บทที่ 1123 ชิงเต๋า
‘แม้ว่าข้าทุ่มเทกับม้วนภาพนี้เต็มกำลัง แต่เพียงคลายออกเสี้ยวหนึ่ง รัศมีครอบคลุมแค่พันลี้…’
ในพื้นที่ต้องห้ามตระกูลหลี่ หลี่เมิ่งถู่หรี่ตา สะบัดมือคราหนึ่ง ภาพวาดบนมือลอยมาเหนือศีรษะทันที
ไม่ได้คลายออก แต่แสงนุ่มนวลแผ่ซ่านสาดส่องตัวหลี่เมิ่งถู่ เสริมพลังให้กับเขา
ม้วนภาพยังไม่คลายก็ส่งผลอัศจรรย์ ทำให้ผู้ครอบครองจิตปลอดโปร่ง มีส่วนช่วยต่อการหยั่งรู้ไม่น้อย ดังนั้นเขาเลยพกติดตัว
ขณะเดียวกันคือครั้งนี้เขาเตรียมทุ่มสุดตัว ถือเป็นไพ่ตายที่เตรียมไว้
ร่วมกับหอคอย 9,000 ของตระกูลหลี่ ชั่วพริบตาก็ทำให้สติปัญญาเขาเพิ่มขึ้น
‘เดิมเตรียมไว้ใช้ภายหลัง แต่ตอนนี้… ได้เพียงใช้ล่วงหน้า!’
หลี่เมิ่งถู่สูดหายใจลึก เขาทราบดีว่ามรดกที่อาจารย์เตรียมให้ตนโดยเฉพาะนี้ต่างจาก 3 อาณาเขตอื่นอยู่บ้าง
มรดกนี้เหนือธรรมดา มีคุณสมบัติหนึ่งเดียว มีคนเดียวที่ยึดครองได้!
หากการหยั่งรู้กระจายไป ต่างฝ่ายต่างไม่อาจครอบครองอย่างแท้จริง
‘ไม่ว่าคนผู้นี้เป็นใคร การกระทำเช่นนี้คือการช่วงชิงเต๋า’
‘แม้ว่าเมื่อก่อนไม่มีความแค้นต่อกัน แต่ตอนนี้… ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน!’
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นัยน์ตาหลี่เมิ่งถู่วาววาบ คล้ายมีอักขระโบราณมากมายส่องประกาย ยามมองบุปผามรดกบนเวิ้งฟ้า ความรู้แจ้งพลันบังเกิดในใจ
กลีบดอกที่ 4 ตรงหว่างคิ้วสมบูรณ์ชั่วพริบตา ควบรวมกลีบดอกที่ 5 อย่างรวดเร็ว
เขาต้องช่วงชิงให้มากกว่า ยึดครองความได้เปรียบ จากนั้นค่อยออกจากที่นี่ ตามหาผู้ชิงเต๋ากับตนคนนั้น
นำมรดกของตนกลับมา!
ส่วนวิธีนำกลับมามีเพียงหนึ่งเดียว
สังหาร!
หลี่เมิ่งถู่นึกถึงตรงนี้แล้วไม่คิดมากอีก ทั้งกายใจดื่มด่ำกับการหยั่งรู้ อาศัยหอคอย 9,000 รวมถึงม้วนภาพปริศนาตกทอดจากตระกูล เสริมการหยั่งรู้ของตนให้รุดหน้า
ไม่นานกลีบดอกที่ 5 ตรงหว่างคิ้วเขาพลันปรากฏ!
แต่บนฟ้าทั้ง 12 กลีบดอกที่มีแต่เดิม ตอนนี้เหลือเพียง 4 กลีบ
ทว่าพริบตาต่อมากลับ…น้อยลง 1 กลีบ เหลือแค่ 3 กลีบ
กลีบหนึ่งที่หายไปปรากฏตรงหว่างคิ้วสวี่ชิงที่นั่งสมาธิอยู่บนผาจอมมรรค
ตรงหว่างคิ้ว 4 กลีบดอกหมุนวน วิถีพืชพรรณเอ่อล้นในใจสวี่ชิง ความเข้าใจเรื่องพิษในบุปผามรดกเด่นชัดต่อเนื่องตามการวิเคราะห์ประเด็นของเขา
เขายก 2 มือขึ้นตามสัญชาตญาณ ทำมุทราเบื้องหน้า โอสถสมุนไพรราวภาพมายามากมายถูกเขาวิวัฒน์ออกมา โอบล้อมเข้าหากัน บ้างหลอมรวม บ้างแยกจาก
เวลาล่วงเลยไปเช่นนี้อีกครั้ง
ผ่านไป 1 ก้านธูป
ตรงหว่างคิ้วสวี่ชิงมีกลีบดอกที่ 5 ปรากฏ
ขณะเดียวกันทิศตะวันออกที่ห่างไป หลี่เมิ่งถู่บนหอคอยตรงพื้นที่ต้องห้ามตระกูลหลี่ กลีบดอกที่ 6 กลางหว่างคิ้วเขาก่อตัวเป็นรูปร่างเช่นกัน
บนเวิ้งฟ้าตอนนี้ บุปผามรดกพร่ามัวอย่างสมบูรณ์ ในความรางเลือนเห็นว่าเหลือเพียงกลีบดอกเดียว!
พริบตานั้นไหมสีแดง 2 สายแผ่ออกมาจากกลีบดอกที่เหลือบนฟ้า สายหนึ่งทิ้งตัวลงตรงผาจอมมรรค อีกสายหนึ่งทิ้งตัวลงตรงพื้นที่ต้องห้ามตระกูลหลี่
ระหว่างขอบเขตไร้สิ้นสุด สวี่ชิงกับหลี่เมิ่งถู่ช่วงชิงได้พร้อมกัน
ความเร็วของ 2 ฝ่ายว่องไวนัก ตอนนี้ต่างอาศัยวิธีการของตนหยั่งรู้และซึมซับ กลีบดอกเพียงหนึ่งเดียวนั่นค่อยซ่านสลายอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปครึ่งก้านธูป เสียงอัสนีดังกระหึ่มทั่วแดนดาราตะวันตก
บุปผามรดกบนฟ้าหายไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อเลือนหายสีดำสนิทบนม่านนภาค่อยจางลง แสงเหนือแดงชาดที่ถูกบดบังเริ่มปรากฏอีกครั้ง
ภาพนี้สะท้อนเข้าสายตาผู้ครองป้ายคนอื่นในแดนตะวันตก พวกเขาทราบว่าการชิงมรดก… สิ้นสุดแล้ว
“ช่วงรับมรดกนี้ไม่ให้โอกาสคนอื่นหยั่งรู้โดยสิ้นเชิง คิดว่ามีเพียงหลี่เมิ่งถู่นั่นที่มีสิทธิ์”
“เรื่องนี้ทุกคนทราบแน่ชัด ไยต้องกล่าวมากความ เดิมมรดกนี้เตรียมให้เขา 3 ทิศอื่นก็เช่นกัน แค่ปิดบังบ้างเท่านั้น”
“นี่ก็คือระดับชั้น พวกเราทำอะไรไม่ได้”
“เฮ้อ พูดไม่ได้ๆ”
เสียงวิจารณ์ซับซ้อนดังเป็นระลอกตรงแดนตะวันตก หอคอย 9,000 ตรงพื้นที่ต้องห้ามตระกูลหลี่ ตอนนี้แสงแผ่ซ่านมืดสลัวทีละน้อย สุดท้ายเมื่อแสงซ่านสลาย ม้วนภาพค่อยตกลงมา หลี่เมิ่งถู่พลันหยัดร่างขึ้น
หว่างคิ้วเขามีกลีบดอก 6 กลีบครึ่ง!
6 กลีบสมบูรณ์ ส่วนอีกครึ่งที่เกินมาคือกลีบที่ 7 ซึ่งไม่ทันก่อตัว
ตอนนี้คล้ายรับมาเพียง 5 ส่วน
เขายืนตรงนั้น ยกมือสัมผัสหว่างคิ้วตัวเอง
ไอเยียบเย็นระเบิดออกมาจากตัวเขา ปกคลุมทั่วทิศ ทำให้ฟ้าดินรอบด้านกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง
ผลึกหิมะสีดำมากมายพร่างพราวกลางอากาศ
“ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้า… เป็นใครกันแน่!”
นัยน์ตาหลี่เมิ่งถู่เผยจิตสังหารเด่นชัด ในฐานะดาวเพียงหนึ่งแห่งแดนตะวันตก เขามั่นใจว่าคนรุ่นเดียวกันไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของตน
ต่อให้เจอพลังต่อสู้ของเจ้าเหนือหัวช่วงปลาย ถ้าใช้สมบัติตกทอดของตระกูล เขาย่อมผนึกและสังหารอีกฝ่ายได้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ร่างหลี่เมิ่งถู่วูบไหว ท้องฟ้าแตกเป็นเสี่ยง คล้ายกำลังพังทลาย เงาร่างเขาเผยอานุภาพชวนประหวั่น แผ่พลังยิ่งใหญ่ ก่อเกิดลมหนาว มุ่งหน้าไปทางผาจอมมรรคทันที
ไม่ต้องใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย
แม้ว่าระยะห่างจากที่นี่ถึงผาจอมมรรคไกลยิ่ง แต่เขาคือดาว ทั้งเป็นศิษย์เซียนชั้นล่าง สมบัติติดตัวมากนัก
ในนั้นมีสิ่งที่ทำให้เขาไม่ต้องไปถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ แต่อาศัยพลังส่งข้ามในขอบเขตกว้างได้
เมื่อเขาพุ่งตรงไปผาจอมมรรค บนผาจอมมรรค สวี่ชิงพลันลืมตา
บนหน้าผากเขามีกลีบดอก 5 กลีบครึ่ง ตอนนี้กำลังหมุนวน
ความกระจ่างแจ้งเกิดขึ้นในใจ สิ่งที่ตามมายังมีความรู้สึกถึงวิกฤติเป็นตายเด่นชัด
ความรู้สึกถึงวิกฤตินี้ทำให้สวี่ชิงทอดถอนใจ
เรื่องนี้อยู่ในการคาดเดาของเขา
ยามหยั่งรู้แล้วเห็นว่าบุปผามรดกบนฟ้ามีเส้นไหมสายหนึ่งทอดยาวไปทางตะวันออก เขาก็ทราบว่าการแข่งขันครานี้ หลังจากจบกระบวนการหยั่งรู้ 8-9 ส่วนย่อมเกิดการเข่นฆ่าสังหาร
ส่วนฐานะของอีกฝ่าย เขาพอคาดเดาได้ถึง 8-9 ส่วน
‘ทั่วแดนตะวันตกมีเส้นไหมเพียง 2 เส้น บ่งบอกว่าผู้บรรลุมีเพียง 2 คน’
‘เห็นชัดว่าคนอื่นไม่อาจหยั่งรู้ ไม่เห็นบุปผาบนม่านนภา นี่สื่อว่า… การหยั่งรู้ต้องมีเงื่อนไขเฉพาะ’
‘เงื่อนไขนี้คนอื่นไม่มี แม้ไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงมีสิทธิ์ แต่สำหรับคนผู้นั้น ตัวตนข้าต้องเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายแน่’
‘ยึดตามสิ่งเหล่านี้ ฐานะคนผู้นี้… เห็นชัดว่าเขาคือ…’
‘ดาวเพียงหนึ่งเดียวแห่งแดนตะวันตก 1 ใน 8 มหาดารารุ่นนี้ของวงแหวนที่ 5 หลี่เมิ่งถู่!’
สวี่ชิงหยัดร่างขึ้น ในสมองปรากฏสิ่งที่เห็นจากข้อมูลบนแผนที่ บันทึกเกี่ยวกับหลี่เมิ่งถู่คนนั้น
‘หลี่เมิ่งถู่ มีชาติกำเนิดจากตระกูลหลี่ ภายหลังกราบเป็นศิษย์สำนักเซียนมรรคา อาจารย์คือเซียนตรวจตราระดับล่างแห่งสำนักเซียนมรรคา’
‘ด้วยการเด่นผงาดของเขาทำให้ตระกูลที่เดิมอ่อนกำลังเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ง ทั้งตระกูลนี้ยังมีความพิเศษอย่างหนึ่ง ทายาทสายตรงทั้งหมดต้องมีคำว่าถู่ภายในชื่อ’
‘ส่วนพลังบำเพ็ญ แม้ว่าเป็นระดับเจ้าเหนือหัวช่วงต้น แต่กลับครองอำนาจ 4 อย่าง พลังต่อสู้ร่วมกับวิชาเวทประหลาดตกทอดจากตระกูล รวมถึงการบ่มเพาะจากอาจารย์ ทำให้มีผลงานการต่อสู้ว่าเคยสังหารเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง’
สวี่ชิงหรี่ตา ข้อมูลพวกนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ ได้แค่นำมาเป็นการอ้างอิง ไม่อาจเชื่อได้ทั้งหมด
คิดว่าสถานการณ์จริงคงหนักกว่าข้อมูลที่บันทึกไว้
สวี่ชิงเงียบไป หลังจากทอดมองห่างไกล นัยน์ตาเขาฉายแววเด็ดเดี่ยว
ในเมื่อเขารับมรดกนี้แล้ว แน่นอนว่าไม่อาจละทิ้งเพียงเพราะอันตราย
การต่อสู้มหามรรค เมื่อยอมแพ้เท่ากับยอมถอย
ยอมถอยก้าวหนึ่งส่งผลให้ถอยหลังทีละก้าว
สวี่ชิงจึงสูดหายใจลึก ร่างไหววูบพุ่งห่างไปชั่วพริบตา
เขาไม่เลือกรออยู่ที่นี่
อีกฝ่ายเป็นถึงดาว ไพ่ตายมีมากแน่ ทั้งด้านพลังต่อสู้ย่อมโดดเด่น
เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ ต่อให้ตั้งรับที่นี่ก็ส่งผลไม่มาก
‘หากข้าเลื่อนระดับถึงขั้น 8 ได้…’
สวี่ชิงหรี่ตา ห้อตะบึงบนฟ้าเต็มกำลัง มุ่งหน้าไปค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณซึ่งใกล้ที่สุด
สถานที่ที่เขาจะไปคือธารโลหิตเทพเจ้า
‘ที่นั่นคือสมรภูมิที่ดีที่สุด!’
‘หากชนะย่อมดียิ่ง หากแพ้ข้ายังมีทางถอย’
เมื่อนึกถึงตรงนี้ สวี่ชิงเร่งความเร็ว เวิ้งฟ้าเกิดคลื่นอบอวล รุ้งสายยาวแหวกผ่าน
หลายวันต่อมา
บนผาจอมมรรค เวิ้งฟ้าพลันสั่นสะเทือน มีมือใหญ่สีดำปรากฏที่นี่ฉับพลัน แสงเหนือถูกบดบัง ทำให้ทั่วทิศมืดสนิท
ผู้บำเพ็ญบนหน้าผาไม่มาก แต่ละคนตกตะลึงในใจ ในมือใหญ่สีดำมีเงาร่างหนึ่งเดินออกมา
ชุดคลุมยาวสีดำ ผมยาวสีดำ สีหน้าเย็นชา รวมถึงกลีบดอก 6 กลีบครึ่งตรงหว่างคิ้ว เป็นหลี่เมิ่งถู่นั่นเอง
เขากวาดสายตามองตรงที่สวี่ชิงนั่งสมาธิก่อนหน้านี้ ก่อนเอ่ยปากราบเรียบ “บัญชาถามลม!”
พูดจบเขาค่อยเอื้อมมือคว้า โดยรอบเกิดคลื่นลมทันที ควบรวมเป็นร่างมายา
“บัญชาถามสวรรค์!”
“ผู้บำเพ็ญที่นี่มีอำนาจใด”
เสียงดังก้อง คลื่นเวิ้งฟ้ารวมตัวเป็นวิญญาณ
“บัญชาถามกฎเกณฑ์!”
“ผู้บำเพ็ญที่นี่ไปทางไหน!”
กฎเกณฑ์มาเยือน ควบรวมเป็นนัยน์ตา
ก่อตัวเป็นสิ่งลึกลับ จ้องมองหลี่เมิ่งถู่
ทำนองเต๋าดังตามมา
“พลังบำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ ครอง 9 อำนาจ ปัญจธาตุเป็นรากฐาน เวลาห้วงมิติเคียงซ้ายขวา แฝงนัยลบเลือนกับสิ่งประหลาด พลังต่อสู้เท่าเจ้าเหนือหัว มุ่งไปทางใต้!”
เมื่อเสียงดังขึ้น นัยน์ตาหลี่เมิ่งถู่พลันส่องประกาย
“คนเช่นนี้…”
เขาเงียบไปสักพัก เมื่อมองห่างออกไปอีกครั้ง ตอนนี้จิตสังหารยิ่งเด่นชัด
ร่างไหววูบเล็กน้อย ห้อตะบึงไปทางใต้ ขณะเดียวกันยังระเบิดขอบเขตสัมผัสรู้ของป้ายนครเซียนเต็มกำลัง
ทุกแห่งที่ผ่าน ขอเพียงสังเกตเห็นจุดแสง เขาจะเข้าใกล้ชั่วพริบตา ก่อนตรวจสอบเล็กน้อย
หากมีนัยน์ตาก้มมองทั่วแดนตะวันตกได้ นั่นย่อมเห็นชัดเจนว่าเมื่อหลี่เมิ่งถู่ตามล่า ระยะห่างระหว่างเขากับสวี่ชิงกำลังย่นย่ออย่างรวดเร็ว
นานเข้ายิ่งใกล้ขึ้น!
ขณะเดียวกันสำนักเซียนมรรคาแห่งแดนตะวันตก บนนาเปี่ยมพืชพรรณบุปผา ราชาพิษที่เหมือนชาวนาเฒ่ายังใช้วารีเซียน 9 ชั้นฟ้ารดน้ำหญ้าพิษ 2 กอตรงหน้า
หญ้าพิษ 2 กอนี้มีจิตวิญญาณเข้มข้นกว่าเมื่อก่อน กำลังผสานกันเพื่อรับสารอาหารมากขึ้น
ต่างแผ่หนามพิษออกมาแทงเข้าตัวอีกฝ่าย
ยามทับซ้อนยังกลืนกินกันเอง
ราชาพิษมองภาพนี้ด้วยหน้าเปื้อนยิ้ม
“ใครตายล้วนไม่สำคัญ สุดท้ายผู้รับมรดกจากข้าก็คือผลกรรมของข้า”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
