Skip to content

Outside Of Time 730

บทที่ 730 สวี่ชิง เจ้าช่างโหดเหี้ยมเสียจริง!!

แม้แรงระเบิดของเจ้าอ้วนกลางแต่เดิมไม่ได้อ่อนกำลัง แต่อย่างไรก็มีขีดจำกัด ทว่าหลังจากผสานกับเพลิงเทวะวูบหนึ่งที่แผดเผาบุตรเทวะทั้งร่างในแดนใหญ่เซ่นจันทรา ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับพลิกฟ้าพลิกดิน

การเปลี่ยนแปลงนี้มาจากคุณสมบัติภายใน เช่นเดียวกับการยกระดับ ทำให้มันมีคุณสมบัติพิเศษที่สอดคล้องกับดวงตะวันแห่งแสงอรุณในระดับหนึ่ง

เมื่อเป็นเช่นนี้ พลังอำนาจของมันจึงน่ากลัวถึงขีดสุด เสี้ยวขณะที่สวี่ชิงโยนออกมา มันไม่สนใจอุปสรรคอย่างคลื่นวนเลือดเนื้อ ไม่สนใจแรงกดดันที่มาจากกรงเล็บยักษ์วิหคทอง ทะลวงทุกอย่างเข้าไปในคลื่นวน

ปรากฏตัวที่อดีตเมืองหลวงรัฐสายลมสวรรค์ เหนือกระดานหมากล้อมของ เฉินหยางจื่อ กลิ้งวนอยู่บนนั้นสองสามรอบแล้วก็เปล่งแสงสีขาวออกมา กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามพวยพุ่งออกมาจากด้านใน

เฉินหยางจื่อที่เดิมทีค่อยๆ เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดำเนินไปสู่ชัยชนะที่มุ่งหวังเอาไว้ในใจ สีหน้ายิ่งผ่อนคลาย หลังจากที่แผนการของเขาราบรื่นทั้งหมดก็มั่นใจอย่างมากกับการจับตัวครั้งนี้

แต่พริบตาที่เขาเห็นเจ้าอ้วนกลาง พริบตาที่สัมผัสถึงกลิ่นอาย ม่านตาเขาก็หดเล็กลงทันที ทัณฑ์สวรรค์ฟาดผ่าลงมาในใจทันที เขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่สัมผัสถึงวิกฤตความเป็นความตายได้รุนแรงยิ่ง ทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว

อันตราย อันตรายยิ่งนัก!

เลือดเนื้อทั้งตัวทุกชุ่น กระดูกทุกชิ้นล้วนกำลังสั่นเทา แผ่ความรู้สึกอันตรายอย่างยิ่งมาให้เขา ทำให้จิตใจเฉินหยางจื่อโหมกระหน่ำซัด

ความตาย โถมเข้ามา

เขารู้ว่าไม่มีเวลาได้ตั้งตัว และไม่อาจทานรับได้ ทางชีวิตรอดทางเดียวตอนนี้มีแค่กระดานหมากล้อมเท่านั้น

ดังนั้นพริบตาที่แสงสีขาวเจิดจ้า เขาจึงตัดมือของตนที่ยื่นเข้าไปในคลื่นวน อึดใจต่อมา ทะเลแสงสีขาว มาพร้อมพลังอำนาจทำลายล้าง พลันแผ่มาจากเจ้าอ้วนกลาง

ปกคลุมห้องของเฉินหยางจื่อในพริบตา

ทุกสิ่งในห้องนี้ รวมถึงตัวอาคาร เก้าอี้ กระดานหมากล้อม และร่างกายของ เฉินหยางจื่อล้วนสลายกลายเป็นฝุ่นในเสี้ยวขณะนี้ ถูกคลื่นความร้อนระเหิดไปไม่เหลืออะไรเลย

และการระเบิดของแสงสีขาวแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากท่วมจมที่พักของ เฉินหยางจื่อ ก็ยังแผ่ขยายออกไปทั่วสารทิศ ชั่วพริบตาก็ปกคลุมอาคารใกล้เคียงและฟ้าดินรอบๆ

อาคารบ้านเรือนพังถล่มลงมา แผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลี ท้องฟ้าเป็นสีแดงฉาน คลื่นความร้อนโถมซัดตามทะเลแสง บดขยี้ทุกสรรพสิ่ง

มองไกลๆ ทะเลแสงในบริเวณนั้น ก่อตัวเป็นที่ครอบครึ่งวงกลมขนาดยักษ์ สรรพสิ่งด้านในล้วนกลายเป็นเถ้าธุลี

ที่ครอบครึ่งวงกลมนี้ยังขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

และในเมืองหลวงสายลมสวรรค์นี้ไม่มีคนธรรมดา พวกเขาอพยพไปรัฐสายลมสวรรค์นานแล้ว

ตอนนี้ที่อยู่ในเมืองหลวง ล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายเจ็ดรวมถึงขั้วอำนาจที่มาพึ่งพาจากทั่วสารทิศ

ในบรรดานี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง มีหวนสู่อนัตตาอยู่ไม่น้อย สมบัติวิญญาณยิ่งมีมาก

ถ้าพวกเขาไม่ใช่พวกที่จงรักภักดีองค์ชายเจ็ดสุดหัวใจ ก็เป็นพวกที่ทุ่มเทถวายการรับใช้อย่างซื่อสัตย์ เป็นกลุ่มคนที่วางรากฐานในผืนแผ่นดินนี้ให้องค์ชายเจ็ด

สำหรับเขาแล้วล้วนมีคุณค่าทุกๆ ด้าน ยิ่งเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินแผนการครั้งยิ่งใหญ่ในอนาคตของเขา

เขาจึงไม่ส่งไปแนวหน้า แต่ให้อยู่ในเมืองหลวงจักรพรรดิอย่างปลอดภัย

แต่ตอนนี้ การระเบิดของที่ครอบแสง ความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากด้านใน ทำให้ผู้บำเพ็ญในเมืองหลวงเกิดความหวาดผวาขึ้นทันใด ความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนนั้น วิกฤตอันตรายจากความตายนั้น ทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี

และในพระราชวัง องค์ชายเจ็ดตอนนี้กำลังเรียกรวมพลคนกลุ่มหนึ่ง หารือเกี่ยวกับการจัดเตรียมสิ่งที่สนามรบแนวหน้าต้องการ

หนึ่งในบรรดานี้มาจากเขตปกครองผนึกสมุทร คำพูดของเขายังดังก้องอยู่ในตำหนักใหญ่

“ทรัพยากรที่แนวหน้าต้องการเหล่านี้ กระหม่อมคิดว่าเขตปกครองผนึกสมุทรสามารถมอบให้ได้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ ถึงอย่างไร…”

เขายังพูดไม่ทันจบ กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามที่ระเบิดมาจากทางที่พักของเฉินหยางจื่อก็ทำให้ท้องฟ้าสว่างเจิดจ้าถึงขีดสุด โลกทั้งใบกลายเป็นความว่างเปล่า

ท้องฟ้าครืนครัน แดงฉานไปหมด

ส่งผลกระทบกับพื้นดิน สั่นสะเทือนเลือนลั่น

ทุกคนในตำหนักใหญ่ต่างหน้าถอดสี คลื่นความร้อนโถมเข้ามา เส้นผมของพวกเขาเริ่มไหม้

องค์ชายเจ็ดยิ่งลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ มองออกไปไกล ความหวาดผวาปรากฏขึ้นใบหน้า ในม่านตาเขาสะท้อนที่ครอบแสงครึ่งวงกลมขนาดยักษ์ที่กำลังขยายใหญ่ต่อเนื่องอย่างชัดเจน

“ดวงตะวันแห่งแสงอรุณ!!!”

องค์ชายเจ็ดอุทานออกมา

ภัยพิบัติครั้งนี้ยังคงดำเนินต่อไป

คลื่นความร้อนจากทะเลแสงพวยพุ่งออกมา โหมซัดไปรอบด้านไม่จบไม่สิ้น กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งเมือง ปกคลุมไปกว่าครึ่งเมือง จนกระทั่ง…ปกคลุมไปทั้งเมืองหลวง หลังจากปกคลุมไว้ด้านใน ก็ยังขยายออกไปกว้างใหญ่ไพศาล

ของวิเศษเวทต้องห้ามของรัฐสายลมสวรรค์ถูกกระตุ้น พยายามต้านทาน แต่ก็ต้านได้ไม่นานนัก ไม่กี่อึดใจก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

ผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนคิดจะหนี แต่ร่างกายพวกเขาที่อยู่กลางอากาศ พื้นดิน ในเขตเมืองใดๆ ล้วนทำอะไรไม่ได้ การโหมซัดออกไปของทะเลแสง ทำให้เลือดเนื้อผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนสลายไปทันที

การแพร่กระจายของคลื่นความร้อน ยิ่งกลืนกินและแผดเผามนุษย์เพลิงไปมากมาย เสียงกรีดร้องน่าเวทนา ทำให้เมืองหลวงรัฐสายลมสวรรค์ กลายเป็นนรกบนดิน

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป แสงถึงเริ่มสลายไป คลื่นความร้อนที่ยังคุกรุ่นรวมถึงกลิ่นเนื้อไหม้อบอวลไปทั้งอาณาบริเวณ

มองออกไป เมืองหลวง…หายสาปสูญไปแล้ว

เหลือเพียงผืนดินที่ถูกเผาไหม้ ไร้ตึกรามบ้านช่อง ไม่มีโครงกระดูก ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเถ้าธุลี

เมืองหลวงสายลมสวรรค์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนแผ่นดินมาหลายต่อหลายปี วันนี้ถูกกวาดล้าง

เหลือไม่ถึงพันคนที่รอดชีวิตออกมาได้ องค์ชายเจ็ดย่อมเป็นหนึ่งในนั้น แต่พวกเขาทุกคนสะบักสะบอมอย่างยิ่ง ต่างได้รับบาดเจ็บ

ยามนี้องค์ชายเจ็ดมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ไกลๆ พร้อมกับผมที่ปลิวสยาย ไม่เหลือความสุขุมก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย ร่างกายสั่นเทิ้ม ดวงตาแดงก่ำ เริ่มจะคุ้มคลุ้ง

ท่วงท่าของเขา เกียรติของเขา ความเย่อหยิ่งของเขา สลายไปจนหมดสิ้นในบัดดล

“อ๊าก!!

“ใคร มันเป็นใคร!!

“ผู้ใดมันโยนดวงตะวันแห่งแสงอรุณมาที่นี่!!”

องค์ชายเจ็ดกรีดร้อง ในดวงตามีเส้นเลือดนับไม่ถ้วน เขาเสียกิริยา สงบใจลงไม่ได้ ต่อให้ถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่อาจยอมรับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ไม่อาจยอมรับสิ่งที่ได้ประสบพบเจอเมื่อครู่นี้ทั้งหมด

ยิ่งรับไม่ได้ เมืองหลวงที่เมื่อครู่ยังอยู่ดี บัดนี้กลายเป็นซากไป

โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงผู้ใต้บังคับบัญชาที่จงรักภักดีต่อเขาเกือบล้านคน ที่ตนสั่งเพียงประโยคเดียวก็สามารถให้พวกเขาเหยียบย่ำทุกแห่งหนจนราบเป็นหน้ากลองได้ ยังมีกลุ่มคนที่ตนเลือกมาจากขั้วอำนาจเผ่าต่างๆ ที่มาพึ่งพาเหล่านั้น

ไม่ว่าเป็นสิ่งใดล้วนเป็นทรัพย์สินของเขา ล้วนเป็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้

แต่ตอนนี้…ทุกอย่างหมดสิ้นแล้ว

การเตรียมการหลายปีของเขา สูญเปล่า!

องค์ชายเจ็ดเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง ใบหน้าซีดขาว กระอักเลือดออกมา ร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุด หน้าผากมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้น เงยหน้ากรีดร้องคร่ำครวญ

ความเจ็บปวด ซึมซาบเข้าไปในกระดูกดำ ความเจ็บปวดที่ซึมซาบเข้าไปในจิตวิญญาณ!

เขาไม่เคยคิด และไม่เข้าใจ ว่าไยจึงเป็นเช่นนี้ ไย…ถึงมีดวงตะวันแห่งแสงอรุณระเบิดที่นี่ ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเขาจนเป็นจุณ

เขายิ่งใจสั่น หวาดผวา หวาดกลัว เมื่อครู่นี้…เขาก็เกือบแตกดับไปแล้ว

ในฐานะองค์ชาย โดยเฉพาะเป็นองค์ชายที่ปกครองแดนใหญ่ อนาคตสว่างไสว เขาไม่เคยคิดเรื่องความตายมาก่อน แต่วันนี้…ความตายอยู่ใกล้เขามากถึงเพียงนี้

หากไม่มีวิธีบางอย่างที่อ๋องเทียนหลันทิ้งไว้ให้เขา เขาอาจจะมองดวงตะวันไม่เห็น!

และขณะที่องค์ชายเจ็ดกำลังกรีดร้องตัวสั่นเทาอยู่ตรงนั้น หลังจากที่ตรวจสอบสิ่งที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้และสอบสวนผู้ใต้บังคับบัญชาข้างกาย ผลลัพธ์ก็ปรากฏออกมา

ร่างเงาหนึ่งเหาะมาจากซากบนผืนแผ่นดินที่ถูกเผาเบื้องหน้า หลังจากมาถึง เบื้องหน้าองค์ชายเจ็ดก็คุกเข่าคารวะทันที มุมปากมีรอยเลือดเปรอะอยู่ เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม

“ฝ่าบาท ตรวจสอบสาเหตุได้เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”

องค์ชายเจ็ดหันหน้าไปจ้องคนตรงหน้าเขม็งทันที ลมหายใจหอบถี่ ก้าวไปคว้าตัวเขาขึ้นมา ขบกรามแน่น

“ว่ามา!”

“ต้นกำเนิดที่ดวงตะวันแห่งแสงอรุณระเบิด มาจาก…ที่พักของเฉินหยางจื่อ พ่ะย่ะค่ะ…” คนที่เข้ามารายงานเอ่ยเสียงต่ำ

“ส่วนเฉินหยางจื่อ กำลังทำภารกิจที่ฝ่าบาทรับสั่งเกี่ยวกับเขตปกครองผนึกสมุทรพ่ะย่ะค่ะ สิ่งนี้…อาจจะเป็นการตอบโต้ของเขตปกครองผนึกสมุทร…”

คนที่มารายงานไม่กล้ากล่าวต่อ พลังบำเพ็ญของเฉินหยางจื่อ ต่อให้ระเบิดตัวเองก็ไม่มีทางสำแดงพลังอำนาจของดวงตะวันแห่งแสงอรุณได้ ดังนั้นจากภารกิจที่เขา ทำอยู่ จึงเดาต้นทางได้ไม่ยากนัก

แต่การคาดเดานี้ ทำให้เขาตื่นกลัว และทำให้คนนับพันรอบด้านที่รอดชีวิตมาตื่นกลัวไปหมด

มือขององค์ชายเจ็ดสั่นเทา ในใจมีคลื่นโหมกระหน่ำซัดมาอย่างไม่อาจควบคุม มองไปทางเขตปกครองผนึกสมุทรทันที สายตามีจิตสังหารน่าตื่นตะลึง หากสายตาสังหารคนได้ แปรเปลี่ยนเป็นดวงตะวันแห่งแสงอรุณได้ เช่นนั้นเวลานี้เขตปกครองผนึกสมุทรจะต้องราบเป็นหน้ากลองด้วยสายตาเขาเป็นแน่

แต่น่าเสียดาย ที่เขาทำไม่ได้

‘เขตปกครองผนึกสมุทรควบคุมดวงตะวันแห่งแสงอรุณได้ แม้พลังอำนาจยังเทียบกับของจริงไม่ได้ แต่ก็สะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นกัน!!

‘นี่ คือสาเหตุที่กองทัพใหญ่ของผู้บัญชาการทหารที่เขตปกครองผนึกสมุทรขาดการติดต่อไป!’

องค์ชายเจ็ดพึมพำในใจ เขาอยากกลับไปสุขุมเยือกเย็น อยากกลับไปสงบนิ่ง อีกครั้ง อยากสะกดความเจ็บปวดรวดร้าวในใจ แต่ร่างกายที่สั่นเทาของเขา รวมถึงความหวาดกลัวที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดวงตา กลับเผยสิ่งที่อยู่ในใจเขาออกมาเลาๆ

เขากำลังหวาดกลัว

‘ข้าแค่ให้เฉินหยางจื่อไปจับตัวจื่อเสวี่ยนมาเป็นหลูติ่ง ทดสอบเขตปกครองผนึกสมุทรเท่านั้น…แต่เขตปกครองผนึกสมุทรกลับโยนดวงตะวันแห่งแสงอรุณมาให้ข้า…

‘สวี่ชิง จะต้องเป็นคำสั่งของเขาแน่ เขากำลังเตือนข้าว่าอย่ายุ่งกับเขา อย่าคิดแตะต้องสตรีของเขา…สวี่ชิง เจ้าช่างโหดเหี้ยมเสียจริง!’

เมื่อองค์ชายเจ็ดคิดถึงตรงนี้ ก็กระอักเลือดมาอีกครั้ง ถอนสายตากลับมาอย่างยากลำบาก มองผืนแผ่นดินที่ถูกเผาเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย สุดท้ายก็ขบกรามแน่น

“พวกเราออกไปจากที่นี่ ซ่อนตัว รอ…รอให้ท่านลุงข้ากลับมาก่อน!”

องค์ชายเจ็ดคับข้องใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความหวาดผวาและตื่นกลัว เขากังวล…ว่าจะมีดวงตะวันแห่งแสงอรุณมาอีกดวง

ก่อนที่อ๋องเทียนหลันจะกลับมา เขาไม่คิดและไม่กล้าจะยุ่งกับเขตปกครอง ผนึกสมุทรแล้ว เขาคิดว่านั่นเป็นพวกคนบ้า พวกบ้าน่ากลัวที่ครอบครองดวงตะวันแห่งแสงอรุณ

และขณะเดียวกัน ขณะที่รัฐสายลมสวรรค์ถูกลบไปด้วยการระเบิดของเจ้าอ้วนกลาง ในตำหนักใหญ่เมืองหลวงเขตปกครองผนึกสมุทรที่ห่างจากที่นี่ออกไปไกล คลื่นวนเลือดเนื้อพังทลายลงมา

มือวิหคทองของเฉินหยางจื่อที่ยื่นมาข้างนั้น ร่วงลงมาบนพื้น หลังจากดีดดิ้นอย่างรวดเร็ว ก็กลายเป็นร่างของเฉินหยางจื่อที่อ่อนแอถึงขีดสุด

หลังจากบำเพ็ญมาจนถึงระดับหนึ่ง ขอแค่ร่างกายยังไม่สลายไปทั้งหมด เช่นนั้นการจะงอกออกมาใหม่ไม่ใช่เรื่องที่ยากอันใด แต่สิ่งที่ต้องแลกนั้นมหาศาลอย่างยิ่ง

และการเลือกของเฉินหยางจื่อก่อนหน้านี้ คือทางรอดทางเดียวของเขา ขอแค่ตัดแขนทิ้ง แล้วงอกออกมาจากท่อนแขน ถึงจะรอดจากสถานการณ์ที่ต้องตายได้

ตอนนี้จากการที่แขนเปลี่ยนเป็นร่างกาย เฉินหยางจื่อถอยหลังไปทันที ใบหน้าขาวซีด สีหน้าแฝงแววเคร่งขรึม ดวงตาซ่อนความหวาดกลัว หันไปมองทางคลื่นวนเลือดเนื้อที่พังทลายไป จากนั้นก็มองไปทางสวี่ชิงด้วยสัญชาตญาณ

“ที่…ที่เจ้าโยนเข้าไปเมื่อครู่คืออะไร”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version