บทที่ 1035 ธุลีสีขาวอันลึกลับ
สำหรับเผ่าปีกมารแล้ว ตำหนักวิชาเซียน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าปีกมารบูรพา หรือเผ่าปีกมารประจิม ล้วนแต่เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
และสำหรับมหาปรมาจารย์เซียนทุกรุ่นแล้ว แม้พลังบำเพ็ญจะไม่ใช่เจ้าเหนือหัวไปเสียทั้งหมด แต่ตำแหน่งกลับเทียบเท่ากับเจ้าเหนือหัว
เพียงแต่ตอนนี้จากความตกต่ำของเผ่าปีกมารบูรพา ตลอดจนมหาปรมาจารย์เซียนตำหนักเซียนแดนตะวันออกแตกดับ ดังนั้น ตำหนักวิชาเซียนของเผ่าปีกมารบูรพาก็ค่อยๆ สูญเสียประกายรุ่งเรืองในอดีตไป
ปรมาจารย์เซียนทุกคนในนั้นล้วนแต่วางแผนแก่งแย่งกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง ต่างคิดที่จะล้มอีกฝ่าย สืบทอดตำแหน่งมหาปรมาจารย์เซียน
ส่วนเยวี่ยตง แม้จะเป็นลูกศิษย์ของมหาปรมาจารย์เซียนรุ่นก่อน แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติสืบทอดตำแหน่งเพียงคนเดียว
ดังนั้นนางถึงได้ร่วมมือกับตระกูลหลัน วางแผนการบ้าคลั่งหวังคว้าเอาโครงกระดูกมหาจักรพรรดิ หากนางทำได้สำเร็จจริงๆ…เช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงตำหนักเซียนเพียงแห่งเดียวเลย ต่อให้เป็นทั้งเผ่าปีกมารบูรพา ทั้งนางและตระกูลหลันล้วนควบคุมไว้ได้ทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้…ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง
แต่ดีที่มีเอ้อร์หนิว
เอ้อร์หนิวจิตใจดีงาม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้นแผนของเยวี่ยตงมีผู้สืบสานต่อแล้ว
ตอนนี้ ในสระเมืองปีกมารแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับตำหนักวิชาเซียนปีกมารบูรพาใกล้ที่สุด เอ้อร์หนิวที่ได้ยินว่าสวี่ชิงไม่คิดจะร่วมทางไปด้วยกัน สายตาก็จับจ้องไปบนร่างสวี่ชิง
“ก็จริง เจ้าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีตัวตน”
“เช่นนั้น หลังจากเจ้าได้ตัวตนเรียบร้อยแล้วมาหาข้าเป็นอย่างไร”
เอ้อร์หนิวถาม
สวี่ชิงได้ยินก็ส่ายหน้า
เขามีเรื่องของตัวเองที่ต้องไปจัดการ ก็เหมือนกับที่ศิษย์พี่ใหญ่คิดจะเข้าตำหนักวิชาเซียนแบบนั้น เรื่องที่สวี่ชิงจะทำคือจัดการปัญหาที่รบกวนตัวเขาเองมามานานแล้วเรื่องหนึ่ง
ปัญหานี้ สวี่ชิงเคยขบคิดมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่มีวิธีจัดการ จวบจน…การปรากฏตัวขึ้นของเสี่ยเฉินจื่อ
ดังนั้นสำหรับคำพูดของศิษย์พี่ใหญ่ สวี่ชิงพูดอย่างสงบนิ่ง
“เวลาที่กลับมาข้ายังไม่แน่ใจ”
“ในตัวเสี่ยเฉินจื่อคนนั้นมีความพิเศษบางอย่างที่ทำให้ข้าสนใจนัก ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเตรียมจะไปสืบสักหน่อย”
“รอเมื่อข้าสืบเรียบร้อยแล้ว ข้าค่อยไปหาท่าน”
คำพูดของสวี่ชิงสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้เอ้อร์หนิวทันที “ความพิเศษอะไร”
สวี่ชิงเงยหน้า ทอดสายตามองไปยังที่ไกล สัมผัสถึงตราประทับที่ทิ้งไว้บนร่างของเสี่ยเฉินจื่อ ตอนนี้สลายไปเองประมาณหนึ่งแล้ว แต่ว่าตอนนั้นเขาเพื่อที่จะป้องกันเหตุไม่คาดฝันยังทิ้งเนตรเงาข้างหนึ่งของเจ้าเงาไว้ด้วย
ดังนั้นร่องรอยของเสี่ยเฉินจื่อคนนี้ไม่ได้หลุดมือไป
ตอนนี้หลังจากสัมผัสรับรู้ ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายประหลาดกลุ่มหนึ่ง เอ่ยพึมพำเสียงต่ำ “ไม่แปดเปื้อนผลกรรมเวร!”
สวี่ชิงพูดจบ ร่างก็เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วรางเลือนไปในพริบตา หายไปในท้องฟ้า
เอ้อร์หนิวมองไปทางทิศที่สวี่ชิงจากไป คล้ายครุ่นคิด “ก็ดีเหมือนกัน อย่างไรเสีย ด้วยพลังบำเพ็ญของศิษย์น้องเล็กในตอนนี้ ขอเพียงรอบคอบสักนิดก็ไม่เป็นปัญหา อีกทั้ง…ที่นี่คือเผ่าปีกมารบูรพา มีหลี่ว์หลิงจื่ออยู่มิใช่หรือไร”
เอ้อร์หนิวเลียริมฝีปาก หันไปมองทางตำหนักวิชาเซียน ทะยานไปอย่างรวดเร็ว
เช่นนี้เอง กลุ่มชิง-หนิวก็แยกกันที่นี่ ต่างแยกกันไปจัดการเรื่องของตัวเอง
หลังจากนั้นหลายชั่วยาม บนท้องฟ้าเผ่าปีกมารบูรพา เงาร่างของสวี่ชิงขณะที่อำพรางกายมาตลอดทาง ไปตามทิศทางที่เนตรเงานำทาง เข้าใกล้ไปเรื่อยๆ
จากการเข้าใกล้ ในใจของเขาก็เกิดระลอกคลื่นอารมณ์ขึ้น
เจอเสี่ยเฉินจื่อ สัมผัสได้ถึงความพิเศษในตัวเสี่นเฉินจื่อ นี่เป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่สวี่ชิงไม่คาดฝัน
และเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ เป็นประเด็นสำคัญของระลอกคลื่นอารมณ์ในใจเขา
เพราะปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่รบกวนเขาในช่วงนี้ก็คือพลังบำเพ็ญ!
นับจากที่เขาตายที่เมืองหลวงเผ่ามนุษย์ หลังจากที่ท่านอาจารย์ได้ใช้เลือดเนื้อของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าสร้างร่างกายให้ ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง แม้จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาล ทว่าขณะเดียวกันนั้นก็เต็มไปด้วยพันธนาการมากมาย
การหลอมผสานของวิญญาณและกายเนื้อเป็นเพียงข้อหนึ่งเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้เขาร้อนใจมากที่สุดคือพลังบำเพ็ญ!
ในมุมหนึ่ง พลังบำเพ็ญของเขาติดขัดแล้ว!
คิดจะทะลวงระดับหวนสู่อนัตตาขอบเขตนี้ ต้องให้พลังอำนาจเทพร้อยอำนาจในทะเลความรู้สึกของเขากะพริบส่องแสงทั้งหมด
เรื่องนี้ยากเป็นอย่างยิ่ง
แต่เขาอยากจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เขาอยากก้าวสู่ระดับเตรียมสู่เทวะ เพราะไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามของรัชทายาทรัฐม่วงคราม หรือจะเป็นสงครามแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในตอนนี้ ทุกอย่างล้วนจำต้องให้ตัวเองเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ถึงจะยิ่งเดินไปได้ไกลยิ่งขึ้น มั่นคงมั่นใจยิ่งขึ้น
และอยู่ใต้ปีกของท่านอาจารย์ไปตลอด สำหรับสวี่ชิงแล้ว นี่ไม่ใช่เส้นทางที่เขาอยากได้
แต่พลังอำนาจเทพกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาพยายามก็จะคว้ามาได้
ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสรับรู้ หรือจะเป็นชิงพลังอำนาจเทพ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนทั้งสิ้น
และคำว่าไม่แน่นอน 3 คำนี้ สำหรับสวี่ชิงที่ในอดีตพลังบำเพ็ญยกระดับอย่างรวดเร็วมาตลอดทางไม่อาจยอมรับได้
“ร่างนี้ทำให้พลังการป้องกันของข้า ระดับเจ้าเหนือหัวลงไปไม่อาจสั่นคลอนได้ ยิ่งมีศักยภาพไม่สิ้นสุด…แต่ก็สร้างการจำกัดให้กับข้า”
“ส่วนพลังอำนาจเทพ…แม้จะช่วยยกระดับกำลังรบของข้า เพียงแต่การได้มาทุกครั้งล้วนแต่ต้องพึ่งวาสนา”
“สำเร็จก็เพราะพลังอำนาจเทพ ลำบากก็เพราะพลังอำนาจเทพ”
สวี่ชิงพึมพำในใจ
จะแก้ปัญหาอย่างไร ก่อนหน้านี้เขาก็ขบคิดเช่นกัน และคิดถึงวิธีการแก้ไขเช่นกัน
กระทั่งว่าตอนที่อยู่ที่ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ เขาเคยถามนายท่านเจ็ด
คำตอบสำหรับเรื่องนี้ของนายท่านเจ็ดได้บอกกับสวี่ชิงว่า นี่เป็นเส้นทางที่ศักยภาพไร้ขีดจำกัดอีกทั้งยังเป็นเส้นทางใหม่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่มีใครสามารถชี้แนะได้อย่างสมบูรณ์ ทุกอย่าง สุดท้ายแล้วคือเขาจะต้องไปค้นหาด้วยตัวเอง
สิ่งที่ให้เขาได้มีเพียงแสงเซียนอาทิตย์ทมิฬที่เร่งการผสานของวิญญาณและกายเนื้อเท่านั้น
และในหลายเดือนนั้นที่เมืองหลวงเผ่ามนุษย์ สวี่ชิงจับตามองเฟิงหลินเทา พลางคิดหาวิธีไปด้วย สุดท้ายเขาก็นึกวิธีหนึ่งออก
นั่นก็คือสร้างร่างแยกขึ้นมาร่างหนึ่ง แยกจากร่างจริง แยกไปฝึกฝน
บรรลุเป้าหมายในการทะลวงระดับขั้นจากการนี้
แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเลิก
เพราะหลังจากที่เขาอนุมานดูก็พบว่า สร้างร่างแยกไปฝึกฝน ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์
เหตุที่เป็นเช่นนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ผลกรรมเวรของเขามากมายมหาศาลนัก
ไม่ว่าจะเป็นผลกรรมเวรที่มหาสมุทรนอก หรือจะเป็นผลกรรมเวรของเทพเจ้าเหล่านั้น หรือจะเป็นผลกรรมเวรระหว่างรัชทายาทรัฐม่วงคราม…ที่สำคัญที่สุดคือผลกรรมเวรกับเสี้ยวหน้าเทพเจ้า
นี่ทำให้เขาต่อให้สร้างร่างแยกออกมา แต่ก็เพราะผลกรรมเวรเหล่านี้ ทำให้ร่างแยกมีปัญหาใหญ่
ร่างแยกเพราะไม่อาจรับผลกรรมเวรเหล่านี้ได้ ทำให้ทันทีที่ปรากฏขึ้นก็จะระเบิดไปเองทันที
กรรไกรมหาจักรพรรดิแม้จะคมกริบ แต่ก็ไม่อาจตัดได้ขาด
และแต่เดิม ความคิดที่จะสร้างร่างแยกความคิดนี้ สวี่ชิงได้ปฏิเสธไปแล้วในใจ
จวบจนกระทั่งเขาได้เจอเสี่ยเฉินจื่อเมื่อก่อนหน้านี้!
การปรากฏตัวขึ้นของเสี่ยเฉินจื่อ ตลอดจนการประมือกันกับสวี่ชิงในหมอกเลือด ทำให้สวี่ชิงมองเห็นถึงความอัศจรรย์บางอย่าง
เส้นไหมแห่งชะตาในตัวเสี่ยเฉินจื่อไม่เหมือนกับคนอื่น
ภายใต้อำนาจลบเลือนของสวี่ชิง เขามองเห็นในเส้นไหมแห่งชะตาของเสี่ยเฉินจื่อมีฝุ่นสีขาวจำนวนหนึ่งอยู่ด้วย
ละเอียดเป็นอย่างมาก
นี่เป็นสิ่งที่สวี่ชิงไม่เคยเห็นในเส้นไหมแห่งชะตาของใครเลย
แม้ตอนนั้นเขากับเอ้อร์หนิวในตอนนั้น สำหรับวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหาที่เขากับเอ้อร์หนิวสำแดงออกมา จะถูกการมาเยือนของชายหนุ่มชุดหรูหราขัดจังหวะไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
แต่ในขณะที่สำแดงวิชาเซียนวิชานี้ สวี่ชิงก็สัมผัสได้ว่าฝุ่นสีขาวเหล่านั้นมีพลังต่อต้านกับวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหา
นี่ทำให้การประทับตราของ 6 จิต 7 วิญญาณเปลี่ยนมายากลำบาก
ความพิเศษนี้สร้างความสนใจให้กับสวี่ชิง และการมาเยือนของชายหนุ่มชุดหรูหราในหลังจากนั้น สวี่ชิงก็จงใจปล่อยเสี่ยเฉินจื่อไปตามน้ำ ขณะเดียวกันก็ฝังเรื่องนี้ไว้ในใจ
จากนั้นตลอดทางการเดินทาง เขาดูเหมือนติดตามอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ก็ฟังบทสนทนาของชายหนุ่มชุดหรูหราพลางขบคิดถึงความพิเศษของเสี่ยวเฉินจื่อในใจไปด้วย
สุดท้ายเขาก็เดาอะไรได้อย่างหนึ่ง
“เหมือนว่าจะไม่แปดเปื้อนผลกรรมเวร”
สวี่ชิงดวงตาฉายประกายวาววับ ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ท่ามกลางแสงที่หลงเหลือในยามเย็นสาดทอ เขาเงยหน้ามองไปยังภูเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่งที่อยู่ไปไม่ไกล ร่างเพียงไหววูบก็ตรงไปยังภูเขาเตี้ยๆ ลูกนั้น
……
ตอนนี้ ณ ถ้ำแห่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในภูเขาเตี้ย
นอกถ้ำเต็มไปด้วยค่ายกล นอกจากจะมีผลในการซ่อนอำพรางแล้ว ยังมีผลในการป้องกันในระดับหนึ่งด้วย
ส่วนในถ้ำ เสี่ยเลี่ยนจื่อขัดสมาธินั่งทำสมาธิ
ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขาหนีมาจากสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวทางนั้นก็ไม่ได้กลับไปยังถ้ำแต่เดิมของตัวเอง แต่มาสำรวจว่าตัวเองถูกลงตราประทับสัญลักษณ์หรือไม่ อีกทั้งยังเปลี่ยนถ้ำอีกหลายถ้ำทิ้งร่องรอย
สุดท้ายก็มาบุกเบิกที่แห่งนี้
ตอนนี้สีหน้าของเขาขาวซีด ท่าทางเหมือนบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าเส้นเลือดขึ้นปูดโปน ระลอกคลื่นพลังในร่างไม่เสถียร
โดยเฉพาะโลกใบใหญ่ในตัวเขา จาก 7 ใบเหลือ 5 ใบ อีกทั้งยังหมองหม่นไร้ประกาย
โลกใบใหญ่ 2 ใบที่หายไปนั้น ในการต่อสู้กับสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว เขาได้เลือกที่จะระเบิดทิ้ง ใช้วิธีนี้แลกมาซึ่งพลังในการหนีเอาชีวิตรอด
“เยวี่ยตงนั่นไม่ชอบมาพากล!”
“การลงมาของนังแพศยานั่นเหี้ยมโหดยิ่งกว่าเมื่อก่อน อีกทั้งกำลังรบยังแข็งแกร่งขึ้น แล้วยังมีหุ่นเชิดโครงกระดูกตัวนั้นของนาง…ทำให้ข้ารู้สึกอกสั่นขวัญแขวนนัก”
“โดยเฉพาะหุ่นเชิดศพนั่นยังสามารถสำแดงวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหากับนางได้อีกด้วย…”
“สมควรตาย!!”
ในใจเสี่ยเฉินจื่อเกิดคลื่นซัดกระหน่ำ ท่วมท้นไปด้วยความเจ็บใจและความอาฆาตแค้น แต่ในใจเขากลับไม่สงสัยตัวตนของเยวี่ยตงเลย เพราะวิชา 6 รากราคะตัณหา นี่เป็นทั้งสัญลักษณ์ของตำหนักวิชาเซียนปีกมารบูรพา และเป็นทั้งสัญลักษณ์ของเยวี่ยตง
“นังแพศยานี่หลังจากที่เป็นกลุ่มแนวหน้า เดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ จะต้องได้วาสนายิ่งใหญ่อะไรอย่างแน่นอน!”
“เช่นนี้แล้ว หากคิดอยากฆ่าานางก็จะต้องเตรียมการ”
เสี่ยเฉินจื่อจนใจ ตอนนี้ขณะที่รักษาอาการบาดเจ็บก็เอาแผ่นหยกแผ่นหนึ่งออกมา
นี่เป็นแผ่นหยกภารกิจที่แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารมอบให้กับสมาชิกเผ่าทุกคน ในนั้นบันทึกรายการภารกิจทั้งหมดเอาไว้ ตลอดจนจำนวนของคุณงามความชอบที่จะได้รับเมื่อภารกิจสำเร็จ
“ต้องสะสมแต้มความชอบต่อ ถึงจะแลกทรัพยากรได้มากขึ้น ตลอดจนสิทธิ์ที่จะเดินทางไปแดนลับอื่นได้”
“ดีที่เผ่ามนุษย์มีมากเพียงพอ คนอ่อนในนั้นมีไม่น้อย อย่างดีก็ฆ่ามากอีกสักหน่อย สะสมแต้มความชอบผ่านจากจำนวนได้เหมือนกัน”
เสี่ยเฉินจื่อจำต้องสะกดจิตสังหารต่อเยวี่ยตงลงไป เขาเดิมก็เป็นคนที่เชี่ยวชาญการสะกดกลั้นอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ คงไม่รอให้ตัวเองคิดว่ามีความมั่นใจแล้ว ถึงจะลงมืออย่างเฉียบพลันรวดเร็วเช่นนั้น
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า พลังของตัวเองยังไม่พอ ดังนั้นจึงเตรียมสะสมต่อไป รอเมื่อตัวเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ค่อยไปแก้แค้น
แต่ในตอนที่จิตเทพของเขาหาภารกิจที่เหมาะสมในแผ่นหยกอยู่นั้น นอกถ้ำก็พลันมีระลอกคลื่นพลังแผ่มา
ระลอกคลื่นพลังนี้ทีแรกก็ยังเบาๆ แต่เพียงพริบตาก็รุนแรงขึ้น ทำให้แผ่นดินสะเทือนภูเขาสั่นไหว เสียงดังกึกก้องสะท้านเลื่อนลั่น
ค่ายกลถูกสั่นคลอน
ประตูถ้ำยิ่งเกิดรอยร้าวเป็นทางๆ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันนี้ทำให้เสี่ยเฉินจื่อหน้าเปลี่นนสี มือขวายกขึ้นกำลังจะกดไปบนพื้น
บนพื้นรอบๆ เขาสลักตราส่งข้ามเอาไว้
ขอเพียงกดลงไปก็จะส่งข้ามออกไปได้
แต่ในขณะที่มือของเขาห่างกับพื้นเพียง 3 ชุ่น ก็พลันหยุดชะงัก ในเงาใต้ร่างเขามีตาข้างหนึ่งลืมขึ้นมา
นั่นคือเจ้าเงา
ปะทุขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ
แม้มันจะไม่สามารถควบคุมเสี่ยเฉินจื่อได้โดยสมบูรณ์ แต่ควบคุมไว้ครู่หนึ่งนั้นพอจะทำได้
เสี่ยเฉินจื่อในใจสั่นสะท้านบ้าคลั่ง ปากส่งเสียงคำรามต่ำไปตามสัญชาตญาณ จะยกมือขวาขึ้นดิ้นรน คิดจะซัดลงไปยังค่ายกลส่งข้ามบนพื้น
แต่ในตอนนี้เอง เสียงเย็นเยือกเสียงหนึ่งก็ดังออกมาท่ามกลางเสียงคำรามต่ำทุ้มของเขา
“หาเจ้าเจอแล้ว”
เสี้ยวขณะต่อมา ท่ามกลางเสียงสะท้านสะเทือนในใจเสี่ยเฉินจื่อ เงาร่างของสวี่ชิงก็ใช้วิธีแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ปรากฏออกมาจากคลื่นเสียงในเสียงคำรามต่ำของเสี่ยเฉินจื่อ
เพียงพริบตาก็ปรากฏชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง มือขวายิ่งยกขึ้นคว้าคอของเสี่ยเฉินจื่อเอาไว้
พุ่งไปข้างหน้าตามแรง นำร่างของเสี่ยเฉินจื่อออกมาจากค่ายกลส่งข้าม กดไว้ที่ผนังถ้ำอย่างเต็มแรง
เสียงบึ้มดังขึ้น
ถ้ำสั่นคลอน ขุนเขาสั่นสะเทือน
เสี่ยเฉินจื่อดวงตาเบิกกว้าง ในใจหวาดหวั่น คิดจะลองตอบโต้ แต่มือที่บีบคอตนอยู่ของอีกฝ่ายส่งแรงที่ทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ร่างกายของเขาถูกไอพลังประหลาดโจมตีอย่างทั้งบ้าคลั่งและรุนแรง
ภาพนี้ทำให้เขาอกสั่นขวัญหาย คิดจะสำแดงไพ่ตายซ่อนอำพรางกายบางอย่าง แต่ในพริบตาต่อมาเขาก็ค้นพบอย่างตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นว่า ร่างของตัวเอง…ไม่อาจขยับได้เลย
ในเงาของเขามีดวงตานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
ภายใต้การลงมือของสวี่ชิง เจ้าเงาอาศัยความหวั่นไหวของจิตใจเสี่ยเฉินจื่อ ทำการสิงร่างได้สำเร็จ
ดังนั้น ในดวงตาของเสี่ยเฉินจื่อ แววตาความหวาดกลัวยิ่งรุนแรง โดยเฉพาะคนข้างหน้า ผาดแรกที่เขามองรู้สึกแปลกหน้า แต่ก็กลับมีความรู้สึกคุ้นอยู่เลาๆ
ความรู้สึกแปลกหน้าแต่ก็คุ้นเคยนี้ประสานถักทอเข้าด้วยกัน หลังจากปะทุในสมองของเขา เขาก็พลันนึกขึ้นมาได้
สำหรับเขาที่เคยได้รับแต้มความชอบมหาศาล และฆ่าผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ไปไม่น้อย ภาพบันทึกเงาของผู้นำระดับสูงบางคนของเผ่ามนุษย์เขาก็เคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน
และท่านที่อยู่ข้างหน้า…ก็คือท่านอาจารย์สวี่ชิง…เจ้าดินแดนทั้ง 2 ดินแดนของเผ่ามนุษย์ที่เขาเคยเห็นในภาพบันทึกเงาผู้นำระดับสูงเผ่ามนุษย์!
สวี่ชิงมาปรากฏตัวในแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังปรากฏต่อหน้าตน ลงมือกับตน…
เรื่องนี้ทำให้ในใจของเสี่ยเฉินจื่อปานว่ามีอัสนีบาตฟาดผ่า ท่ามกลางเสียงฟาดผ่าเปรี้ยงปร้าง เขาก็พลันตั้งสติขึ้นมาได้ เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับเยวี่ยตงอย่างแน่นอน
ต้องพูดเลยว่า ปฏิกิริยาตอบสนองของเขานับว่าว่องไวมาก
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้สุดท้ายก็สายเสียแล้ว
สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ คว้าเสี่ยเฉินจื่อ หันหลังไปจากถ้ำ
อำพรางตนมาตลอดทาง หลังจากนั้นหลายชั่วยาม ก็หาทุ่งหญ้ารกร้างแห่งหนึ่ง เดินลงไปใต้ดิน หลังจากบุกเบิกถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่งแล้ว นี่ถึงจะปล่อยคอของเสี่ยเฉินจื่อ นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ
จ้องเสี่ยเฉินจื่อเขม็ง ครุ่นคิดไม่พูดจา
ส่วนในดวงตาของเสี่ยเฉินจื่อ ทั้งมีความสิ้นหวังและความบ้าคลั่ง แต่กลับไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ทำได้เพียงมองร่างของตัวเองคุกเข่าต่อหน้าสวี่ชิงตาปริบๆ
ถ้ำใต้ดินเงียบสงัด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงใช้ลูกกลอนจันทราปีศาจฟ้าทมิฬของเผ่าอาภรณ์ โดยใช้เสี่ยเฉินจื่อเป็นเป้าหมายทำเป็นลูกกลอน จากนั้นรอยเต๋าที่แปรเปลี่ยนมาจากพลังอำนาจลบเลือนในดวงตาขวาก็พลันกะพริบวาบขึ้นมา สิ่งที่เห็นในดวงตา ในร่างของเสี่ยเฉินจื่อมีเส้นไหมแห่งชะตามหาศาลปรากฏขึ้น
หลังจากตรวจดูอย่างละเอียด ท่ามกลางจิตใจที่สั่นสะท้านของเสี่ยเฉินจื่อ สวี่ชิงยกมือดึงมาเส้นหนึ่ง สังเกตอย่างละเอียด
บนเส้นไหมมายานี้ เหมือนกับที่สวี่ชิงเคยเห็น มีฝุ่นผงสีขาวจำนวนมากมาย พวกมันก็เป็นมายาเช่นกัน ปกคลุมไปในเส้นไหม อีกทั้งยังกำลังกลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างช้าๆ อีกด้วย
สวี่ชิงมีความคิดจะเก็บฝุ่นผงเหล่านี้มา และได้ลงมือทดลองดู แต่เสี้ยวพริบตาที่เก็บมา ฝุ่นก็สลายไปเอง
สวี่ชิงขมวดคิ้ว
ฝุ่นสีขาวเหล่านี้สำคัญกับเขามาก
มีเพียงหาต้นกำเนิดของมันเจอ ได้ฝุ่นผงมากเพียงพอ เขาถึงจะอาศัยความพิเศษที่ไม่แปดเปื้อนผลกรรมเวรของมัน ทำให้ความคิดที่สร้างร่างแยกไปฝึกบำเพ็ญของตัวเองมีความเป็นไปได้ที่จะลงมือ
ดังนั้นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาซ้ายของสวี่ชิงก็กะพริบรอยเต๋าเช่นกัน นั่นคืออำนาจวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหา
ในเสี้ยวขณะนี้ ในใจของเสี่ยเฉินจื่อมีสายฟ้าฟาดผ่าอีกครั้ง ด้านหนึ่งคือเขามั่นใจว่าสวี่ชิงกับเยวี่ยตงจะต้องเป็นพวกเดียวกันอย่างแน่นอน อีกด้านหนึ่งคือเขาสั่นสะท้านจากอำนาจของสวี่ชิง
ก่อนที่จะสำเร็จเป็นเจ้าเหนือหัวก็มีอำนาจ 2 อำนาจ เรื่องนี้ในความทรงจำของเขาเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน!
และไม่ทันให้ความตื่นตะลึงของเขาอยู่ต่อไปได้นาน ภายใต้การจับจ้องจากรอยเต๋าในดวงตาทั้ง 2 ของสวี่ชิง ความคิดของเสี่ยเฉินจื่อก็รางเลือน สูญเสียสติสัมปะชัญญะไป
แต่การศึกษาค้นคว้าของสวี่ชิงเพิ่งจะเริ่มขึ้น
เขาจะค้นหาว่าฝุ่นผงนี่คืออะไรกันแน่
ตอนนี้ภายใต้รอยเต๋าในดวงตาทั้ง 2 เส้นไหมในร่างเสี่ยเฉินจื่อไม่เพียงแต่ครบสมบูรณ์ แต่ยังมีสีสันอีกด้วย
ในนั้นแฝงไว้ด้วยผลกรรมเวร แฝงไว้ด้วย 7 อารมณ์ 6 ปรารถนา
สวี่ชิงยกมือคว้า ศึกษาแต่ละเส้นๆ
เช่นนี้เอง เวลาค่อยๆ หมุนผ่าน 5 วันผ่านไป
ใน 5 วันนี้ สวี่ชิงไม่กินไม่นอน จมอยู่ในการศึกษาค้นคว้า แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือไม่ว่าเขาจะลองกี่รอบ ฝุ่นผงสีขาวเหล่านั้นล้วนสลายไปเองในทันทีที่เขาเก็บมา
วิธีใดก็ไม่สามารถเก็บมันไว้ได้
นี่ทำให้คิ้วของสวี่ชิงขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“หรือว่าทิศทางไม่ถูก…”
ตอนนี้ ในยามรุ่งอรุณของวันที่ 6 ในโลกภายนอกมาเยือน สวี่ชิงพลันยกมือขึ้น เด็ดนิ้วเสี่ยเฉินจื่อขาด ถือไว้ในมือสังเกตเลือดเนื้อ ขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยให้เลือดทุกหยดของอีกฝ่ายเสียเปล่า เริ่มทำการศึกษาค้นคว้ากายเนื้อของอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง
ทีแรกก็นิ้ว จากนั้นก็เป็นฝ่ามือ ต่อมาก็เป็นแขน สุดท้ายก็ขยายไปยังอวัยวะภายใน
กระทั่งว่าในโลกใบใหญ่ของเสี่ยเฉินจื่อก็อยู่ในการศึกษาค้นคว้าของสวี่ชิงเช่นกัน
ในที่สุด เขาก็ค้นพบฝุ่นผงสีขาวซ่อนอยู่ลึกเป็นอย่างมากในเลือดเนื้อของเสี่ยเฉินจื่อ
การค้นพบนี้ทำให้สวี่ชิงฮึกเหิม
แต่ก็เป็นแค่นี้เท่านั้น เพราะฝุ่นสีขาวในเลือดเนื้อหลังจากที่แยกออกมาจากร่างของเสี่ยเฉินจื่อ ก็สลายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เหมือนว่าร่างของเสี่ยเฉินจื่อถึงจะเป็นต้นกำเนิด
“มีในเส้นไหมแห่งชะตา ในเลือดเนื้อก็มีเหมือนกัน แต่ในโลกใบใหญ่ไม่มี ถ้าเช่นนั้นในวิญญาณเล่า…”
ผ่านไปอีกหลายวัน หลังจากจบสิ้นการค้นคว้ากายเนื้อ สวี่ชิงก็ป้อนลูกกลอนจำนวนหนึ่งให้เสี่ยเฉินจื่อ ทำให้อีกฝ่ายที่ลมหายใจรวยรินมีชีวิตรอดต่อไป
จากนั้นเขาก็เริ่มศึกษาค้นคว้าวิญญาณของอีกฝ่าย
ศึกษาค้นคว้าวิญญาณต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะใช้แรงมากเกินไปเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้เกิดผลที่ไม่อาจย้อนคืนได้
และนี่จะส่งผลกระทบต่อการศึกษาค้นคว้าต่อจากนี้ของสวี่ชิง
ดังนั้นในด้านเวลาก็เนิ่นนานกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย จวบจน 10 วันหลังจากนั้นสวี่ชิงถึงได้เก็บจิตเทพกลับมา คิ้วขมวดอีกครั้ง
ในด้านวิญญาณ เขาหาทุกพื้นที่แล้ว ก็หาฝุ่นสีขาวไม่เจอเช่นกัน
“แปลกนัก เสี่ยเฉินจ่อคนนี้ เป็นเหมือนต้นกำเนิดแต่ก็เหมือนไม่ใช่ต้นกำเนิด”
สวี่ชิงเงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ยกมือ แผ่พลังอำนาจเทพเคราะห์หายนะของตัวเองกลุ่มหนึ่งออกมา พันรัดมันไปบนเส้นไหมแห่งชะตาของเสี่ยเฉินจื่อ ขณะเดียวกันวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหาก็สำแดงเล็กน้อยเช่นกัน ทำการรุกรานต่อไป
จากนั้นเขาก็จิตใจจดจ่อ สำรวจอย่างละเอียด
หลายวันหลังจากนั้น สวี่ชิงก็จบสิ้นการค้นคว้า หลับตาครุ่นคิดขึ้นมา
การสำรวจในหลายวันนี้เขามองเห็นผลของฝุ่นสีขาวนั่นแล้ว ไม่แปดเปื้อนผลกรรมเวรที่ว่า ความจริงก็คือฝุ่นผงสีขาวกำลังกลืนกินผลกรรมเวร
มันกลืนกินการรุกรานของเคราะห์หายนะและ 7 อารมณ์ 6 ปรารถนาไปอย่างช้าๆ
“ไม่อาจชิงออกมาได้…เช่นนั้นตอนนี้ก็เหลือเพียง 2 เส้นทางสุดท้ายเท่านั้นแล้ว”
“ไม่ว่าทางใดที่สำเร็จ สำหรับข้าแล้วล้วนรับได้ทั้งสิ้น”
สายตาสวี่ชิงจับจ้องไปยังร่างของเสี่ยเฉินจื่อที่อยู่ข้างหน้า
อีกฝ่ายตอนนี้ไม่เหมือนมนุษย์แล้ว เลือดเนื้อทั่วทั้งร่างจากการงอกอย่างไร้กฎเกณฑ์ ดูแล้วเหี้ยมเกรียมนัก แต่รอบๆ กลับเต็มไปด้วยเศษเนื้อเศษอวัยวะ
ทางด้านจิตใจก็แตกสลายไปแล้วโดยสมบูรณ์
ลมหายใจรวยริน
มีเพียงไฟชีวิตที่อยู่ภายใต้การเพิ่มพลังจากสวี่ชิงเท่านั้นที่ยังลุกไหม้อยู่
ตอนนี้สวี่ชิงสังเกตได้ ใจของเสี่ยเฉินจื่อเฉยชาเสียแล้ว ประสบการณ์ในเดือนนี้ทำให้เขาตอนนี้คิดแค่อยากขอความตายเท่านั้น
เสี้ยวขณะต่อมา สวี่ชิงยกมือ เพียงคว้าไปก็ดึงวิญญาณเสี่ยเฉินจื่อออกมา จากนั้นก็ผนึกไว้ข้างๆ
เส้นทางแรกที่เขาจะเดินคือหลอมกายเนื้อของเสี่ยเฉินจื่อ ใช้วิชาลับของสำนักเซียนต่างวิถีเปลี่ยนเขาให้เป็นร่างแยกของตัวเอง
ความยากอยู่ที่ความเป็นต้นกำเนิดเดียวกันของตัวเองและความพิเศษของฝุ่นสีขาว แต่ทันทีที่สำเร็จ เช่นนั้นสวี่ชิงก็เท่ากับมีร่างแยกที่ไม่แปดเปื้อนผลกรรมเวรร่างหนึ่ง นับจากนี้ใช้ร่างแยกฝึกบำเพ็ญก็จะสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของร่างจริงได้
นึกถึงตรงนี้ 2 มือสวี่ชิงประสานปางมือ ทันใดนั้นไหมวิญญาณมากมายพุ่งออกมา ผสานไปในเลือดเนื้อข้างหน้า เริ่มทำการหลอม
หลังจากนั้น 3 วัน จากรูปร่างมนุษย์ที่ประกอบขึ้นข้างหน้าสวี่ชิงแปรเปลี่ยนเป็นเลือดสดๆ กองหนึ่งแตกกระจาย การหลอมของสวี่ชิงล้มเหลวแล้ว
“สุดท้ายก็ไม่อาจมีต้นกำเนิดเดียวกับข้าได้…ต่อให้ใช้ไหมวิญญาณผสาน สร้างวิญญาณข้าไปในกายเนื้อก็ยังไม่ได้ นอกจากนี้ฝุ่นสีขาวนั่นพิเศษเกินไป เป็นหนึ่งในเหตุผลของความล้มเหลวเช่นกัน”
สวี่ชิงถอนหายใจ นวดหว่างคิ้ว สายตาจับไปยังเสี่ยเฉินจื่อที่อยู่ข้างๆ ที่เหลือเพียงวิญญาณเท่านั้นแล้ว
“เช่นนั้นก็ทำได้เพียงใช้ทางสุดท้ายแล้ว”
ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววเด็ดเดี่ยว นี่เป็นเส้นทางสุดท้าย คือใช้การที่เสี่ยเฉินจื่อวิญญาณดับสลายเป็นค่าตอบแทนไปค้นวิญญาณ
ใช้วิธีนี้ค้นหาต้นกำเนิดของฝุ่นสีขาวเหล่านั้นในเส้นไหมแห่งชะตาของอีกฝ่าย
นึกถึงตรงนี้ ในดวงตาสวี่ชิงก็ฉายแววเด็ดเดี่ยว มือขวายกขึ้นคว้า ก็คว้าวิญญาณเสี่ยเฉินจื่อมาไว้ในมือทันที
ความรอบรู้แห่งเทพพลันแผ่ออก ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของเสี่ยเฉินจื่อก็ทำการรุกรานไปทุกด้าน ทีละเล็กทีละน้อย ไม่ปล่อยความทรงจำใดๆ ไปทั้งสิ้น เริ่มทำการขุดค้นอย่างทำลาย
เขาเห็นวัยเด็กของเสี่ยเฉินจื่อ เห็นการเติบโตของอีกฝ่าย และเห็นความแค้นระหว่างเยวี่ยตง ยิ่งเห็นเผ่ามนุษย์ที่อีกฝ่ายสังหารได้รับแต้มความชอบ
ความทรงจำนับไม่ถ้วนราวคลื่นปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสวี่ชิงภาพแล้วภาพเล่า
จนกระทั่งสุดท้าย ความสนใจของสวี่ชิงอยู่ที่ความทรงจำเมื่อ 3 เดือนก่อน
3 เดือนก่อน เสี่ยเฉินจื่ออาศัยแต้มความชอบที่สะสมแลกมาซึ่งสิทธิ์ในการเดินทางไปยังแดนลับต้นกำเนิดโลก!
แดนลับต้นกำเนิดโลกเป็นดินแดนที่ล้ำค่าแห่งหนึ่งในเผ่าปีกมารบูรพา ในนั้นแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายโลกเข้มข้น ตลอดจนกฎเกณฑ์มหาศาล มีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อระดับเตรียมสู่เทวะยกระดับโลกใบใหม่เป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้เป็นของตระกูลหลัน ตอนนี้ตระกูลหลันตกต่ำ สิทธิ์เปลี่ยนมาอยู่ที่หลี่ว์หลิงจื่อ
ก่อนหน้านี้แดนลับนี้ไม่เปิดให้กับคนภายนอก จวบจนกระทั่งสงครามในตอนนี้ นี่ถึงได้เปิดกว้างเพื่อเป็นทรัพยากรสงคราม ทำให้ผู้บำเพ็ญแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารสามารถใช้แต้มความชอบมหาศาลแลกสิทธิ์ได้
เสี่ยเฉินจื่อสร้างโลกใบใหญ่ใบที่ 7 ของตัวเองได้ที่นี่
และหลังจากที่ไปจากแดนลับแห่งนี้ ในชะตาของเสี่ยเฉินจื่อก็มีฝุ่นสีขาวปรากฏขึ้น!
ค้นอย่างละเอียด หลังจากยืนยันจุดนี้ จากการดับสลายของวิญญาณเสี่ยเฉินจื่อ สวี่ชิงลืมดวงตาทั้ง 2 ขึ้นฉายประกายวาววามออกมา
“เสี่ยเฉินจื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงที่หุบเขาแห่งหนึ่งในแดนลับนั่น น่าเสียดายที่เข้าไปในหุบเขาก็จากไป ความทรงจำในช่วงนี้ว่างเปล่า”
“แต่ก็สามารถยืนยันได้ว่าต้นกำเนิดก็คือแดนลับต้นกำเนิดโลกนี่…”
“ท่าทางคงต้องไปแดนลับแห่งนี้สักหน่อย มุ่งหน้าไปยังหุบเขาแห่งนั้นในแดนลับนั่น ดูสิว่าเสี่ยเฉินจื่ออยู่ในนั้นเจอกับอะไรกันแน่…”
สวี่ชิงหลังจากขบคิดก็เอาแผ่นหยกภารกิจของเสี่ยเฉินจื่อออกมา
คิดจะไปแดนลับต้นกำเนิดโลกจะต้องใช้แต้มความชอบมหาศาลแลกสิทธิ์
และในแผ่นหยก ภารกิจที่อยู่ในอันดับหนึ่งก็คือประกาศจับเฟิงหลินเทา
สวี่ชิงมองผาดหนึ่ง จิตเทพกวาดไปยังภารกิจอื่นๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาหรี่ตาทั้ง 2 ในใจตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
ดังนั้นร่างเพียงไหววูบก็หายไปจากถ้ำใต้ดินแห่งนี้ทันที
ในยามที่ปรากฏตัวขึ้นก็มาอยู่บนท้องฟ้า แปลงเป็นเสี่ยเฉินจื่อแล้ว
ลูกกลอนของเผ่าอาภรณ์ทำให้กลิ่นอายของสวี่ชิงเหมือนกับเสี่ยเฉินจื่อทุกประการ และจากการควบคุมอีกฝ่ายใน 1 เดือนมานี้ สวี่ชิงชำนาญแล้ว รวมกับการเย็บจากเข็มของมหาจักรพรรดิ ตอนนี้ก็แทนที่อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่พอดี ท้องฟ้าสดใส ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า สวี่ชิงสะบัดแขนเสื้อ หมอกเลือดลอยขึ้น พุ่งตรงไปยังท้องฟ้า
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
