Skip to content

Outside Of Time 1026


บทที่ 1026 ปลาอ้วนท้วนสมบูรณ์ ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ

ดินแดนธารน้ำแข็ง เงียบสงัดในชั่วพริบตา

สายตาของหลี่ว์หลิงจื่อ ดึงดูดความสนใจจากบรรพจารย์ตระกูลหลานและเหล่าผู้อาวุโส 6 ท่านในที่แห่งนี้ในทันที

ในใจของพวกเขาล้วนหวาดระแวงต่อศิษย์จักรพรรดิผู้นี้

เป็นเพราะว่าคนผู้นี้เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานที่หาตัวจับยากในแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร

เล่ห์เหลี่ยมของเขาลึกล้ำยากหยั่งถึง ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ได้

โดยเฉพาะดวงตาปีศาจที่กึ่งกลางคิ้ว แฝงไว้ซึ่งความลึกลับ ไม่เพียงแต่จะทำให้เขาสามารถคว้าอำนาจมาได้ในระดับมหาขั้นเตรียมสู่เทวะ แต่ยังสามารถใช้ดวงตาปีศาจนี้ ร่ายเวทน่าสะพรึงกลัวต่างๆ ได้

แม้ว่าระดับพลังบำเพ็ญโดยรวมจะไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดในบรรดาศิษย์ของจักรพรรดิตระกูลหลาน แต่พรสวรรค์และวิธีการของเขาก็น่าทึ่งอย่างยิ่ง

กองกำลังเบื้องหลังก็มีไม่น้อยเช่นกัน และยังได้รับความสนใจจากบุคคลระดับสูงและทรงอำนาจบางกลุ่มในปีกมารอีกด้วย

ดังนั้นหากต้องการที่จะลงมือกับเขา จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเรื่องยากในแดนศักดิ์สิทธิ์

วิธีเดียวที่จะปลอดภัยอย่างแท้จริง คือต้องอาศัยช่วงเวลาสงครามในยามนี้ ที่เผ่าพันธุ์มุ่งเน้นความสนใจไปที่การสู้รบกับเผ่ามนุษย์ ไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องเล็กน้อย ล่อคนผู้นี้ออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นให้บรรพจารย์ตระกูลหลานกำราบเขาโดยพลังบำเพ็ญเจ้าเหนือหัว

แต่ในตอนนี้…แม้ว่าจะปิดกั้นแผนสำรองทั้งหมดของอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะไร้ช่องโหว่นี้ อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเป็นปกติ ทอดสายตามองไปยังเจดีย์บนท้องฟ้าด้วยรอยยิ้มดังเดิม

ฉากนี้ ทำให้ในใจของคนตระกูลหลาน ล้วนกระตุกวูบขึ้นมา รู้สึกถึงสังหรณ์ร้าย

และหลานเหยา ในฐานะคู่ครองของหลี่ว์หลิงจื่อ นางเข้าใจหลี่ว์หลิงจื่อมากกว่าใคร ดังนั้นสีหน้าจึงแปรเปลี่ยนไปในทันที แม้แต่ลมหายใจก็ยังถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย

สังหรณ์ร้ายที่ผุดขึ้นในใจของทุกคน เมื่อมาถึงนาง ผนวกกับความเข้าใจในหลี่ว์หลิงจื่อ ก็กลายเป็นความจริงที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงได้

เยวี่ยตงที่อยู่ข้างๆ ก็จิตใจปั่นป่วนกระวนกระวายเช่นเดียวกัน หลังจากสบสายตากับหลานเหยาอย่างรวดเร็ว 2 สาวก็ไม่ลังเล รีบถอยร่น พยายามที่จะรักษาระยะห่าง มองหาโอกาสหลบหนีออกจากสมรภูมิ

ในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางสายตาของทุกคน ภายในเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เซิ่งเทียนที่ลอยเท้งเต้งอยู่กลางอากาศ เอ้อร์หนิวประหลาดใจ “ไยจึงมองข้าเล่า?”

“หมายความว่าอย่างไร ข้าเป็นแผนสำรองของเขาหรือ?”

“หรือว่า รอข้าพากย์เสียงให้เขาต่อไป?”

ภายในเจดีย์ เอ้อร์หนิวกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่สวี่ชิงที่อยู่ข้างๆ ในขณะนี้ สีหน้าครุ่นคิดได้จางหายไปแล้ว เขาเดินออกจากเจดีย์ไปยืนอยู่ภายนอกทันที!

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของสวี่ชิง ทำให้ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ที่ต่างตื่นตัวกันอยู่แล้ว ต่างก็สงบลงในทันที ทันใดนั้นสายตาก็เลื่อนจากเจดีย์ไปยังสวี่ชิง

ในใจของเอ้อร์หนิวบังเกิดความงุนงง เมื่อนึกถึงสายตาของสวี่ชิงก่อนหน้านี้ ก็พอจะคาดเดาได้ “หรือว่า…”

ส่วนหลานเหยาที่อยู่ที่นั่น เวลานี้ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น เยวี่ยตงสีหน้าแปรเปลี่ยนอีกครั้ง ลางร้ายในใจของบรรพจารย์ตระกูลหลานและเหล่าผู้อาวุโสหกท่าน ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งหมดต่างขมวดคิ้ว

มีเพียงหลี่ว์หลิงจื่อเท่านั้นที่ยังคงคลี่ยิ้มดังเดิม ทอดสายตามองสวี่ชิง และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าเป็นแผนสำรองของข้าหรือ?”

สวี่ชิงสั่นศีรษะ

“โอ้? เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงเดินออกมา?” ดวงตาของหลี่ว์หลิงจื่อเปล่งประกายประหลาด เพ่งพินิจมองสวี่ชิงอย่างละเอียดถี่ถ้วนหลายครั้ง

สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ ทอดสายตาผ่านกำแพงฟองอากาศเบื้องหน้า มองไปยังหลี่ว์หลิงจื่อ กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่ใช่แผนสำรองของเจ้า แต่ก่อนหน้านี้ในการประมือกับเจ้า ข้าได้ค้นพบคลื่นความผันผวนที่น่าสนใจจากร่างของเจ้า”

“ในร่างของเจ้า มีร่องรอยคลื่นความผันผวนของไฟเทวะ ซ่อนเร้นอย่างลึกล้ำ หากไม่ใช่เพราะในตอนนี้ข้ามีความเป็นเทพเป็นหลัก การรับรู้คลื่นความผันผวนแห่งไฟเทวะย่อมเหนือกว่าแต่ก่อน อีกทั้งกายเนื้อของข้ายังมีความพิเศษ เกรงว่าคงยากที่จะมองออก”

“ดังนั้นกล่าวให้ถูกต้องก็คือ สัญชาตญาณของกายเนื้อข้า รับรู้ได้ถึงคลื่นความผันผวนแผ่วเบานั้น”

“และข้าคุ้นเคยกับคลื่นความผันผวนนี้อย่างยิ่ง ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงครุ่นคิดถึงที่มาของมันอยู่ตลอดเวลา ในท้ายที่สุดข้าก็ค้นพบคำตอบ”

“ไฟเทวะนี้ มาจากจักรพรรดิมนุษย์หลี่เซี่ย”

สายตาของสวี่ชิงสงบนิ่ง แต่คำพูดของเขากลับกึกก้องไปทุกทิศทางราวกับสายฟ้าฟาด

ดวงตาของเอ้อร์หนิวเบิกกว้าง แต่ในไม่ช้าก็กลับคืนสู่สภาพปกติ หัวเราะร่า ก่อนจะเดินไปยังข้างกายสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว แสดงท่าทีราวกับคาดการณ์ไว้แล้ว มั่นใจในการควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด กล่าวออกมาอย่างทะนงตน “อาชิงน้อยพูดถูกแล้ว นี่ก็คือสิ่งที่ข้าต้องการจะพูดเช่นกัน”

หลานเหยาและเยวี่ยตง ไม่ลังเล รีบถอยร่นไปในทันที

บรรพจารย์ตระกูลหลานและเหล่าผู้อาวุโส 6 ท่าน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

น้ำเสียงของสวี่ชิงไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ แฝงเจือยังคงก้องกังวาน “ข้าคิดว่า ในเมื่อเจ้ามีไฟเทวะของจักรพรรดิหลี่เซี่ย เช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่า จักรพรรดินีจะทรงประทานให้เจ้าด้วยพระองค์เอง”

“เมื่อผนวกกับภารกิจที่จักรพรรดินีทรงมอบหมายให้ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นเพียงแค่การจับเป็นหลานเหยา… ด้วยสถานะของจักรพรรดินี เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้พระองค์ย่อมไม่ให้ความสำคัญ ดังนั้นจึงมีแนวโน้มสูงกว่าที่เฟิงหลินเทาจะเป็นเหยื่อล่อปลาในครานี้ หลานเหยาก็เป็นเหยื่อล่อปลา เจ้าก็เป็นเหยื่อล่อปลาเช่นกัน”

“สิ่งที่ต้องการจะล่อมาคือตระกูลหลานทั้งหมด”

“นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้การสู้รบระหว่างเผ่ามนุษย์และแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร หลายครั้งที่ได้รับชัยชนะ เป็นเพราะข่าวกรองเชิงกลยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารรั่วไหล แม้ว่าจักรพรรดินีจะทรงป้ายความผิดไปให้เฟิงหลินเทา แต่ว่า…”

“สถานะของเฟิงหลินเทา เขาไม่อาจควบคุมข่าวสารข้อมูลจำนวนมหาศาลเช่นนี้ได้ ดังนั้นจะต้องมีบุคคลอื่นที่ร่วมมือกับจักรพรรดินี”

ยากนักที่สวี่ชิงจะพูดเช่นนี้ ในยามนี้คำพูดทั้งหมดของเขาพัดผ่านไปราวกับสายลมเย็น รวมกันเป็นประโยคเดียว

“ดังนั้นแผนสำรองของเจ้า จึงไม่ใช่ข้า แต่คือจักรพรรดินี”

คำพูดเหล่านี้ ก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ราวกับคลื่นยักษ์ ที่ดังกระหึ่มสู่โลกภายนอก

บรรพจารย์ตระกูลหลานรีบแผ่จิตเทพออกไป รับรู้ทั่วทุกทิศทาง ในขณะเดียวกันร่างกายก็พลันวูบไหว ทว่าไม่ได้ลงมือกับหลี่ว์หลิงจื่อ แต่กลับพุ่งตรงไปยังเวิ้งเวหา ยกมือขึ้นหมายที่จะกรีดแหวกช่องว่างออกไปจากที่แห่งนี้

เหล่าผู้อาวุโส 6 ท่านก็ปลดปล่อยพลังบำเพ็ญทั้งหมดออกมา ตื่นตระหนกถึงขีดสุด เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกัน

สิ่งที่สวี่ชิงกล่าวออกมามีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่งในความคิดของพวกเขา ดังนั้นการจากที่แห่งนี้ กลับคืนสู่แดนศักดิ์สิทธิ์คือทางเลือกที่ดีที่สุด

หากยังอยู่ที่นี่ และจักรพรรดินีเสด็จมาจริงๆ เช่นนั้นผลที่ตามมาย่อมเลวร้ายเกินกว่าจะจินตนาการได้

แม้ว่าดวงตาปีศาจจะสำคัญ แต่ก็ไม่อาจเทียบเท่าความปลอดภัยของตนเอง

โดยเฉพาะเรื่องที่หลี่ว์หลิงจื่อสมคบคิดกับเผ่ามนุษย์ หากยืนยันแน่ชัดแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องลงมืออีกต่อไป ด้วยคุณูปการนี้ ตระกูลหลานย่อมหาวิธีเอามันมาได้เป็นธรรมดา

สวี่ชิงไม่ได้ใส่ใจการกระทำของพวกเขา หลี่ว์หลิงจื่อก็เช่นกัน ไม่แม้แต่จะเหลือบมอง เขาจ้องมองสวี่ชิง แววตาเผยให้เห็นถึงความชื่นชม “สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับหนึ่งของเผ่ามนุษย์ ไม่น่าแปลกใจที่จักรพรรดินีทรงมอบหมายให้เจ้ามาช่วยเหลือข้า”

“จักรพรรดินีทรงให้สัญญาไว้ เรื่องของข้า จะไม่ทรงบอกกล่าวแก่ผู้ใด ข้ายังนึกว่าพระองค์ผิดคำสัญญา บอกเรื่องของข้าให้เจ้าล่วงรู้เสียแล้ว”

สวี่ชิงสั่นศีรษะ “จักรพรรดินีไม่ได้ตรัสสิ่งใดออกมาแม้แต่น้อย และเหตุผลที่ข้าเดินออกมา ยังมีจุดสำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นก็คือ ที่นี่มีปลามากพอแล้ว แม้ว่าการตัดสินของข้าจะผิดพลาด ก็ไม่เป็นไร”

กล่าวจบ สวี่ชิงก็ยกมือขึ้น นำแผ่นหยกซึ่งสร้างขึ้นจากแสงที่จักรพรรดินีทรงมอบให้ขึ้นมา ถือไว้ในมือ

ท่ามกลางความคาดหวังของเอ้อร์หนิว ท่ามกลางรอยยิ้มของหลี่ว์หลิงจื่อ ท่ามกลางการหลบหนีอย่างรวดเร็วของคนตระกูลหลาน ในขณะที่บรรพจารย์ตระกูลหลานกรีดแหวกช่องว่างออกนั้น…

สวี่ชิงก็บดขยี้แผ่นหยกแสงในมือ!

เสียงกรอบแกรบ ดังก้องกังวานไปทั่วธารน้ำแข็ง

ฟ้าดินมืดมัวลงในทันใด!

ราวกับมีเทพเจ้า เป่าดับแสงไฟแห่งดินแดนต้องประสงค์ ให้ดับวูบ นำสิ่งที่เรียกว่าแสงออกไปจากดินแดนต้องประสงค์ในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ช่วงเวลากลางวันทั้งหมดกลายเป็นความมืดมิดในเสี้ยววินาที

มีเพียงแผ่นหยกแตกสลายเท่านั้นที่มีแสงสีขาวจางๆ ล่องลอยออกมา กลายเป็นต้นกำเนิดของแสงในยามนี้

ราวกับการปะทุของดวงตะวันแสงอรุณ

เจิดจ้าราวกับทะเลแสง กึกก้องไปทั่วทั้งท้องนภา

ดังนั้น บนเวหา ในต้นกำเนิดแห่งแสง เทพเจ้าผู้หนึ่งที่หลับตาก็เสด็จมา!

เทพเจ้าผู้นี้ทรงสวมฉลองพระองค์จักรพรรดิ ทรงสวมมงกุฎจักรพรรดิ ดวงชะตาเผ่ามนุษย์ห้อมล้อม พายุลมหายใจเทพติดตามพระวรกาย การปรากฏองค์ท่าน ส่งผลกระทบต่อกาลเวลา กระทบกระเทือนห้วงมิติ

ห้วงเวลาและมิติทั้งหมด ราวกับกลายเป็นเพียงส่วนเสริม

รอยแยกมิติที่บรรพจารย์ตระกูลหลานกรีดแหวกไว้กลับแข็งค้าง ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มอยู่กลางเวหา ไม่อาจก้าวเท้าไปได้แม้แต่น้อย

เหล่าผู้อาวุโส 6 ท่านที่อยู่ข้างๆ วิญญาณล้วนสั่นสะท้าน

หลานเหยาและเยวี่ยตงที่อยู่ห่างไกล ถูกความหวาดกลัวอันไร้สิ้นสุดครอบงำ ชะงักงันกลายเป็นรูปปั้นไป

สรรพชีวิต ล้วนเคลื่อนไหวเพราะองค์ท่าน

เงาร่างงดงามหาใดเปรียบ คือองค์จักรพรรดินี

องค์ท่านก้าวเท้าเดียว ก็เสด็จมายังเบื้องหน้าสวี่ชิง ลืมพระเนตรที่ปิดสนิท

แสงเจิดจ้าอันไร้สิ้นสุด เปล่งประกายจากพระเนตร กลายเป็นแสงอรุณที่ฉีกกระชากทุกสิ่งในความมืดมิด

ยามแสงนั้นสาดส่อง ฟ้าดินก็พลันเปลี่ยนจากความมืดมิดเป็นสว่างจ้าทันใด

“เจ้าทำได้ดีมาก”

สิ่งแรกที่จักรพรรดินีทอดพระเนตรมอง คือสวี่ชิง

ความเป็นมนุษย์ที่หายไปจากร่างของสวี่ชิงหวนคืนมาอีกครั้ง พร้อมกับสุรเสียงนั้น

สวี่ชิงสูดลมหายใจเข้าลึก ก้มศีรษะคำนับ

เอ้อร์หนิวกะพริบตาปริบๆ รีบเข้าไปคำนับเช่นกัน

จักรพรรดินีทรงเบนพระเนตรไปยังหลี่ว์หลิงจื่อ

“คารวะจักรพรรดินี โชคดีที่กระหม่อมล่อลวงบรรพจารย์ตระกูลหลานและผู้อาวุโสหลักทั้งหมดมาได้สำเร็จ”

สีหน้าของหลี่ว์หลิงจื่อสง่างาม ค้อมกายลงคำนับ

จักรพรรดินีทรงพยักพระพักตร์

ดังที่สวี่ชิงกล่าว พระประสงค์ของพระองค์ ย่อมมิใช่เพียงหลานเหยาผู้เดียว พระองค์ทรงต้องการยอดฝีมือหลักทั้งหมดของตระกูลหลาน ต้องหลอมรวมสายโลหิตของคนเหล่านี้ทั้งหมดเท่านั้น จึงจะสามารถข่มขวัญจักรพรรดิที่ใกล้จะดับสูญได้

และนางยังร่วมมือกับศิษย์จักรพรรดิผู้นี้มานานมากแล้ว

เหตุผลที่กองทัพเผ่ามนุษย์ได้รับชัยชนะจากข่าวกรองต่างๆ ก่อนหน้านี้กลายครั้ง ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของคนผู้นี้

เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อย จักรพรรดินีก็ตรัสออกมาอย่างแผ่วเบา

“สิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าจะประทานให้เจ้า”

ตรัสพลาง จักรพรรดินีก็ทรงยกพระหัตถ์ขึ้น ไฟเทวะสายหนึ่งลอยขึ้นจากฝ่าพระหัตถ์ โผบินไปหาหลี่ว์หลิงจื่อ

หลี่ว์หลิงจื่อหายใจถี่กระชั้นขึ้นเป็นครั้งแรก ดวงตาเผยให้เห็นถึงความร้อนรุ่ม ทั้งหมดที่เขาทำ ทรยศต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็เพื่อ…ไฟเทวะ!

คนภายนอกต่างคิดว่า เขามุ่งหมายการสืบทอดของอาจารย์ แต่ในความเป็นจริง หลังจากที่ลงมายังดินแดนต้องประสงค์ หลังจากที่รับรู้เรื่องราวของจักรพรรดินี เขาก็ละทิ้งความปรารถนาการสืบทอดจักรพรรดิไปนานแล้ว

สิ่งที่เขาต้องการ คือเชื้อเพลิงที่จะนำไปสู่การสำเร็จเทพ!

เขาต้องการสำเร็จเทพ!

สำหรับเขา อนาคตของตนเองคือทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมสงครามในยามนี้

ไม่ว่าจะเป็นดินแดนต้องประสงค์หรือแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ต้องต่อสู้ฆ่าฟันอย่างไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็เป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่ง

เขาคำนึงถึงแต่ตนเอง วางแผนที่จะหลุดพันจากแดนศักดิ์สิทธิ์ สำเร็จเทพด้วยตนเอง

หลังจากสำเร็จเทพ ท้องฟ้าและผืนดินกว้างใหญ่ไพศาล ที่ใดก็สามารถไปได้

ท้ายที่สุด นี่คือจักรวาลของเทพเจ้า เขามองว่าการปลีกตัวออกจากระบบผู้บำเพ็ญ กลายเป็นเทพเจ้าต่างหากคือหนทางที่ถูกต้อง!

แต่เดิม เขาทำได้เพียงแค่ปรารถนา ไม่อาจไขว่คว้า

แต่จักรพรรดินีทรงค้นพบเขา องค์ท่านก็ประทานความหวังให้แก่เขา!

ในฐานะผู้บำเพ็ญที่ประสบความสำเร็จในการสำเร็จเทพเพียงหนึ่งเดียว ความหวังที่จักรพรรดินีประทานให้ สำหรับเขาแล้ว สำคัญยิ่งยวด หาใดเปรียบไม่ได้

ดังนั้นจึงเกิดเป็นเรื่องราวทั้งหมดนับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้น

หลี่ว์หลิงจื่อสูดลมหายใจเข้าลึก หลังจากรับไฟเทวะมาก็คำนับจักรพรรดินีอีกครั้ง จากนั้นร่างกายวูบไหว จากไปในชั่วพริบตา พุ่งตรงไปยังขอบฟ้า

แทบจะในทันทีที่เขาจากไป ทะเลแห่งแสงก็ปะทุขึ้น ณ ดินแดนธารน้ำแข็งแห่งนี้

ท่ามกลางแสงสว่าง จักรพรรดินีดำเนินเข้าไปหาบรรพจารย์ตระกูลหลาน

ในใจของบรรพจารย์ตระกูลหลานหวาดผวา ในขณะนี้รอยแยกมิติอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงแค่ทอดสายตามองจักรพรรดินีที่เสด็จเข้ามาใกล้

พลังสะกดอันมหาศาล และคลื่นความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้ร่างของบรรพจารย์ตระกูลหลานสั่นเทิ้ม ต่อให้เขาดิ้นรนอย่างไร แต่ช่องว่างระดับพลังบำเพ็ญที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ ก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างไร้ผล

ในเสี้ยววินาทีต่อมา จักรพรรดินีทรงยกพระหัตถ์ขึ้น กดลงเบาๆ

ในดวงตาของบรรพจารย์ตระกูลหลานเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวัง ลำแสงอาบไล้ไปทั่วร่าง จากนั้นก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของแสง ถูกจักรพรรดินีนำตัวไป

หลังจากนั้น จักรพรรดินีก็ทอดสายพระเนตรมองเหล่าผู้อาวุโส 6 ท่านอย่างสงบ

เหล่าวิญญาณของทั้ง 6 ท่านก็พลันดับมอด ถูกสายพระเนตรของจักรพรรดินีหลอมละลายหายไป ไร้ร่องรอยการดำรงอยู่

สุดท้ายคือหลานเหยา

ก็ถูกจักรพรรดินีนำตัวไปเช่นกัน

ก่อนจากไป พระสุรเสียงของจักรพรรดินีดังก้องกังวานอย่างชัดเจนอยู่ข้างกายสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว

“เยวี่ยตงสตรีนางนั้น มีวิชาเซียน ซ่อนการสืบทอดไว้ในวิญญาณของเฟิงหลินเทา”

“ทั้ง 2 คนนี้ คือรางวัลที่พวกเจ้าได้รับจากการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้สำเร็จ”

“ในตอนนี้ดินแดนต้องประสงค์เกิดสงครามระส่ำระสาย สถานการณ์สลับซับซ้อน พวกเจ้าทั้ง 2 อย่าได้เข้าไปพัวพันถลำลึก จึงมองหาสถานที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง ปิดด่านบำเพ็ญเพียรทำความเข้าใจวิชาเซียนและการสืบทอดจึงจะดี”

เสียงนั้นค่อยๆ จางหาย ฟ้าดินกลับคืนสู่สภาพเดิม จักรพรรดินีเสด็จจากไปแล้ว

สายตาของสวี่ชิงจับจ้องไปยังร่างของเยวี่ยตงที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่ไกลๆ ราวกับกำลังครุ่นคิด เอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างๆ มองไปยังขอบฟ้าด้วยสีหน้าสงสัย พลันกระซิบเอ่ยขึ้น

“อาชิงน้อย ข้ารู้สึกว่าจักรพรรดินีดูท่าทางผิดปกติไปหน่อย นางกล่าววาจามากมายขนาดนี้ ทำท่าราวกับต้องการที่จะไล่พวกเราไปให้พ้นๆ อย่างไรอย่างนั้น…”

“นางจะไม่เป็นเหมือนกับตาเฒ่าในตอนนั้น ที่จะแอบกินรวบลับหลังพวกเรากระมัง?”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version