏออกมา ดูสมจริงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้”

“หรือว่าจะเป็นตอนที่ข้าหลอมรวมนางจนหมดสิ้น?”

“เยวี่ยตง”

“วิธีการตอบโต้ที่เจ้าซ่อนไว้ใน 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาของหลานเหยา แม้ว่าจะแยบยล แต่… ข้าก็ยังคงรับรู้ได้”

หลี่ว์หลิงจื่อยิ้ม มองไปยังเยวี่ยตง

บนท้องฟ้า ภายในเจดีย์ สวี่ชิงจ้องมองฉากนี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จุดสำคัญคือการสังเกตหลี่ว์หลิงจื่อ

เอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่ามุ่งความสนใจไปที่เนื้อเรื่อง เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันเป็นประกายขึ้น ตะโกนเสียงดัง “กำลังจะพลิกผันแล้ว!!”

“ข้าว่าแล้วเชียวว่าทั้ง 3 คนนี้เล่นละครกันได้เร้าใจจริงๆ”

“เยวี่ยตง แผนการของเจ้าถูกมองทะลุแล้ว เร่งโต้กลับเร็วเข้า มิฉะนั้นโอกาสจะหลุดลอย หากปรารถนาจะประสบความสำเร็จอีกครั้ง อุปสรรคย่อมเพิ่มพูนมหาศาล”

เมื่อคำพูดของเขาหลุดออกมา เยวี่ยตงก็ขมวดคิ้ว ไม่สนใจเอ้อร์หนิว แต่กลับทอดสายตามองหลี่ว์หลิงจื่อ “หลี่ว์หลิงจื่อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร!”

หลี่ว์หลิงจื่อหัวเราะ แววตาเผยให้เห็นถึงประกายแสงประหลาด “เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่สหายเต๋าในเจดีย์กล่าวหรือ?”

“แม้ว่าเจ้าอยากจะแสดงต่อไป แต่ข้าหมดความสนใจแล้ว ข้าหมายถึงข้าไม่ต้องการการหลอมรวมครั้งนี้แล้ว”

กล่าวจบ หลี่ว์หลิงจื่อก็ยกมือขวาขึ้นคว้าร่างหลานเหยา พลังเตรียมสู่เทวะ 9 เขตขั้นปะทุขึ้นดังกึกก้อง ก่อตัวเป็นการโจมตีร้ายแรง ดึงดูดลมจาก 8 ทิศให้โหยหวน พุ่งตรงไปยังหลานเหยา

ต้องการจะบดขยี้หลานเหยาที่ไร้สติในขณะนี้ให้แหลกละเอียด

สีหน้าของเยวี่ยตงแปรเปลี่ยนไปในทันที นางสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารของหลี่ว์หลิงจื่อ นั่นคือเจตนาสังหารที่แท้จริง ไม่ใช่การหยั่งเชิง ดังนั้น 2 มือจึงเร่งประสานปางมือและชี้ไป

ทันใดนั้นเส้นใย 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาที่แผ่ออกมาจากร่างของหลานเหยา ก็พลันเปล่งประกายแสงเจิดจ้า แปลงเปลี่ยนเป็นคำสาป ประทับตราบนร่างหลี่ว์หลิงจื่อ

ยิ่งไปกว่านั้น ภายในร่างของหลี่ว์หลิงจื่อ 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาเหล่านั้นที่เขาหลอมรวมเข้าไปแล้ว ยังแปรเปลี่ยนเป็นคำสาป ปะทุขึ้นภายในร่างของเขา

ในขณะเดียวกัน หลานเหยาที่แต่เดิมว่างเปล่าและสับสน ในดวงตากลับพลันฉายแววสติปัญญา ร่างกายไหวเอนวูบหนึ่งก็กลับมาเคลื่อนไหวได้ดังปกติ สีหน้าเผยความเย็นเยียบ มือขวาตบลงบนหน้าผาก

เสียงดังสนั่น 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาที่นางปลดปล่อยออกมา ยิ่งปะทุเข้มข้นกว่าเดิม จงใจทำให้เส้นใยแห่งโชคชะตา ไหลทะลักเข้าสู่ร่างหลี่ว์หลิงจื่อ

แท้จริงแล้วนางไม่เคยสูญเสียสติสัมปชัญญะเลยตั้งแต่ต้นจนจบ!

การไล่ล่าที่แต่เดิมมุ่งเป้ามาที่นาง มาดูครานี้กลับแปรเปลี่ยนจากเหยื่อกลายเป็นนักล่า

และยังประสานร่วมมือกับเยวี่ยตงเป็นปี่เป็นขลุ่ย เห็นได้ชัดว่าทั้ง 2 เคยฝึกซ้อมมาหลายครั้ง ขณะนี้เมื่อลงมือ คำสาปที่แปรเปลี่ยนมาจาก 7 อารมณ์ 6 ปรารถนา ก็พลันโหมกระหน่ำ

เสียงยิ่งก้องกังวานไปทั่วทุกทิศทาง

“หลี่ว์หลิงจื่อ หมากในวันนี้ ถูกวางไว้เพื่อเจ้าโดยเฉพาะ! เจ้าคิดว่าความคิดเหล่านั้นของเจ้า ข้าไม่ล่วงรู้หรืออย่างไร ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ เจ้าหลี่ว์น้อย เรื่องราวเหล่านั้นของเจ้า ข้ารู้แจ้งเห็นจริงทั้งหมดแล้ว!”

“คุณหนูเยวี่ยตงได้บอกเล่าทุกสิ่งให้ข้ารู้มานานแล้ว เป้าหมายของพวกเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง เจ้า… คือเหยื่อของหลานเหยาผู้นี้!”

ผู้ที่กล่าว ไม่ใช่หลานเหยา

คือเอ้อร์หนิวในเจดีย์บนท้องฟ้า เขาลอกเลียนเสียงของหลานเหยาเปล่งวาจาออกไป ราวกับกำลังชมมหรสพ ไม่สนเรื่องใหญ่

และในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นหลานเหยาหรือเยวี่ยตง ต่างก็ไม่มีอารมณ์ที่จะใส่ใจคำพูดของเอ้อร์หนิว การลงมือของพวกนางเฉียบคม คำสาปปะทุขึ้นฉับพลันในร่างของหลี่ว์หลิงจื่อ

ร่างของหลี่ว์หลิงจื่อโอนเอนวูบหนึ่ง กลิ่นอายปั่นป่วน ปรากฏความอ่อนแอ แต่สีหน้าของเขากลับไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นจนจบ ในขณะนี้ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา กำลังจะเอ่ยปากพูด

เสียงก็ดังมาอีกครั้ง

“เยวี่ยตงคนเลว หลานเหยาคนเลว พวกเจ้า 2 คนช่างชั่วช้า คิดจริงๆ หรือว่าตัวเองกำชัยชนะไว้ในมือแล้ว หลี่ว์จื่อผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้า ในฐานะศิษย์ของจักรพรรดิ ไม่เคยไว้ใจพวกเจ้าเลยแม้แต่น้อย วันนี้ที่ข้ากล้าลงมาที่นี่ ย่อมต้องมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ที่จะทำให้พวกเจ้าพังพินาศ!”

ยังคงเป็นเอ้อร์หนิว เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

ราวกับเขาเป็นนักพากย์ ช่วยเหลือทั้ง 3 คนในการเล่าเรื่อง

หลี่ว์หลิงจื่อเมื่อได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มที่มุมปากก็ยิ่งฉายชัด ถึงขั้นที่เหลือบมองไปทางเจดีย์ผาดหนึ่ง ขณะที่สะกดคำสาป

“สหายเต๋าผู้นี้ กล่าวได้ตรงใจคนแซ่หลี่ว์จริงๆ”

ขณะที่พูด ประกายแสงเจิดจ้าในดวงตาของหลี่ว์หลิงจื่อก็สว่างวาบ ยกเท้าก้าวเดิน แต่ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังเยวี่ยตงและหลานเหยา แต่กลับก้าวเท้าไปกลางอากาศ ยกมือขวาขึ้นชกไปยังที่โล่งว่างเปล่าแห่งหนึ่งโดยฉับพลัน

9 โลกบนร่างของเขา ส่งเสียงคำรามกึกก้องพร้อมกัน เสริมพลังอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้หมัดนี้คล้ายจะบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้

และในขณะที่หมัดของเขากำลังจะกระทบ ห้วงความว่างเปล่านั้นพลันเกิดระลอกคลื่นบิดเบี้ยว เงาร่าง 6 สาย ปรากฏออกมาจากภายใน เปล่งประกายพุ่งเข้าเผชิญหน้าหลี่ว์หลิงจื่อโดยตรง

เสียงกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหว ปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้า

มุมปากของหลี่ว์หลิงจื่อมีโลหิตไหลซึม ร่างกายถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว

และทั้ง 6 คน ก็ต่างพ่นโลหิตออกมาเช่นกัน ถอยร่นไปข้างหลัง เผยให้เห็นรูปร่างของคนวัยกลางคน

เมื่อมองจากรูปลักษณ์ภายนอก รางๆ คล้ายคลึงกับหลานเหยาเล็กน้อย ในขณะนี้ต่างก็ทอดสายตามองไปยังหลี่ว์หลิงจื่อ เจตนาสังหารแผ่กระจาย

“เหล่าผู้อาวุโส 6 ท่านจากตระกูลหลานระดับเตรียมสู่เทวะ 9 เขตขั้น ที่แท้ก็แฝงตัวลงมายังดินแดนต้องประสงค์”

“ดูเหมือนว่าการไล่ล่าครั้งนี้ ไม่ใช่หลานเหยาที่ล่าข้า แต่เป็นพวกท่านตระกูลหลาน ที่กำลังล่าข้า”

“จะว่าไป บรรพจารย์แห่งตระกูลหลานมาถึงแล้ว ไยยังไม่ออกมาปรากฏกายอีก”

หลี่ว์หลิงจื่อเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองไปยังความว่างเปล่า

ทันใดนั้น ที่นั่นก็บิดเบี้ยวอีกครั้ง ร่างเงาของชายชราในชุดหรูหรา ปรากฏออกมาจากภายใน ก้าวเท้าออกมาเพียงก้าวเดียว ฟ้าดินก็แปรเปลี่ยน ผืนฟ้าปั่นป่วน เมฆลมโหมกระหน่ำ อำนาจเจ้าเหนือหัวแผ่ปกคลุมเบื้องล่างอย่างน่าสะพรึงกลัว

ในขณะที่เดินเข้ามา หลานเหยาและเยวี่ยตง ต่างก็รีบเข้าไปคารวะต่อเขาในทันที เหล่าผู้อาวุโส 6 ท่านผู้อื่น ก็เช่นกัน

ชายชราสีหน้าไร้อารมณ์ พยักหน้าเล็กน้อยให้กับหลานเหยาและเยวี่ยตง จากนั้นทอดสายตามองไปยังหลี่ว์หลิงจื่อ กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา “แม้ว่าเจ้าจะไม่มีจักรพรรดิ แต่กลับมีดวงตาปีศาจที่พบพานได้ยากยิ่งในรอบหมื่นปี นี่ก็เป็นเหตุผลที่บรรพจารย์จักรพรรดิรับเจ้าเป็นศิษย์ และยังเป็นเหตุผลที่ตระกูลของข้ายอมรับเจ้าเป็นบุตรเขย”

“ส่วนเรื่องการไล่ล่า… เจ้ามุ่งหมายสายโลหิตแห่งตระกูลของข้า ตระกูลของข้าเองก็มุ่งหมายดวงตาปีศาจของเจ้า ถือว่ายุติธรรมแล้ว”

ฉากนี้เข้าตกแก่สายตาสวี่ชิงภายในเจดีย์ ดวงตาของเขาก็ฉายแววครุ่นคิดออกมา เอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ก็กะพริบตาปริบๆ

“ให้ตายสิ เรื่องนี้มันชักจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ”

“ไม่รู้ว่าเจ้าหลี่ว์น้อยนี่ เตรียมแผนสำรองอะไรไว้อีก”

นอกเจดีย์ หลี่ว์หลิงจื่อมองไปยังบรรพจารย์แห่งตระกูลหลานที่ลงมาเยือน ยิ้มและพยักหน้า “ยุติธรรมจริงๆ”

“ดังนั้นนับตั้งแต่ข้าเข้าตระกูลหลานของพวกท่านและฝากตัวเป็นศิษย์ ข้าก็ไม่เคยไว้ใจพวกท่านและอาจารย์ของข้าเลยแม้แต่น้อย”

เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ แต่หลี่ว์หลิงจื่อยังคงสุขุมเยือกเย็น ไม่ว่าจะเป็นหลานเหยา เยวี่ยตง หรือแม้แต่บรรพจารย์แห่งตระกูลหลาน เจ้าเหนือหัวเพียงหนึ่งเดียวของตระกูล ต่างก็รู้สึกหนักหน่วงในใจเล็กน้อย

“หลี่ว์หลิงจื่อ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ธรรมดา ดังนั้นก่อนที่จะลงมา จึงได้ใช้สงครามในยามนี้ ในการตรึงกำลังแผนสำรองทั้งหมดของเจ้าในแดนศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้ว”

“เจ้าในตอนนี้ ไร้ซึ่งทางหนีทีไล่”

ขณะที่บรรพจารย์แห่งตระกูลหลานกำลังกล่าวนั้น กลิ่นอายบนร่างก็แปรเปลี่ยนเป็นพลังสยบ แผ่ปกคลุมไปทั่วทุกทิศทาง อำนาจแห่งเจ้าเหนือหัว ทำให้ผืนฟ้าผันแปร เมฆลมเปลี่ยนสี ราวกับรวบรวมกลิ่นอายทั้งหมดมาไว้ที่ตนเอง กลายเป็นเจ้าดินแดนแห่งนี้

ยิ่งก้าวเท้าเดินไปยังหลี่ว์หลิงจื่อ ทุกย่างก้าวที่เหยียบลง ก็ทำให้ฟ้าดินคำราม ราวกับโลกาจะสั่นคลอน

แต่หลี่ว์หลิงจื่อ เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ สีหน้าก็ยังคงสงบ ใบหน้ายังคงเปรอะเปื้อนรอยยิ้ม

กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แผนสำรองของข้าหรือ?”

เขากล่าวพลาง เงยหน้าขึ้นมองไปยัง…เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เซิงเทียนที่ตั้งตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า!

ทอดสายตามองไปยังเอ้อร์หนิว

เอ้อร์หนิวชะงักงัน

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version