บทที่ 484 วิหคทองกลืนตะวัน
ด้านนอกเขาประกายอรุณ ข้างๆ หุบเขา สวี่ชิงนั่งยองมองอยู่ตรงนั้นผาดหนึ่ง หันหลังเดินไป
ด้านหลังของเขา จากเสียงกรีดร้องแหลมที่ดังมา เจือเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังก้องมาด้วย ยิ่งมีเสียงครืนครันดังไปทั่ว
ไม่นานหุ่นเชิดเผ่าควันขจรหลายร่างก็พุ่งออกมาจากหุบเขา ระเบิดประสาทสัมผัสเทพออกรอบด้าน มาพร้อมกับความกราดเกรี้ยวและเดือดดาลแผ่กวาดไปทั่วสารทิศ
ในหุบเขาเวลานี้วุ่นวายไปหมด เผ่าควันขจรนับร้อยแต่เดิมเหลือแค่ไม่กี่คน ภายใต้พลังพิษต้องห้ามของสวี่ชิง ส่วนใหญ่ดับสลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ
พิษของสวี่ชิงโหดเหี้ยมมากจริงๆ
ส่วนที่ยังไม่ตายพวกนั้นก็ร้องครวญครางทรมาน พยายามหาหนทางทั้งหมดก็ยังหลุดพ้นจากสภาพร่างกายเน่าเปื่อยไม่ได้ ทำได้เพียงมองร่างกายของตนโดนหมอกย่อยสลาย ค่อยๆ กลายเป็นควัน ดับสูญไปทั้งร่างกายและวิญญาณ
ส่วนของวิเศษเวทที่พวกเขาวางเอาไว้ก็หยุดชะงักทั้งหมดเพราะสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้ การปกคลุมของหมอกพิษทำให้ไอพลังประหลาดในของวิเศษเวทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนคงอยู่ไม่ได้นาน
“ใคร!”
เสียงร้องคำรามดังออกมาจากด้านนอกหุบเขา ปราณก่อกำเนิดเผ่าควันขจรเจ็ดแปดคนนั้นควบคุมหุ่นเชิด ต่างแผ่คลื่นพลังที่น่ากลัวออกมา เร่งค้นหาตัวคนร้ายอย่างร้อนรน
หุ่นเชิดของพวกเขาเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วเช่นกันภายใต้พิษต้องห้าม กระทั่งร่างจริงที่ซ่อนอยู่ด้านในยังหนีไม่พ้น หนทางทั้งหมดก็ยังไม่อาจยับยั้งได้
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกร้อนรนอย่างมาก คิดจะหาคนร้ายตัวจริงให้พบและหายาแก้พิษ ต่อให้แผนการเดิมต้องซ่อนคลื่นพลัง ทว่าตอนนี้สนใจอะไรมากไม่ได้แล้ว ทยอยระเบิดพลังทั้งหมดออกค้นหาไปทั่ว
แต่แผ่นหยกซ่อนอำพรางของสวี่ชิงเป็นสิ่งที่จอมเซียนจื่อเสวียนมอบให้ ไม่ใช่สิ่งที่ระดับปราณก่อกำเนิดจะหาพบ และหลังจากที่เขาปล่อยพิษไปเมื่อครู่ มองเพียงผาดเดียวก็จากไปทันที จนตอนนี้เข้าใกล้เขาประกายอรุณแล้ว
หลังจากสัมผัสถึงคลื่นพลังทางด้านหุบเขา สวี่ชิงก็สีหน้าไร้อารมณ์ เขาเตรียมตัวจะรอให้เผ่าควันขจรทางนั้นตายให้เรียบก่อน แล้วค่อยไปตรวจสอบ
‘ตามปกติหนึ่งชั่วยามพวกเขาก็น่าจะตาย เช่นนั้นข้ารอสักสามชั่วยามก็น่าจะไม่มีปัญหา’ สวี่ชิงเงียบนิ่ง เดินหน้าไปต่ออย่างรวดเร็ว ทว่าตอนนี้เอง จู่ๆ เจตจำนงน่าหวาดหวั่นรุนแรงวูบหนึ่งก็ปะทุขึ้นในใจเขา
สีหน้าสวี่ชิงเปลี่ยนไป หันหน้ากลับไปฉับพลัน ลมหายใจหอบถี่เล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าตกตะลึงวูบหนึ่งมาจากทางหุบเขา กลิ่นอายนี้เปี่ยมความน่ากลัว แล้วเขาก็ค่อนข้างคุ้นเคยด้วย
และจากการที่กลิ่นอายปรากฏขึ้น สภาพแวดล้อมก้นหุบเหวสมุทรก็ถูกส่งผลกระทบ ไอพลังประหลาดรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และที่ยิ่งทำให้สวี่ชิงใจสั่นสะท้าน ก็คือทั้งหมดในนี้เริ่มบิดเบี้ยวเลือนลางขึ้นมา
‘เทพเจ้า!’
สวี่ชิงนึกถึงชายชราเผ่าจิตรกรรมที่เจ้าศีรษะพูดถึง เพียงพริบตาก็ชี้ขาดต้นกำเนิดของพลังวูบนี้ได้ สีหน้ามืดครึ้มอย่างอดไม่อยู่ รุดหน้าเพิ่มความเร็ว
เขาสัมผัสได้ ว่ากลิ่นอายวูบนี้เหมือนจะไม่ได้ระเบิดมาจากในหุบเขา แต่พุ่งเข้าไปในหุบเขาจากอีกทิศทางหนึ่ง
‘น่าจะถูกคลื่นพลังทางนั้นดึงดูดไป!
‘นิ้วเทพเจ้านี้ พาชายชราเผ่าจิตรกรรมไปหาซากดวงอาทิตย์ไม่ใช่หรือ ทำไมจึงถูกคลื่นพลังดึงดูด…หรือว่าในหุบเขานั่นจะมีซากดวงอาทิตย์อยู่’
สวี่ชิงหายใจหอบถี่ ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขารู้เรื่องนี้จากเจ้าศีรษะ เดิมก็ไม่ได้มองมันเป็นจุดสำคัญ เขารู้ดีว่าตนกับนิ้วเทพเจ้านั้นต่างชั้นกันมหาศาล จึงไม่คิดที่จะตามหามัน
และเตรียมว่าหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจอำพรางกายแล้ว จะรายงานเรื่องนี้กับวังครองกระบี่
ยิ่งไปกว่านั้นมณฑลประกายอรุณก็ใหญ่โตถึงเพียงนี้ ความเป็นไปได้ที่จะพบกันก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น
ถึงอย่างไรซากที่กระจัดกระจายไปของดวงอาทิตย์ที่ดับสูญ ในช่วงเวลาที่ยาวนานนี้ คงจะถูกเผ่ามนุษย์รวมถึงขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ เก็บไปหมดแล้ว
ส่วนบริเวณใกล้ๆ เขาประกายอรุณก็เช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะยังเหลือซากดวงอาทิตย์อีก
ดังนั้นมณฑลประกายอรุณที่ใหญ่โตเช่นนี้ เขาคิดว่าโอกาสที่จะพบกับนิ้วเทพเจ้านั้นมีไม่มากนัก
‘หรือว่าเจ้าศีรษะกับเจ้าสิงโตหินจะดึงดูดมันมา?’ สวี่ชิงสีหน้ามืดครึ้ม ก้มหน้ามองสิงโตหินทันที
สิงโตหินตัวสั่น ร่างคลอนไหวไม่หยุด ราวกับกำลังบอกสวี่ชิงว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับเขา และเจ้าศีรษะก็รีบเอ่ยขึ้นว่า
“ใต้เท้าไม่ใช่ข้านะ ไม่ใช่ข้าจริงๆ ข้าไม่มีความสามารถดึงดูดนิ้วเทพเจ้ามาได้หรอกขอรับ”
เจ้าศีรษะจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ
สวี่ชิงดวงตาแผ่จิตสังหาร หลังจากที่แน่ใจว่าตนปลอดภัยแล้ว จะต้องจัดการเจ้าสิงโตหินกับเจ้าศีรษะนี่สักหน่อย จึงถอนสายตากลับมา เดินหน้าต่อไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขาไม่กล้ากระตุ้นพลังพิษต้องห้าม เก็บกลับมาทั้งหมด แม้พลังพิษต้องห้ามจะอำพรางไว้ได้ จุดนี้ชัดเจนมากที่พระจันทร์สีม่วง แต่นั่นคือตอนที่พระจันทร์สีชาดไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ดังนั้นพิษต้องห้ามจึงเหมือนถูกตัดขาด แต่ยังมีผลอยู่
ตอนนี้ เขาไม่แน่ใจว่าถ้าตนใช้จะเกิดผลตามมาทีหลังหรือไม่
สวี่ชิงร้อนรน กระตุ้นแผ่นหยกซ่อนอำพรางสุดกำลัง แต่แค่สิบกว่าอึดใจ คลื่นพลังด้านหลังเขาก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงฉับพลัน ความเลือนรางกับความบิดเบี้ยวรอบด้านก็เข้มข้นกว่าก่อนหน้านี้เช่นกัน
ตอนที่ความน่าพรั่นพรึงนั้นระเบิดขึ้นมาถึงขีดสุด จิตเทพที่น่ากลัวสายหนึ่งก็แผ่ซ่านจากปราณหมอกด้านหลังของสวี่ชิง ปกคลุมไปทั่ว
ห้อมล้อมสวี่ชิงไว้
จากนั้นรอบด้านก็ส่งเสียงครืนครัน ขณะที่ทั้งหมดกำลังเลือนรางอย่างยิ่ง นิ้วขนาดร้อยจั้งนิ้วหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสวี่ชิงกะทันหัน
สวี่ชิงร่างสั่นเทิ้ม ทุกส่วนของร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ทำให้เขารู้สึกวิกฤตโถมฟ้า
ยิ่งมีแนวโน้มที่จะแยกชิ้นส่วนออกมา บิดเบี้ยวไม่หยุด ราวกับจะหนีไปคนละทิศคนละทาง
สวี่ชิงไม่ลังเล พลังพิษต้องห้ามในร่างกับพลังพระจันทร์สีม่วงปะทุขึ้นพร้อมกัน ขณะที่ปกคลุมไปทั้งตัวก็ถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
แต่ก็ไม่เป็นผล
ครั้งนี้แตกต่างกับตอนที่อยู่ในกรมราชทัณฑ์ นิ้วนี้ที่กรมราชทัณฑ์อยู่ในสภาพถูกสะกดไว้ ทว่าตอนนี้มันเป็นอิสระ แม้ตอนที่แหกคุกออกมาจะบาดเจ็บหนัก แต่ต่อให้จะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด สวี่ชิงก็ยังต้านทานไม่ได้
แทบจะพริบตาที่อำนาจเทพในร่างของสวี่ชิงแผ่ออกมา กายทิพย์ลอยขึ้น ในหัวสมองเขาส่งเสียงครืนครันรุนแรง ร่างกายสูญเสียการควบคุมภายใต้การระเบิดจิตเทพของนิ้วเทพเจ้านั่น ถูกกระชากไป
พลังที่มาจากนิ้วเทพเจ้า เมินทุกสิ่งอย่างของสวี่ชิง ดึงร่างของเขามาอยู่ด้านหลัง ไปกองรวมกับพวกต่างเผ่าที่สิ้นหวัง
สิงโตหินกับเจ้าศีรษะก็อยู่ในนี้ด้วย
ฝ่ายหลังร้องเสียงแหลมออกมา
“ลูกพี่ ลูกพี่ นี่ข้าเอง ข้าเองไง ข้าคือเจ้าศีรษะ พวกเราเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องขัง…”
นิ้วมือไม่สนใจเจ้าศีรษะ ไม่มีปฏิกิริยาใดกับเสียงร้องแหลมของมัน เวลานี้องค์ท่านก็ยกนิ้วขึ้น ราวกับสัมผัสเขาประกายอรุณเล็กน้อย ลังเลอยู่บ้าง
สุดท้ายก็ไม่เข้าไปใกล้ แต่เมื่อวูบไหวก็หายไปจากจุดเดิม ไปปรากฏอยู่ที่ตำแหน่งไกลๆ และเคลื่อนย้ายอีกครั้ง ตรงไปยังที่ที่สิ่งมีชีวิตอื่นอยู่
ด้านหลังขององค์ท่าน เวลานี้ผู้บำเพ็ญที่ถูกจับมามีอยู่ห้าร้อยกว่าคน ในนั้นมีเผ่าควันขจรอยู่ไม่น้อย
การมาถึงของสวี่ชิงไม่ได้ดึงดูดความสนใจอะไร ใจผู้บำเพ็ญทั้งหมดถูกความสิ้นหวังและความหวาดกลัวครอบงำ
และร่างกายของพวกเขาก็แปลกประหลาดอย่างมาก
แทบจะไม่มีที่สมบูรณ์อยู่เลย
ล้วนแยกเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน ดวงตา จมูก หู อวัยวะภายในรวมถึงแขนขา
ต่อให้เผ่าควันขจรก็เป็นเช่นนี้ ปราณหมอกแบ่งเป็นสัดส่วนนับไม่ถ้วน
เพียงแต่ด้วยพลังของนิ้วเทพเจ้า พวกมันถูกกองไว้อยู่ด้วยกัน หนีไปไม่ได้ ดังนั้นชิ้นส่วนร่างกายเหล่านี้จึงปนกันอยู่
ฉากนี้แปลกประหลาดมากและเต็มไปด้วยความอัปมงคล
สวี่ชิงสีหน้าปั้นยาก ตอนนี้ในหัวสมองยังครืนครัน แต่เขาไม่ยอมแพ้ กระตุ้นอำนาจเทพทั้งสองในร่างอย่างรวดเร็ว สะกดการแยกชิ้นส่วนออกของร่างกายสุดกำลัง
ด้วยการสะกดของเขาจึงยังฝืนรักษาสภาพร่างกายที่สมบูรณ์เอาไว้ ตอนที่เงยหน้ามองเบื้องหน้าอย่างยากลำบาก เขาก็เห็นแค่ความขมุกขมัวรวมถึงปราณหมอกนับไม่ถ้วนที่ไหลไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงรู้ดีว่าตนกำลังถูกนิ้วเทพเจ้าพาไปด้วยความเร็วสูง
‘นิ้วเทพเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!’ สวี่ชิงฝืนทำให้ตนสงบลง รีบหาวิธีหลุดจากพันธนาการ
‘ตอนนั้นวิธีที่กรมราชทัณฑ์สะกด คือการพึ่งพาดวงชะตา…’ ความคิดต่างๆ ในใจสวี่ชิงหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ฉับพลันเสียงครืนครันก็ดังไปทั่ว พริบตาต่อมา นิ้วเทพเจ้าก็หยุดชะงัก
ระหว่างที่เคลื่อนที่และหยุดชะงักทำให้เกิดความต่างมหาศาลอย่างชัดเจน ทำให้ชิ้นส่วนอวัยวะของผู้บำเพ็ญไม่น้อยปริแตกแหลกสลาย สวี่ชิงก็กระอักเลือดเช่นกัน
โชคดีที่เขามีพลังต้นกำเนิดเทพและกายเนื้อที่ไม่ธรรมดา แม้ตอนนี้ร่างกายจะมีปริรอยแตกมหาศาล แต่ก็ยังถือว่าสมบูรณ์ครบถ้วน
และเขาก็เห็นรอบๆ ชัดขึ้นบ้างแล้ว
ก้อนเนื้อเน่าเปื่อยขนาดหนึ่งพันจั้งก้อนหนึ่ง สะท้อนเข้าไปในดวงตาสวี่ชิง
บนเนื้อก้อนนี้ มีชายชราใบหน้ากลัดกลุ้มคนหนึ่งยืนอยู่ ชายชราเผ่าจิตรกรรมนั่นเอง
ไม่ทันที่สวี่ชิงจะได้สังเกตต่อ ร่างของเขาพร้อมกับอวัยวะจำนวนมหาศาลของผู้บำเพ็ญทั้งหมด ก็ถูกโยนไปทางเลือดเนื้อพันจั้งนั้น
ตอนที่แตะโดน เนื้อก้อนนี้ก็ขยุกขยิกแยกออกมา ห่ออวัยวะทั้งหมดที่ลอยมาไว้ด้านใน บ้างมีบางส่วนที่โผล่ออกมา บ้างก็ถูกกลืนไปทั้งหมด
ผสานเป็นหนึ่งเดียวอย่างรวดเร็ว
สิงโตหินกับเจ้าศีรษะก็อยู่ในนั้นด้วย
เสียงโหยหวนดังออกมาจากร่างของผู้บำเพ็ญที่ถูกห่อเอาไว้เป็นระลอก บ้างก็ส่งเสียง บ้างก็เป็นจิตเทพ แฝงความเจ็บปวดแสนสาหัสเอาไว้
สวี่ชิงทางนี้ก็อยู่ในก้อนเนื้อกว่าครึ่งร่าง ท่ามกลางเสียงแหลมสะท้อนก้องไปรอบด้าน ใจของเขาก็โหมคลื่นยักษ์
เพราะ เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดจากการถูกกัดกร่อนใดๆ กลับกันพริบตาที่ร่างกายถูกก้อนเนื้อขนาดใหญ่นี้ห่อหุ้ม เขาสัมผัสได้ว่าวิหคทองด้านหลังตนก็แผ่ความเบิกบานรวมถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าออกมา
“นี่คือ…ซากดวงอาทิตย์หรือ!?”
สวี่ชิงเบิกตากว้าง ในสมองครืนครัน หันหน้ามองชายชราเผ่าจิตรกรรมที่อยู่ไม่ไกลฉับพลัน
ตอนนี้ชายชราเผ่าจิตรกรรมสังเกตเห็นเจ้าศีรษะกับสิงโตหินแล้ว รวมถึงสวี่ชิงด้วย
สี่ตาประสานกัน
“ฮ่าๆ รวมตัวกันเสียที…” เจ้าศีรษะโผล่ออกมาแค่ใบหน้า เวลานี้ดวงตามองไปทางชายชราเผ่าจิตรกรรม
ชายชราเผ่าจิตรกรรมไม่สนใจเจ้าศีรษะ เขามองสวี่ชิง ดวงตาฉายประกายประหลาด คิดจะเข้าไปหา
“เรื่องนี้ เจ้าได้ความชอบแล้ว!” จู่ๆ สวี่ชิงก็เอ่ยขึ้น
ชายชราเผ่าจิตรกรรมชะงักฝีเท้า
คำพูดของสวี่ชิง ทำให้ในดวงตาชายชราเผ่าจิตรกรรมเผยประกายหมองหม่น
เขาพิจารณาสวี่ชิงอย่างละเอียด ในสายตาเขา สีหน้าของใต้เท้าผู้ดูแลตรงหน้านี้ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย สีหน้าที่เรียบสงบนั่น ราวกับว่าที่นี่ไม่ใช่ที่กักขังเขา แต่กลับไปอยู่ที่เขตติงหนึ่งสามสองแล้ว
ภาพนี้ทำให้ชายชราเผ่าจิตรกรรมรมต้องสะกดความคิดในใจ เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างผิดปกติ สายตาจึงกวาดไปทางเจ้าศีรษะ
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนสะท้อนก้อง นิ้วเทพเจ้าที่อยู่กลางอากาศก็ส่งเสียงหวึ่งๆ ปรากฏตัวเบื้องหน้าชายชราเผ่าจิตรกรรม จิตเทพที่น่าหวาดหวั่นพุ่งเป้าไปที่เขา
ชายชราเผ่าจิตรกรรมพยายามทำให้ร่างกายไม่สั่นมากที่สุด ปั้นหน้าฉีกยิ้มเอาอกเอาใจ
“นายท่านผู้ถูกเลือกที่ยิ่งใหญ่ ท่านคือเทพเจ้าท้องนภาที่ฟื้นคืนชีพเหนือซากดวงอาทิตย์ ท่านที่กำหนดว่าจะรวมแผ่นดินต้องประสงค์เป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นตัวตนสูงสุด”
แรงกดดันบนนิ้วเทพเจ้าเห็นได้ชัดว่าเบาลงเล็กน้อย ส่งเสียงคำรามที่สะท้อนก้องในทะเลความรู้สึกเหล่าผู้บำเพ็ญออกมา
ชายชราเผ่าจิตรกรรมไม่ทันควบคุมร่างให้ดี จึงสั่นเทิ้มขึ้นมา แต่สีหน้าเขาก็ไม่แสดงอะไรออกมาแม้แต่น้อย ยังคงอยู่ในท่าทีเลื่อมใสศรัทธา พูดออกมาราวกับสวดมนต์
“นายท่านผู้ถูกเลือก เข้าใกล้วันที่ท่านจะฟื้นคืนชีพเข้าทุกที สิ่งของมีชีวิตที่ใช้สร้างกายเนื้อของท่านก็เสร็จสิ้นไปเกือบครึ่ง หากเป็นเทพเจ้าธรรมดาตนอื่น ตอนนี้คงวาดร่างกายได้แล้ว แต่ท่านเป็นเทพเจ้าผู้ถูกเลือก ข้าน้อยจะต้องวาดร่างกายออกมาให้ยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบที่สุดในฟ้าดิน
“ท่าน จะถูกดูหมิ่นมิได้
“ดังนั้น…ยังต้องการชีวิตอีกเล็กน้อย ถึงจะสามารถทำให้ความมีชีวิตของเลือดเนื้อก้อนนี้คู่ควรกับกายทิพย์ของเทพเจ้าผู้ถูกเลือกที่ยิ่งใหญ่ได้”
นิ้วเทพเจ้าแผ่คลื่นออกมา เหมือนรู้สึกค่อนข้างรำคาญ บาดแผลปริแตกออกมาขณะที่สั่นเทิ้ม
แต่องค์ท่านไม่ใส่ใจ หลังจากวนไปวนมาบนท้องฟ้าหลายรอบ ก็หายวับจากไปท่ามกลางการบิดเบี้ยวและความเลือนรางรอบๆ ฉับพลันอีกครั้ง
มองภาพนี้ สวี่ชิงหรี่ตาลง ความคิดในใจหมุนวนอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าสภาพของร่างกายตนตอนนี้ทั้งอยู่ในช่วงวิกฤตเป็นตาย แต่ก็ถือเป็นวาสนาครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน
เขาสัมผัสได้ว่ารูปสักการะวิหคทองด้านหลังเวลานี้ร้อนวูบขึ้นมาต่อเนื่อง เผยความปรารถนาอย่างรุนแรงออกมา แต่กลับถูกสวี่ชิงสะกดเอาไว้ ไม่ให้มันแผ่ออกภายนอกแม้แต่น้อย
ส่วนการสนทนาของชายชราเผ่าจิตรกรรมกับนิ้วเทพเจ้าก็ทำให้สวี่ชิงรู้สึกได้เป็นอย่างแรก ว่าสภาพของนิ้วเทพเจ้าตอนนี้ไม่ค่อยปรกติ…
‘เหมือนมีสติปัญญาบางส่วนยังไม่สมบูรณ์อย่างนั้นหรือ’
สมองสวี่ชิงวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองในมุมของชายชราเผ่าจิตรกรรมทำความเข้าใจความคิดและเหตุการณ์ของปัญหาทั้งหมดนี้
“เจ้าศีรษะ ทำไมเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ หรือว่าซ่อนตัวไม่ดีจนถูกใต้เท้าผู้ดูแลหาตัวเจออย่างนั้นหรือ” หลังจากนิ้วเทพเจ้าจากไป ชายชราเผ่าจิตรกรรมก็โล่งอก จากนั้นก็มองเจ้าศีรษะที่โผล่มาแค่ใบหน้า เดินไปตบๆ
“ทำไมข้าต้องตอบเจ้าด้วย เจ้ามีวิธีทำให้ข้าตายหรือไร พวกเราก็หมายเลขเดียวกันทั้งนั้น คิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ” เจ้าศีรษะถลึงตา ชายชราเผ่าจิตรกรรมก็ไม่เห็นสีหน้าโกรธเคือง ยกมือขึ้นยิ้มตาหยี ตบลงไปแรงๆ
เสียงโพละดังขึ้น เจ้าศีรษะแหลกเละ
ชายชราเผ่าจิตรกรรมนั่งอยู่ตรงนั้น ยังคงยิ้มละมุน หันหน้ามองสวี่ชิง สายตาฉายแววลึกซึ้ง
“ใต้เท้าผู้ดูแล เมื่อครู่ท่านยังพูดไม่ทันจบ ไยข้าจึงได้ความชอบแล้วเล่า
“ข้าคิดว่า ใต้เท้าผู้ดูแลคงไม่คิดจะพูดกับข้าหรอก ท่านจงใจถูกเทพเจ้าจับตัวมา และท่านก็คงไม่ใช่แค่คนเดียว ในมณฑลประกายอรุณนี้ยังมีผู้แข้งแกร่งของเขตปกครองผนึกสมุทรอยู่อีกมากมาย เจ้าวังอะไรนั่น โหวเหยานั่นอีก ปลัดเขตปกครองเอย เป้าหมายของพวกเขาคือการจับกุมนิ้วเทพเจ้าหรือ
“ส่วนท่าน เพื่อที่จะชี้พิกัด ดังนั้นตอนนี้เหล่าพวกคนใหญ่โตนั่นก็คงสังเกตเห็นที่นี่แล้ว และท่านบอกว่าข้าได้ความชอบ ก็เพราะข้ารั้งนิ้วเทพเจ้าไว้ ทำให้พวกท่านได้รับเวลาอันล้ำค่านี้ไว้หรือขอรับ
“แต่ว่า ใต้เท้าผู้ดูแล ข้าไม่ใช่เด็กสามขวบ ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดพวกนี้หรือ” ชายชราเผ่าจิตรกรรมเลียริมฝีปาก ขณะที่ดวงตาฉายแววไม่เป็นมิตร ยกมือขวาขึ้นขุดเศษศีรษะที่แหลกเละเหล่านั้นออกมาทีละชิ้น
ไม่นานเจ้าศีรษะก็ฟื้นคืนชีพใหม่ ขณะที่กำลังจะก่นด่า ชายชราเผ่าจิตรกรรมก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าศีรษะ ทุกคนล้วนเป็นพวกเดียวกัน ข้าทำให้เจ้าตายก็เพื่อช่วยเหลือเจ้า อย่าเพิ่งโวยวาย นอกจากนี้ยังต้องขอบคุณเจ้าที่พาใต้เท้าผู้ดูแลเข้ามา ที่เจ้าพูดมานั้นถูกต้อง ที่ว่าเขตติงหนึ่งสามสองจะกลับมารวมตัวแล้ว”
เจ้าศีรษะแค่หัวเราะเย็นชา ดวงตาฉายแววเย้ยหยัน ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ แต่ก็กลิ้งไปค้นหาสิงโตหิน
ชายชราเผ่าจิตรกรรมไม่สนใจเจ้าศีรษะ มานั่งยองลงข้างๆ สวี่ชิง แลบลิ้นเลียริมฝีปาก
“ใต้เท้าผู้ดูแล ทำไมหรือ ข้าพูดแทงใจดำสินะ”
สวี่ชิงไม่สนใจชายชราเผ่าจิตรกรรม เขากวาดมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สัมผัสได้ถึงผนึกต้องห้ามป้องกันการหลบหนีของที่นี่
ผนึกต้องห้ามนี้ด้วยการติดตั้งของนิ้วเทพเจ้า คลายออกยากมาก
เมื่อตรวจสอบเสร็จ สายตาของสวี่ชิงก็ไปหยุดอยู่ที่ชายชราเผ่าจิตรกรรม เอ่ยออกมาราบเรียบ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทดสอบเช่นนี้ หากอยากมีชีวิตรอด ก็รีบเล่าสถานการณ์ทั้งหมดเสีย”
ชายชราเผ่าจิตรกรรมเลิกคิ้ว
เจ้าศีรษะที่อยู่ไกลๆ ก็หาสิงโตหินพลางหัวเราะเยาะ
“ตาแก่ ปกติเจ้าก็ออกจะฉลาด ทำไมตอนนี้ถึงได้โง่ถังเพียงนี้ ทุกคนมารวมตัวที่นี่หมดแล้ว หากเจ้าไม่วาดร่างกายให้นิ้วเทพเจ้าเสร็จพวกเราถูกฆ่าตายกันหมด ทุกคนก็รีบคิดหาวิธีว่าจะรอดไปได้อย่างไร ยังจะมาหยั่งเชิงกันไปมาอีก เสียเวลาจะตาย ไม่เหนื่อยหรือ”
คำพูดของเจ้าศีรษะ ทำให้ชายชราเผ่าจิตรกรรมรู้สึกทอดถอนใจ ในความเป็นจริงนี่ก็เป็นจุดที่ทำให้เขากลัดกลุ้มอยู่ ตัวเขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่สามารถหนีไปไหนพ้น รอบด้านก็มีผนึกต้องห้ามอีก และเมื่อครู่คำพูดหยั่งเชิงเหล่านั้น ก็คิดจะทำให้มันเกิดขึ้นจริงทั้งหมด…
แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ แม้สวี่ชิงจะยอมรับ เขาก็ยังรู้สึกว่าตนถูกหลอก ดังนั้นขณะที่รู้สึกซับซ้อน ก็ถอนหายใจออกมา
“พวกเจ้าจะมีวิธีการอะไรได้ ทุกคนต้องตายกันหมดนั่นล่ะ…”
“ถอยไป!” สวี่ชิงเอ่ยขึ้นมากะทันหัน
ชายชราเผ่าจิตรกรรมมองไปทางสวี่ชิง ตอนที่กำลังจะพูดอะไร สวี่ชิงไม่สนใจ เขามองทั้งหมดออกนานแล้ว และพิสูจน์สิ่งที่คิดไว้ผ่านบทสนทนาของอีกฝ่ายกับนิ้วเทพเจ้าแล้วด้วยเช่นกัน
สำหรับคนที่จมน้ำ ต่อให้ยื่นฟางลงไปเส้นหนึ่ง อีกฝ่ายก็จะคว้าทันที เพียงแต่ฟางนี้ก็ต้องจริงใจสักหน่อย จะขอไปทีไม่ได้
และตอนนี้กำลังไฟใกล้จะได้ที่แล้ว โดยเฉพาะจากการที่กรมราชทัณฑ์ถล่มลงมา ตอนนี้ความทรงจำที่เกี่ยวกับเขตติงหนึ่งสามสองของสวี่ชิงก็ฟื้นฟูกลับมามากพอสมควร เขามั่นใจว่าตนไม่เคยใช้พลังวิหคทองต่อหน้านักโทษเขตติงหนึ่งสามสองเหล่านี้
ที่เขาใช้ส่วนใหญ่คือกายทิพย์เทพเจ้า
ดังนั้น ชายชราเผ่าจิตรกรรมคนนี้ไม่รู้ว่าตนมีวิหคทองอยู่
ส่วนพวกเขาที่แหกคุกออกมาอย่างรีบร้อนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้เรื่องของตนเกินไป ถึงมีความเป็นไปได้ที่เจ้าสิ่งประหลาดศีรษะจะรู้ แต่ชายชราเผ่าจิตรกรรมคนนี้มควมเป็นไปได้มากว่าจะไม่รู้
ทว่าสิ่งนี้ไม่สำคัญ
หากไม่รู้ ผลลัพธ์ก็ย่อมดีที่สุด แต่ต่อให้รู้ สวี่ชิงก็มีวิธีอื่นจัดการ
คิดถึงจุดนี้ สวี่ชิงก็ไม่สะกดวิหคทองด้านหลังอีกต่อไป พริบตา พลังเปลวเพลิงร้อนรุ่มด้านหลังเขาก็ระเบิดออกมาสุดกำลัง วิหคทองแผ่ซ่านออกมาด้านในซากดวงอาทิตย์นี้
ซากดวงอาทิตย์สั่นสะเทือนไปหมดกะทันหันตอนนี้ ราวกับว่ามีชีวิตขึ้นมา
รอบด้านส่งเสียงครืนครัน ตอนที่ความเลือนรางและการบิดเบี้ยวยิ่งชัดเจน คลื่นความร้อนวูบหนึ่งก็แผ่ออกมาจากตัวของสวี่ชิงอย่างน่าครั่นคร้าม แผ่ออกไปรอบๆ ชายชราเผ่าจิตรกรรมหน้าเปลี่ยนสี รีบร้อนถอยออกมา มองไปทางสวี่ชิงอย่างสงสัยคลางแคลง
สวี่ชิงเวลานี้ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่บนใบหน้ากลับปรากฏลวดลายสีทองมหาศาล
ลวดลายเหล่านี้แผ่ลามมาจากรูปสักการะด้านหลังเขา
พริบตานี้ พลังน่าตกตะลึงที่มาจากด้านในซากดวงอาทิตย์ก็ไปรวมที่ตัวสวี่ชิงอย่างต่อเนื่องจากการดูดซับอย่างบ้าคลั่งของวิหคทอง
ฟ้าดินสั่นสะเทือน แผ่นดินใหญ่เกิดเค้าลางว่าจะพลิกม้วน ปราณหมอกด้านบนก็กลายเป็นคลื่นวนขึ้นในพริบตา พลังอำนาจน่ายำเกรง
สวี่ชิงใจเต้นเร็วรัว จากความฮึกเหิมและความปรารถนาของวิหคทอง เขารู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่าครั้งนี้สำหรับตน ถือเป็นวาสนาใหญ่ครั้งหนึ่ง
แต่ตอนที่เขาต้องการ สิ่งนี้สำหรับงานฉลองใหญ่ความตะกละตละกลามของวิหคทอง ยากที่จะเสร็จสิ้นในเวลาสั้นๆ ก้อนเนื้อซากดวงอาทิตย์นี้ใหญ่เกินไป
ภาพนี้ ทำให้ชายชราเผ่าจิตรกรรมรวมถึงเจ้าศีรษะที่กว่าจะหาเจ้าสิงโตหินเจอ พากันสูดลมหายใจ แต่ว่าฝ่ายหลังกลับค่อนข้างจอมปลอม
“สูดรับเลือดเนื้อของดวงอาทิตย์…” ขณะที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมพึมพำ ดวงตาก็เผยประกายประหลาด
“ครั้งนั้นเขตติงหนึ่งสามสอง ข้าก็สัมผัสระลอกคลื่นไม่ธรรมจากใต้เท้าผู้ดูแลได้ คิดไม่ถึงว่าจะเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ด้วย!!
“ข้ารู้แล้ว ใต้เท้าได้ยินว่านิ้วเทพเจ้ามาตามหาซากดวงอาทิตย์ที่นี่ ท่านจึงจงใจมาที่แห่งนี้ก็คือต้องการให้นิ้วเทพเจ้าพาท่านมาเองใช่หรือไม่
“แต่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะหลอกให้นิ้วมือเทพเจ้าออกไปจับคน ใช่แล้ว เรื่องนี้อธิบายได้ หลายปีมานี้ ซากดวงอาทิตย์ต้องสูญเสียความมีชีวิตไปแล้ว และวิธีการชดเชยความมีชีวิต แน่นอนว่าต้องเป็นชีวิต!
“ถูกต้อง เป็นเช่นนี้นั่นล่ะ!
“ยอด ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
“ความสามารถในการเล่นงานเทพเจ้าเช่นนี้ของใต้เท้า ข้านับถือจริงๆ ข้าเข้าใจแล้ว ดังนั้นเมื่อครู่จึงบอกว่าข้าได้ความชอบสินะ นั่นสิ ข้าได้รับความชอบแล้วจริงๆ!
“ส่วนนายท่านที่คำนวณได้ถึงจุดนี้คงจะมีวิธีหลบหนีแล้วแน่ๆ ใช่เลย!”
ชายชราเผ่าจิตกรรมยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น
เจ้าศีรษะกะพริบตาปริบๆ ดวงตาฉายแววสับสน
หลังจากที่สวี่ชิงขึ้นเขาประกายอรุณ เขากับเจ้าสิงโตหินก็ถูกเจ้าเงาคลุมไว้ หลังจากปรากฏตัวก็เจอกับสวี่ชิงที่ใช้พิษเล่นงานหุบเขา จากนั้นนิ้วเทพเจ้าก็มา มันจึงไม่รู้ว่าระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้ฟังจากคำพูดของชายชรา เจ้าศีรษะก็สั่นพังพาบเล็กน้อย จู่ๆ มันก็รู้สึกว่าที่ชายชราพูดมามีเหตุผล ไม่เช่นนั้นอยู่ในช่วงสงครามทำไมสวี่ชิงจึงไม่ไปที่สนามรบ แต่มาที่มณฑลประกายอรุณเล่า
แต่มันก็ยังรู้สึกเลาๆ เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล
สวี่ชิงสีหน้าราบเรียบไม่เผยคลื่นอารมณ์ใดออกมา สูดรับพลังของซากดวงอาทิตย์อย่างสุดกำลัง พลางกวาดสายตาไปยังชายชราเผ่าจิตรกรรมและเจ้าศีรษะ
เขามองข้ามเจ้าศีรษะทางนั้นไป แต่สวี่ชิงรู้สึกสงสัยชายชราเผ่าจิตรกรรมขึ้นมาในใจ อีกฝ่ายให้ความร่วมมืออย่างดีเกินไป กระทั่งตั้งแต่ต้นจนจบก็เหมือนจะทำตามกลยุทธ์ของตนด้วย
ต่อให้คนที่จมน้ำจะรีบร้อนเอาตัวรอดเพียงใด ก็ยากที่จะทำได้ถึงจุดนี้
ตอนที่สวี่ชิงกำลังครุ่นคิด ชายชราเผ่าจิตรกรรมก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าอย่างตื่นเต้น
“ใต้เท้าผู้ดูแล ขอให้เห็นแก่ที่ข้าน้อยเคยเตือนท่านในเขตติงหนึ่งสามสอง และความชอบครั้งนี้ ช่วยชีวิตข้าด้วย
“เจ้านิ้วชั่วร้ายนั่นให้ข้าวาดร่างกายให้มัน ข้าไม่กล้าวาด ถ้าวาดจบมันต้องกินข้าแน่ๆ ข้าสัมผัสได้ถึงความหิวโหยของมัน ข้าจึงใช้เหตุผลว่ายังขาดความมีชีวิตจึงไม่อาจวาดได้ ยืดเวลาออกมาเนิ่นนาน จนในที่สุดท่านก็มา”
สวี่ชิงมองชายชราเผ่าจิตรกรรมอย่างเย็นชา มองพิรุธจากสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ออก สีหน้ากับคำพูดของคนผู้นี้ทั้งหมด ไม่มีอะไรผิดแปลกทั้งสิ้น
โดยเฉพาะเขาที่กวาดตามองพวกต่างเผ่าจำนวนมากที่อยู่รอบๆ ในเลือดเนื้อดวงอาทิตย์ พวกนั้นไม่ร้องโหยหวนแล้ว แต่ถูกดวงอาทิตย์สูดรับผสานไปแล้วจนหมด
พวกนี้ล้วนถูกชายชราเผ่าจิตรกรรมหลอกให้มาตายเพื่อเอาชีวิตรอด
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายให้ความร่วมมือเช่นนี้ สวี่ชิงก็ไม่มีเหตุผลที่จะเปิดโปง เขาต้องการเวลา ด้านหนึ่งก็เพื่อสูดรับซากดวงอาทิตย์ อีกด้านหนึ่งเขาจะรอให้นิ้วมือกลับมาอีกครั้ง
ไม่ว่าชายชราเผ่าจิตรกรรมจะมีปัญหาหรือไม่ เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายกุมอำนาจเป็นฝ่ายกระทำที่นี่ไม่ได้ และโอกาสที่จะช่วงชิงสิทธิ์ที่ว่าคือตอนที่นิ้วมือกลับมาอีกครั้ง
คิดถึงจุดนี้ สวี่ชิงก็เอ่ยราบเรียบ
“ข้าต้องการเวลา”