บทที่ 485 มรรคาก่อกำเนิดวิหคทองควบคู่แสงอรุณ
“ใต้เท้าผู้ดูแล ข้ามีแผนประวิงเวลาให้ท่าน และนี่ก็เป็นวิธีที่จะทำให้ข้าหลุดพ้นจากอันตรายมาได้ เดิมมีโอกาสไม่มากนัก แต่มีใต้เท้าอยู่ ถ้าข้าร่วมมือด้วยคงไม่มีปัญหาอันใด”
ชายชราเผ่าจิตรกรรมรมเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น
“ใต้เท้าผู้ดูแล อีกเดี๋ยวนิ้วกลับมา ข้าจะบอกกับมันว่าท่านมีร่างของวิหคทองอยู่ ดังนั้นการปรากฏตัวของท่าน จึงทำให้ซากนี้มีความเป็นชีวิตขึ้น ไม่จำเป็นต้องผสานกับวิญญาณอื่นแล้ว
“จากนั้นข้าจะวาดภาพให้นิ้วเทพเจ้า ขั้นตอนนี้ข้าสามารถควบคุมได้ จะวาดให้ช้าลงสักเล็กน้อย รอจนท่านส่งสัญญาณให้ข้า ข้าถึงจะวาดเสร็จ
“ข้าคิดไว้เรียบร้อยแล้ว ข้าเหมือนจะวาดร่างกาย แต่อันที่จริงข้าเตรียมจะวาดกรงเลือดเนื้อขึ้นมา หลังจากที่กรมราชทัณฑ์ทำให้นิ้วเทพเจ้านั่นบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้านี้ สติปัญญาก็ยังไม่ค่อยครบถ้วน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องการวาดภาพนี้ คนนอกก็มองไม่ออกเช่นกัน ข้ามั่นใจว่าเขาคงรู้สึกตัวได้ยากมาก
“หลังจากนั้นก็รอให้เขาผสานเข้าไปในร่างกาย เมื่อพบว่าเป็นกรงขัง นั่นก็คือเวลาหนีของเรา!
“เพราะเป็นสิ่งที่วาดจากซากดวงอาทิตย์ ดังนั้นพลานุภาพของกรงนี้จึงไม่ธรรมดา จากที่ข้าคำนวณน่าจะขังไว้ได้หลายวัน แต่มีวิหคทองมีชีวิตของนายท่านอยู่ ข้ารู้สึกว่าน่าจะขังมันไว้ได้มากกว่าครึ่งเดือน
“หลังจากนั้นช่วงเวลานี้ ก็เพียงพอให้พวกเราหลบหนีแล้ว หากท่านมีแผนการอะไร ข้าก็จะร่วมมือให้สำเร็จ”
หลังจากชายชราเผ่าจิตรกรรมรมพูดออกมาตั้งมากมายในรวดเดียวก็เอ่ยเสริมทัพ
“จริงสิ ใต้เท้าผู้ดูแล ท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าช่วงนี้ข้าพบว่าหลังจากที่นิ้วเทพเจ้าแหกคุกถูกเจ้าวังใช้พลังของวิเศษเวทต้องห้ามทำร้ายจนบาดเจ็บ ขบวนความคิดของมันก็มีปัญหา เหมือนหลงๆ ลืมๆ จำเรื่องราวไม่ได้…”
สวี่ชิงมองชายชราเผ่าจิตรกรรมผาดหนึ่ง พยักหน้า หลับตาลงไม่พูดจา สูดรับพลังซากดวงอาทิตย์สุดกำลัง วิหคทองของเขาเวลานี้ก็สยายปีกออกมาในซาก
ในสัมผัสของสวี่ชิง จากการสูดรับอย่างบ้าคลั่งของวิหคทอง หางของมันแต่ละหางกำลังงอกออกมา แค่ในเวลาสั้นๆ นี้ ก็งอกถึงหกสิบกว่าเส้น
จากที่สวี่ชิงเคยคิดไว้ หลังจากที่หางของวิหคทองพ้นเก้าสิบเก้าหางไป วิหคหลอมหมื่นวิญญาณของเขาก็จะเข้าสู่ขั้นที่สาม
พลานุภาพขั้นที่สาม คือปราณก่อกำเนิด!
และเพราะวิหคทองอยู่ในวังสวรรค์วังที่ห้า ดังนั้นหลังจากวิหคทองยกระดับ วังสวรรค์วังที่ห้าของสวี่ชิงก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ยกระดับกลายเป็นร่างก่อกำเนิดลวงของวังสวรรค์วังที่ห้า
คิดถึงจุดนี้ สวี่ชิงก็วาดหวังในใจ
เวลาผ่านไปช้าๆ จากการสูดรับของวิหคทอง กลิ่นอายของสวี่ชิงก็เพิ่มขึ้นไม่หยุด ยิ่งน่าตกตะลึงขึ้นเรื่อยๆ แผ่พลังน่าหวาดหวั่นที่ทำให้เจ้าศีรษะกับชายชราเผ่าจิตรกรรมรู้สึกหวาดผวาออกมา
ซากดวงอาทิตย์นั่นยิ่งเปล่งความมีชีวิตขึ้น เจตจำนงฟื้นคืนชีพ พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าจากด้านใน
ตอนนี้เอง ในหุบเหวสมุทรไกล จิตเทพที่น่าหวั่นเกรงของนิ้วเทพเจ้าก็ครืนครันมา เพียงพริบตา นิ้วนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ด้านหลังยังคุมตัวผู้บำเพ็ญต่างเผ่ามาอีกมหาศาล ในนี้เผ่าควันขจรมีอยู่มากที่สุด
เผ่าควันขจรเหล่านั้นแต่ละคนสภาพขาดวิ่นน่าเวทนา นิ้วมือตวัดลงร่วงไปที่ซากดวงอาทิตย์ท่ามลางความสิ้นหวัง
เผ่าของพวกมันสามารถดำรงชีวิตอยู่ในทะเลทรายได้ เดิมทีก็เกี่ยวข้องกับดวงตะวันระดับหนึ่ง เวลานี้จึงถูกซากสูดรับอย่างรวดเร็วเติมเต็มซาก จากนั้นก็มีส่วนช่วยเหลือกับการฝึกบำเพ็ญของสวี่ชิงไม่น้อย
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่การกลับมาของนิ้วมือก็ยังทำให้สวี่ชิงค่อนข้างตึงเครียด ตอนที่เขาลืมตามองนิ้วมือ นิ้วมือก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเลือดเนื้อดวงอาทิตย์แล้ว จิตเทพพัดกวาดมา
ชายชราเผ่าจิตรกรรมข้างๆ เวลานี้ก็สีหน้าตื่นเต้น เอ่ยเสียงดัง
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นเทพเจ้าผู้ถูกเลือกจริงๆ ตอนที่ท่านจากไป ข้าก็พบว่าคนที่ท่านจับมาคนหนึ่งเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลย
“เขาคนนี้!” ชายชราเผ่าจิตรกรรมรมชี้นิ้วไปทางสวี่ชิง
“นายท่าน ท่านคงจำคนผู้นี้ไม่ได้ เขาคือผู้คุมของเขตติงหนึ่งสามสองของพวกเรา เมื่อครู่ข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว คนผู้นี้มีร่างวิหคทองอยู่ เขาเป็นลูกหลานดวงตะวัน
“การปรากฏตัวของเขาเป็นพรที่ฟ้าดินประทานให้ท่าน เขาเพียงคนเดียวก็สามารถทำให้ซากดวงอาทิตย์นี้มีความมีชีวิตในระดับหนึ่ง
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ข้าน้อยก็สามารถวาดร่างกายให้ท่านได้แล้ว!
“คิดถึงเกียรติที่จะได้ลงมือวาดร่างกายให้แก่ผู้ถูกเลือกที่ยิ่งใหญ่ด้วยตนเองแล้ว ข้าน้อยก็ตื่นเต้นเหลือเกิน!” ชายชราเผ่าจิตรกรรมสีหน้าเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง คุกเข่าคารวะอยู่ด้านล่างนิ้วเทพเจ้า เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
นิ้วเทพเจ้าส่งเสียงครืนครัน พลันชี้ไปทางซากดวงอาทิตย์ แผ่คลื่นพลังแห่งความปรารถนาออกมาเป็นระยะ
เมื่อคลื่นพลังนี้แผ่ออกไป รอบด้านก็สั่นสะเทือน ความว่างเปล่าเริ่มปริแตก พื้นดินปรากฏรอยแยกจะพังถล่ม
ชายชราเผ่าจิตรกรรมตกใจ ยกมือขึ้นกำลังจะวาด แต่ตอนนี้เอง สวี่ชิงก็ฝืนทนความรู้สึกกดดันเมื่อเผชิญหน้ากับเทพเจ้า เอ่ยเสียงขรึม
“ท่านเทพเจ้า ตอนนี้ความมีชีวิตของซากดวงอาทิตย์ไม่เพียงพอ ท่านสามารถตรวจสอบเองได้ ถ้าให้เวลาข้าอีกสักหน่อย ข้าสามารถทำให้ความมีชีวิตของซากดวงอาทิตย์เพิ่มมากขึ้นได้ และร่างที่ใช้เลือดเนื้อดวงอาทิตย์ที่ความมีชีวิตสมบูรณ์วาด ก็จะสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า และโอกาสสำเร็จก็ยังสูงอีกด้วย
“ถึงอย่างไรซากดวงอาทิตย์ก็หาได้ยากมาก พลาดครั้งหนึ่งก็น้อยลงชิ้นหนึ่ง
“ท่านเทพเจ้า ไยไม่รออีกหน่อยเล่าขอรับ”
ระหว่างที่สวี่ชิงพูด วิหคทองในร่างกายก็แผ่ขยายอาณาเขตออกกว้างขึ้น ทำให้เลือดเนื้อซากดวงอาทิตย์นี้ แผ่กลิ่นอายฟื้นคืนชีพออกมา และนิ้วเทพเจ้านั่นเวลานี้หลังจากกวาดจิตเทพที่น่ากลัวมาก็สับสน ราวกับกำลังครุ่นคิด
ในดวงตาชายชราเผ่าจิตรกรรมข้างๆ เปล่งประกายสว่างวาบอย่างจับสังเกตไม่ได้ขึ้นมา การกล่าวของสวี่ชิง ทำให้แผนการที่หารือไว้ก่อนหน้าของพวกเขาไม่เหมือนเดิม
สวี่ชิงไม่สนใจชายชรา เขามองไปทางนิ้วเทพเจ้า สะกดความเคร่งเครียดในก้นบึ้งจิตใจ เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ท่านเทพเจ้า พวกเผ่าควันขจรเหล่านั้นที่ท่านพากลับมาครั้งนี้ โครงสร้างร่างกายที่พิเศษของพวกมันเหมาะกับการเพิ่มความมีชีวิตมาก ท่านก็เห็นว่าพวกมันมีประโยชน์ หากมีมากกว่านี้ความมีชีวิตก็จะดียิ่งขึ้น
“นอกจากนี้ หากมีแสงรุ่งอรุณอีก สามารถทำให้ซากดวงอาทิตย์พุ่งไปถึงขีดสุดได้ในพริบตา!” สวี่ชิงกัดฟันค่อยๆ เอ่ย
เขาเคยอ่านบันทึกเขาประกายอรุณ แสงสุดท้ายปรากฏขึ้นเมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน และถูกวังครองกระบี่เก็บเอาไว้ จนถึงตอนนี้แสงรุ่งอรุณไม่ปรากฏมานานแล้ว
และสวี่ชิงก็ไม่ได้พูดโกหกเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ที่เขาบอกทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องจริง
เขาสามารถทำให้ความมีชีวิตดีขึ้นได้จริงๆ ความพิเศษของเผ่าควันขจรก็สามารถให้การช่วยเหลือที่ดียิ่งกว่าได้ ส่วนเรื่องแสงรุ่งอรุณ เดิมก็เกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์แตกดับอยู่แล้ว หากผสานเข้าไปได้ย่อมต้องสมบูรณ์แบบที่สุด
หลังจากนิ้วเทพเจ้ากวาดจิตเทพ ก็แผ่คลื่นความรำคาญออกมา หลังจากนั้นเพียงพริบตาก็หายตัวไปจากจุดเดิม พุ่งทะยานไปไกล
เห็นนิ้วเทพเจ้าจากไป สวี่ชิงก็ถอนหายใจโล่งออกมา เมื่อครู่เขาเดิมพันครั้งหนึ่ง เขาเดิมพันว่านิ้วมือเทพเจ้าคงหมกมุ่นกับร่างกายเหนือสิ่งอื่นใด
ในเมื่อชายชราเผ่าจิตรกรรมสามารถใช้วิธีนี้ขับไล่นิ้วเทพเจ้าออกไปได้ง่ายๆ สวี่ชิงก็รู้สึกว่าเขาก็ทำได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดได้มีน้ำหนักมากกว่าด้วย นี่คือการช่วงชิงอำนาจของผู้กระทำ
“ใต้เท้ามีวิธีการที่ดีจริงๆ” ชายชราเผ่าจิตรกรรมยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายเล็กๆ
สวี่ชิงไม่สนใจ ถือโอกาสที่นิ้วเทพเจ้าออกไป เขาก็กระตุ้นวิหคทองขึ้นทันที เพิ่มแรงการสูดรับมากขึ้น และหากครั้งนี้นิ้วเทพเจ้าไปหาแสงรุ่งอรุณจริง ความเร็วที่จะกลับมาคงไม่ได้รวดเร็วนัก
เพราะว่าแสงรุ่งอรุณไม่เพียงแต่มีอยู่น้อย แต่ยังไม่ปรากฏออกมานานมากแล้ว ดังนั้นในความคิดของสวี่ชิง นิ้วเทพเจ้าไม่มีทางที่จะหาพบ
ส่วนหางของวิหคทองเวลานี้ก็งอกเงยออกมาเป็นแปดสิบกว่าหางแล้ว
ห่างจากการทะลวงขั้นไม่ไกล
สวี่ชิงใจสั่นไหว เขามั่นใจว่าตอนที่วิหคทองของตนทะลวงขั้นเป็นขั้นที่สาม ร่างของตนก็จะหลุดจากพันธนาการนี้ได้ ขณะเดียวกันก็จะใช้ของวิเศษเวทต้องห้ามที่เจ้าวังให้ออกมาใช้งาน เขามั่นใจมากว่าสามารถหนีออกจากที่นี่ได้
ส่วนเจ้าศีรษะไกลๆ เห็นสิ่งที่สวี่ชิงปิดบังชายชราเผ่าจิตรกรรมไว้นานแล้ว จึงแอบปีนขึ้นไปบนหลังสิงโตหิน กระซิบกระซาบกับมันให้เตรียมตัวไว้เมื่อผลลัพธ์ของทั้งสองคนนี้แสดงออกมาก็ถือโอกาสหลบหนี
เวลาก็ไหลผ่านไปเช่นนี้
กลิ่นอายของสวี่ชิง เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หางของวิหคทองก็งอกมาถึงเก้าสิบสามหางแล้ว
และยังเพิ่มต่อ
เก้าสิบสี่เส้น เก้าสิบห้าเส้น เก้าสิบหกเส้น…
และพริบตาที่หางของวิหคทองไปถึงเก้าสิบเจ็ดหาง จู่ๆ หุบเหวสมุทรไกลๆ ก็มีคลื่นพลังรุนแรงแผ่มา พริบตาต่อมา นิ้วมือเทพเจ้าก็กลับมาแล้ว!
ครั้งนี้ด้านหลังของมัน ก็มีเผ่าควันขจรนับพันตน แต่ละตนสิ้นหวัง ส่งเสียงร้องระงม
ถ้าแค่นี้ก็ยังไม่เท่าไร สิ่งที่ทำให้ใจสวี่ชิงเกิดคลื่นยักษ์โหมซัด คือบนนิ้วนั้น ยังมีแสงเจ็ดสีสวยงามอีกสายหนึ่ง ถูกมันพันธนาการไว้!
แสงสายนี้เหมือนจะมีชีวิต ความรู้สึกเหมือนเพิ่งถือกำเนิดมา ยิ่งเปล่งความศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์อีกด้วย ราวกับแม้ว่ามันจะกำเนิดขึ้นตอนดวงอาทิตย์ดับสูญ แต่ยังเป็นตัวแทนของความหวัง เป็นตัวแทนของการกำเนิดใหม่!
ท่ามกลางความเจิดจ้าต่อเนื่อง ประกายแสงก็เจิดจ้าถึงขีดสุด ทำให้สวี่ชิงรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับกิ่งไม้ของต้นสิบลำไส้แล้วล้ำค่ากว่ามากๆ
พริบตาที่มองแสงนั้น สวี่ชิงก็หายใจหอบถี่ ดวงตาเบิกกว้าง ในหัวสมองมีชื่อของมันฉายขึ้นมา
‘แสงรุ่งอรุณ!!’
วิหคทองที่กำลังสูดรับซากดวงอาทิตย์อยู่ด้านหลังเขาก็แผ่ความปรารถนาที่รุนแรงออกมาตอนนี้ ราวกับว่าระหว่างซากกับแสง มันต้องการทั้งหมด
‘นี่หาเจอจริงๆ หรือ’ ในใจสวี่ชิงโหมคลื่นยักษ์ซัดสาด เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้
เขาไม่รู้ว่านิ้วเทพเจ้าทำได้อย่างไร ทั้งๆ ที่แสงรุ่งอรุณหายากมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ปรากฏตัวขึ้นนานแล้ว ทว่าตอนนี้…องค์ท่านกลับพามันมาด้วยสายหนึ่ง
ส่วนเผ่าควันขจรนับพันเหล่านั้น เขาไม่สนใจเลย เวลานี้สมาธิทั้งหมดของเขาไปรวมอยู่ที่แสงรุ่งอรุณสายนั้น
หากเป็นตอนอื่น สวี่ชิงเห็นวาสนาเช่นนี้ ในใจก็คงเกิดคลื่นโหมกระหน่ำรุนแรง ทว่าตอนนี้…ใจเขาค่อนข้างสับสน
เขาต้องการเวลา
เขาจึงเอ่ยกับนิ้วเทพเจ้าไป ว่าเผ่าควันขจรมีส่วนช่วย และแสงรุ่งอรุณก็สามารถทำให้ไปได้ถึงระดับสูงสุดได้
เดิมคิดว่านิ้วเทพเจ้าต้องตามหาอยู่นาน เช่นนี้เขาก็มีเวลาเพียงพอที่จะยกระดับวิหคทองให้เสร็จสิ้น และหลุดออกมาจากผนึกต้องห้ามรอบๆ ได้
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่านิ้วเทพเจ้าจะกลับมาไวขนาดนี้…ซ้ำยังเอาแสงรุ่งอรุณกลับมาด้วย
ขณะที่ใจของสวี่ชิงคลื่นโหมกระหน่ำซัด นิ้วเทพเจ้าที่กลับมาก็ตวัด ฉับพลันเผ่าควันขจรกี่กำลังกรีดร้องระงมนับพันก็พุ่งมาหาสวี่ชิง ผสานเข้าไปในเลือดเนื้อซากดวงอาทิตย์รอบๆ ตัวเขา
ทันใดนั้น เผ่าควันขจรเหล่านี้ก็กลายเป็นของบำรุง ถูกเลือดเนื้อซากดวงอาทิตย์สูดรับสลายไปอย่างรวดเร็ว เข้ามาบำรุงสวี่ชิง
ส่วนแสงรุ่งอรุณที่เป็นเหมือนดั่งสมบัติสายนั้น ด้วยการดีดของนิ้วมือเทพเจ้า ก็พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง…
สวี่ชิงเงียบนิ่ง
แสงนี้พลันเข้าประชิด หายเข้าไปในเลือดเนื้อรอบตัวเขา พริบตาต่อมาก็ถูกวิหคทองสูดเข้าไป ปะทุขึ้นมาในร่างของมันต่อเนื่อง กลายเป็นแสงเจ็ดสีสาดส่องไปรอบๆ จากเลือดเนื้อดวงอาทิตย์
มองไกลๆ ซากดวงอาทิตย์ในตอนนี้ราวกับจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ระลอกคลื่นที่แข็งแกร่งแผ่ออกมาจากด้านในเป็นระลอก ครืนครันโอบล้อมไปรอบทิศ ของบำรุงที่มาจากเผ่าควันขจรนับพันก็เพิ่มความมีชีวิตให้กับเลือดเนื้อไวขึ้น
หางวิหคทองของสวี่ชิงเพิ่มไปจนถึงเก้าสิบเก้าหางแล้ว
หางที่หนึ่งร้อยกำลังงอกออกมาอย่างรวดเร็ว และพลังบำเพ็ญของสวี่ชิงก็เพิ่มมากขึ้นในพริบตานี้ กลิ่นอายของปราณก่อกำเนิดวูบหนึ่ง ก่อตัวขึ้นมาไม่หยุดบนตัววิหคทอง
และขณะเดียวกัน นิ้วเทพเจ้าก็ส่งเสียงอื้ออึงออกมา หลังจากกวาดจิตเทพไปบนเลือดเนื้อดวงอาทิตย์ องค์ท่านก็ไม่สนใจวิหคทองที่ยกระดับขึ้นของสวี่ชิง พุ่งตรงไปยังชายชราเผ่าจิตรกรรมรม จิ้มหน้าผากเขา
ประสาทสัมผัสเทพระเบิดออกมาจากภายใน ราวกับองค์ท่านทนไม่ไหวแล้ว ความบ้าคลั่งกับจิตสังหารนั้น แทบจะคุมไว้ไม่อยู่ ราวกับว่าถ้ายังวาดร่างกายไม่ได้อีก ไฟพิโรธของเขาจะระเบิดราบพณาสูรในพริบตา
ชายชราเผ่าจิตรกรรมสั่นเทา สัมผัสได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา เอ่ยด้วยเสียงดังลั่น
“ไม่มีปัญหาแล้วนายท่านผู้ถูกเลือก ข้าน้อยจะวาดร่างกายให้ท่านเดี๋ยวนี้!”
ระหว่างที่พูด ชายชราเผ่าจิตรกรรมก็รีบล้วงพู่กันออกมา จรดลงไปยังเลือดเนื้อซากดวงอาทิตย์ที่สวี่ชิงอยู่ ฉับพลันเลือดลมวูบหนึ่งก็แผ่ออกมาจากในเลือดเนื้อ มารวมอยู่ที่ปลายพู่กัน ราวกับกลายเป็นสีและน้ำหมึก หลังจากเขาแตะไปหลายครั้ง ก็รีบวาดร่างข้างๆ อย่างรวดเร็ว
เมื่อสังเกตเห็นภาพนี้ ความเดือดดาลของนิ้วเทพเจ้าก็สงบลงมาบ้าง แผ่ความปรารถนาที่รุนแรงออกมา ไม่สนใจรอบๆ อีก จิตเทพทั้งหมดจดจ่ออยู่กับโครงร่างที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมรมวาด
“นายท่านผู้ถูกเลือก ท่านสามารถผสานจิตเทพเข้าไปได้ ขณะที่ข้าวาด ค่อยๆ ผสานเข้าไปกับร่างกายนี้ตั้งแต่ช่วงเริ่ม นี่คือวิธีการที่ข้าคิดไว้ให้กับท่านผู้ถูกเลือกโดยเฉพาะในช่วงนี้เลย เพิ่มโอกาสความสำเร็จได้มหาศาล ลดการต่อต้าน”
ชายชราเผ่าจิตรกรรมเอ่ยอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเพราะใช้พลังในการวาดไปมาก หรือว่าเพราะเพื่อแสดงความพยายามของตนออกมาเต็มที่ ร่างของมันเวลานี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ไม่ได้ดูสง่างามเหมือนแต่ก่อน แต่ดวงตาเผยประกายบ้าคลั่ง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เผยร่างจริงออกมา
นิ้วมือเทพเจ้าผสานจิตเทพเข้าไปในโครงร่างกายทันที จากการวาดภาพของชายชราเผ่าจิตรกรรม ขณะที่ผสานลึกซึ้งมากขึ้นทุกที ร่างกายก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
เมื่อเห็นภาพนี้ ใจสวี่ชิงร้อนรนมาก เขารู้ว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว เมื่อชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดร่างกายเสร็จ ผลลัพธ์หลังจากนี้จะควบคุมไม่ได้อย่างสมบูรณ์
โดยเฉพาะที่เขาไม่เชื่อชายชราเผ่าจิตรกรรมคนนั้นเลย การร่วมมือของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเจตนาให้เป็นเช่นนี้ ตอนนี้แม้จะยังไม่รู้รายละเอียด แต่สุดท้ายก็เป็นเจตนาร้าย
‘ต้องยกระดับวิหคทองให้เสร็จสิ้นก่อนที่ตาเฒ่าคนนี้จะวาดเสร็จ…’ สวี่ชิงกัดฟัน ตรวจสอบหางวิหคทองที่หนึ่งร้อยของตน
หางสุดท้ายนี้สำคัญมากที่สุด เวลานี้ความเร็วในการก่อร่างไม่เร็วนัก ปัจจุบันงอกเงยมาแล้วครึ่งหนึ่ง
‘ต้องเร็วอีกหน่อย!’ สวี่ชิงคำรามในใจ
วิหคทองก็สัมผัสได้ถึงความร้อนรนของสวี่ชิง ขณะเดียวกันก็ร้อนรนด้วยเช่นกัน สูดรับเลือดเนื้อซากดวงอาทิตย์อย่างบ้าคลั่ง และกลืนกินเผ่าควันขจรที่สลายไปจนหมดแล้วนั่นอย่างรวดเร็ว
หนึ่งก้านธูปผ่านไปเช่นนี้
ภาพที่นี่ มองไกลๆ แปลกประหลาดมาก
ชายชราหัวกระเซอะกระเซิงเต็มไปด้วยรอยกัดทึ้งไปทั้งตัวคนหนึ่ง กำลังวาดรูปอย่างบ้าคลั่ง สิ่งที่เขาวาดคือร่างกายที่สูงใหญ่นับร้อยจั้ง
ปัจจุบันร่างกายนี้วาดโครงกระดูกเสร็จแล้ว เลือดเนื้อกำลังก่อตัว ดูแล้วประหลาดอย่างมาก น่าขนพองสยองเกล้า
ยิ่งแผ่คลื่นพลังของดวงตะวันออกมา โดยเฉพาะจากการผสานเข้าไปของจิตเทพของนิ้วเทพเจ้า ก็มีพลานุภาพเทพแผ่ซ่านออกมา เจตจำนงแห่งการคืนชีพโถมขึ้นฟ้า
ซากดวงอาทิตย์ที่ไกลๆ สวี่ชิงหลับตาลง ไม่ขยับเขยื้อน แต่เลือดเนื้อดวงตะวันที่เขาอยู่ กลับห่อเหี่ยวเป็นวงกว้าง
การห่อเหี่ยวเช่นนี้ ด้านหนึ่งคือการสูดรับของสวี่ชิง อีกด้านหนึ่งคือชายชราเผ่าจิตรกรรมใช้การวาดภาพ
ยิ่งไกลออกไป สิงโตหินแบกเจ้าศีรษะ กำลังเคลื่อนตัวออกห่างอย่างระมัดระวัง ไม่นานก็ชนกับผนึกต้องห้าม พุ่งออกไปไม่ได้ ใจก็หวาดผวา
“สองคนนี้ไม่ยอมกันเลย นี่มันจังหวะการโยนความผิดของแต่ละคนให้กับอีกฝ่ายนี่ ข้าเห็นแล้ว…ให้ตายเถอะ น่ากลัวเหลือเกิน ข้าตาจะบอดแล้ว!”
ขณะที่ดวงตาเจ้าศีรษะเผยประกายประหลาด ใช้ความสามารถของตนมองดูว่าอนาคตเป็นอย่างไร แต่แค่มอง มันก็ร้องโอดโอยขึ้นมาในใจ
“ตายหมดแล้ว ตายกันหมด…” เจ้าศีรษะจะร้องไห้อยู่รอมร่อ มันรู้สึกว่าทำไมตนถึงดวงซวยเช่นนี้ กระทั่งตอนที่เริ่มคิดถึงกรมราชทัณฑ์ขึ้นมา วิหคทองของสวี่ชิงทางนั้น ในที่สุดหางที่หนึ่งร้อยก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์
พริบตานั้น วิหคทองลิงโลดขึ้นมา คิดจะแผ่เปลวเพลิง จะสยายปีก อยากพุ่งขึ้นฟากฟ้าร้องคำราม แต่ถูกสวี่ชิงสะกดเอาไว้ทันที!
ราวกับถูกบีบคอไว้แน่น
วิหคทองทำได้แค่กลับไปในร่างกายสวี่ชิงอย่างว่าง่าย เข้าไปอยู่ในวังสวรรค์วังที่ห้าของเขา
วังสวรรค์วังที่ห้า ก่อตัวขึ้นมาจากวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณของสวี่ชิง เวลานี้จากการกลับมาของวิหคทอง มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นฉับพลัน ไม่ใช่เป็นรูปร่างวิหคทองอีกแล้ว แต่กลายเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มคนนี้สวมชุดจักรพรรดิ สวมกวานจักรพรรดิ เป็นหน้าตาสวี่ชิงนั่นเอง เพียงแต่ร่างกายไม่ได้ก่อขึ้นมาจากเลือดเนื้อ แต่เต็มไปด้วยพลังเวทมหาศาลและปราณมรรคา…ของวิถีวิหคทอง
แม้จะยังเลือนรางเป็นแค่โครงร่าง แต่พริบตาที่ปรากฏ ระลอกคลื่นห่างชั้นกับแก่นลมปราณวังสวรรค์วูบหนึ่ง ระเบิดครืนครันออกมาจากวังสวรรค์วังที่ห้า
ระลอกคลื่นบ้าคลั่งอัดแน่นเต็มทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง จากการยกระดับของวิหคทองสู่ขั้นสาม วังสวรรค์วังที่ห้านี้ไม่อาจเรียกว่าวังสวรรค์ได้อีกต่อไป
มันกลายเป็นเตียงอุ่นที่แฝงปราณมรรคาเอาไว้!
วังนี้อยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดในบางระดับ เพียงแต่เนื่องจากวังสวรรค์อื่นของสวี่ชิงยังไปไม่ถึงขั้นนี้ ดังนั้นตอนนี้ขั้นของเขา จึงเป็น…ระดับก่อกำเนิดลวง!
และการยกระดับของพลังต่อสู้ก็พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงผนึกต้องห้ามความว่างเปล่า นั่นเป็นสิ่งที่เกิดจากการรวมตัวกันของโซ่โปร่งแสง เขาสัมผัสได้ว่าพลังเทพรอบๆ เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย นั่นเป็นเงาร่างของหนอนแมลงตัวเล็กๆ นับไม่ถ้วน
เขายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แฝงอยู่ในร่างกายที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดขึ้น แฝงกำเนิดใหม่เอาไว้
ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสไม่ได้เลย ทว่าตอนนี้เมื่อกวาดออกไปกลับชัดเจนแจ่มแจ้ง
นี่เป็นเพราะคุณสมบัติการสัมผัสของเขาเกิดการหลุดพ้น ก่อกำเนิดประสาทสัมผัสเทพขึ้นมา!
ประสาทสัมผัสเทพคือสิ่งที่ผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดถึงจะมี นั่นเป็นพลังที่จิตวิญญาณผสานเข้ากับปราณมรรคา เป็นพื้นฐานการใช้พลังวิเศษ
ก่อนหน้าปราณก่อกำเนิด วิชาเวทเป็นแค่วิชาเวท
แต่หลังจากปราณก่อกำเนิด เหนือวิชาเวทขึ้นไปคือพลังวิเศษ
ไม่ใช่แค่นี้ จากการที่วิหคทองยกระดับขึ้นขั้นสามสำเร็จ พลังบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ก็ปะทุออกมาจากในวังสวรรค์วังที่ห้า จุนเจือสวี่ชิง
นี่คือผลของวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ หลังจากกลืนกินทุกครั้งจะจุนเจือเสมอ
แต่ครั้งนี้ พลังการจุนเจือของมันเป็นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหนือกว่าทั้งหมด
ขณะส่งเสียงครืนครัน กายเนื้อสวี่ชิงก็ถูกหลอมอีกครั้ง ขณะที่ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่ง และเพราะการจุนเจือนี้ยิ่งใหญ่เกินไป จึงเข้าไปในกายเนื้อแล้วผสานกักบวังสวรรค์อื่น จนทำให้วังสวรรค์วังที่เก้าของเขาเริ่มปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
และก่อนหน้านี้ วังสวรรค์วังที่หนึ่งของสวี่ชิงคือตะเกียงร่มดำ วังสวรรค์วังที่สองคือตะเกียงลมครวญเจ็ดสี วังสวรรค์วังที่สามคือลูกกลอนพิษต้องห้าม วังสวรรค์วังที่สี่คือตำหนักพระจันทร์สีม่วง วังสวรรค์วังที่ห้าคือวิชาระดับจักรพรรดิ วังสวรรค์วังที่หกคืออสูรสมุทรบรรพกาลวิถีสวรรค์ วังสวรรค์วังที่เจ็ดคือเขาจักรพรรดิภูต วังสวรรค์วังที่แปดคือตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ
ส่วนวังสวรรค์วังที่เก้า ที่ต้นสิบลำไส้ก็สำเร็จไปแล้วกว่าครึ่ง ตอนนี้ภายใต้พลังจุนเจือ ก็ก่อร่างขึ้นมาเจ็ดส่วน แปดส่วน เก้าส่วน….อย่างรวดเร็ว
จนหนึ่งก้านธูปต่อมา วังสวรรค์วังที่เก้าก็เสร็จสิ้นไปแล้วเก้าส่วน ขาดเพียงแค่ของที่ต้องนำมาสะกด
“สิ่งของที่จะมาสะกด…วิหคทอง คายแสงออกมา!”
สมองสวี่ชิงหมุนวนอย่างรวดเร็ว ประสาทสัมผัสเทพลงไปเยือนวังสวรรค์วังที่ห้า ปราณมรรคาวิหคทองที่อยู่ด้านในก็ลืมตา เผยแสงเจิดจ้าเจ็ดสี พริบตาต่อมาก็อ้าปากคายแสงออกมา
นั่นคือแสงรุ่งอรุณ
ขณะที่เปล่งแสงเจิดจ้า ก็พุ่งตรงไปยังวังสวรรค์วังที่เก้า
ตอนที่ผสาน วังสวรรค์วังที่เก้าก็พลันกลายเป็นวังสวรรค์เจ็ดสี พร่างพราวแวววาวใสกระจ่างไปทั้งหลัง เปล่งแสงเจิดจ้า ด้านในยังมองเห็นแสงรุ่งอรุณที่กลายเป็นกลุ่มแสงก้อนหนึ่ง เลือนรางอยู่ในนั้นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายพญาหงส์กำลังหลับใหลอยู่ตัวหนึ่ง
ดวงตะวันที่ดับสูญอยู่ที่นี่ องค์ท่านไม่ใช่วิหคทอง แต่เป็นร่างชีวิตอีกแบบหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่วิหคทองของสวี่ชิงกลืนกินได้ ก็เพราะในด้านคุณสมบัติเดิมแล้วพวกมันมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน
ตอนนี้จากการก่อตัวของวังสวรรค์วังที่เก้า พริบตาที่แสงอรุณเข้ามาสะกด พลังบำเพ็ญของสวี่ชิงก็ทะลวงขั้น!
ขณะที่พลังต่อสู้ระเบิดอย่างบ้าคลั่ง เขาก็พบว่าการจุนเจือของวิหคทองยังไม่จบ วังสวรรค์วังที่สิบของเขากำลังก่อร่างขึ้น!
สวี่ชิงใจสั่นสะท้าน โหมความปรารถนาอย่างแรงกล้า ลืมตามองชายชราเผ่าจิตรกรรมกับนิ้วเทพเจ้า
ระลอกคลื่นของเขาสำหรับตนแล้วถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ทว่าเรื่องของเขาสำหรับนิ้วเทพเจ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือร่างกาย ดังนั้นต่อให้สัมผัสถึงสวี่ชิงทางนี้ได้ก็ไม่สนใจ และยังผสานจิตเทพเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
ชายชราเผ่าจิตรกรรมสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสวี่ชิง ดวงตาเปล่งประกายวาบ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ทำการวาดต่อไป
ร่างที่เขาวาด ตอนนี้เสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง พลานุภาพเทพด้านในยิ่งฉายความตกตะลึงออกไปรอบด้านอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความบิดเบี้ยวและเลือนลางของที่นี่แกร่งยิ่งขึ้นไปอีก กระทั่งก่อตัวเป็นลมพายุแผ่ครืนครันไปรอบทิศ
เห็นภาพนี้ สวี่ชิงก็ตัดสินใจ
‘ถ้าหนีตอนนี้ ชายชรานั่นก็จะหยุดวาดรูป ใช้เหตุผลที่ว่าข้าหลบหนีไปทำให้สีขาด ก็มีโอกาสที่จะสั่งการนิ้วเทพเจ้าต่อได้…
‘ตอนนี้จึงยังไม่ใช่เวลาหลบหนี ต้องรอพริบตาที่นิ้วเทพเจ้าผสานเข้าไป!’
สวี่ชิงไม่แสดงสีหน้า ทำให้ตนสงบลง เฝ้ารอพลางกระตุ้นพลังบ่มเพาะที่วิหคทองจุนเจือในร่างกาย ให้มันถ่ายเทไปยังวังสวรรค์วังที่สิบ
ส่วนตอนที่วังสวรรค์วังที่สิบเสร็จสมบูรณ์ สิ่งที่จะมาสะกดที่นั่น เขาก็คิดเอาไว้แล้ว
‘ครั้งนี้ จะผสานเข้าไปในผลึกวารีสีม่วง ลองดูสักตั้ง!’
