Skip to content

Outside Of Time 764


บทที่ 764 ร่ายรำในสายลมบูรพาอย่างไร้ประโยชน์

สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด

เขารู้สึกว่ายิ่งอัจฉริยะฟ้าประทานเผ่ามนุษย์บรรลุมากขึ้นเท่าไร เสียงเพรียกที่มาจากหุบเขาดาราจักรพรรดิ โบราณก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น

แต่เขาก็ไม่แน่ใจ รู้สึกได้เพียงเลาๆ ว่าราวกับเมฆหมอก และแสงมงคลที่ลอยเหนือดาราจักรพรรดิโบราณเสริมพลัง ให้เสียงเพรียกครานี้

ส่วนเหตุผล สวี่ชิงไม่ค่อยเข้าใจนัก และเขาไม่รู้ว่ามีอะไร อยู่ในหุบเขานั้น

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ สิ่งนี้จะต้องน่าตกตะลึงแน่นอน ดังนั้นเขาจึงลองตอบสนองและจับสังเกต ทว่าไม่เป็นผล มันไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งสวี่ชิงนัก สุดท้ายแล้วเขาไม่จำ เป็นต้องสัมผัสรับรู้ ไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิกลางเมฆหมอก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเขาในขณะนี้อยู่ใกล้กับดารา จักรพรรดิโบราณมากแล้วเช่นกัน

ดังนั้นอุปสรรคใหญ่ที่ส่งผลต่อการตอบสนองของเขาที่สุด แท้จริงแล้วคือผนึกของดาราจักรพรรดิโบราณเอง

จักรพรรดิมนุษย์เปิดผนึกดาราจักรพรรดิโบราณเฉพาะ ชั้นนอกสุด ใต้ผนึกเหล่านั้นดาราจักรพรรดิโบราณคล้ายจะถูก ห่อหุ้มด้วยเปลือกเป็นชั้นๆ

เปลือกเหล่านี้ไม่อาจปิดกั้นเสียงเพรียกของดารา จักรพรรดิโบราณ แต่ปิดกั้นการตอบสนองของสวี่ชิง

และขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็รู้สึกถึงเสียงเพรียกที่ รุนแรงขึ้นอีกครั้ง ครานี้มันทำให้ดวงตาของเขาเลื่อนลอย ขณะเดียวกันคลื่นวนวงที่สองก็พวยพุ่งออกมาจากดารา จักรพรรดิโบราณ

คลื่นวนเมฆหมอกวงแรกมาจากเมิ่งอวิ๋นไป๋ซึ่งบรรลุ มรดกของโหวนภา ใจกลางของคลื่นวนเมฆหมอกวงที่สองนี้ คือผู้บำเพ็ญหัวโล้นในชุดนักพรตผ้าเนื้อหยาบ

คนผู้นี้มาจากสำนักสัจจะวาจา มีนามว่าเฝินซิง

ด้านนอกเงาร่างของเขาตอนนี้มีแมงป่องสีแดงตัวใหญ่ ยักษ์ปรากฏขึ้น มองไกลๆ ราวกับว่าแมงป่องตัวนั้นกำลัง แหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า หางของมันชี้ขึ้น ขยับตัวสั่นไหว กลายเป็นภาพขาดห้วง น่าสะพรึงกลัว

เสียงนั้นสั่นสะเทือนไปถึงโลกภายนอก จิตสังหารที่ชั่วร้ายยิ่งกว่านั้นพุ่งมา

ขณะที่รูปลักษณ์ดุร้ายก็แผ่รังสีอำมหิตออกมา กลิ่นอาย แข็งแกร่งเทียบเท่ารูปสลักศักดิ์สิทธิ์โบราณของเมิ่งอวิ๋นไป๋ และในแง่ของความดุร้ายยิ่งแล้วใหญ่ ตอนนี้ขณะที่คลื่นวนทั้งสองกำลังหมุนคว้างคนละ ทางในดาราจักรพรรดิโบราณ แม้ว่าจะปะทะกันบ้าง แต่ โดยรวมแล้วถือว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกันอย่างชัดเจน ส่วนอัจฉริยะ ฟ้าประทานคนอื่นต่างจมหายไปในคลื่นวนความปั่นป่วนทั้งสองนี้ ยากจะหาตัวพบ

“อีกประมาณหนึ่งชั่วยาม จะมีคนสองคนบรรลุมรดกโหว นภา ดูท่าสงครามเผ่าฟ้าทมิฬ จะเพิ่มดวงชะตาให้แก่เผ่า มนุษย์เราอย่างมาก”

“น่าเสียดายที่มาจากสำนักสัจจะวาจา…”

“พวกสำนักสัจจะวาจาเป็นพวกผิดแผกไปจากคนอื่น ปกติแต่ละคนก็ยังดี วันๆ มุ่งเน้นแต่การฝึกบำเพ็ญ แต่เมื่อ พูดถึงคำสอน พวกเขาบ้าคลั่งยิ่งกว่าพวกลัทธินอกวิถีเสียอีก” สวี่ชิงไม่ได้สนใจบทสนทนาของทุกคน เขาเพ่ง ความสนใจไปที่เสียงเพรียกจากดาราจักรพรรดิโบราณ มั่นใจ แล้วว่ายิ่งจำนวนผู้บรรลุมากขึ้นเท่าไร ยิ่งเป็นการบรรลุมรดก โหวสวรรค์ เสียงเพรียกของดาราจักรพรรดิโบราณก็ยิ่งชัดเจน ขึ้นเท่านั้น

‘เมื่อมีคนสัมผัสรับรู้สำเร็จ ก็เหมือนกับเป็นการดูดซับ จิตสำนึกที่ไหลเวียนอยู่ในดาราจักรพรรดิโบราณ ระหว่างนี้ จะทำให้ผนึกดาราจักรพรรดิโบราณคลายลงเล็กน้อย…

‘นี่คือเหตุผลที่เสียงเพรียกรุนแรงขึ้น’

สวี่ชิงกระจ่างแจ้ง ดวงตามองเข้าไปในเมฆหมอก หวังว่า จากนี้จะมีผู้สัมผัสรับรู้สำเร็จเพิ่มมากขึ้น

ในตอนนั้นเอง เสียงคุ้นเคยก็ดังมาจากข้างกาย จักรพรรดิมนุษย์เข้าหูสวี่ชิงพอดี

“ฝ่าบาท ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เผ่ามนุษย์ของเรา มีอัจฉริยะฟ้าประทานที่สัมผัสรับรู้สำเร็จแล้วไม่น้อย เหตุใดจึง ไม่เปิดผนึกอีกชั้นเล่าพะยะค่ะ

“แม้ว่าระยะเวลาสัมผัสรับรู้จะสั้น แต่ก็ช่วยเพิ่มความสำเร็จให้กับทุกคนได้”

คนที่พูดคือราชครูที่นั่งข้างกายจักรพรรดิมนุษย์

ทันทีที่เขากล่าวออกมา สายตาของเหล่าขุนนางต่างก็ จับจ้องที่จักรพรรดิมนุษย์ การเปิดดาราจักรพรรดิโบราณ ทุกครั้งที่มีการเปิดผนึกเพิ่มหนึ่งชั้น มรดกที่ไหลเวียนอยู่ใน เมฆหมอกจะยิ่งแข็งแกร่ง ทว่าการผลาญพลังดวงชะตาก็ จะยิ่งมากขึ้น

จักรพรรดิมนุษย์ค่อยๆ หันพระพักต์ทอดพระเนตรมอง ราชครู

ราชครูยิ้มน้อยๆ

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น จักรพรรดิมนุษย์จึงตรัสขึ้นอย่าง ราบเรียบ

“ได้,,

เพียงสิ้นถ้อยคำ ก็พลันมีเสียงคำรามน่าครั่นคร้าม กึกก้องไปทั่วดาราจักรพรรดิโบราณ ดวงชะตาเข้มข้นของเผ่า มนุษย์กลายเป็นมังกรทองตัวแล้วตัวเล่า กลืนกินไม่หยุด

เปิดผนึกออกอีกชั้น

เมฆหมอกหอบม้วนมากกว่าเดิม แสงอรุณยิ่งเจิดจ้า พร่างพรายไปทั่วดาวโบราณ ด้วยแรงปะทะจากการเปิดผนึก ทำให้ร่างของคนหลายสิบคนฉายชัดในปราณหมอก สัมผัสรับรู้สำเร็จ

2 คนในนั้นถึงขั้นบรรลุมรดกโหวนภา

คนหนึ่งคือศิษย์จากสำนักยอดจักรพรรดิดารา คลื่นวน รอบกายเขาโคจร พลังไม่ธรรมดา ทว่าเขากลับมีสีหน้าปั่นปึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ แต่ยังไม่อยากยอมแพ้

และอีกคนคือองค์ชาย!

องค์ชายหก!

หลายคนรู้สึกประหลาดใจที่องค์ชายหกเป็นองค์ชายองค์ แรกที่สัมผัสรับรู้สำเร็จ เพราะปกติองค์ชายหกเป็นพวกสำ

มะเลเทเมา ถึงขั้นค่อนข้างเสเพล ทั้งจวนมีแต่สตรี วันๆ มัวแต่ ร้องรำทำเพลง ดูไม่มีความทะเยอทะยาน

ในสายตาของใครหลายคน เดิมองค์ชายหกไม่สนใจ เรื่องการฝึกบำเพ็ญ และไม่สนใจอำนาจ จิตใจใฝ่ฝักแต่เรื่อง ในกาม ซํ้ายังมีสัมพันธ์คลุมเคลือกับอ๋องสวรรค์หญิงรั่วหลัน แต่ตอนนี้เขากลับเป็นคนแรกที่สำเร็จ อีกทั้งมรดกจากโหวนภาที่เขาบรรลุนั้นยังแตกต่างจาก คนอื่นเล็กน้อย เป็นเคล็ดวิชาจากโหวฮวาเจียน เน้นไปที่การ บำเพ็ญคู่…

“ก็ดูเหมาะกับนิสัยขององค์ชายหกดี อาจจะเป็นสาเหตุที่ พระองค์สัมผัสรับรู้สำเร็จก็ได้”

บรรดาผู้คนหน้าตำหนัก มีทั้งคนหัวเราะ คนขมวดคิ้ว ทว่าจักรพรรดิมนุษย์กลับไม่แสดงสีพระพักต์ใดๆ ออกมา ไม่มีทั้งสุขหรือโกรธเกรี้ยว ส่วนราชครูข้างๆ ก็ยิ้มโดยไม่กล่าวอะไร

ส่วนสวี่ชิงก็ไม่ได้สนใจกับความสำเร็จขององค์ชายหก เพราะในเสี้ยวขณะที่เปิดผนึกดาราจักรพรรดิโบราณขั้นที่สอง เสียงเพรียกจากข้างในก็ยิ่งรุนแรงขึ้น และจากความสำเร็จของ ผู้สืบทอดวิชาโหวนภาทั้งสอง ทำให้เสียงเพรียกนั้นในสัมผัส รับรู้ของสวี่ชิงน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกันเขาก็มองออกว่าเสียงเพรียกนี้เฉพาะ เจาะจงจริงๆ ไม่มีผู้โดสังเกตเห็น

“นี่มันอะไรกัน…”

สวี่ชิงครุ่นคิดเงียบๆ เวลาก็ล่วงเลยไป การเปิดผนึกชั้นที่สองของดาราจักรพรรดิโบราณทำให้ มีผู้บรรลุจำนวนมาก หนึ่งก้านธูปต่อมา ภาพที่ทำให้ทุกคน ดวงตาเป็นประกายก็ปรากฏขึ้น

จู่ๆ พายุลูกใหญ่ก็ปะทุขึ้นมาในดาราจักรพรรดิโบราณ ขอบเขตของมันกว้างใหญ่ไพศาลกินพื้นที่ดาวทั้งดวง กำราบ คลื่นวนโหวนภาจนสิ้น

ภายในพายุนั้น ปรากฏร่างเงาน่าสะพรึงของคนผู้หนึ่ง คล้ายเดินมาจากบรรพกาล เยื้องย่างอย่างมั่นคงท่ามกลาง พายุคลั่งทีละก้าวๆ

ร่างสูงชะลูด สวมชุดเกราะสีเลือด ผมยาวเป็นสีชาด แผ่ แรงกดดันไร้เทียมทานออกมาทั่วร่าง สั่นสะเทือนไปทั้ง เมืองหลวงจักรพรรดิ

“อ๋องสวรรค์!”

“อ๋องเยี่ยลู่!”

“อ๋องเยี่ยลู่ผู้เคยติดตามจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว ทำศึกกับ 137 ชนเผ่า ทุกสมรภูมิล้วนจบลงที่การสังหารหมู่ กองศพสูงเสียดฟ้า ได้รับมอบหมายจาก จักรพรรดิมนุษย์ให้ไปปกครอง 5 แดนใหญ่!”

ผู้คนหน้าตำหนักต่างตกตะลึง ประชาราษฎร์ใน เมืองหลวงจักรพรรดิต่างสั่นสะท้าน

มรดกอ๋องสวรรค์ปรากฏตัวครั้งแรกในรอบหลายพันปี!

และผู้ที่สัมผัสรับรู้มรดกอ๋องสวรรค์ไม่ใช่อัจฉริยะ ฟ้าประทานจากสำนักใด หากแต่เป็นองค์ชายสามผู้มากความ สามารถ ล่วงรู้อดีตและปัจจุบัน มีตำแหน่งหน้าที่ในวังศึกษา!

มองไกลๆ องค์ชายสามในพายุคลั่งผมยาวสยาย ใบหน้า เปี่ยมเสน่ห์ทว่าอาจหาญ ในดวงตาเรียวรีมีแสงสว่างหมุนวนโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง

ความสำเร็จของเขาทำให้เหล่าขุนนางหน้าตำหนักต่าง ยิ้มแย้ม ยิ่งส่งเสียงร้องสรรเสริญกึกก้อง แม้แต่จักรพรรดิ มนุษย์ก็พยักหน้าเล็กน้อย

แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงและจงใจหรือไม่ คนนอกไม่มีทางรู้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การที่จักรพรรดิมนุษย์ทรงพยักหน้า เผยท่าทีของพระองค์ออกมาก็เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งใน สายตาของใครหลายๆ คน

ทว่าในขณะที่รัศมีอำนาจขององค์ชายสามดุจสายรุ้ง ดาราจักรพรรดิโบราณก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง อีกด้านหนึ่ง จุดที่ โอรสลำดับสี่ในจักรพรรดิมนุษย์อยู่นั้นเกิดพายุหมุนขึ้น ทุกทิศทาง ก่อตัวเป็นเมฆลม สยบคลื่นวนโหวนภา กลืนร่างผู้บรรลุทั้งหมด

กลายเป็นพายุคลั่งน่าตื่นตะลึงลูกที่สองบนดารา จักรพรรดิโบราณ

นอกจากนี้ยังปรากฏร่างของอ๋องสวรรค์บรรพกาลขึ้น เช่นเดียวกัน ร่างนั้นกำลังก้าวมาทีละก้าว แต่ก่อนที่ร่าง บรรพกาลจะปรากฏชัด องค์ชายสี่ชึ่งนั่งขัดสมาธิท่ามกลาง พายุคลั่งลืมตาขึ้น เผยท่าทีเด็ดเดี่ยว ยกมือขึ้นทุบอกตนเต็มแรง

กระอักเลือดออกมาตามแรงทุบ กลายเป็นร่มสีเลือดอยู่ เบื้องหน้า ลอยอยู่เหนือหัว ขัดขวางการสัมผัสรับรู้

พริบตาต่อมา พายุคลั่งครืนครัน ร่างของอ๋องสวรรค์ที่ กำลังก้าวเดินมาหยุดชะงัก ค่อยๆ เลือนรางและหายไปกับ สายลมในที่สุด

ภาพนี้ทำให้ดวงตาทุกคนฉายประกายประหลาด องค์ ชายสามที่อยู่ในพายุก็จับจ้องเช่นกัน สีหน้าค่อนข้างปั้นยาก

“ละทิ้งมรดกอ๋องสวรรค์!”

“โอกาสในการสัมผัสรับรู้มีเพียงครั้งเดียว หากหลอม รวมในท้ายที่สุด ก็จะสัมผัสรับรู้ไม่ได้อีก วิธีขององค์ชายสี่ เป็นการตัดโอกาสก่อนหลอมรวม เพื่อให้ตนเองมีโอกาสอีก”

“นี่ยังไม่พอใจอีกหรือ ท่าทางคงจะมีเป้าหมายเป็นมรดก มหาจักรพรรดิ หากพระองค์ทำสำเร็จย่อมถือเป็นผู้กล้า หาก ล้มเหลวย่อมกลายเป็นคนโง่เขลา!”

พฤติกรรมขององค์ชายสี่ดึงดูดสายตาของของทุกคน ขุนนางหน้าตำหนักบางส่วนหันไปมองราชครู

องค์ชายสี่เป็นศิษย์สายตรงของราชครู หากคิดเชื่อมโยง ถึงท่าทีของจักรพรรดิมนุษย์หลังจากที่องค์ชายสามสัมผัสรับรู้ สำเร็จ สิ่งนี้มีความหมายแอบแฝงลึกซึ้งยิ่งกว่า

บรรยากาศหน้าตำหนักปั่นป่วนเล็กน้อย ทว่าสวี่ชิงที่นั่ง อยู่ตรงนั้นไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เช่นเดิม ความสนใจของเขา ยังอยู่ที่เสียงเพรียกจากดาราจักรพรรดิโบราณ แม้กระทั่งคิ้วยังคงขมวดมุ่น เดิมทีคลื่นเสียงเพรียกนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่ง กระแสน้ำขึ้นตามการสัมผัสรับรู้ขององค์ชายสี่ ทว่าเมื่ออีกฝ่ายยอมแพ้ เสียงเพรียกก็เบาลงเล็กน้อย

สวี่ชิงกวาดมององค์ชายสี่ เขาไม่ชอบคนผู้นี้ไปโดยสัญ ชาตญาณ แต่ต้องยอมรับว่าปรีชาญาณขององค์ชายสี่นั้น

น่าทึ่งจริงๆ

หลังจากที่ละทิ้งมรดกอ๋องสวรรค์ไปหนึ่งก้านธูป ทั่วทิ้ง ดาราจักรพรรดิโบราณก็โหมระลอกคลื่นลูกมหึมาขึ้นอย่างที่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มังกรทองแต่ละตัวส่งเสียงคำรามลั่น พลังดวงชะตาโหมกระหนํ่าดุจทะเลคลั่ง

ยิ่งมีแสงเรืองรองปะทุเหนือดวงดารา สยบพายุจาก มรดกอ๋องสวรรค์จนหมดสิ้น ยิ่งดึงดูดสายตาเผ่ามนุษย์ เมืองหลวงจักรพรรดินับไม่ถ้วน กระทั่งเหล่าขุนนางเบื้องหน้า ตำหนักก็ทยอยลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ระลอกคลื่นนี้…”

“เหนือกว่ามรดกอ๋องสวรรค์ หรือว่า…”

ทั้งวังหลวงเงียบสงัด สรรพชีวิตในเมืองหลวงจักรพรรดิก็ ต่างใจจดใจจ่อ องค์ชายสี่ก็ยากจะสะกดกลั้นความตื่นเต้นบน ใบหน้าได้ พระองค์เงยหน้ามองไปด้านบนทันที ท่ามกลาง สายตานับหมื่นคู่

ทันใดนั้นร่างเงาของปูชนียบุคคลพลันปรากฏเหนือม่าน นภาดาราจักรพรรดิโบราณทีละคนในบรรดานั้นมีทั้งโหวนภา ทั้งอ๋องสวรรค์ ต่างปรากฏตัวขึ้นพร้อมเพรียงกัน

ทันทีที่ปูชนียบุคคลของเผ่ามนุษย์เหล่านี้ปรากฏกายขึ้น รัศมีอำนาจสว่างไสวไร้ผู้ใดเสมอเหมือน และที่น่าตกใจ ยิ่งกว่านั้นคือพวกเขาโค้งคำนับไปยังทิศทางขององค์ชายสี่

ฉากนี้ระเบิดหัวใจทุกคน เพราะตามตำราโบราณ ทั้งหมดนี้หมายความว่าสัมผัสรับรู้ตราประทับของมหา จักรพรรดิสำเร็จแล้ว!

อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้น ปรากฏกาย!

และสิ่งที่เงาปูชนียบุคคลแห่งเผ่ามนุษย์เหล่านั้นคารวะ ไม่ใช่องค์ชายสี่ แต่เป็นภูเขาที่ผุดขึ้นบนผืนแผ่นดินดารา จักรพรรดิโบราณอย่างน่าอัศจรรย์ เบื้องหลังองค์ชายสี่ต่างหาก

ขณะที่ภูเขาลอยสูงขึ้นไปบนนภา มันแตกสลายไม่หยุด และค่อยๆ เผยปลายดาบที่ซ่อนอยู่ด้านในออกมา

มันคือกระบี่!

กระบี่ของมหาจักรพรรดิครองกระบี่!

จักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นทรงยืนขึ้นด้วยพระพักตร์เคร่งขรึมเช่นกัน ทอดพระเนตรมองกระบี่จักรพรรดิ เหล่าขุนนางด้านหลังก็เช่นกัน สายตาที่มองไปทางองค์ชายสี่ล้วนเปล่งประกายออกมา

ในใจองค์ชายพระองค์อื่นต่างครืนครัน รัศมีอำนาจเช่นนี้ มรดกเช่นนี้จะทำให้องค์ชายสี่โดดเด่นจนถึงขีดสุดจริงๆ

ตอนที่องค์ชายสี่กำลังเอื้อมมือจะคว้ากระบี่จักรพรรดิ กลางอากาศด้วยความตื่นเต้น สวี่ชิงด้านหน้าตำหนักก็หยัด กายลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขามองกระบี่จักรพรรดิเล่มนั้น สัมผัสได้ ถึงเสียงเพรียกหาจากกระบี่จักรพรรดิ ดังนั้น…เขาจึงยกมือขึ้น

กระบี่จักรพรรดิที่ลอยอยู่บนม่านฟ้าดาราจักรพรรดิ โบราณพลันสั่นสะเทือน ส่งเสียงแทงทะลุหินทองคำแตกร้าว สะท้านสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน

จากนั้นจึงพุ่งออกไปทางโลกภายนอก พุ่งเฉียดร่างองค์ ชายสี่ไป

องค์ชายสี่อึ้งตะลึง เห็นกระบี่จักรพรรดิหวีดหวิว ผ่านหน้าตนไป ร่างกายเซถอยด้วยคลื่นวนพายุคลั่งที่โหมขึ้น มาจากกระบี่จักรพรรดิ ทว่าสายตากลับมองตามไปโดยสัญ ชาตญาณ มองไปทางวังหลวงอย่างเหม่อลอย…

กระบี่จักรพรรดิพุ่งตรงไปยังวังหลวง!

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version