Skip to content

Outside Of Time 938


บทที่ 938 ของขวัญจากจื่อชิง

ในม่านฝน สวี่ชิงอยู่หน้า ฝานซื่อซวงอยู่กลาง เอ้อร์หนิวอยู่หลัง

HH

ฝานซื่อซวงเห็นทั้ง 2 ทำเช่นนี้ยิ่งตึงเครียด ตอนนี้ตัวอยู่เผ่ามนุษย์ ไม่มีผู้ช่วย ความรู้สึกโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งเช่นนั้นทำให้ความกังวลของเขารุนแรงกว่าเดิม

หลังพวกสวี่ชิงจากไป ในตำหนักใหญ่ที่จัดงานเลี้ยงขององค์ชายสี่ยามนี้ไร้สุ้มเสียง

ผู้คนล้วนนิ่งเงียบ

แต่ภายใต้ภาพอันเงียบเชียบ ต่างคนล้วนมีพายุพัดโหมเทียมฟ้า

คลื่นความรู้สึกต่างๆ อย่างสั่นสะท้าน เหลือเชื่อ หวาดกลัวทำให้ใจพวกเขาเกิดคลื่นหมื่นจั้ง

กับการเดินทางไปนภาคิมหันต์ของสวี่ชิง พวกเขารู้เพียงผลลัพธ์ ไม่รู้รายละเอียดที่สวี่ชิงกลายเป็นมหาขุนพลนภาในเผ่านภาคิมหันต์

ย่อมไม่รู้รายละเอียดความขัดแย้งของสวี่ชิงกับเหล่ายอดอัจฉริยะฟ้าประทานในระหว่างนั้นเช่นกัน

แต่เห็นเงื่อนงำได้บ้างไม่มากก็น้อย

อย่างไรสุดท้ายคนที่ได้เป็นมหาขุนพลนภาคือสวี่ชิง ทั้งยังสู้ชนะเหยียนเสวียนจื่อ

แต่เงื่อนงำก็เป็นเพียงเงื่อนงำเท่านั้น พวกเขาไม่อาจจินตนาการว่าฝานซื่อซวงผ่านอะไรมากันแน่ ถึงได้ทำให้เขาเห็นสวี่ชิงแล้วหวาดกลัวขนาดนี้

ต้องทราบว่าฝานซื่อซวงก็อยู่ขั้นเตรียมสู่เทวะ!

อีกทั้งตัวเขายังเป็นยอดอัจฉริยะฟ้าประทานติดอันดับของเผ่านภาคิมหันต์ นามระบือทั่วแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

แม้ก่อนหน้านี้การที่เขามาเผ่ามนุษย์แล้วเลือกเก็บตัวทำให้คนสงสัย แต่เรื่องนี้ก็ปกติ คนเป็นผู้บำเพ็ญ แล้วยังเพิ่งบรรลุเตรียมสู่เทวะ อยู่ในช่วงสำคัญของการบำเพ็ญ เก็บตัวก็เป็นเรื่องปกติ

อย่างไรการเจรจาก็ไม่จำเป็นต้องมีฝานซื่อซวงเข้าร่วม ในฐานะผู้กำกับดูแล เขาแค่เป็นพยานการลงนามข้อตกลงตอนท้ายสุดก็พอ

ถึงก่อนหน้านี้มีคนเอ่ยถึงสวี่ชิงในงานเลี้ยง และแม้เขาออกปากห้ามทันที แต่เรื่องเหล่านี้เห็นเพียงความไม่พอใจของเขา

คนไม่รู้เรื่องมองมาย่อมคิดว่าระหว่างฝานซื่อซวงกับสวี่ชิงคงมีความขัดแย้งไม่น้อยตามสัญชาตญาณ

ที่ฝานซื่อซวงมาเผ่ามนุษย์แล้วเก็บตัว ชัดว่ากำลังหลบสวี่ชิง!

ก่อนหน้านี้มีคนเอ่ยถึงสวี่ชิงแล้วเขาห้ามไว้ทันที ไม่พอใจคือเรื่องจริง ความยัดแย้งก็เป็นเรื่องจริง แต่ภายใต้ความจริงนี้ยังมีความระวังตัว นี่คือพฤติกรรมที่กลัวเดือดร้อนไปด้วย

ผู้คนตระหนักทั้งหมดนี้ ความสั่นสะเทือนในใจจึงยิ่งรุนแรง

“สวี่ชิงอยู่นภาคิมหันต์…ถึงกับน่ากลัวปานนี้!”

ผู้คนสั่นสะท้าน

องค์หญิงสามกลับสีหน้าสับสน นางอดนึกถึงแต่ละฉากที่ได้รู้จักสวี่ชิงไม่ได้

ตั้งแต่แรกที่เจอกันในงานเลี้ยงขององค์ชายเจ็ดที่แผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ จนมาเจอกันอีกครั้ง สวี่ชิงได้เป็นเจ้าแดนคลื่นศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเข้าดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิพร้อมกัน…

ถูกจักรพรรดิครองกระบี่เรียกตัว สายเซียนต่างวิถีรุ่งเรือง สังหารองค์ชายเจ็ด ทุกฉากทุกตอนล้วนมีชื่อเกรียงไกรสะท้านทั่วเมืองหลวงจักรพรรดิ

นางเคยนึกว่านี่คือจุดสูงสุดของสวี่ชิงแล้ว

แต่หลังกลับจากนภาคิมหันต์ อีกฝ่ายกลับโดดเป็นมหาขุนพลนภา จักรพรรดิมนุษย์ยังแต่งตั้งเป็นอ๋อง ยกฐานะเป็นอาจารย์ของรัชทายาท…

ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้นางเงยหน้า และเห็นเพียงเงาหลังสายหนึ่ง

โดยเฉพาะวันนี้ นางได้สัมผัสความน่ากลัวของสวี่ชิงโดยตรง ฝานซื่อซวงที่สูงส่ง คนที่ตนกับคนอื่นต้องระมัดระวังเมื่อเผชิญหน้าถึงกับมีท่าทางกังวลเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา

บัดนี้นางจินตนาการได้ว่าช่วงที่อยู่เผ่านภาคิมหันต์ สวี่ชิงมีชื่อเสียงโหดเหี้ยมยิ่งใหญ่ปานใด

องค์ชายสี่ที่ด้านข้างก็ดูท่าทางวุ่นวายใจ สีหน้าเปลี่ยน เพียงแต่…นัยน์ตากลับมีรัศมีประหลาดวาบผ่าน

‘มีคนอยากยืมมือข้าตกปลาล่อฝานซื่อซวงออกมา แต่ท่านอาจารย์อ่านเรื่องราวได้ชัดเจน ให้ข้าคล้อยตามสถานการณ์ เช่นนั้นการมาเยือนกะทันหันของสวี่ชิง…จะทำให้ร่วงลงไปด้วยกันหรือไม่!’

คิดถึงตรงนี้ ใจองค์ชายสี่วิเคราะห์ผลได้ผลเสียตามสัญชาตญาณ

ในกลุ่มคนยังมีสตรีผู้หนึ่ง ยามนี้ก็สีหน้าออกเช่นกัน นัยน์ตามีชีวิตชีวามองไปนอกตำหนักใหญ่

นางคือซู่เยว่ นักดนตรีหญิงที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงจักรพรรดินั่นเอง

‘เขา คือน้องชายของคนคนนั้นหรือ…’

สวี่ชิงไม่ได้สนใจเรื่องราวต่างๆ ในตำหนักใหญ่ ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขา 3 คนมาถึงจวนเจ้าสวรรค์ของสวี่ชิง

ในจวน สวี่ชิงนั่งขัดสมาธิด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มองฝานซื่อซวงที่ทำหน้าหดหู่อยู่ตรงหน้า

ส่วนนายกองกลับยิ้มหน้าบาน

“สหายฝาน ก่อนหน้านี้ที่เผ่านภาคิมหันต์ข้าก็ดูออกว่าเจ้ามีพลังไม่ธรรมดา ทักษะหุ่นเชิดยิ่งบรรลุถึงขั้นสูงสุด”

“คิดดูแล้วเจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง อย่างไรหากข้าผิดหวัง ศิษย์น้องเล็กของข้าก็จะผิดหวังด้วย เรา 2 คนผิดหวัง…แบบนั้นเจ้าก็จะผิดหวังเช่นกัน”

นายกองกระแอม ไม่เปิดโอกาสให้ฝานซื่อซวงอ้าปาก ขณะยกมือหุ่นเชิดที่เขารวบรวมก็ตกลงตรงหน้าฝานซื่อซวง

“อยากขอให้สหายฝานช่วยซ่อมมันให้ดี ส่วนอานุภาพ…ต้องถึงระดับที่เคยเป็น” นายกองเลียริมฝีปาก

สวี่ชิงสีหน้าไร้ความรู้สึก

ฝานซื่อซวงแอบด่าในใจ แต่เบื้องหน้าไม่กล้าแสดงออกแม้เพียงนิด แต่สุดท้ายยังคงโล่งอก ดูออกว่าอีกฝ่ายมาขอให้ตนช่วยจริง ไม่มีความหมายอื่นแอบแฝง

หากเป็นคนอื่นมาหาเขายังเอาไว้ก่อนได้ แต่ตอนนี้ฝานซื่อซวงคิดว่าอยากเสร็จงานให้เร็วที่สุด จากนั้นรีบออกไปให้ไกลจากที่นี่

เขาจึงไม่เอ่ยคำใด สายตาตกที่หุ่นเชิดแล้วยกมือโบก ฉับพลันหุ่นเชิดนี้เกิดเสียงดังลั่น พังทลายลงมาเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน

โบกมือหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ฝานซื่อซวงหายใจเข้าลึก พยายามทำให้ตัวเองสงบลงแล้วเริ่มศึกษา

ดูไปดูมา เขาสีหน้าไหวเล็กน้อย

“นี่เป็นของโบราณ และดูท่าคงอยู่มาอย่างน้อยหลายหมื่นปี”

“บนนั้นยังมีกลิ่นศพ…นี่เป็นวิธีหลอมที่สายเลือดพิสดารบันลือนิยมใช้ในสมัยจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว”

“การหลอมหุ่นเชิดของพวกเขาเน้นที่การสละชีพเป็นหลัก ใช้เลือดของสิ่งมีชีวิตเป็นสารอาหาร เส้นลมปราณเป็นตัวเชื่อมโยง เลือดเนื้อกระดูกเป็นวัตถุดิบ แล้วค่อยเสริมด้วยส่วนประกอบอีกมาก สุดท้ายกลายเป็นหุ่นเชิดมีเลือดเนื้อ”

ฝานซื่อซวงสมกับเป็นปรมาจารย์หุ่นเชิด อ้าปากก็บอกที่มาได้แล้ว

เอ้อร์หนิวสีหน้าไหว แสดงความชื่นชม ร้องชมสุดยอด

สวี่ชิงเห็นแล้วก็ร่วมมือโดยเผยความชื่นชมในตา

ได้รับความชื่นชมจากพวกเขา 2 คนพร้อมกัน ภายนอกฝานซื่อซวงไม่สนใจสักนิด แต่ในใจกลับรู้สึกกระหยิ่มลำพองอยู่บ้างอย่างไม่อาจควบคุม

เอ้อร์หนิวขยิบตา

“สหายฝานสุดยอดจริงๆ นะ ดูท่าจะซ่อมได้ยิ่งกว่าสมบูรณ์แบบแล้ว!”

ฝานซื่อซวงได้ยินแล้วกล่าวราบเรียบ

“แม้มีความยากอยู่บ้าง แต่ขอแค่มีวัตถุดิบเพียงพอย่อมทำได้”

เอ้อร์หนิวยิ้ม

“แต่เรามีวัตถุดิบแค่นี้ ด้วยความสามารถของสหายฝานต้องทำได้เจ็ดแปดตัวเป็นแน่ เอาเถิด แค่ 5 ตัวก็ได้ ที่เกินมาให้สหายฝานเป็นค่าตอบแทน”

ในใจฝานซื่อซวงอดด่าสาปแช่งแรงกว่าเดิมไม่ได้ แอบว่าไอ้พวกสมควรตาย นอกจากคิดจะใช้ตนเปล่า ยังถึงกับให้ตนเอาวัตถุดิบมาเอง

ข่มเหงกันเกินไป!

“วัตถุดิบเหล่านี้ตัวเดียวยังไม่พอ ที่ข้าพูดถึงคือของอย่างพวกผลึกล้ำแผ่นดินกับเหล็กวิญญาณสีชาด”

“ไม่มี” ได้ยินน้ำเสียงฝานซื่อซวง นายกองพลันขึงตา

สวี่ชิงก็สีหน้าอึมครึม

ฝานซื่อซวงกัดฟัน มองเอ้อร์หนิวผาดหนึ่งแล้วมองสวี่ชิง

ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาหายใจเข้าลึก

“พวกเจ้ารับปากข้า นับแต่นี้ต้องไม่มีความแค้นใดแล้วจริงๆ!”

เห็นฝานซื่อซวงให้ความร่วมมือ เอ้อร์หนิวแย้มยิ้มรับปากเต็มคำ

ด้านสวี่ชิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเช่นกัน

ฝานซื่อซวงพลันกัดฟัน ยกมือเอาวัตถุดิบหลอมอาวุธจำนวนมากมาเริ่มซ่อมหุ่นเชิดตรงหน้าสวี่ชิงกับเอ้อร์หนิว

เวลาเคลื่อนไหล ไม่นานก็ผ่านไป 1 เดือนกว่า

ใน 1 เดือนกว่านี้ ฝานซื่อซวงเรียกได้ว่าแสดงฝีมือกว่าปกติ ด้วยมีสวี่ชิงกับเอ้อร์หนิวคอยจับตา ชิ้นส่วนหุ่นเชิดเหล่านั้นได้รับการซ่อมแซมทั้งหมด ทำให้จิตวิญญาณของพวกมันแต่ละตัวถูกกระตุ้นออกมา

ระหว่างนั้นวัตถุดิบหลอมอาวุธที่เขาใช้ยิ่งมีจำนวนมาก

ในขั้นตอนสวี่ชิงไม่พูดอะไรเยอะ แต่เสียงชื่นชมปลุกกำลังใจของนายกองดังมาไม่ขาดสาย

ฝานซื่อซวงฟังถึงสุดท้ายแม้ในใจรำคาญ แต่วัตถุดิบที่เอามาใช้กลับเยอะขึ้นโดยไม่รู้ตัว

โดยเฉพาะช่วงสุดท้าย เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ถึงขั้นเอาจิตเทพกับเลือดเนื้ออสูรที่เขาเคยฆ่ามาใช้เสียเลย

ใส่เพิ่มในชิ้นส่วนหุ่นเชิด ในที่สุดก็ทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้มีจิตวิญญาณ พร้อมกันนั้นยังเริ่มมีชีวิตขึ้นมา

กระทั่งวันสุดท้าย หลังจากเขาทำมุทรา หุ่นเชิดเกราะดำที่สูงใหญ่ราวกับยักษ์ 2 ตัวปรากฏอยู่ตรงหน้าทั้ง 3

หุ่นเชิด 2 ตัวนี้แผ่กลิ่นอายเย็นเยือกทั่วร่าง ยังมีพลังกดดันน่าหวาดกลัวแผ่วงกว้าง ถึงกับดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าหุ่นเชิดที่สวี่ชิงเจอในถ้ำใต้ดินตอนแรก

“สำเร็จถึงระดับกายเนื้อเตรียมสู่เทวะ 1 เขตขั้น!!”

นายกองสีหน้าออก

ต้องทราบว่ามองทอดไปในเผ่ามนุษย์ หุ่นเชิดแบบนี้พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ต่อให้เป็นความทรงจำชาติก่อนของเอ้อร์หนิวก็หาได้ยากยิ่ง

“หุ่นเชิดระดับนี้ข้าก็เพิ่งเคยสัมผัสและหลอมเป็นครั้งแรกในชีวิต”

ฝานซื่อซวงหายใจเข้าลึก มองหุ่นเชิดตรงหน้า ในใจก็เกิดความโลภเข้มข้นตามสัญชาตญาณ เขาในฐานะปรมาจารย์หุ่นเชิดรู้คุณค่าของหุ่นเชิด 2 ตัวนี้มากกว่าใคร

‘เสียดาย 2 คนนี้คอยจับตา ข้าลงมือไม่ได้…’

‘และที่หุ่นเชิดแบบนี้บรรลุถึงขั้นนี้ได้ แม้วัตถุดิบเหล่านั้นของข้าส่งผลไม่น้อย แต่จุดสำคัญในนั้น…ยังคงเป็นการสังเวยหลอมและระดับเดิมของชิ้นส่วนเหล่านั้น’

‘ผู้บำเพ็ญที่หลอมหุ่นเชิดนี้ออกมาตอนนั้น พลังบำเพ็ญอย่างน้อยก็เป็นเตรียมสู่เทวะขั้นสูง อาจถึงเจ้าเหนือหัวก็เป็นไปได้…ดังนั้นถึงได้หลอมหุ่นเชิดในขั้นเตรียมสู่เทวะ’

‘นอกจากยังมีชิ้นส่วนเหล่านั้นอีก ไม่อย่างนั้น…ยากจะมีตัวที่ 3’

ฝานซื่อซวงทอดถอนใจอยู่ข้างใน แต่ความเป็นจริงยังคงทำให้เขาเก็บความโลภทั้งหมดไว้ บัดนี้ลุกขึ้นกวาดมองสวี่ชิงกับเอ้อร์หนิวอย่างเย็นชา

“ข้าไปได้หรือยัง”

เอ้อร์หนิวลุกขึ้นทันที ชื่นชมเสียงดังลั่น “สหายฝาน ไม่ธรรมดาจริงๆ”

ด้านสวี่ชิงก็เผยรอยยิ้ม

ฝานซื่อซวงสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่ในใจเกิดความตื่นเต้นด้วยคำชมกับการยอมรับจากพวกสวี่ชิงอีกครั้ง ทว่าพริบตาต่อมาเขาก็รู้สึกเสียใจ ความรู้สึกเช่นนี้เขาสัมผัสมาหลายครั้งใน 1 เดือนกว่าที่ผ่านมา

ตอนนี้เขาแค่อยากกลับไป จึงไม่พูดพร่ำทำเพลง พลันเคลื่อนกายเหาะออกจากจวนรีบมุ่งหน้าไปยังฐานที่ตั้ง

วันนั้นเขาก็ออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์พร้อม 2 เผ่าที่รอเขา…

ส่วนหุ่นเชิด 2 ตัวนั้นย่อมเป็นของสวี่ชิงกับนายกองคนละตัว เอ้อร์หนิวจากไปอย่างสุขใจ เตรียมไปตั้งใจศึกษาเสียหน่อย เพราะตัวนั้นของเขาในครึ่งเดือนนี้เขาขอให้ฝานซื่อซวงเพิ่มคุณสมบัติสะกดรอย

“ตาเฒ่าเฮงซวย ข้าต้องหาท่านให้เจอ!”

หลังออกจากจวนสวี่ชิง เอ้อร์หนิวเลียริมฝีปากด้วยตื่นเต้นอย่างยิ่ง

เวลาไหลผ่านไปเช่นนี้

หลายวันต่อมา ห่างจากการบูชาบรรพชนเพียง 2 วัน…

สวี่ชิงที่กำลังฝึกบำเพ็ญในสระวิญญาณในจวนพลันลืมตามองไปข้างนอก

มีคนส่งกล่องไม้มาใบหนึ่ง

วางไว้ตรงหน้าประตู

ผู้มาเยือนเป็นเด็กคนหนึ่ง

“ข้าน้อยส่งสิ่งนี้มาตามคำสั่งของท่านราชครูขอรับ”

พูดจบ เด็กน้อยค้อมกายคารวะ หมุนกายจากไป

ผ่านไปครู่ใหญ่ กล่องไม้นี้แตกละเอียดกลางสายลม เผยให้เห็นของข้างใน

เป็นตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่ง

นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวอะไรกับผู้บำเพ็ญ หากเป็นของที่มาจากชาวบ้าน

เพียงแต่ตุ๊กตาผ้านี้ราวกับเคยแยกออกเป็นชิ้น เป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วนแล้วถูกเย็บรวมกันใหม่…

สีหน้าของมัน คล้ายกำลังร้องไห้

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version