Skip to content

Outside Of Time 1049


บทที่ 1049 จิตใจที่เปี่ยมด้วยความสำนึกในบุญคุณ

สรรพสิ่ง สรรพชีวิตทั้งหลายทั้งรวมเป็นหนึ่ง และมีตัวตนเฉพาะเช่นกัน

จะคนธรรมดาก็ดี หรือจะเป็นผู้บำเพ็ญก็ดี ล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งนั้น

อย่างคนธรรมดา วิญญาณอยู่ในร่าง เส้นลมปราณเลือดเนื้อของตัวเอง มีวัฏจักรไหลเวียนซ่อนอยู่ หน้าที่คือต้านทานกับสิ่งอันตรายจากภายนอก

ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดโรคภัย ลดอันตรายที่จะคุกคามชีวิต

ผู้บำเพ็ญยิ่งเป็นเช่นนั้น มีพลังวิญญาณเพิ่มพลังอยู่ภายใน ทำให้ระบบวัฏจักรไหลเวียนและการโคจรทั้งหมดในร่างดำเนินไปตามกฎเกณฑ์บางอย่าง

อีกทั้ง จากพลังบำเพ็ญและระดับขั้นชีวิตที่แตกต่างกัน การโคจรชุดนี้ก็จะยิ่งสมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงระดับหนึ่งแล้ว คนนอกก็ยากจะหาช่องโหว่เจอ สุดท้ายก็ก่อเป็นการป้องกันของตัวเองขึ้นมา เพื่อต้านทานแรงภายนอก

หากคิดจะสังหารผู้บำเพ็ญประเภทนี้ นอกเสียจากจะใช้ความแข็งแกร่งบดขยี้ความอ่อนแอ ทำลายให้อีกฝ่ายแหลกสลาย ไม่เช่นนั้นแล้ว พลังบำเพ็ญระดับขั้นเดียวกัน กระทั่งว่าอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย หากคิดอยากจะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายชนะ ก็จำเป็นต้องมีวิธีการพิเศษ

และวิชาเซียนก็อยู่บนพื้นฐานของหลักการเช่นนี้เอง ถูกสร้างขึ้นมาในตอนนั้น

แก่นแท้ของวิชาเซียนคืออยู่ที่คำว่าความประหลาดพิสดารและความพิเศษเหนือสามัญเป็นหลัก ให้ความสำคัญกับการใช้วิชาที่พิเศษเหนือสามัญและเส้นทางที่ประหลาดพิสดาร ลัดเลาะเกราะป้องกันตัวเองของคู่ต่อสู้ แล้วระเบิดการโจมตีสังหารออกมา

ส่วนความเป็นมนุษย์นั้นซับซ้อนทั้งยังไร้แก่นแท้แน่นอน

ดังนั้น จึงมักกลายเป็นช่องโหว่ที่วิชาเซียนบางแขนงเลือกใช้เป็นเป้าหมายสำคัญ

ยกตัวอย่างเช่น 6 รากราคะตัณหา

7 จิต 6 ปรารถนาที่อยู่ในนั้นจะเป็นเจตจำนง

ใช้เจตจำนงเป็นตัวนำ พลิกกลับตาลปัตรวงจรวัฏจักร แทรกซึมเกราะป้องกัน สร้างช่องโหว่ที่ทำให้ถูกสังหารได้ในนั้น

ส่วน 5 หมาสละเซียน แก่นแท้คือจิตแห่งห้วงอารมณ์

คำว่าสละคำนี้ หมายถึงที่พำนักสถิต ยกตัวอย่างเช่น วิญญาณสถิตอยู่ในกาย

ด้วยเหตุนี้จึงมีวิชาที่ชื่อว่าสถิตร่าง

นอกจากนี้แล้ว คำคำนี้ยังมีความหมายอีกความหมายหนึ่ง นั่นคือปล่อยวาง

แต่คนยากที่จะปล่อยวาง

ดังนั้นจึงมีประโยคนั้น

หากไม่ยอมปล่อยวางสิ่งภายนอกกายและสรรพสิ่งทั้งหลาย ความคิดเช่นนี้ก็จะกลายเป็นช่องโหว่ที่ลัดเลาะผ่านการป้องกันภายนอกของตนเอง

ใช้ช่องว่างนี้สำแดงวิชาเซียน

ส่วนความทรงจำเรื่องศิษย์น้องที่ผุดขึ้นมาของเยวี่ยตงก็เป็นความพิเศษของวิชาเซียนแล้ว

ใช้วิธีแบบนี้ถึงจะสามารถปิดบังอำพรางได้ ทำให้คนไม่อาจค้นพบได้ในทันที หลักการของมันก็คือใช้ตัวเองไปหลอกตัวเอง

ขอเพียงไม่อาจค้นพบได้ในทันที เช่นนั้นก็จะสร้างโอกาสให้ความตระหนี่เติบโต

เหมือนในห้องที่ปิดตายมีประตูบานหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

ในตอนนี้คือ 5 อึดใจ และนี่ก็คือความหมายที่แท้จริงของสุนัขแห่งความตระหนี่เข้าเรือน

สรุปแล้ว วิชาเซียนพึ่งความแปลกประหลาดพิสดารของมัน อาศัยจิตแห่ง 5 หมาสำแดง ใช้ความพิเศษที่อยู่เหนือความหมายดั้งเดิม ใช้วิธีที่ยากจะถูกขวางกั้นเป็นอย่างยิ่งมาสร้างเป็นการสังหารทำลายล้างของวิชาเซียน

และเมื่อประตูเปิดออก ย่อมมีสิ่งชั่วร้ายจากภายนอกบุกเข้ามา

ดวงตาสีขาวนั่นก็คือความโลภใน 5 หมาสละเซียน

“ความปรารถนาไร้ที่สิ้นสุดคือความโลภ เมื่อสุนัขแห่งความโลภเข้าสู่เรือนกายก็จะถูกพันธนาการ”

ความโลภสามารถพันธนาการจิตวิญญาณ และมัดตรึงตัวตน

ดังนั้นประตูเปิดออก ดวงตาสีขาวปรากฏขึ้น ทันทีที่จ้องมองสวี่ชิง ในสมองของสวี่ชิงก็เกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมทันที เหม่อลอยไป 4 อึดใจ

ผนึกแปลกประหลาดที่เกิดจากภายในสู่ภายนอกผนึกหนึ่ง ปรากฏขึ้นด้วยเหตุนี้ มาตามสายตาของดวงตาสีขาว ผนึกทุกอย่างของสวี่ชิง

4 อึดใจนี้เป็นเวลาที่ผนึกก่อตัวขึ้น หากไม่สามารถทำลายได้ใน 4 อึดใจก็จะ…

“คิดคาดเดา วางแผนอย่างไร้ความตระหนักรู้ เรียกว่าความหลง หากสุนัขแห่งความหลงเข้ามาในเรือน จะตกสู่ความเป็นตาย”

คลื่นวนสีขาวลูกหนึ่ง ปรากฏขึ้นในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิงอย่างเงียบงัน ปรากฏขึ้นข้างล่างดวงตาสีขาวนั่น หมุนวนไม่หยุด เกิดเป็นพลังแบ่งแยก

สิ่งที่แยกคือการผสานหลอมรวมกันของกายเนื้อและวิญญาณ

หลังจากนั้น 3 อึดใจ ใต้คลื่นวนสีขาวมีปากมหึมาสีขาวปากหนึ่งปรากฏขึ้น ปากนี้อ้าออก ส่งความชั่วร้ายอันไร้สิ้นสุดออกมา

นี่ก็คือ…

“ไม่เข้าใจสัจธรรม มัวแต่มุ่งเอาชนะในการโต้เถียง เรียกว่าความชั่วร้าย สุนัขแห่งความชั่วร้ายเข้ามาในเรือน จะร่วงลงสู่นรก”

ปากมหึมาสีขาวกลืนลงไปอย่างโหดเหี้ยม

สิ่งที่กลืนคือวิญญาณ!

และสุดท้าย รอบๆ ดวงตา คลื่นวน ตลอดจนปากมหึมาก็เกิดจิตที่ 5 ใน 5 หมาสละเซียนขึ้น

นั่นเป็นผิวหนังหน้าสีขาวแผ่นหนึ่ง

ภายใต้การขับเน้นของมัน ในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง วิชาเซียน 5 หมาสละเซียนก็ครบสมบูรณ์ สิ่งที่ปรากฏขึ้น…คือใบหน้าที่สมบูรณ์ดวงหนึ่ง

ผมสีขาวปลิวสยาย สีหน้า…เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

ผสานมาในกายเนื้อของสวี่ชิง

“ยังไม่บรรลุสภาวะไร้เกิด แต่กลับปฏิเสธไตรภูมิอย่างดื้อรั้น เรียกว่าความดื้อรั้น สุนัขแห่งความดื้อรั้นเข้ามาในเรือน จะสูญเสียความเป็นมนุษย์ตลอดกาล”

โลกเบื้องหน้าของสวี่ชิงเปลี่ยนมามืดสนิท

ส่วนโลกภายนอก ใต้ทะเลสาบสละเซียน บนอักขระสีขาวขนาดมหึมาที่ซากร่างนับไม่ถ้วนเหล่านั้นอยู่ ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นมาอีกร่างหนึ่ง

เป็นสวี่ชิงนั่นเอง

ผมของเขากลายเป็นสีขาว ผิวยิ่งเป็นเช่นนั้น ดวงตาทั้ง 2 เบิกโพลง ฉายประกายแสงสีขาวออกมา เหมือนว่าเป็นหนึ่งเดียวไปกับซากร่างทั้งหมดที่อยู่รอบๆ

สีหน้าก็เช่นเดียวกัน

แต่เสี้ยวขณะต่อมา เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงก็พลันเกิดขึ้น

นอกร่างสวี่ชิง มิติพลันเกิดเส้นไหมแห่ง 7 จิต 6 ปรารถนาจำนวนมหาศาลขึ้นมา เส้นไหมเหล่านี้ส่งระลอกคลื่นวิชาเซียนของ 6 รากราคะตัณหาออกมา เป็นเส้นไหมที่สวี่ชิงวางเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้ถูกชักนำ พุ่งมาทางสวี่ชิงที่นี่ ประชิดเข้ามาในเสี้ยวพริบตา

ทันทีที่สัมผัส เส้นไหมส่วนหนึ่งก็ทะลวงร่างสวี่ชิง ทะลุไปในร่างเขา พุ่งตรงไปยังผิวหนังหน้าสีขาว

อีกส่วนหนึ่งกลับพันล้อมรอบกาย จากการพันล้อมของแต่ละเส้นๆ ไม่นานนักสวี่ชิงก็ถูกพันเป็นดักแด้รูปร่างมนุษย์

ดักแด้นี้แฝงไว้ด้วยผนึก

ผนึกผิวหนังหน้าสีขาวแผ่นนั้นในร่างสวี่ชิง ทำให้มันออกมาข้างนอกไม่ได้

และนี่ก็คือแผนของสวี่ชิง

เขาจะสัมผัสวิชา 5 หมาสละเซียนด้วยตัวเองสักหน่อย และวิชานี้แม้จะแปลกประหลาดพิสดารน่าตื่นตะลึง แต่ในใจสวี่ชิงมีความมั่นใจ

ต้นกำเนิดของความมั่นใจมาจาก 6 รากราคะตัณหา

อย่างไรเสีย 5 มหาสละเซียนและ 6 รากราคะตัณหาก็เป็นวิชาเซียนที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

เช่นนี้เอง เวลาไหลไป

ใต้ทะเลสาบสละเซียน เงียบสงัดไปทั้งผืน

มีเสี้ยวพริบตาหนึ่ง เหมือนว่าแม้แต่น้ำในทะเลสาบก็ไร้ซึ่งกระแส จวบจนหลังจากนั้น 1 ชั่วยาม ท่ามกลางซากร่างทั้งหลาย ดักแด้ที่แปลงมาจากสวี่ชิงก็พลันส่งเสียงเปรี๊ยะออกมา

เสียงนี้แรกเริ่มแผ่วเบา แต่ไม่นานนักก็ถี่รัวขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายรอยแตกเป็นทางๆ ก็ปรากฏบนดักแด้นี้

หลังจากที่รอยแตกมากขึ้นเรื่อยๆ ดักแด้นี้ก็พลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เผยให้เห็นสวี่ชิงที่อยู่ในนั้น

ผมของเขาไม่เป็นสีขาวอีกต่อไปแล้ว กลับมาเป็นสีเดิมอีกครั้ง ดวงตาทั้ง 2 ก็เช่นกัน มีเพียงความหวาดหวั่นที่ยังทิ้งหลงเหลือเอาไว้ในนั้น

“นี่ก็คือ 5 หมาสละเซียน” สวี่ชิงพึมพำ

“วิชานี้แปลกประหลาดยิ่งกว่า 6 รากราคะตัณหา…ไม่ถูก เพราะเยวี่ยตงพลังความสามารถไม่เพียงพอ ดังนั้น 6 รากราคะตัณหาที่นางสำแดงต่อข้าจึงถูกทำลายได้”

“ส่วนวิชาเซียนที่นี่ ต้นกำเนิดคือตราประทับนี้…”

สวี่ชิงก้มหน้า จ้องมองตราประทับขนาดมหึมาสีขาวตรานี้

เขาสัมผัสได้ว่าตราประทับนี้เก่าแก่โบราณยิ่งนัก แฝงไว้ด้วยกาลเวลา ในใจวิเคราะห์ได้คร่าวๆ ว่ามาจากยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว

กระทั่งมีความเป็นไปได้มากว่า ตราประทับนี้เป็นตราประทับพื้นฐานของวิชาเซียน 5 หมาสละเซียน

“หากไม่ใช่ว่าข้าครอบครอง 6 รากราคะตัณหาก่อน อีกทั้งยังเปลี่ยนให้มันเป็นรอยเต๋าอำนาจ ผสานกับตัวข้าโดยสมบูรณ์ น่ากลัวว่าครั้งนี้คงยากจะตื่นขึ้นมาจากวิชาเซียนได้เร็วเช่นนี้”

สวี่ชิงเงยหน้า มองไปทางซากร่างรอบๆ

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ซากร่างเหล่านี้ก็คือผู้ตายที่มาสัมผัสรับรู้ล้มเหลว

“วิชาเซียนนี้…”

สวี่ชิงดึงสายตากลับมา จับจ้องที่มือขวาของตัวเอง

ตอนนี้ดักแด้ที่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ เหล่านั้นกลับมาเป็นเส้นไหมอีกครั้ง กำลังหลอมรวมมาจากรอบๆ ไม่นานนักที่กลางฝ่ามือสวี่ชิงก็ค่อยๆ มีตราประทับจางๆ ตราหนึ่งปรากฏขึ้น

รูปร่างของตราประทับนี้เหมือนกับตราประทับสีขาวใต้ทะเลสาบทุกประการ เพียงแต่ย่อส่วนลงมาหลายเท่าก็เท่านั้น

หากมองไปอย่างละเอียดก็จะมองเห็นว่ารูปของตราประทับนี้ความจริงแล้วก็คือหน้ากากที่แปรเปลี่ยนมาจากสภาวะนามธรรมอันหนึ่ง

นี่คือผิวหนังหน้าสีขาวที่สวี่ชิงดึงออกจากร่างด้วยวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหา และอาศัยแรงดึงดูดจากต้นกำเนิดเดียวกันของวิชาเซียน เพื่อบังคับตรึงมันไว้

ในขณะนี้เมื่อจ้องมอง จิตเทพของสวี่ชิงหลอมรวมไปในนั้น ราวกับย้อนกลับไปสัมผัสประสบการณ์ของ 5 หมาสละเซียนอีกครั้งหนึ่ง สุดท้ายก็ยืนยันได้แน่ชัดถึงแก่นแท้ของวิชาเซียนนี้

“สุนัขแห่งความตระหนี่คือใช้วิธีการการเชื่อมต่อความทรงจำช่วงหนึ่ง ซ่อนตัวอยู่ในความทรงจำของผู้ถูกสำแดงวิชา เนื่องจากความพิเศษและความลึกลับของมัน ทำให้ยากที่จะถูกมองความผิดปกติออก และหากใน 5 อึดใจ ผู้ถูกสำแดงวิชายังไม่สามารถกำจัดมันได้ ก็จะเกิดสุนัขแห่งความโลภขึ้น”

“ประโยชน์ของสุนัขแห่งความโลภคือการผนึก ป้องกันไม่ให้ผู้ถูกสำแดงมีความเป็นไปได้ที่จะสลัดหลุดพ้น ผนึกนี้ต้องใช้เวลา 4 อึดใจการก่อตัว หากในช่วงเวลาที่ก่อตัวไม่ถูกลบออกไปผนึกก็จะสำเร็จ และสุนัขแห่งความหลงจะปรากฏขึ้น”

“พลังของสุนัขแห่งความหลงคือคลื่นวน เป้าหมายคือแยกจิตวิญญาณและร่างกายของผู้ถูกสำแดงวิชา หลังจากทำให้เกิดช่องโหว่ ช่องโหว่จะถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น หากไม่สามารถทำลายได้ภายใน 3 อึดใจ ก็จะมีสุนัขแห่งความชั่วร้ายมาเยือน”

“สุนัขแห่งความชั่วร้ายกลืนกินวิญญาณ ภายใน 2 อึดใจไม่หายไป สุนัขแห่งความดื้อรั้นจะมาถึง”

“สุนัขแห่งความดื้อรั้นหลอมรวมร่าง มีเวลาเพียง 1 อึดใจในการสังหาร หาก 1 อึดใจไม่อาจสั่นคลอนมันได้ เช่นนั้น…วิชา 5 หมาสละเซียนก็สำเร็จ”

“หากวิชาเซียนนี้สำเร็จ จะสามารถก่อให้เกิดการสังหารทำลายร้างอันน่าตื่นตะลึง ในระดับหนึ่ง คือการใช้ตนเองฆ่าตนเอง!”

“ดังนั้นไม่เพียงแต่ผู้อ่อนแอเอาชนะผู้แข็งแกร่งได้ การทำลายล้างต่อวิญญาณของวิชานี้ยังมหาศาลด้วย”

“เพียงแต่ข้ามีจุดหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ”

สวี่ชิงครุ่นคิด

“สละเซียน สละเซียนหมายถึงอะไร”

“ปล่อยวางความเป็นเซียนหรือ ทิ้งความเป็นเซียนหรือ หรือว่าให้ตัวเองกลายเป็นที่พำนักเซียนอย่างนั้นหรือ”

สวี่ชิงรู้สึกรางๆ ว่า 2 คำนี้เป็นอีกชั้นหนึ่งของวิชานี้อีกทั้งยังมีนัยยะอีกชั้นหนึ่งที่สำคัญมากๆ อีกด้วย

เพราะเขาเรียนวิชานี้ไม่สำเร็จ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่อาจเข้าใจได้อย่างกระจ่างแจ้งโดยสมบูรณ์

สวี่ชิงเสียดายเล็กน้อย

แต่เขาก็เข้าใจดี วิชานี้ยิ่งใหญ่ ไม่สามารถเรียนได้สำเร็จในเวลาสั้นๆ ตัวเองในตอนนี้แค่ศึกษาพื้นฐานได้เท่านั้น

นี่ยังเป็นเพราะมีการชักนำจากวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหาถึงได้มีผลเก็บเกี่ยวเช่นนี้

“ดังนั้น ในเมื่อมีพื้นฐานก็มีสิทธิ์”

“มีเพียงมีสิทธิ์นี้ ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะศึกษามัน”

สวี่ชิงเก็บความรู้สึกเสียดายลงไป เงยหน้ามองไปข้างบน ร่างเพียงไหววูบ พุ่งไปยังผิวน้ำ

และจากการจากไปของเขา ตราประทับสละเซียนก้นทะเลสาบ ก็เลือนหายไปรางๆ เหมือนว่าไม่สมบูรณ์อีกต่อไป

ขณะเดียวกัน ในตำหนักวิชาเซียนด้านนอก ในส่วนลึกของมันมีห้องลับพื้นที่ต้องห้ามที่ถูกผนึกเอาไว้เป็นชั้นๆ ห้องหนึ่ง

ในห้องลับมีก้อนหินสีดำก้อนหนึ่ง บนนั้นมีตราประทับเก่าแก่ตราหนึ่ง เหมือนกับตราประทับที่ก้นทะเลสาบทุกประการ

นี่ถึงจะเป็นตราประทับสละเซียนของจริง

เพียงแต่ตอนนี้ แม้แต่มันก็ยังเปลี่ยนมาหมองหม่นลงเล็กน้อย คล้ายว่าถูกแบ่งแยกออกไปส่วนหนึ่ง

เพราะมหาปรมาจารย์เซียนเผ่าปีกมารฝั่งประจิมยังพเนจรไม่กลับมา จึงทำให้ภาพนี้ไม่มีใครรู้

……

ตอนนี้ บนทะเลสาบสละเซียน ปรมาจารย์เซียนเหล่านั้นของเผ่าปีกมารฝั่งประจิมยังคงนั่งสมาธิสัมผัสรับรู้ ห่างจากที่สวี่ชิงจมลงสู่ก้นทะเลสาบ ก็ยังไม่ถึง 2 ชั่วยาม

ดังนั้น ในยามที่เงาร่างทันทีที่ทะลุผ่านผิวน้ำปรากฏขึ้นมา ปรมาจารย์เซียนที่สังเกตเห็นภาพนี้มีไม่มาก

และผู้ที่มองเห็นต่างอึ้งตะลึงกันทั้งนั้น แต่จากนั้นก็ตั้งสติขึ้นได้ ทายว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ไปสัมผัสรับรู้จริงๆ น่าจะเกิดความรู้สึกหวาดกลัวเลยถอย ดังนั้นจึงต่างดูถูก

สวี่ชิงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ มองตำหนักเซียนสีขาว นึกถึงคำสั่งสอนที่อาจารย์เคยสอนไว้ เป็นคนต้องมีจิตใจที่เปี่ยมด้วยความสำนึกในบุญคุณ ดังนั้นหลังจากคิดๆ แล้ว ก็ประสานหมัดโค้งคารวะไปทางตำหนักวิชาเซียน

เช่นนี้ ในใจถึงจะสงบ และไม่นับว่าติดค้าง วันหลังหากพบหน้า สามารถต่อสู้สังหารกันได้อย่างวางใจ

จากนั้นก็หันหลัง ทะยานจากไปไกลอย่างเร็วรี่

ภาพนี้ ชายหนุ่มคนนั้นในตำหนักวิชาเซียนเห็นเข้า ก็หัวเราะดูถูกอย่างอดไม่ได้

“ตอนมากำเริบอวดดี ตอนกลับโค้งคารวะ ทีแรกหยิ่งผยอง ทีหลังกลับนอบน้อม คนแบบนี้ข้าเห็นมามากนักแล้ว”

“มักจะมีคนที่คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ คิดว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่หลังจากเจอการทรมานจากวิชาเซียนของตำหนักข้าแล้ว ก็เป็นพวกไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น”

“เสี่ยเฉินจื่อคนนี้ยิ่งเป็นพวกขี้ขลาด ดูจากเวลาแล้ว คนคนนี้เห็นได้ชัดว่ากลัวจนถอยหนี”

“ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย!”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version