บทที่ 1058 นี่มันกระดูกของข้า!
ลานตำหนักวิชาเซียนเผ่าปีกมารฝั่งบูรพา ตอนนี้เตาหลอมกระดูกดังเลื่อนลั่น รอบๆ มีไฟ 9 สีวนล้อม ปะทุขึ้นไม่หยุด
ตราประทับอักขระเหล่านั้นที่อยู่บนผิวเตาหลอมก็ยิ่งกะพริบแสงวูบวาบถี่รัว ต่างโคจรทั้งหมด ทำให้ในขณะที่เปลวเพลิงลุกโชนยิ่งกว่าเดิม การหลอม…ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!
ตัวแทนของภูเขาเจ้าเหนือหัวที่อยู่รอบๆ มี 3 คนที่ลุกขึ้นมาแล้ว สีหน้าเคร่งขรึม
ส่วนอีกหลายๆ ฝ่ายที่แต่ละคนในใจก็เกิดความตกตะลึงสงสัยเช่นกัน
เป็นเพราะภาพการพลิกสถานการณ์ฉากนี้กะทันหันยิ่งนัก
พวกเขายากที่จะคาดการณ์ได้ว่าผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักวิชาเซียนที่ทำพิธี ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นฝ่ายได้เปรียบเช่นนี้จะพลาดพลั้งได้
ในเมื่อ หากไม่มีความมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ไม่มีทางเชิญภูเขาเจ้าเหนือหัวทุกฝ่ายมาเป็นสักขีพยาน
แม้จะมีเหตุมาจากที่การทำพิธีชิงเซียน ทำให้เขาจำต้องเชิญภูเขาเจ้าเหนือหัวทุกฝ่าย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผู้อาวุโสใหญ่ทางนั้นจะต้องทำการเตรียมตัวอย่างสมบูรณ์เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
แต่…เหตุไม่คาดฝันสุดท้ายก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี
แม้คนทั้งหลายจะไม่รู้ว่าทางเยวี่ยตงทางนั้นทำได้ถึงขั้นปกปิดผู้อาวุโสใหญ่ได้อย่างไร อีกทั้งพลังพลิกสถานการณ์ที่สำแดงขึ้นในตอนสุดท้าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตำแหน่งมหาปรมาจารย์เซียนครั้งนี้มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นแล้ว
ส่วนใครจะได้เลื่อนขั้นเป็นมหาปรมาจารย์เซียน ผลประโยชน์ของภูเขาเจ้าเหนือหัวฝ่ายต่างๆ ก็แตกต่างกันไปเช่นกัน
มีคนเอนเอียงไปทางผู้อาวุโสใหญ่ มีคนเอนเอียงไปทางเยวี่ยตง และมีคนที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ดังนั้นหลังจากที่พบเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ตัวแทนของภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 3 และที่ 7 ที่มีการติดต่อกับผู้อาวุโสใหญ่เมื่อก่อนหน้านี้ ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งออกไปช่วยเหลือ
แต่ในพริบตาที่พวกเขาทั้ง 2 จะพุ่งไปข้างหน้า ทูตของภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 4 และที่ 6 ร่างก็ไหววูบในเวลาเดียวกัน มาปรากฏอยู่ข้างหน้า ทำการขัดขวางลงมือช่วยเหลือ
ต่างจ้องหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไร เพราะการกระทำก็บ่งบอกถึงท่าทีตัวเองอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้บรรยากาศของการประจัญหน้าก็พวยพุ่งขึ้นรอบๆ ทันที
ในพริบตาที่การประจันหน้าของทั้ง 4 ฝ่าย นอกตำหนักวิชาเซียนก็มีเสียงกรีดหวีดอย่างรวดเร็วมา
เห็นเพียงผู้บำเพ็ญชุดคลุมดำกลุ่มหนึ่งนำปรมาจารย์เซียนกลุ่มหนึ่ง บุกเข้ามาจากโลกข้างนอก คนที่เป็นผู้นำสวมชุดหรูหรา เป็นคนหนุ่มคนหนึ่ง
คนคนนี้จิตสังหารรุนแรง ข้างหลังมีผู้บำเพ็ญจำนวนหนึ่ง ตลอดทางมาบุกโจมตีสังหารกับปรมาจารย์เซียนที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้อาวุโสใหญ่ที่ขวางกั้นอยู่ข้างหน้า
ความเร็วของเขาน่าตื่นตะลึง เพียงกระโดดขึ้นก็ข้ามทั้ง 2 ฝ่ายที่โรมรันพันตูกันอยู่ ไปถึงยังเหนือเตาหลอมกระดูกทันที
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น มิติรอบๆ ของเขาบิดเบี้ยว มีปรมาจารย์เซียนคนสนิทของผู้อาวุโสใหญ่ 3 คนปรากฏขึ้น ตรงมาทางชายหนุ่ม
ปรมาจารย์เซียน 3 คนนี้ต่างไม่ธรรมดา ทันทีที่ลงมือ วิชาเซียนแปลกประหลาดก่อเป็นเขี้ยวดำสนิท 3 เขี้ยว มีหมอกดำห้อมล้อม พุ่งตรงไปที่ชายหนุ่มชุดหรูหรา
แต่ชายหนุ่มชุดหรูหราคนนั้นไม่เกรงกลัว ต้านทานพลังโจมตีจากทั้ง 3 คน เอาระฆังใบหนึ่งออกมา ทุ่มลงไปยังเตาหลอมที่อยู่ข้างล่างเต็มแรง
เสียงระฆังดังก้องมาทันที ระฆังใบนี้ขยายใหญ่ขึ้นทันที มีขนาดถึงหลายร้อยจั้ง ปกคลุมเตาหลอมใบนั้นไปทั้งหมดโดยสมบูรณ์
พลังที่แผ่ออกมาโหมกวาดทั่วทุกทิศ
ทุกอย่างนี้พูดแล้วเหมือนนาน แต่ความจริงแล้วเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตาเท่านั้น
หลังจากที่ระฆังร่วงลงไป การโจมตีของปรมาจารย์เซียนทั้ง 3 ก็ซัดมาที่ร่างของชายหนุ่มชุดหรูหรา ร่างของเขากระเด็นม้วนตลบ เลือดสดๆ กระอักออกมา แต่กลับมีเสียงเย็นเยือกดังออกมาจากปากของเขา “ระฆังนี้ก็คือจุดยืนของตระกูลอวิ๋น!”
“ตระกูลอวิ๋นของข้าสนับสนุนเยวี่ยตงเลื่อนขั้นเป็นมหาปรมาจารย์เซียนอย่างเต็มที่!”
ปรมาจารย์เซียนรอบๆ สังกัดผู้อาวุโสใหญ่แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด จ้องพวกชายหนุ่มชุดหรูหราที่บุกเข้ามาเขม็ง ทูตจากภูเขาเจ้าเหนือหัวฝ่ายต่างๆ ก็มองไปเช่นกัน
“ระฆังนภาเมฆา!”
ชื่อเสียงของระฆังใบนี้อยู่ในเผ่าปีกมารฝั่งบูรพาโด่งดังไม่น้อย นั่นเป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูลอวิ๋น ตระกูลที่มีชื่อเสียงทัดเทียมกับตระกูลหลัน
ส่วนชายหนุ่มชุดหรูหราคนนั้น ชื่อเสียงของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เป็นนายน้อยรุ่นนี้ของตระกูลอวิ๋นนั่นเอง!
ตอนนี้เมื่อจำได้ ทูตของภูเขาเจ้าเหนือหัวฝ่ายต่างๆ ก็ล้วนสีหน้าแปลกประหลาดไปทั้งสิ้น
เห็นได้ว่าเรื่องที่นายน้อยตระกูลอวิ๋นเกี้ยวพาเยวี่ยตง อยู่ในเผ่าปีกมารฝั่งบูรพาก็ไม่ใช่ความลับอะไร อีกทั้งแต่ละฝ่ายล้วนมีรายงานข่าวว่า นายน้อยตระกูลอวิ๋นก่อนหน้านี้เคยช่วยเยวี่ยตงลงมือที่ตำหนักวิชาเซียน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การกระทำที่แต่เดิมเป็นการตัดสินใจโดยส่วนตัวของเขา อีกทั้งจากการที่เยวี่ยตงถูกจับ อีกฝ่ายก็ถูกขับไล่ออกจากตำหนักวิชาเซียน แต่ตอนนี้…เขาไม่เพียงแต่มาถึงอย่างถูกจังหวะพอดี ยิ่งสำแดงของวิเศษของตระกูลอวิ๋น
นี่ต่างออกไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกในฐานะตัวของเขาเองเท่านั้น
แต่ตอนนี้ จุดยืนที่แสดงออกมาคือของตระกูลอวิ๋น
นี่ทำให้ศึกชิงตำแหน่งมหาปรมาจารย์เซียนครั้งนี้ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น
แต่ผู้ที่ชี้ชะตาของศึกครั้งนี้ได้อย่างแท้จริง ความจริงแล้ว…ไม่ใช่ตระกูลอวิ๋น และไม่ใช่ปรมาจารย์เซียนที่อยู่ที่นี่ แต่เป็นภูเขาเจ้าเหนือหัวทั้ง 10
พวกเขามีสิทธิ์นั้น
ดังนั้น ปรมาจารย์เซียนฝ่ายผู้อาวุโสใหญ่ ตอนนี้มีชายกลางคนคนหนึ่งเดินออกมา ประสานหมัดโค้งคารวะไปยังตัวแทนภูเขาเจ้าเหนือหัวทุกฝ่าย
“เยวี่ยตงคือคนทรยศของตำหนักวิชาเซียน นายน้อยตระกูลอวิ๋นก็ถูกปกปิดหลอกลวง ส่วนเรื่องการสนับสนุนจากตระกูลอวิ๋น นอกเสียจากบรรพจารย์ตระกูลอวิ๋นจะมา ไม่อย่างนั้นแล้วตำหนักเซียนเราไม่เชื่อเด็ดขาด”
“ตอนนี้ขอท่านทูตทุกท่านโปรดช่วยเหลือฟื้นฟูความถูกต้องกลับคืนมา ในภายหน้า ตำหนักวิชาเซียนจะตอบแทนบุญคุณนี้ที่ช่วยเหลือครั้งนี้อย่างแน่นอน!”
เห็นคนคนนี้พูดแบบนี้ นายน้อยตระกูลอวิ๋นสีหน้าเคร่งขรึม มองไปทางทูตภูเขาเจ้าเหนือหัวฝ่ายต่างๆ เช่นกัน ประสานหมัดเอ่ยขึ้นว่า “ทุกท่าน นี่เป็นเรื่องภายในของตำหนักวิชาเซียน แม่นางเยวี่ยตงไม่ใช่คนทรยศตำหนักวิชาเซียน นางในฐานะที่เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวในตอนนี้ของมหาปรมาจารย์เซียนรุ่นที่แล้ว อีกทั้งยังครอบครองวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหา เดิมก็เป็นผู้สืบทอดโดยชอบธรรมอยู่แล้ว”
“แต่ผู้อาวุโสใหญ่คนนั้นจิตใจคิดคด ไม่สนธรรมเนียมของตำหนักวิชาเซียน คิดลอบวางแผนชิงตำแหน่งมหาปรมาจารย์เซียน ชั่วช้าเป็นอย่างยิ่ง!”
“ขอทุกท่านโปรดยึดมั่นในจุดยืนที่เคยแสดงไว้ อย่าได้แทรกแซงเรื่องในตำหนักวิชาเซียนเลยด้วยเถิด”
นายน้อยตระกูลอวิ๋นพูดจบก็โค้งคารวะ ในใจลึกๆ จะหวั่นไหวกระวนกระวาย เขารู้จักตระกูลของตัวเองเป็นอย่างดี ครั้งนี้ตนเอาของวิเศษล้ำค่าออกมา เหตุการณ์ระหว่างนั้นราบรื่นเป็นอย่างมาก นี่ก็เป็นการแสดงท่าทีของบรรพจารย์แล้ว
หากตนทำสำเร็จ ก็จะเป็นการสนับสนุนของตระกูลอวิ๋น นี่คือความเป็นจริง
หากตนล้มเหลว เช่นนั้นก็จะเป็นตนที่ขโมยสมบัติล้ำค่าออกมาโดยพลการ ตระกูลอวิ๋นจะปัดความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง
ดังนั้นเขาจึงเงยหน้ามองไปทางทูตของภูเขาเจ้าเหนือหัว โดยเฉพาะทางภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 4 และ 6 เพราะ 2 ฝ่ายนี้ ตอนนั้นจากการติดต่อกับเยวี่ยตงก็เลือกที่จะสนับสนุนนาง
ทูตภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 4 และ 6 ตอนนี้ก็ขบคิดในใจไปเช่นกัน พวกเขาขัดขวางทูตภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 3 และ 7 ก็ทำเต็มกำลังแล้ว ตอนนี้หากเอ่ยปาก เรื่องที่ทำก็จะเพิ่มมากขึ้นเกินไป
เกินกว่าผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับแล้ว
เช่นนี้จะเสียสมดุลไปหน่อย
และในตอนที่คนทั้งหลายครุ่นคิด มีเสียงจากทางเก้าอี้ภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ดังต่ำทุ้มออกมา
“สหายอวิ๋น เมื่อใดกันที่เรื่องของตำหนักเซียน เป็นตระกูลอวิ๋นที่เป็นผู้ตัดสิน”
บนเก้าอี้ภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 คนที่นั่งเป็นชายชราคนหนึ่ง ชายชราคนนี้ดวงตาทั้ง 2 ปิดสนิท ตอนนี้พูดถึงตรงนี้ แม้จะยังไม่ลืมตาขึ้นมา แต่เสียงกลับแฝงไว้ด้วยน้ำหนัก ดังกึกก้องที่นี่
“ในพันธสัญญาโบราณ เรื่องของตำหนักวิชาเซียน ภูเขาเจ้าเหนือหัวต่างๆ ร่วมกันตัดสิน พวกเราไม่แทรกแซงนั่นเพราะให้ความเคารพ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราแทรกแซงไม่ได้ หากเพียงต้องรอให้เป็นในช่วงเวลาที่จำเป็นก็เท่านั้น”
“และตอนนี้ก็ถึงเวลานี้แล้ว ทุกท่าน ข้าขอเสนอให้เปิดเตาหลอม ช่วยผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักวิชาเซียน ขจัดความวุ่นวายและฟื้นฟูความถูกต้อง ละครวุ่นวายฉากนี้ควรจบลงได้แล้ว”
คำพูดของทูตภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ดังออกมา นายน้อยตระกูลอวิ๋นหน้าเปลี่ยนสี ปรมาจารย์เซียนใต้บัญชาการของผู้อาวุโสใหญ่พวกนั้นกลับตื่นเต้นฮึกเหิม พวกเขารู้น้ำหนักของภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 มีมากนัก
ทูตภูเขาเจ้าเหนือหัวคนอื่นๆ ตอนนี้ก็คล้ายครุ่นคิด แม้แต่ทูตภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 4 และ 6 ที่เอนเอียงข้างเยวี่ยตงในใจก็ลังเลไปเช่นกัน ตราชั่งแห่งความสมดุลเริ่มเอนเอียง
ในตอนที่ทุกอย่างจะได้บทสรุปชี้ขาดแล้ว
เสียงของสวี่ชิงก็ราวลมเย็นเยือกหอบม้วน ดังก้องมาในลานกว้างแห่งนี้ “ข้าคัดค้าน!”
เสียงของเขาเพียงดังขึ้น ก็ดึงสายตาทุกคู่มาทันที
ชายชราตัวแทนจากภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ดวงตาที่แต่เดิมปิดสนิทของเขาตอนนี้พลันลืมขึ้นมา มองไปทางสวี่ชิง
น้ำหนักของเสี่ยเฉินจื่อมีมาก
น้ำหนักของภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 10 ยิ่งมีมากกว่า
ดังนั้นการคัดค้านของภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 10 ต่อให้เป็นผู้อาวุโสภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 หัวใจก็หล่นวูบไปเช่นกัน
คนทั้งหลายจับจ้องมา สวี่ชิงสีหน้ายังคงเหมือนเดิม หลังจากเห็นศิษย์พี่ใหญ่ลงมือ เขาก็รู้ว่าการคาดเดาของตัวเองถูกต้อง ทุกอย่างนี้เป็นความตั้งใจของศิษย์พี่ใหญ่
เช่นนั้นตอนนี้เขาย่อมปล่อยให้คนอื่นทำลายแผนการของศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้
“ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ เจ้าเหนือหัวมีคำสั่ง ภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 10 ไม่เข้าร่วมกับการช่วงชิงทุกอย่างในตำหนักวิชาเซียน ภูเขาข้า…สนับสนุนเพียงผู้ชนะเท่านั้น!”
สวี่ชิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง สายตากวาดไป ใช้ท่าทีที่แข็งแกร่งจ้องตากับผู้อาวุโสภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ไม่อ่อนข้อแม้แต่น้อย
ทูตภูเขาเจ้าเหนือหัวฝ่ายต่างๆ ล้วนไม่พูดอะไรแล้ว สายตากวาดไปยังสวี่ชิงและอีกคน มองการต่อสู้ชิงชัยของพวกเขา
ส่วนชายชราภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ถูกสวี่ชิงจ้องมองอย่างแข็งแกร่ง ตอนนี้มองสวี่ชิงพลางเอ่ยเสียงแหบแห้งขึ้น
“ข้าประหลาดใจนัก เสี่ยเฉินจื่อ เจ้ามีความแค้นกับเยวี่ยตง ไยวันนี้จึงพูดเช่นนี้”
“คำสั่งของเจ้าเหนือหัวกับความแค้นส่วนตัว เมื่อเทียบกันแล้วข้าย่อมปฏิบัติตามอย่างแรก” สวี่ชิงเอ่ยราบเรียบ จากนั้นเสียงก็ฉายความเย็นเยือกออกมา
“นอกจากนี้ ข้ายังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเยวี่ยตงจะเป็นมหาปรมาจารย์เซียน เช่นนี้แล้ว ข้าก็จะได้ความสะใจจากการสังหารนางเองด้วยมือ”
ชายชราภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 หรี่ดวงตาทั้ง 2 ลง หลังจากประเมินสวี่ชิงอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พลันเอ่ยขึ้นว่า “หากข้ายังคงยืนยัน เจ้าจะทำอย่างไร”
สวี่ชิงได้ยิน สีหน้าเป็นปกติ “เจ้าลองดูได้”
ทั้งลานกว้างจาก 4 คำที่ดังออกมาของสวี่ชิง ก็เกิดเป็นบรรยากาศที่กดดันทันที ราวกับมีพายุพลัง 2 ลูกแผ่ออกมาจากร่างของสวี่ชิงและผู้อาวุโสแห่งภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ปะทะกันอย่างไร้รูปร่าง
แต่เห็นได้ชัดว่า เสี่ยเฉินจื่อในตอนนี้ เรื่องราวที่เผ่าปีกมารฝั่งประจิมได้เลื่องลือไปทั่ว โดยเฉพาะความตายของซีหมัวจื่อยิ่งทำให้ในใจของหลายๆ คนสั่นสะท้าน
ดังนั้นเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่ง ต่อให้เป็นชายชราจากภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ในใจก็สั่นไหวไปเช่นกัน
……
ในเตาหลอม ในใจของผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักวิชาเซียนเกิดระลอกคลื่นขึ้นเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เขาได้ตรวจสอบแล้วหลายครั้ง กระทั่งว่าทำลายเส้นลมปราณของเยวี่ยตงแหลกละเอียด ปล่อยเลือดนางจนแห้งเหือด ยิ่งวางผนึกต้องห้ามเอาไว้มากมาย เพื่อรับประกันไม่ให้พลาด
แต่คิดไม่ถึงว่า ในช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย อีกฝ่ายจะใช้วิชาแปลกประหลาดเช่นนี้เคลื่อนย้ายตนมาไว้ในเตาหลอม กลายเป็นสถานการณ์ที่ถูกหลอมด้วยเช่นกัน
แม้เขาจะยังมีแผนวางเตรียมเอาไว้ เคยติดต่อกับภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 อย่างลึกซึ่ง ได้รับการสนับสนุนจากภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 มั่นใจว่าอีกไม่นาน ข้างนอกก็จะเปิดเตาหลอมช่วยตน
แต่เขาก็รู้ดี ถูกช่วยกับหลุดพ้นไปได้ด้วยตัวเอง ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายในวันข้างหน้านั้นแตกต่างกัน
นอกจากนี้ เขายังมีความมั่นใจต่อการดิ้นรนให้หลุดพ้นของตัวเองโดยสมบูรณ์
ความมั่นใจนี้โดยพื้นฐานแล้วอยู่ที่ความเข้าใจและการควบคุมต่อเตาหลอมกระดูกใบนี้!
เตาหลอมใบนี้ สิทธิ์ที่เขามีแม้จะไม่เท่ามหาปรมาจารย์เซียน แต่เขามั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจหรือการค้นคว้า หรือจะเป็นสิทธิ์ในการถือครอง ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เยวี่ยตงจะเทียบเคียงได้
ตามกฎของตำหนักวิชาเซียนแล้ว เตาหลอมนี้มีเพียงมหาปรมาจารย์เซียนและผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ใช้
ตอนนี้มหาปรมาจารย์เซียนแตกดับไปแล้ว เช่นนั้นเขาที่เป็นผู้อาวุโสใหญ่ย่อมมีความมั่นใจเต็มที่
“เยวี่ยตง เจ้าไม่มีความเข้าใจในเตาหลอมนี้เลย นับจากเสี้ยวพริบตาที่เจ้าเข้ามาในนี้ จุดจบของเจ้าก็กำหนดเอาไว้แน่นอนแล้ว”
“ดังนั้น แผนทุกอย่างของเจ้าล้วนไม่มีความหมาย”
ผู้อาวุโสเอ่ยราบเรียบ ยกมือประสานปางมือ ทันใดนั้นเตาหลอมใบนี้ก็สั่นสะเทือน
จากนั้นร่างของเขาก็ไหววูบพุ่งตรงไปข้างบน ขณะประสานปางมือก็สำแดงวิชาเซียนที่ควบคุมเตาหลอมใบนี้โดยเฉพาะขึ้น จะผสานไปในเตาหลอมใบนี้
เตาหลอมใบนี้สั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้อาวุโสใหญ่ควบคุมสิทธิ์เอาไว้ ส่วนบนเกิดความรางเลือน เขาจะหลุดพ้นไปแล้วเต็มที
แต่ในตอนนนี้เอง เยวี่ยตงที่เหลือเพียงศีรษะ มุมปากฉายรอยยิ้มเสียดสีออกมา
“ข้าไม่เข้าใจเตาหลอมใบนี้อย่างนั้นหรือ”
“งอกรัดมันให้ตาย!”
เอ้อร์หนิวคำรามเสียงต่ำ
เพียงพริบตา คลื่นวนเหนือเตาหลอมหายไป เนื้อชุ่มเลือดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า แผ่ยืดออกไปทั่วทุกทิศ พันรัดเตาหลอมและฝาเข้าด้วยกัน… ไม่อาจแยกออกโดยสมบูรณ์
อีกทั้งต่างเหมือนมีต้นกำเนิดเดียวกัน แนบแน่นจนแยกออกจากกันไม่ได้
ไม่ว่าวิชาเซียนสิทธิ์อำนาจของผู้อาวุโสใหญ่จะโคจรอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์เลย เหมือนว่าสิทธิ์ของเขา…กลายเป็นเครื่องประดับ!
ผู้อาวุโสใหญ่ตกตะลึงสงสัยในทันที ก่อนหน้านี้เขาถูกดูดเข้ามาที่นี่ ในใจแค่เกิดระลอกคลื่นเท่านั้น แต่ตอนนี้ความรุนแรงของการซัดโหม ใช้คำว่าคลื่นหวาดหวั่นน่าครั่นคร้ามมาบรรยายก็ไม่เกินไป
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร! เจ้าไม่ใช่เยวี่ยตง เยวี่ยตงทำไม่ได้ถึงขั้นนี้ เจ้า…เจ้าเป็นใคร!!”
เอ้อร์หนิวหัวเราะเหี้ยมเกรียม
“มีอะไรเป็นไปไม่ได้”
“วัสดุเตาหลอมใบนี้เดิมก็เป็นของข้า”
“ส่วนข้าจะเป็นใคร บอกให้เจ้ารู้ก็ได้ว่าเตาหลอมใบนี้ใช้ข้าหลอมออกมา เจ้าว่าข้าเป็นใครกัน”
ศีรษะของเอ้อร์หนิวลอยขึ้นมา สีหน้าหยิ่งทะนง
ในใจกลับสะท้อนใจนัก นึกย้อนถึงรูปสลักมหาจักรพรรดิวิชาเซียนที่ได้เห็นในตำหนักใหญ่ที่เก็บวิชาเซียน ในพระราชนิเวศน์ใต้เขตปกครองผนึกสมุทรที่เคยไปกับอาจารย์และสวี่ชิงในตอนนั้น
“ตอนนั้นตาแก่ให้ข้าคารวะมหาจักรพรรดิวิชาเซียนนั่น ข้าไปคารวะอะไรมัน ข้าจะคารวะใครก็ไม่มีทางคารวะมัน!”
“เป็นไอ้เจ้ามหาจักรพรรดิเวรนี่ที่ตอนนั้นเอาร่างชาติที่ 3 ของข้ามาหลอมเตาหลอม”
“นั่นคือชาติที่ 3 ของข้าเชียวนะ”
“ตอนนั้นข้ายังไร้เดียงสาอยู่มาก ไม่รู้ถึงความชั่วร้ายของใจคน ก็แค่ยืมของวิเศษจากทุกเผ่ามานิดหน่อยเท่านั้นเอง ก็แค่ยืมมงกุฎของเสวียนโยวมาเล่นเองเท่านั้นมิใช่หรือ เรื่องใหญ่สักแค่ไหนกันเชียว เสวียนโยวยังไม่ว่าอะไรเลย ไอ้มหาจักรพรรดิเวรนี่กลับลงมือหนักกับข้า”
“ตีตายก็ช่างเถิด แต่ยังเอาร่างข้ามาหลอมเป็นเตาหลอม ที่เกินสมควรไปที่สุดคือยังเอากระดูกหน้าผากข้ามาติดไว้บนนั้น รังแกกันเกินไปแล้ว!”
“ดีที่ข้าได้เห็นเตาหลอมนี้จากความทรงจำของเยวี่ยตง ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ชาตินี้ข้าก็คงหากระดูกชาติที่ 3 ที่ทั้งน่าสงสารทั้งไร้เดียงสาของข้าไม่เจอ”
เอ้อร์หนิวกัดฟัน คำรามเสียงต่ำในใจ
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
