บทที่ 1140 เป็นเขา…
‘ยินดีต้อนรับเข้าสู่นิทาน’
สวี่ชิงพึมพำในใจ สืบสัมผัสดินแดนนี้
เขาไม่ทราบบัญญัติของจอมเซียน ทุกอย่างเมื่อครู่ล้วนคาดเดาจากสิ่งที่เห็นและได้ยินในปัจจุบัน
ความจริงเป็นอย่างไร…
“รอข้าเข้านครเซียนน่าจะมีโอกาสรับรู้” สวี่ชิงพึมพำ เก็บข้อสงสัยนานัปการไว้ในใจ จิตสัมผัสเขาจดจ่อกับคันฉ่องเบื้องหน้า
คันฉ่องนี้ธรรมดานัก ไม่หรูหราแม้แต่น้อย ทั้งไม่มีอะไรผิดปกติ คล้ายสิ่งของวางตามบ้านคนทั่วไป
เส้นที่ก่อตัวจากจุดดำทั้งหมดทอดยาวเข้าคันฉ่องตลอด
จุดดำพวกนั้นเคลื่อนตัวเข้าไปไม่หยุด ก่อนหายลับจากไป
ส่วนตัวคันฉ่องไม่มีเงามรรคาแม้แต่น้อย มีเพียง… สีขาวแถบหนึ่ง
‘ที่นี่คือทางออกจากโลกชั้นแรกหรือ’ สวี่ชิงครุ่นคิด
สำรวจอย่างละเอียดสักพัก หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาขับเคลื่อนความคิด มุ่งตรงไปทางคันฉ่อง
ทะลวงผ่านชั่วพริบตา
ไม่มีสิ่งกีดขวาง ราบรื่นหาใดเปรียบ
ทว่า…
ชั่วพริบตายามทะลวงผ่านคันฉ่องสำเร็จ ห้วงคิดสวี่ชิงกลับเกิดคลื่นสะเทือน
ด้วยสถานที่ซึ่งเขาปรากฏตัวกลับเป็นจุดดำนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวเป็นเส้นยาวเหมือนเดิม
เขายังอยู่ภายในโลกชั้นแรกแห่งนี้
ทั้งเหมือนกลับมาจุดเริ่มต้น
เมื่อมองไป… คันฉ่องไม่อยู่แล้ว มีเพียงเส้นทอดยาวไปข้างหน้า
ด้านหลังก็เช่นกัน
สวี่ชิงเงียบไป เพื่อยืนยันคำตอบ เขาเดินหน้าอีกครั้ง
กระทั่งเจอตัวประหลาดพวกนั้น เห็นคันฉ่อง ทะลวงผ่านอีกครั้ง สืบสัมผัสอย่างละเอียด สุดท้าย… ก็กลับมาจุดเดิม
นี่คือวงจรหนึ่ง
เพื่อทลายวัฏจักรนี้ สวี่ชิงลองเปลี่ยนแปลง แต่กลับไม่เป็นผล
ถึงขั้นว่าเขาเลือกแปลงกายเป็นจุดดำหน้าคันฉ่อง แฝงตัวเป็นจุดดำเข้าคันฉ่อง
แต่ยังกลับมาจุดเริ่มต้นเหมือนเดิม
“ผู้นำเซียนแสงเหนือต้องเป็นผู้ครองบัญญัติกาลอวกาศแน่ ถือเป็นผู้ร่วมวิถีเดียวกับข้า แต่วิธีสร้างบัญญัติกาลอวกาศของเขาแตกต่างจากข้า” สวี่ชิงพึมพำ
“ข้าอาศัยปัญจธาตุ ผสานกาลเวลากับห้วงมิติ ผลักดันเป็นกาลอวกาศ”
“แต่เขาก้าวเดินอีกทาง คล้ายเริ่มต้นจากไม่มี พัฒนามาทีละขั้น”
“ถ้าอย่างนั้น… อาจมีอีกวิธีที่ทำให้ข้าออกจากที่นี่ได้”
ความคิดสวี่ชิงจดจ่อกับเส้นยาวนั้น
‘นั่นคือกลายเป็นหนึ่งในจุดดำมากมายที่ก่อตัวเป็นเส้นยาวตรงจุดเริ่มต้นนี้ กล่าวคือแปลงกายเป็นจุดดำอย่างแท้จริงก้าวเข้าภาพวาดเหมือนคนจากภายนอก จากนั้นค่อยผ่านทุกอย่างด้วยวิธีคิดของโลกนี้…’
‘อาศัยสิ่งนี้สร้างวัฏจักร’
‘เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมเท่ากับผ่านประสบการณ์อย่างแท้จริง ไม่ได้เข้าใจเพียงผิวเผิน’
‘แม้ว่าเสี่ยงอันตราย แต่ต้องลองสักครั้ง!’
สวี่ชิงนึกถึงตรงนี้ หลังประเมินในใจ เขาไม่ลังเลอีก ดิ่งห้วงคิดลงมากขึ้น ผสานรวมกับเส้นยาวเพียงหนึ่งเดียวบนโลกนี้ กลายเป็นหนึ่งในจุดดำนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวเป็นเส้นนี้
กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้
พริบตานั้นเขาเกิดความรู้สึกซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
มุมมองบนล่างถูกเพิกถอน
มุมมองซ้ายขวาก็เช่นกัน
ไม่หลงเหลืออีก
ถึงขั้นว่าไม่นานก็ลืมเลือน คล้ายว่าบนล่างซ้ายขวาไม่มีอำนาจมาก่อน
มีเพียงพลังชักนำจากเบื้องหน้า ดึงชะตาเพียงหนึ่งของตนไปข้างหน้าไม่หยุด
ขณะเดียวกันหลังจากเสียมุมมองบนล่างซ้ายขวาแล้ว เขายังเสียทัศวิสัยแนวสูงโดยปริยาย เท่ากับว่าตอนนี้สวี่ชิงเสีย ‘การมองเห็น’ ที่มาพร้อมบัญญัติเช่นกัน
เขากลายเป็น ‘ราบเรียบ’
จุดดำก็ ‘แบนราบ’
ความคิดจึงเป็น ‘แนวระนาบ’
ดังนั้นจึงมองไม่เห็น
มีเพียงเบื้องหน้ากับเบื้องหลังที่เขาสัมผัสได้เลือนราง
เปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนถูกผูกมัด
ทำให้ตอนนี้สวี่ชิงได้แค่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าภายใต้การชักนำ
แม้แต่ความคิดยังทยอยเลื่อนลอย
คล้ายว่าทักษะความคิดก็เป็นสิ่งต้องห้ามของที่นี่
ดังนั้นต้องถูกลบเลือนช้าๆ ผสานรวมเข้ากับโลกนี้
แต่สวี่ชิงไม่เลือกต่อต้าน
เขาผ่อนคลายความคิด ปล่อยวางทุกอย่าง คล้อยตามวงจรของโลกนี้ เคลื่อนตัวอย่างต่อเนื่อง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร
เวลาไม่มีความหมายนานแล้ว
ยามห้วงคิดซ่านสลาย เคลื่อนตัวตามการชักนำ ในโลกไร้สิ้นสุดแห่งนี้ สวี่ชิงที่ผันตัวเป็นหนึ่งในจุดดำพบตัวประหลาดอีกครั้งตามขั้นตอนของโลกนี้
แต่ลำดับกับความรู้สึกกลับต่างออกไป
ตอนนี้ด้วยสัมผัสหน้าหลังอันเลือนรางของเขา เขาเหมือน ‘เห็น’ วงกลมนับไม่ถ้วน
แต่ละวงล้วนเล็กจ้อย ลักษณะเหมือนล้อมตัวกัน คล้ายลายนิ้วมือ แต่กลับไม่มีจุดเริ่มต้นหรือสิ้นสุด ทั้งดำรงอยู่ทั่ว ครองการรับรู้หน้าหลังของสวี่ชิงตอนนี้ทั้งหมด
เขาเพิ่งเห็นลักษณะของอีกฝ่ายหลังจากลดระดับ
ลักษณะทั้งหมดเขาสัมผัสไม่ได้
ด้วยระดับต่างกัน ตัดสินให้ผู้ระดับต่ำกว่าไม่อาจเห็นลักษณะแท้จริงของผู้มีระดับสูงกว่า
ดังนั้นผู้ครองระดับสูงกว่าย่อมทำให้คนรู้สึกว่าเหมือนเป็นเทพผู้สร้าง
แรงสะเทือนรวมถึงความผันผวนราวคลื่นซัดสาด ล้มล้างสรรพสิ่ง ถึงขั้นว่าเสียงที่แว่วมายังกลายเป็นต้นกำเนิดของความอลหม่านพังทลาย
“หนีเร็ว หนีเร็ว…”
เมื่อเสียงดังขึ้น ความรู้สึกพังทลายเกิดขึ้นกับสวี่ชิงที่ผันตัวเป็นจุดดำ ขณะเดียวกันยังเกิดขึ้นกับจุดดำทั้งหมดที่เดินผ่านตัวประหลาดนี้
คล้ายก้าวเดินกลางความตาย
จุดดำบางส่วนจึงแตกสลายจริงๆ แต่ถูกจุดดำใหม่มาเติมเต็ม
สวี่ชิงยังถือว่าโชคดี ไม่ได้แตกสลายดับสิ้น
กระทั่งเสียงอลหม่านแหลกสลายทยอยหายไปช้าๆ เขาค่อยเดินหน้าต่อ
จากนั้น… ได้ยินเสียงร้องไห้
ครั้งนี้ไม่เห็นอะไรเช่นกัน
มีเพียงเสียงร้องไห้ดังก้องในห้วงคิดที่เหลือไม่มากของสวี่ชิง
ท่ามกลางเสียงร้องไห้ สวี่ชิงรู้สึกว่าตนกำลังหลอมละลาย
แต่สิ่งที่แปลกคือไม่หวาดกลัวหรือนึกเสียดายใดๆ พวกความรู้สึกหายไปโดยไม่รู้ตัว
‘ที่แท้ก็ไม่ใช่โชค แต่เป็นสิ่งที่ต้องจ่ายกับการหักล้าง…’
สวี่ชิงครุ่นคิดเบาๆ…
หลังจากจุดดำไม่น้อยซ่านสลายท่ามกลางเสียงร้องไห้ เขาค่อยเดินหน้าต่อ
กระทั่งเขาได้ยินเสียงน้ำไหลรวมถึงเสียงกบร้อง
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น การรับรู้ของสวี่ชิงหายไปบางส่วนอีกครั้ง ความคิดก็เช่นกัน ถึงมีอยู่แต่กลับเลื่อนลอย
เขาเดินผ่านทางห่างออกไปเช่นนี้
…
ประสบการณ์ต่อจากนั้นสวี่ชิงจำไม่ได้แล้ว เขารู้สึกเลือนรางว่าทุกสิ่งของตนกำลังเปลี่ยนเป็นค่าตอบแทนเพื่อเดินต่อไปข้างหน้าอย่างราบรื่นทีละอย่าง
สิ่งที่ตามมาคือหมดแรงและอ่อนเพลียขึ้นเรื่อยๆ
แต่ดีว่า… ความอ่อนเพลียและหมดแรงทยอยหายไปช้าๆ
สุดท้ายเขาเหมือนได้ยินเสียงหนึ่ง
“ตายได้ดี ตายได้ดี…”
เสียงนี้แฝงพลังซึ่งไม่อาจขัดขืน บุกเข้ามาพรากชื่อเขาไป
เขาที่เดิมไร้ชื่อควรเดินหน้าต่อ
ก้าวหาคันฉ่องซึ่งห่างไปไม่ไกล
หลอมรวมอย่างราบรื่น ออกจากโลกนี้ไป
แต่พลังที่พรากนามเขาไปกลับขัดวัฏจักร ฝืนมาหาเขาอีกครั้ง
แผ่กลิ่นอายชั่วร้าย โจมตีรุนแรงกว่าเดิม เข้าประชิดตัว… คิดกำจัดเขา!
ทั้งหวังชิงห้วงคิดเลือนรางที่เหลืออยู่ของเขาไป
ในช่วงวิกฤติยามเขาผู้ปราศจากนามกำลังจะซ่านสลาย…
เสียงคนแก่ถอนใจดังก้องกาลอวกาศของเขา
“สมุนไพรเชียนหนิวราตรีนี้…”
“เด็กน้อย เจ้ามาตอบ”
เสียงนี้สั่นคลอนกาลเวลา ส่งผลต่อห้วงมิติ รวมตัวเป็นพายุกาลอวกาศ กู่ก้องกลางห้วงคิดสวี่ชิง
ทั้งมอบชื่อที่เก็บซ่อนตรงส่วนลึกความทรงจำแก่เขาอีกครั้ง
เด็กน้อย!
ชื่อนี้กลายเป็นสิ่งค้ำจุนและยึดเหนี่ยว
ห้วงคิดอ่อนกำลังของเด็กน้อยไม่ซ่านสลายอีก เสียงอึกทึกสนั่นหูเพิ่มระดับทีละขั้น สุดท้ายค่อยปะทุสะเทือนใต้หล้า
กลายเป็นอัสนีบาต กลายเป็นแรงระเบิด กลายเป็นเสียงสวรรค์
ทำให้ห้วงคิดเขาสะเทือนรุนแรง แผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง
ราวทะเลคำราม
จากนั้นเด็กน้อยค่อยเอ่ยคำที่เขาไม่อาจลืมชั่วนิรันดร์ ทั้งฝังลึกในการรับรู้ออกมาตามจิตใต้สำนึกทันที
“เชียนหนิวราตรี มีอีกชื่อว่ารากเขาพิษหญ้าดอกขาว เป็นรากพร้อมเถาของพืชตระกูลหญ้าดอกขาว ลักษณะเป็นไม้เถา ขึ้นอยู่ตามหุบเขาที่มีร่มเงา ริมธารน้ำเย็นรวมถึงในป่าทึบ รสชาติขมฝาด พอเข้าปากแล้วจะอุ่นเล็กน้อย สัมผัสเปื่อยยุ่ย มีสรรพคุณมหัศจรรย์ในการขับลม แต่หากมากเกินไปจะเป็นพิษ เป็นสมุนไพรที่มีเพียบพร้อมหยินหยาง”
เมื่อกล่าวออกมา สภาพซ่านสลายของเด็กน้อยพลิกผันทันที
การรับรู้ที่เขาเสียไปทยอยกลับมาทีละอย่าง
อาการมองไม่เห็นที่มีแต่เดิม ตอนนี้กลับฟื้นคืน จากสูญเสียเป็นหวนคืน!
เสียงแก่ชรานั้นยังดังต่อเนื่อง
“รับมากเกินไปแล้วจะมีอาการเช่นไร”
พายุในใจสวี่ชิงรุนแรงขึ้น ส่งเสียงในใจโดยไม่ต้องคิด
“อาการเป็นพิษคือปวดท้อง มึนหัว ตาลาย หากไม่รักษาใน 1 เค่อก็จะตาย”
“แก้พิษอย่างไร”
“สามารถใช้วิธีทำให้อาเจียนเพื่อล้างกระเพาะ ใช้ไข่ขาวรวมถึงเกสรดอกเข็มแดง ทำการรักษาช่วงที่มีแสงแดดเข้มข้น เวลารักษาห้ามเกินครึ่งชั่วยาม ทำติดต่อกัน 3 วัน”
เสียงสวี่ชิงสั่นเครืออยู่บ้าง พอกล่าวจบเขาเหมือนกลับมานอกกระโจมเมื่อปีนั้น
“ยอดเยี่ยม!”
เสียงแก่ชรากลั้วยิ้มดังก้องเบาๆ
ตอนนี้สวี่ชิงอยาก ‘เห็น’ แต่แรงดึงดูดข้างหน้ากลับรุนแรงชั่วพริบตา ดึงห้วงคิดเขาไปใกล้คันฉ่องเบื้องหน้าเรื่อยๆ
ห้วงคิดเขาเกิดคลื่นสะเทือน แม้ว่าทางออกอยู่ตรงหน้า แต่เขายอมทิ้งโอกาสครั้งนี้ ต่อให้ต้องกลับมาอีกครั้งก็ยอมเข้าบัญญัติกาลอวกาศอีก เพียงเพื่อเจอเงาร่างคุ้นเคยที่เป็นเจ้าของเสียงนั่น
“เจ้าโง่ อย่าทำเช่นนี้”
“จำคำที่ข้าเคยบอกเจ้าได้หรือไม่…”
“ฟ้าดินคือแหล่งพำนักของสรรพชีวิต เวลาคือผู้ผ่านทางนับแต่อดีตจนปัจจุบัน ขอเพียงไม่ตาย สุดท้ายย่อมพบกัน”
“ตอนนี้เจ้าทำสำเร็จแล้ว”
เสียงซ่านสลาย พลังอ่อนโยนพลันปรากฏ สัมผัสสวี่ชิงที่ผันตัวเป็นจุดดำ ผลักดันไปข้างหน้า
ทำให้สวี่ชิงที่เข้าใกล้คันฉ่องไม่ได้เข้าไปในนั้น…
เมื่อผสานรวมกับคันฉ่อง สวี่ชิงพลันหันกลับมา
ในความรางเลือนเขาเหมือนเห็นนอกคันฉ่อง ขวดยาหนวดเคราขาวนั่นกำลังยิ้มให้ตน
รอยยิ้มอ่อนโยน
หน้าตาแย้มยิ้ม ราวอยู่ต่างภพ ทั้งเหมือนเมื่อวันวาน
ภาพต่างๆ ทุกเรื่องราว…
ยังคงเหมือนเดิม
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
