Skip to content

Outside Of Time 651

บทที่ 651 พิษต้องห้ามคำสาปเทพเจ้า หลอมอยู่ตรงหน้า

ในยามที่สวี่ชิงความคิดโลดแล่นอยู่ทางนี้ บนทะเลสาบอีกด้านหนึ่งของมิติแห่งนี้ นายกองร่างสวมชุดคลุมยาวสีดำ มือไพล่หลังยืนอยู่ตรงนั้น เงยหน้ามองไปยังมิติข้างบน

ในสีหน้าของเขาแฝงไว้ด้วยความทอดถอนใจ คล้ายว่ากำลังดื่มด่ำ กำลังย้อนรำลึก ความรู้สึกผ่านห้วงเวลามายาวนาน ปรากฏขึ้นมาจากสีหน้าของเขา

เนิ่นนาน เสียงทอดถอนใจที่แฝงไว้ด้วยอารมณ์ซับซ้อนก็ดังออกมาจากปากของเขา ดังก้องไปทั่งทิศ เกิดแว่วเสียงเป็นชั้นๆ ทำให้คนรู้สึกอารมณ์ท้วมท้น

“ฟ้าดินที่นี่ ต้นไม้ใบหญ้าที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ ข้าล้วนคุ้นเคยถึงเพียงนี้…”

นายกองพึมพำ

เพียงแต่ เสียงจากคำพูดของเขายังไม่ทันจบลง เสียงเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งก็ดังมาจากทะเลสาบกระจกใต้เท้าเขา น้ำเสียงเย็นชา

“เจ้าตาบอดหรือ ที่นี่ไม่มีฟ้าดิน และไม่มีต้นไม้ใบหญ้าด้วยเช่นกัน ที่นี่นับแต่เสี้ยวพริบตาที่เจ้าเหนือหัวสร้างมันขึ้นมาก็เป็นความว่างเปล่า เป็นมาโดยตลอด”

นายกองกะพริบตาปริบๆ สีหน้าเป็นปกติ ไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะถูกเปิดโปงใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในใจกลับได้ใจ แอบพูดในใจว่าเจ้าวิญญาณศัสตราตัวเล็กๆ จะได้เข้าใจอะไร ข้าพูดคือคาถา

ตอนนี้ร่ายคาถาจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นเอ่ยเสียงดัง

“สำหรับเจตจำนงในการทดสอบ ข้าคิดออกแล้ว!”

น้ำใต้เท้าเขาแผ่คลื่นกระเพื่อม ชายชราชุดขาวจ้องเพ่ง เอ่ยขึ้นเสียงเย็น

“บอกเจตจำนงของเจ้าออกมา”

“เจตจำนงของข้าคือช่วยสรรพชีวิตทั้งหลายในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ให้พ้นทุกข์ นำพวกเขาต่อต้านพระจันทร์สีชาด สุดท้ายข้าจะทำเหมือนเจ้าเหนือหัวในตอนนั้น สังหารชื่อหมู่ กลืนกินนาง ฟ้าดินรับรู้ เบิกฟ้าเบิกปฐพี!”

นายกองสีหน้าหยิ่งทะนงภาคภูมิ เสียงสะท้อนก้อง

ในทะเลสาบกระจก สีหน้าชายชราชุดขาวคนนั้นไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ คล้ายว่าไม่หวั่นไหวกับเจตจำนงนี่ แต่กลับมีไอเย็นแผ่ออกมาจากใต้เท้าของเขา หลังจากแผ่ลามไปทั่วทั้งทะเลสาบ ก็ลอยออกมาจากใต้ทะเลสาบที่นายกองอยู่ แปรเปลี่ยนเป็นเสียงเย็นเยือก

“เจ้าจะทำอย่างไร”

“เรื่องนี้ง่ายมาก ก่อนอื่นข้าจะเป็นนายแห่งตำหนักขบถจันทร์ นี่เป็นขั้นหนึ่งที่สำคัญในแผนการนี้ของข้า

“นอกจากนี้ ข้ายังมีเจตจำนงข้อที่สอง ข้าจะเปลี่ยนชื่อแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราแห่งนี้เป็น…แผ่นดินใหญ่วัวสวรรค์!”

นายกองดวงตายึดมั่น เสียงฮึกเหิม

ชายชราชุดขาวไม่พูดอะไร ไอเย็นเยือกที่ยิ่งเย็นหนาวเหน็บปกคลุมนายกองมาอย่างช้าๆ จากทั่วทุกทิศ

เห็นเป็นเช่นนี้ นายกองในใจลิงโลด เหมือนว่าพูดเช่นนี้ยังเกินสมควรไม่พอ ยังฮึกเหิมไม่พอ อีกทั้งความเย็นรอบๆ ก็แผ่ลามมาช้าเหลือเกิน เขาจึงเอ่ยปากพูดอีก

“ข้ายังพูดไม่จบ ยังมีเจตจำนงข้อที่สาม สุดท้าย ข้าจะทำลายเสี้ยวหน้าบนท้องฟ้า สำเร็จเป็นจักรพรรดิโบราณคนใหม่ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ รวบรวมต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่ง!

“ถึงตอนนั้น ข้าจะชกหมัดไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์ เท้าเหยียบนภาเจิดจรัส หมื่นเผ่าล้วนต้องเคารพหมอบกราบข้า ฟ้าจะต้องจมลงมาเพื่อข้า”

พูดถึงตรงนี้ นายกองก็ฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง เงยหน้าหัวเราะร่า

และท่ามกลางเสียงหัวเราะของเขา ไอเย็นรอบๆ ปะทุขึ้นมาทันที พุ่งตรงไปหาเขา เพียงพริบตาก็ท่วมจมเขาไปในนั้น สุดท้าย…ก็กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งรูปหนึ่ง

นายกองที่อยู่ในน้ำแข็งแกะสลักยังคงรักษาท่าทางหัวเราะเอาไว้ ดูแล้วกำเริบเหิมเกรมนัก

ตอนนี้ค่อยๆ จมลงไปอย่างช้าๆ หายไปจากบนทะเลสาบ ร่วงหล่นไปยังจุดลึกของมิติแห่งนี้…

เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงของเขาถูกวิญญาณศัสตราตำหนักขบถจันทร์พิพากษาว่าเสแสร้ง จึงได้รับโทษผนึก

อีกด้านหนึ่ง สวี่ชิงจิตใจฮึกเหิม

หลังจากเขาขบคิดแล้ว รู้สึกว่าความคิดเกี่ยวกับพิษต้องห้ามของตนไม่มีปัญหาอะไร มีเพียงจุดเดียวคือเขาไม่แน่ใจว่าวิญญาณศัสตราจะรับรู้การกระทำของเขาหรือไม่

อย่างไรนี่ก็นับว่าเป็นการยืมการสอบมาทำให้ความปรารถนาส่วนตัวของตัวเองสัมฤทธิ์ผล

ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน สวี่ชิงรู้สึกว่าควรจะทำให้แน่ใจและปลอดภัยไว้ก่อน หลอมลูกกลอนลดคำสาปก่อน ใช้เรื่องนี้เป็นการอำพราง

นึกถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็สะบัดมือทันที สมุนไพรจำนวนมากลอยมา แยกส่วนในมือเขาไม่หยุด

บ้างเอาน้ำ บ้างแยกส่วนประกอบ บ้างเร่งปฏิกิริยา บ้างติดตาเข้าด้วยกัน แตกต่างกันไป ปรับซึ่งกันและกัน

ส่วนยาลูกกลอนพื้นฐาน คือลูกกลอนลดคำสาปที่สวี่ชิงหลอมมาจากข้างนอก

ลูกกลอนพวกนี้เดิมก็สามารถลดคำสาปได้ประมาณหนึ่งส่วน สวี่ชิงก่อนหน้านี้ในช่วงว่างหลอมไว้เป็นจำนวนไม่น้อย

ตอนนี้ภายใต้การหลอมใหม่อีกครั้งของเขา แม้บางส่วนที่เติมเข้าไปจะทำให้ยาลูกกลอนเปลี่ยนมามีทั้งส่วนที่เป็นของจริงและส่วนที่เนรมิตขึ้นมา แต่บนทะเลสาบกระจกแห่งนี้ ลูกกลอนที่ผสานสมุนไพรเนรมิตเหล่านี้ ส่วนประกอบในนั้นผสานกันไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สมุนไพรที่นี่ทุกต้นล้วนมีจำนวนที่มากพอ ทำให้เวลาสวี่ชิงหลอมในใจเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง

ต้องการอะไร ก็สั่งอันนั้น

ขอเพียงสั่งก็จะปรากฏขึ้นมาทันที

อายุไม่พอ ก็เพิ่มอายุ สรรพคุณยาไม่เป็นที่พอใจ ก็เปลี่ยนเป็นสมุนไพรตัวอื่นที่ดียิ่งขึ้น

ความรู้ทฤษฎีทุกอย่างในเวลาหลายปีมานี้ของเขาล้วนพุ่งเพิ่มขึ้นในเวลาสั้นๆ นี้ สมุนไพรที่ในชีวิตนี้เขาไม่เคยเจอ ล้วนแค่พูดก็ปรากฏขึ้นที่นี่

หลังจากที่ได้รับการพิสูจน์อยู่ตลอด วิชาสมุนไพรของสวี่ชิงก็พัฒนารุดหน้าไปอย่างมหาศาล

มองไกลๆ สวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ขณะที่มือทั้งสองโบกสะบัด สมุนไพรนับไม่ถ้วนก็หมุนวนอยู่ข้างหน้าเขา รูปร่างเปลี่ยนไปไม่หยุด

และภายใต้การเร่งปฏิกิริยาของสมุนไพรเหล่านี้ พลังในการลดคำสาปของลูกกลอนก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น จนมาถึงเกือบสองส่วนแล้ว

ทุกอย่างนี้ทำให้สวี่ชิงฮึกเหิม

เขารู้ว่าทิศทางการค้นคว้าก่อนหน้านี้ของตนไม่ผิด

ผ่านจากสมุนไพรเหล่านี้ลดคำสาป หลักการที่สำคัญในนี้ความจริงแล้วก็คือการให้พิษต้านพิษ

ด้านหนึ่งคือลูกกลอนเดิมก็มีพลังพระจันทร์สีม่วงของสวี่ชิงอยู่ นี่เป็นพื้นฐาน และเป็นรากฐาน เป็นเหมือนกับต้นกำเนิด

อีกด้านหนึ่งคือสมุนไพรที่เนรมิตออกมาเหล่านั้น ตัวพวกมันเองก็เติบโตขึ้นท่ามกลางการโจมตีของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า จึงมีสรรพคุณยาพิเศษ

ในสรรพคุณยาเหล่านี้ล้วนแฝงไว้ด้วยไอพลังประหลาดระดับหนึ่ง

รวมกับวิถีสมุนไพรที่ปรมาจารย์ไป่ถ่ายทอดก็สามารถนำมาใช้ได้ ใช้พิษต้านพิษ ควบคุมคำสาปชื่อหมู่จากการนี้

พูดง่าย แต่ความจริงแล้วต้องทำการทดลองและปรับสูตรมากมายมหาศาล หากอยู่ในโลกภายนอก คิดจะทำให้สำเร็จ อาศัยลำพังเพียงกำลังสวี่ชิงเพียงคนเดียวยากที่จะทำได้

และสิ่งที่ลำบากที่สุดคือวัตถุดิบ มันไม่ได้มีวัตถุดิบฟ้าของล้ำค่าดินมากมายขนาดนั้นให้ทำการทดลองทีละอย่างๆ จนกระทั่งปรับสูตรจนพอดีได้

แต่ที่นี่ทุกอย่างล้วนไม่ใช่ปัญหา

ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายเจิดจ้า

“พืชพรรณเป็นกุญแจที่จะเปิดเส้นทางแห่งเทพเจ้าจริงๆ”

สวี่ชิงพึมพำ เขารู้ดี นี่ความจริงแล้วก็เป็นแนวคิดของเทียนประทีปเช่นกัน

เช่นนี้เอง เวลาหมุนไป

เจ็ดวันผ่านไป

เจ็ดวันที่นี่ สำหรับโลกภายนอกแล้วเป็นเพียงแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น

จุดนี้คนอื่นยากที่จะรู้รายละเอียด แต่ในตัวสวี่ชิงมีนาฬิกาแดด ผ่านจากเข็มของนาฬิกา เขาสามารถแยกแยะการเปลี่ยนแปลงของเวลาได้อย่างชัดเจน

“โลกภายนอกหนึ่งชั่วยาม ที่นี่ก็เป็นเจ็ดวัน ซึ่งก็หมายความว่า โลกภายนอกหนึ่งวัน ที่นี่ก็เกือบๆ สามเดือนเช่นนั้นหรือ”

สวี่ชิงค่อนข้างตกใจ พลังเช่นนี้ช่างน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่งจริงๆ เขาสัมผัสได้ตามสัญชาตญาณว่าน่าจะไม่ได้หมุนไปอย่างไร้ขีดจำกัดอย่างที่ชายชราชุดขาวบอก มีความเป็นไปได้สูงมากว่ามีจุดสิ้นสุด

“ที่นี่ไม่มีทางที่จะอยู่ไปได้ตลอดกาล…เวลาของข้าไม่มากแล้ว”

นึกถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็เปลี่ยนทิศทางของลูกกลอนอย่างเงียบๆ ดูเหมือนกำลังหลอมลูกกลอน แต่ในสมุนไพรทุกเจ็ดแปดต้นที่เนรมิตออกมา จะปะปนไว้ด้วยสมุนไพรพิษต้นหนึ่ง

ยามเมื่อจำนวนได้ในระดับหนึ่งแล้ว สวี่ชิงก็เริ่มหลอมลูกกลอนพิษ

สวี่ชิงเก็บอารมณ์ สะกดความตื่นเต้นในใจ ค่อยๆ เนรมิตสมุนไพรพิษในความทรงจำออกมา เริ่มหลอมลูกกลอน

ลูกกลอนพิษพวกนี้ล้วนเป็นลูกกลอนที่นับตั้งแต่ที่เขาศึกษาค้นคว้าวิถีพิษมาเนิ่นนานขนาดนี้ล้วนไม่มีโอกาสได้ทดลองหลอมเพราะไม่มีวัตถุดิบ ตอนนี้จากการหลอม จิตใจสวี่ชิงเบิกบานยิ่งนัก รู้สึกว่าที่นี่สำหรับผู้บำเพ็ญลูกกลอนแล้ว คือแดนศักดิ์สิทธิ์ชัดๆ

ความลึกซึ้งด้านสมุนไพรของเขา ในการหลอมครั้งแล้วครั้งเล่านี้ก็ยกระดับขึ้น

ไม่ใช่แค่สมุนไพรพิษหายากพวกนั้นที่เขาเนรมิตออกมา ยังมีของล้ำค่าหายากมากมาย พูดได้ว่าครบครันทุกอย่าง

เขากระทั่งว่ายังลองเรียกอสูรพิษออกมาด้วย แต่น่าเสียดายที่อย่างหลังนี้ไม่สามารถปรากฏขึ้นที่นี่ได้

นี่ทำให้สวี่ชิงเสียดายนิดๆ

แต่ก็ยังดี อย่างน้อยสมุนไพรพอ แต่ในยามที่เวลาผ่านไปแต่ละวันๆ สมุนไพรที่เขาหลอมออกมาก็มากขึ้นเรื่อยๆ

ผงข้าวฟ่างพิษวิญญาณมรกต ลูกกลอนแดงชาดธาตุหยิน ลูกกลอนขนกระเรียนสามหัว วิญญาณครวญพันราตรี ยาน้ำสะบั้นจิตสะท้านวิญญาณ ผงเพลิงผลาญอัสนีฟาด พิษขุยหนิงพรากชีวิต

จันทร์ครึ่งเสี้ยว ยิ้มเจ็ดลมหายใจ โฉมเพลิงอาทิตย์ สะพานเก้าปรโลก

สวี่ชิงลูกกลอนพิษเล็กใหญ่สีสันหลากหลายข้างหน้า ในใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์มหาศาล เขาปรารถนาอยากจะเอาลูกกลอนเหล่านี้ออกไปจากที่นี่จริงๆ เสียเหลือเกิน

“มีพิษพวกนี้…กำลังรบของข้าก็จะเพิ่มอีกมหาศาล”

สวี่ชิงถอนหายใจ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความจริง จึงหยิบขึ้นมาเม็ดหนึ่ง แล้วใส่เข้าไปในปาก ค่อยๆ ชิมรส

เสี้ยวขณะต่อมา ร่างของเขาสะท้านเฮือก สัมผัสได้ถึงการปะทุขึ้นของพิษ

และในตอนนี้เอง ในทะเลสาบกระจกใต้เท้าเขา เงาร่างของชายชราชุดขาวก็ปรากฏขึ้น เขามองสวี่ชิง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น เอ่ยขึ้นราบเรียบ

“สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของเนรมิตทั้งนั้น เจ้ากินลงไปก็ไร้ประโยชน์”

สวี่ชิงลืมตา มองชายชราชุดขาว ด้านหนึ่งก็จำความรู้สึกที่เกิดจากพิษที่กลืนลงไปนำมาให้ อีกด้านหนึ่งก็เอ่ยเสียงแหบแห้งขึ้นว่า

“ข้าหลอมลูกกลอนลดคำสาปเจออุปสรรค จำต้องใช้วิธีอื่นฝ่าทะลวงไป ดังนั้นต่อให้เป็นของเนรมิต ก็จะลองด้วยตัวเอง สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของวัตถุเนรมิต หาความเป็นไปได้ที่จะฝ่าอุปสรรคไป”

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ยกมือถือขึ้นมาอีกเม็ดหนึ่ง ภายใต้สายตาของอีกฝ่าย กลืนกินมันต่อไป สัมผัสต่อไป

เช่นนี้เอง เวลาผ่านไปครึ่งเดือน

สวี่ชิงแปรเปลี่ยนยาพิษในความทรงจำออกมาได้เกือบเก้าส่วน ส่วนลูกกลอนพิษก็เช่นกัน กระทั่งว่ามีบางส่วนที่เขาคิดค้นขึ้นมาเองด้วย

และจากการกินลงไปไม่หยุด ดวงตาทั้งสองของเขารูม่านตาค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น สุดท้ายก็แทนที่ตาขาว ทำให้ดวงตาทั้งสองมองไปแล้วดำสนิทไปหมด

ส่วนชายชราชุดขาวคนนั้น หลายวันให้หลังนี้ปรากฏตัวขึ้นหลายครั้ง จ้องมองสวี่ชิง

แต่เดิมเขาไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าสวี่ชิงทำอะไรกันแน่ ที่นี่ทั้งๆ ที่เป็นของที่เสกขึ้นมาทั้งนั้น กินลูกกลอนผสมของเนรมิตลงไปมากมายขนาดนั้น สำหรับเขาแล้วไม่มีความหมายอะไร

จวบจนกระทั่ง…เขาสังเกตเห็นดวงตาทั้งสองข้างของสวี่ชิง เสี้ยวขณะนี้ ชายชราชุดขาวก็เข้าใจกระจ่าง

‘ลูกกลอนและสมุนไพรเป็นของเนรมิต แต่ความรู้สึกของร่างกายเป็นของจริง เด็กคนนี้…กำลังจดจำความรู้สึกหลังจากที่กลืนกินลูกกลอนพวกนี้!

‘เขากำลังใช้ความทรงจำมาชิงแหล่งกำเนิดพลังของที่นี่!’

ชายชราชุดขาวสีหน้าไม่เฉยชาอีกต่อไป แต่เกิดระลอกคลื่นอารมณ์เล็กน้อยเป็นครั้งแรก ทั้งตื่นตะลึง ทั้งโมโหขุ่นเคือง

‘หนึ่งชั่วยามหลังจากนี้จะสิ้นสุดการทดสอบ หากเมื่อถึงเวลาเจ้ายังทำไม่สำเร็จ เจ้าจะได้รับทัณฑ์ผนึก!’

ประกายแสงสีดำฉายวาบในดวงตาสวี่ชิง ตอนนี้เขาห่างจากความสำเร็จในขั้นสุดท้ายเพียงก้าวเดียวเท่านั้น

จึงพยักหน้าเบาๆ หลับตาลง สองมือประสานปางมือพลันสะบัด ทันใดนั้น สมุนไพรพิษแต่ละต้นๆ ก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง

จำนวนมากมายมหาศาล จนถึงหลายพันต้นเลยทีเดียว

ตอนนี้หลังจากที่ปรากฏออกมา สวี่ชิงไม่มีเวลาหลอมมัน เขาพลันอ้าปากกว้าง กลืนกินไปทางสมุนไพรเหล่านั้น ยิ่งมีบางส่วนที่ถูกเขาเงื้อหมัดชกจนกลายเป็นหมอก ปกคลุมไปทั่วร่าง

เสียงแซ่ดๆ ดังสะท้อน สวี่ชิงที่ถูกหมอกปกคลุมเอาไว้ปากส่งเสียงคำรามต่ำ พลังพิษต้องห้ามปะทุขึ้นในนั้นทันที

ภาพนี้ทำให้ชายชราชุดขาวหวั่นไหว จากการวิเคราะห์ของเขา ผู้ทดสอบข้างหน้าคนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เสถียร ดังนั้นขณะสะบัดมือ ไอเย็นก็แผ่ออกไปจากใต้เท้าเขา หลังจากแผ่ไปทั่วทะเลสาบแล้ว ก็มาปรากฏรอบๆ สวี่ชิง

ไอเย็นหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นแฝงไว้ด้วยพลังแช่แข็งผนึกทุกสิ่ง แผ่ลามมาหาสวี่ชิงจากทั่วทุกทิศ

ทุกที่ที่ผ่าน ทะเลสาบใต้เท้าส่งเสียงเปรี๊ยะๆ มา ล้วนทำการแช่แข็งผนึกทั้งสิ้น ไอเย็นนี้ใกล้จะปกคลุมสวี่ชิงเข้าไปแล้วทุกที

แต่ในตอนนี้เอง หมอกพิษนอกกายสวี่ชิงเดือดพล่าน หอบม้วนกลับไปทั้งหมด

เหมือนว่าสวี่ชิงที่อยู่ในหมอกกลายเป็นคลื่นวนอุโมงค์มืด เพียงพริบตาก็ดูดหมอกพิษทั้งหมดเข้าไปข้างใน

และจากการหายไปของหมอกพิษ เงาร่างของสวี่ชิงของปรากฏชัดเจนขึ้น ดวงตาทั้งสองก็พลันลืมตื่นขึ้นในเสี้ยวขณะนี้เอง!

ดวงตาดำสนิทคล้ายหุบเหวลึก ไม่ว่าสิ่งใดที่ประสานสายตากับเขา ก็เหมือนกับมองไปในหุบเหวลึก ทั้งยังเหมือนถูกหุบเหวลึกจ้องมอง

สายตาของเขายิ่งล้ำลึกเป็นอย่างยิ่ง เหมือนซ่อนห้วงราตรีบรรพกาลเอาไว้ มากพอจะทำให้ผู้ที่จ้องมองในใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์มหาศาล

ที่น่ากลัวที่สุดคือ สายตานี้…แฝงด้วยไอพลังประหลาด!

ไอพลังประหลาดพิเศษมาก สามารถทำให้คนที่สบตากับมัน แปดเปื้อนพิษต้องห้ามไปทั้งตัวและวิญญาณในทันที

นี่ก็คือเนตรพิษต้องห้าม!

ชายชราชุดขาวร่างสั่นสะท้าน ผิวกระจกทะเลสายที่เขาอยู่ในเสี้ยวขณะนี้ก็เกิดสีดำขึ้นเช่นเดียวกัน ประดุจหมึกแทรกซึมเข้าไปเป็นกลุ่มๆ

ชายชราชุดขาวคำรามเสียงต่ำ ทะเลเดือดพล่าน ผิวกระจกกะพริบวูบวาบ ไอเย็นท่วมฟ้าจวนเจียนปะทุ

และในตอนนี้ สวี่ชิงดึงสายตากลับมา เมินซึ่งไอเย็นที่โหมบ่ามา ก้มหน้ามองไปยังมือขวาที่ยกขึ้นมาของตัวเอง

ตรงนั้นมีลูกกลอนเม็ดหนึ่ง

ภายใต้สายตาของเขา พลังพิษต้องห้ามของเขาทะลักเข้าไปข้างใน คุณสมบัติของลูกกลอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สรรพคุณยาลดคำสาปในนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

พิษต้องห้ามของสวี่ชิงแฝงไว้ไม่ใช่แค่คำสาปเทพเท่านั้น นี่ยังแฝงไว้ด้วยพิษทุกอย่างที่เขากลืนกินลงไปก่อนหน้านี้อีกด้วย ตอนนี้ทุกอย่างหลอมรวมมาที่สายตา ผสานไปในลูกกลอนลดคำสาป

พิษเหล่านี้ล้วนเนรมิตขึ้นมา ผสานกับลูกกลอน ส่งอิทธิพลข้างใน สร้างสมดุลภายใน สำแดงศักยภาพภายใน

และลูกกลอนลดคำสาปนี้ สรรพคุณของมันก็ปะทุขึ้นมาในเสี้ยวขณะนี้เอง จากเกือบๆ สองส่วนปะทุไปจนถึงสามส่วน และยังคงดำเนินต่อไป

สุดท้ายในยามที่บนลูกกลอนแผ่ไปด้วยแสงสีม่วง ปกคลุมไปทั่วทุกทิศ สวี่ชิงก็เงยหน้าขึ้น ในเสี้ยวพริบตาที่ไอเย็นรอบๆ ผนึกแช่แข็งมา ก็พูดประโยคสุดท้ายออกมา

“ลูกกลอนนี้สำเร็จแล้ว มันสามารถลดคำสาปได้…ห้าส่วน!”

ในขณะเดียวกับที่คำพูดดังออกมา ไอเย็นปกคลุมไปทั่วร่างสวี่ชิง ร่างของเขาภายใต้กฎเกณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ประเภทหนึ่งก็กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งไป นิ่งไม่ไหวติง

มีเพียงลูกกลอนเม็ดนั้น ร่วงไปจากมือของเขา ลอยอยู่บนชั้นทะเลสาบน้ำแข็ง ในขณะที่กะพริบแสงสีม่วง ก็ทำให้คนรู้สึกเหมือนมายาอย่างหนึ่ง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลูกกลอนเม็ดนี้ก็จมลงไปในชั้นน้ำแข็ง มาปรากฏกลางฝ่ามือของชายชราชุดขาว

ชายชราชุดขาวมองยาลูกกลอนที่อยู่ข้างหน้า สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง เป็นความตื่นตะลึงก่อน จากนั้นก็เป็นความไม่เข้าใจ จากนั้นก็เป็นความสับสน สุดท้ายเป็นความสงสัย

ตลอดทั้งชีวิตของมันซึ่งเป็นวิญญาณศัสตรา มันไม่เคยเห็นยาลูกกลอนเช่นนี้

นานหลังจากนั้น จู่ๆ มันก็พ่นลมหายใจไปยังลูกกลอนเม็ดนี้หนึ่งครั้ง

จากลมหายใจนี้ ลูกกลอนนี้เปลี่ยนจากสิ่งเนรมิตมาเป็นของจริง

จากนั้นมันก็ยกมือสะบัด ทันใดนั้น รูปสลักน้ำแข็งรูปหนึ่งก็ละลายลงต่อหน้ามัน เผยชายกลางคนตัวกำยำที่อยู่ในนั้นออกมา

พลังบำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาทั้งร่างของชายร่างกำยำพลันปะทุขึ้น หลังจากฟื้นตื่นก็อึ้งงงงันไปเล็กน้อย ท่ามกลางการดิ้นรนก็ไม่ได้เลือกที่จะหนี แต่ประสานหมัดโค้งคารวะไปทางชายชราชุดขาวอย่างนอบน้อม

“คารวะใต้เท้า”

“กินมันลงไป” ชายชราชุดขาวใบหน้าไร้อารมณ์ หลังจากเอ่ยอย่างเย็นชา ก็สะบัดลูกกลอนในมือออกไปลอยอยู่หน้าชายกำยำ

ชายกำยำลังเลแต่ก็เลือกที่จะปฏิบัติตาม เขารับลูกกลอนมาดู สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็กินลงไปในทีเดียว หลับตาสัมผัส

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ร่างของเขาก็พลันสะท้านเฮือกขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง สั่นอย่างรุนแรง พลันลืมตาขึ้นมา กระอักเลือดสีแดงสดออกมาคำโต

ในเลือดสดๆ นั่นมีคำสาปเข้มข้นและกลิ่นเหม็นเน่าอยู่ด้วย หลอมรวมเข้าด้วยกันในอากาศ แปรเปลี่ยนเป็นเงาพระจันทร์สีชาดรางๆ ในนั้นยังมีพลังคำสาปด้วย จะปะทุออกมา

แต่ชายชราชุดขาวแค่นเสียงขึ้นจมูก มิติแห่งนี้คำรามลั่นขึ้นมาทันที ทำการสะกดลงมา

เพียงพริบตา เลือดสดๆ กลุ่มนั้นก็กลายเป็นน้ำแข็ง ร่วงหล่นลงไปบนทะเลสาบ ระลอกคลื่นทุกอย่างในนั้นก็ถูกผนึกไป

ทำทุกอย่างเหล่านี้เสร็จ ชายชราชุดขาวก็มองชายกำยำ ในขณะที่ดวงตาฉายแววแปลกประหลาด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ฉายความตื่นตะลึงออกมา

ส่วนชายกำยำก็ตื่นตะลึงไปเช่นกัน เขาทำการสัมผัสรับรู้ร่างกายตัวเองเล็กน้อย แล้วพลันเอ่ยเสียงหลง

“คำสาปของข้า…ลดลงไปครึ่งหนึ่งอย่างถาวร!!

“ใต้เท้า นี่มันคือลูกกลอนอะไรขอรับ!”

ชายชราชุดขาวไม่ได้ตอบคำถามนี้กับชายกำยำ ชายเสื้อของเขาเพียงสะบัด ทันใดนั้นไอเย็นก็แผ่มาอีกครั้ง ร่างของชายกำยำกลับไปเป็นรูปสลักน้ำแข็งอีกครั้ง จมสู่ใต้ทะเลสาบ

ทำทุกอย่างเสร็จ ชายชราชุดขาวยืนอยู่ตรงนั้น เหม่อลอยครู่หนึ่ง ร่างจมลงสู่ใต้ทะเลสาบเช่นเดียวกัน

ในยามที่ปรากฏตัวขึ้นอีกคครั้ง ก็มาอยู่ในที่ที่รูปสลักน้ำแข็งของสวี่ชิงอยู่

มองรูปสลักน้ำแข็งข้างหน้า ชายชราชุดขาวก็เงียบงันอีกครั้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ยกมือขึ้นแล้วแตะไปที่หว่างคิ้วของสวี่ชิง

จากการแตะนี้ รูปสลักน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว กลายเป็นไอน้ำ แผ่ซ่านไปรอบๆ สวี่ชิงที่อยู่ในนั้นร่างสะท้าน ฟื้นตื่นขึ้นมา

“คารวะผู้อาวุโส”

สวี่ชิงไม่ประหลาดใจเท่าใด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจว่าการกระทำของตนก่อนหน้านี้เช่นไร นี่ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือเขาใช้การกระทำบอกอีกฝ่าย ทุกอย่างที่ตนทำก่อนหน้านี้ ความจริงแล้วล้วนเป็นขั้นตอนของการหลอมลูกกลอนลดคำสาป

สายตาสุดท้ายนั่นทำให้ลูกกลอนแทบจะใกล้เคียงกับการยกระดับ ก็มากพอที่จะอธิบายทุกอย่างแล้ว

ชายชราชุดขาวจ้องมองสวี่ชิง สีหน้าแฝงด้วยความแปลกประหลาด นานหลังจากนั้น เสียงต่ำทุ้มก็ดังก้องมิติแห่งนี้

“นับแต่โบราณกาลมา ผู้ที่ผ่านการทดสอบด่านนี้มีทั้งหมดเจ็ดสิบเก้าคน และในศักราชนี้มีไม่มาก แค่สามคนเท่านั้น

“ตอนนี้เจ้าเป็นคนที่สี่

“แต่พวกเขาก่อนหน้าเจ้า แม้จะอธิษฐานเจตจำนง แสดงคุณสมบัติที่สามารถทำให้สำเร็จได้ อีกทั้งก็ทำได้สำเร็จจริงๆ แค่พวกเขาล้วนไม่ใช่นายแห่งตำหนักขบถจันทร์ ล้วนทำสัญญาระดับรองลงมาทั้งสิ้น

“เพราะผ่านจากด่านนี้แล้ว ความจริงยังไม่อาจเป็นนายแห่งตำหนักขบถจันทร์ได้…เจ้าอีกเดี๋ยวเมื่อเดินเข้าไปก็จะได้รู้เหตุผลแล้ว

“เจ้ามีเวลาครึ่งปี หากในครึ่งปีไม่สามารถทำได้สำเร็จ ก็ทำได้เพียงทำสัญญาระดับรองลงมาเท่านั้น”

ชายชราชุดขาวจ้องมองสวี่ชิง ยกมือชี้ไปที่ทะเลสาบ ทันใดนั้น ทะเลสาบซัดโหม ประตูหินบานมหึมาที่เต็มไปด้วยความเก่าแก่โบราณบานหนึ่ง ก็ลอยขึ้นมาเสียงครืนครันสนั่นจากในนั้น

ประตูหินบานนี้สูงพันจั้ง เต็มไปด้วยความเก่าแก่โบราณ แฝงไว้ด้วยร่องรอยที่หมุนผ่านไปของกาลเวลา เหมือนมาจากห้วงบรรพกาล

มันไม่จำเป็นต้องเปิดออก เพราะตรงกลางมีรอยแยกทางหนึ่งสามารถเดินเข้าไปได้

ผ่านจากรอยแยก สวี่ชิงสามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าในนั้นเหมือนจะมีโถงตำหนักแห่งหนึ่ง

สวี่ชิงลังเลเล็กน้อย คำพูดของชายชราชุดขาว ทำให้เขานึกถึงนายกอง จึงประสานหมัดไปทางชายชรา

“ผู้อาวุโสขอรับ ผู้ทดสอบคนนั้นที่มาพร้อมกับผู้เยาว์ เขาผ่านการทดสอบหรือไม่”

“เจตจำนงของเขายิ่งใหญ่เกินไป ได้รับบทลงโทษไปแล้ว”

ชายชราชุดขาวเอ่ยราบเรียบ ยกเท้าเหยียบไปบนพื้น ทันใดนั้นผิวน้ำกระเพื่อมแผ่ระลอกคลื่น ปรากฏรูปสลักน้ำแข็งที่อยู่ในนั้นหลายสิบรูปออกมา

เขายังคงท่าทางหัวเราะร่าเอาไว้ ความกำเริบเหิมเกริมชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง

สวี่ชิงขมวดคิ้ว ที่ไม่เหมือนกับที่เขาคาดคิดเอาไว้ ดังนั้นในใจจึงครุ่นคิด คิดถึงคำพูดเหล่านั้นของนายกองก่อนจะทดสอบ

รวมกับความเข้าใจในตัวนายกอง สวี่ชิงรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปได้มากว่านายกองนั้นตั้งใจ เขาตั้งใจให้ถูกแช่แข็งผนึก

“หากสุดท้ายเจ้าผ่านกการทดสอบ ได้เป็นนายแห่งตำหนักขบถจันทร์ เจ้าก็จะมีอำนาจ ปลดปล่อยผู้ถูกแช่แข็งผนึกทั้งหมดที่นี่ได้

“ตอนนี้จงเข้าไปเถิด”

ชายชราชุดขาวมองสวี่ชิงด้วยแววตาล้ำลึก ร่างค่อยๆ จมลงสู่ใต้ทะเลสาบ หายไปไร้ร่องรอย

ไม่นานนัก ที่นี่ก็เหลือเพียงสวี่ชิงคนเดียวและประตูหินยักษ์บานนี้เท่านั้น

ยืนอยู่หน้าประตูหิน สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ไม่ลังเลอีกต่อไป ก้าวไปข้างหน้า เดินไปในช่องประตูหินที่เหมือนหุบเขาช่องนี้

ยิ่งเดินก็ยิ่งจากออกไปไกล

มุ่งหน้าไปยังโถงตำหนักในนั้น ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ

จวบจนกระทั่งแสงกลุ่มหนึ่ง สะท้อนมาข้างหน้าสวี่ชิง สาดแสงไปทั่วทั้งโลกของเขา

ขณะเดียวกันนี้ ในตำหนักขบถจันทร์ เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง

หลายชั่วยามก่อนหน้านี้ แสงกะพริบวูบวาบของศาลเจ้าที่อยู่สูงที่สุดของตำหนักขบถจันทร์ก็ดึงดูดความสนใจจากผู้บำเพ็ญจำนวนไม่น้อย แม้แต่รองเจ้าตำหนักยังมาแล้วสองคน

และตอนนี้หลายชั่วยามผ่านไป จากการแพร่สะพัดออกไปของเรื่อง ผู้บำเพ็ญที่กลับมายังตำหนักขบถจันทร์เพื่อเป็นประจักษ์พยานกับภาพฉากนี้ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอออกมาเป็นระยะๆ

กวาดตามองไป ทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยรูปสลักเทพ ในนั้นยังมีผู้ติดตามของปรมาจารย์ลูกกลอนเก้า แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าผู้ที่ทำให้เกิดเรื่องทุกอย่างนี้ก็คือปรมาจารย์ที่ทำให้พวกเขาคลั่งไคล้ แต่นี้ก็ไม่ส่งกระทบต่อพวกเขาในตอนนี้ในการประกาศชื่อเสียงบารมีของปรมาจารย์ลูกกลอนเก้าต่อไป

ตัวแทนในนั้นก็คือสหายบ้านใกล้เรือนเคียงของสวี่ชิง รูปสลักของคนผู้นี้เป็นชายกำยำเปลือยกายท่อนบน นำผู้ติดตามตัวยงของปรมาจารย์ลูกกลอนเก้าหลายพันคนกระจายไปในกลุ่มคน สรรเสริญปรมาจารย์ลูกกลอนเก้า

ยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งอยู่ในนั้น

ภาพนี้ทำให้ดึงดูดคนทั้งหลายทันที

“สำเร็จแล้วหรือ”

“หรือว่า…ตำหนักขบถจันทร์จะมีเจ้าตำหนักแล้ว!!”

“กะทันหันเหลือเกิน…”

ในขณะที่เสียงฮือฮาระเบิดขึ้นจากปากคนทั้งหลายในภูเขาตำหนักขบถจันทร์ ความวาดหวังก็พวยพุ่งขึ้นมาจากในนี้ไม่ขาดสาย

กวาดตามองไป รูปสลักเทพทั่วท้องฟ้าล้วนจับตามองประตูใหญ่ของตำหนักเทพที่อยู่สูงที่สุด รอคอยให้ประตูเปิดออก

เพียงแต่เวลาไหลไป หนึ่งก้านธูปผ่านไป ประกายแสงที่อยู่สูงที่สุดยังคงสาดแสงวูบวาบ แต่ประตูก็ยังคงปิดสนิท ไม่มีใครเดินออกมาสักที

ภาพนี้ทำให้คนเก่าแก่ของตำหนักขบถจันทร์ทั้งหลายสีหน้าหมองหม่นลงมา

“หรือตำนานที่เกี่ยวกับตำหนักขบถจันทร์เรื่องนั้นจะเป็นจริง…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version