บทที่ 941 ยังมีอีกหรือไม่?
ประโยคนี้ออกจากปากหนิงเหยียน!
เสียงนั้นดังก้องกังวานอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดพายุโหมกระหน่ำในจิตใจของผู้คน สะเทือนไปถึงวิญญาณ
สวี่ชิงมองหนิงเหยียน ลอบทอดถอนใจ ด้วยความที่เขารู้จักหนิงเหยียน เขาจึงเห็นเบาะแสและเดาได้ทันทีว่าใครเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
“มิน่าเล่าถึงได้ปิดด่านมาโดยตลอด…”
หนิงเหยียนสาวเท้าไปข้างหน้า สายตาคมกริบปะทะกับจักรพรรดิมนุษย์โดยไม่หลบเลี่ยง
“เสด็จพ่อ ข้าพูดผิดหรือไม่?”
ขณะที่กล่าว คลื่นความผันผวนของสายโลหิตราชวงศ์พลันปะทุขึ้นไปบนฟากฟ้า ม้วนตัวเข้ากำดวงชะตาเผ่ามนุษย์ ทำให้พลังดวงชะตานั้นปั่นป่วนทันใด
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่เท้าของเขากระแทกลง เส้นไหมสีดำสนิทยาวเหยียดก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่ารอบๆ ตัวเขา หมุนวนอยู่หลายตลบก่อนที่จะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
“และวันนี้ ข้าก็มีสิ่งของ 3 อย่างที่จะนำมาบูชาท่าน!”
ในขณะที่เสียงของหนิงเหยียนดังขึ้น เส้นไหมยาวเหยียดที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ที่แผ่ขยายออกทั่วผืนฟ้าเหมือนมังกรดำ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุด…ก็กลายเป็นม้วนหนังสือ!
ภายในนั้นมีภาพนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ภาพเหล่านั้นเป็นภาพความทุกข์ยากและความโศกเศร้าของผู้คน!
เห็นภาพผู้คนกินเนื้อคนอันน่าสลดหดหู่ ภาพร่างที่ถูกแช่แข็งจนตายในเหมันต์ฤดูอันหนาวเหน็บ ชาวบ้านตาดำๆ ร่ำไห้ในเปลวเพลิง และเด็กๆ ที่ทุกข์ทรมานในไอพลังประหลาด…
เข่นฆ่า เผา ปล้น ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ความทุกข์ยากทั้งมวลของชีวิตในโลกีย์ ล้วนผุดขึ้นภายใน
มีคนอดตาย มีคนถูกสังเวยจนถึงแก่ความตาย มีคนเกิดมาได้ไม่นานก็ถูกสังเวยจนตาย
มีคนดีตายเพราะความดี คนชั่วตายเพราะถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม มีคนร้ายอาละวาด เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังก้าวไปทั่วผืนฟ้า
ฉากอันน่าสยดสยอง…ฉากแล้วฉากเล่า
สวี่ชิงมองดูสิ่งเหล่านี้ หลายสิ่งเขาเคยประสบพบเจอมาก่อน ความทรงจำครั้งเยาว์วัยผุดขึ้นมา
เขาในตอนนั้นเคยสงสัยว่าเหตุใดโลกมนุษย์จึงเป็นเช่นนี้ เหตุใดฟ้าดินจึงเป็นเช่นนี้
เหตุใดในชีวิตนี้ทุกที่ที่มองผ่านไปล้วนเห็นแต่ความสามานย์ในความสามานย์
เหตุใดการอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปจึงกลายเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของตน
แสงสว่าง อยู่แห่งหนใด…
สวี่ชิงนิ่งเงียบ
4 ทิศเงียบสงัด
ฟ้าดินเงียบงัน
มีเพียงหนิงเหยียนเท่านั้นที่ดวงตาแดงก่ำ จ้องเขม็งมองจักรพรรดิมนุษย์ที่นิ่งเงียบไม่ปริปาก แล้วกัดฟันเอ่ย
“นี่คือภาพแห่งความแค้น ภาพความเวทนาของผู้คนธรรมดาในดินแดนของท่านในช่วงเวลาที่ท่านครองราชย์ เสียงร่ำไห้ของพวกเขา ความเจ็บปวดของพวกเขา ความสับสนของพวกเขา วันนี้…จักรพรรดิมนุษย์ ท่านลองฟังดูหน่อยจะเป็นไร!”
“ท่านเป็นจักรพรรดิมนุษย์เช่นนี้ได้อย่างไร!!”
“ท่านบวงสรวงต่อบรรพชนอย่างหน้าซื่อใจคดได้อย่างไร!!”
“ท่านกล่าวอ้างความดีความชอบของตนเองอย่างไม่อายฟ้าดินได้อย่างไร!!”
“วันนี้ ข้าไม่ยอมรับ ประชาชนที่ตายตกในช่วง 3,000 ปีที่ผ่านมาไม่ยอมรับ!”
ขณะที่พูด หนิงเหยียนสะบัดแขนอย่างแรง ทันใดนั้นท้องฟ้าก็ส่งเสียงคำราม ภาพแห่งความคั่งแค้นสั่นคลอนและแตกสลายทันใด กลายเป็นจุดดำนับไม่ถ้วน ผสมผสานเข้ากับดวงชะตา 8 ทิศ
ทันใดนั้นดวงชะตาเผ่ามนุษย์ก็ปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในที่สุดก็ก่อตัวเป็นกระแสวน หมุนคว้างเหนือแท่นบูชา
คลื่นความผันผวนนั้นรุนแรงสั่นสะเทือนฟ้าดิน
“เสวียนจั้น ขึ้นสวรรค์ก็ไม่มีสิ่งใดต้องละอายใจต่อบรรพชน ลงมาสร้างคุณแก่ลูกหลานมากมาย ท่านพูดออกมาได้อย่างไร!”
“ในภาพนั้นผู้ที่ท่านบวงสรวงนั้น ได้ปัดเป่าความทุกข์ยากของผู้คนหรือไม่?”
“ในรายชื่อวิญญูชนที่ท่านบวงสรวงนั้น เคยจารึกความอดสูของลูกหลานไว้หรือไม่?”
“ลมพายุที่ท่านส่งลงมาให้เผ่ามนุษย์ สิ่งที่เรียกว่าฟ้าฝนต้องตามฤดูกาลนั้นอยู่ที่ใด?”
เสียงของหนิงเหยียนดุดัน แผดก้องไปทุกทิศทาง เช่นเดียวกับท้องฟ้า ดวงดาราจักรพรรดิสั่นคลอน แม้แต่แท่นบูชาสวรรค์ยังสะเทือนไปด้วย พลังสะกดยิ่งใหญ่ปะทุขึ้นฉับพลัน จากดวงชะตาเผ่ามนุษย์ที่ปนเปื้อนด้วยจุดดำ
ทว่าฝั่งจักรพรรดิมนุษย์ยังคงนิ่งงัน จ้องมองหนิงเหยียนด้วยดวงพระพักตร์ราบเรียบไร้ความเปลี่ยนแปลงใดๆ
เมื่อหนิงเหยียนเห็นดังนั้น เขาก็ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ในเมื่อท่านไม่ยอมปริปาก เช่นนั้นข้าในฐานะบุตรชายของท่าน ขอมอบของขวัญชิ้นที่ 2 ให้แก่พระบิดา!”
พูดจบ หนิงเหยียนก็ยกมือขึ้นจากนั้นม้วนหนังสือที่ 2 ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ม้วนกระดาษนี้เป็นสีแดงเข้ม แผ่ออกไปบนท้องฟ้า ภายในนั้นมีภาพนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเช่นกัน
เป็นภาพของ…ขุนนางเผ่ามนุษย์นับร้อย!
โลภโมโทสัน บาปกรรม เข่นฆ่า ทั้งปวง ล้วนประจักษ์ชัดแก่ดวงตา ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิมนุษย์ แต่ละตระกูลล้วนทำบาปมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เพื่อจุดยืนที่แตกต่าง เพื่อเป้าหมายของแต่ละคน!
หลายอย่างน่าสยดสยอง!
นี่คือบัญชีความผิดของขุนนาง!
การปรากฏตัวของมันทำให้ขุนนางหลายคนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก จิตใจของพวกเขากรีดร้อง ตกตะลึงอย่างที่สุด
ความรู้สึกพรั่นพรึงรุนแรงถึงขีดสุด
“เสวียนจั้น นี่คือแผ่นดินของท่านหรือ? นี่คือบ้านเมืองของท่านหรือ?””
หนิงเหยียนหัวเราะลั่น ทันใดนั้นม้วนกระดาษสีแดงก็แตกสลายลงทันที กลายเป็นจุดสีแดงนับไม่ถ้วน ผสมผสานเข้ากับดวงชะตาของเผ่ามนุษย์เช่นกัน
การปั่นป่วนของโชคชะตานั้นรุนแรงยิ่งกว่าเดิมในขณะนี้ จนเกินขีดจำกัด ราวกับยักษ์ยุคบรรพกาลคำรามใส่แท่นบูชา
ราวกับกำลังตั้งคำถาม
ทว่าจักรพรรดิมนุษย์ยังคงสงบนิ่ง มองหนิงเหยียนโดยไม่ตรัสสิ่งใด
เมื่อเห็นดังนั้นหนิงเหยียนก็สูดหายใจลึก แล้วหยิบของชิ้นที่ 3 ออกมา!
นั่นคือกะโหลกศีรษะสีเลือด!
กะโหลกศีรษะของมนุษย์
และดูเหมือนว่าไม่ใช่ของผู้ใหญ่ แต่เป็นของเด็ก
เลือดบนนั้นดูเหมือนเป็นเลือดในร่างกายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ไหลย้อนกลับมารวมตัวกัน ทำให้กระดูกเป็นสีแดง
หนิงเหยียนถือกระโหลกใบนั้นไว้ ตาจ้องมองจักรพรรดิมนุษย์ กัดฟันกล่าวในสิ่งที่ทำให้สีหน้าของทุกผู้ทุกนามต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง!
“เสวียนจั้น ท่านไม่รู้จักหัวกระโหลกใบนี้หรือ ไม่เป็นไร วันนี้ข้าจะทำให้ท่านรู้จักเอง”
พูดจบ หนิงเหยียนก็กวาดตามองไปทั่วทิศทาง มองผ่านพวกสวี่ชิงไปและทอดสายตาออกไปนอกดาราจักรพรรดิโบราณ และสุดท้ายก็จ้องมองดวงชะตา
พูดด้วยน้ำเสียงดังลั่น
“บรรพชนอยู่เบื้องบน ดวงชะตาของเผ่าพันธุ์ข้าที่อยู่เบื้องบน หมื่นหมื่นเผ่ามนุษย์ที่อยู่เบื้องบน”
“ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดจักรพรรดิมนุษย์จึงได้ขึ้นเป็นเจ้าเหนือหัว!”
คำพูดนี้สร้างความฮือฮาอีกครั้งจากทุกทิศทุกทาง เพราะการขึ้นเป็นเจ้าเหนือหัวของจักรพรรดิมนุษย์นั้น เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะขึ้นครองราชย์…
“คนนอกส่วนใหญ่คิดว่าเสวียนจั้นอาศัยสายโลหิตเพื่อทะลวงมหาขั้นเตรียมสู่เทวะ และก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเจ้าเหนือหัว แต่ในความเป็นจริง …เขาลักลอบสังเวยสิ่งมีชีวิต 9 แคว้นนอกอาณาเขตให้กับตนเอง เพื่อเลื่อนขั้น”
“สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหา ถึงอย่างไรก็เป็นเผ่าพันธุ์ต่างแคว้นเท่านั้น ทว่าในบรรดา 9 แคว้นที่ถูกสังเวยนั้น นอกจากชาวต่างเผ่าจำนวนมากแล้ว ยังมีประชาชนของเผ่ามนุษย์ปะปนอยู่!”
“เสวียนจั้นตนเป็นจักรพรรดิมนุษย์ เป็นจักรพรรดิของเผ่ามนุษย์ทุกผู้ทุกนาม แม้ว่าประชาชนจะอยู่นอกอาณาเขต แต่พวกเขาก็เป็นประชาชนของเรา!”
“แต่เขาไม่สนใจความเป็นตายของประชาชน กระทำสิ่งที่โหดร้าย ผิดต่อฟ้าดิน!”
“ระดับเจ้าเหนือหัวที่ท่านเลื่อนขั้นขึ้นไป มีเลือดเนื้อประชาชนเผ่ามนุษย์ มีวิญญาณของประชาชนเผ่ามนุษย์อยู่”
เสียงของหนิงเหยียนดังกระหึ่มราวกับฟ้าร้อง ระเบิดออกในเมืองหลวง
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น ส่งกะโหลกศีรษะสีเลือดขึ้นไปบนท้องฟ้า ส่งเข้าไปในกระแสวนแห่งดวงชะตาเผ่ามนุษย์
“ขอดวงชะตาเผ่ามนุษย์ จงตัดสิน”
บนท้องฟ้า กะโหลกศีรษะสีแดงหายไป สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กระแสวนแห่งดวงชะตาโดยสัญชาตญาณ จนกระทั่งในวินาทีต่อมา ก็มีมังกรแห่งดวงชะตาพุ่งออกมาจากกระแสวน ส่งเสียงคำรามตรงไปยังที่ที่จักรพรรดิอยู่
เสียงร้องนั้นหวีดแหลมจับจิต
ในชั่วพริบตานี้ สีหน้าและจิตใจของทุกคนเปลี่ยนไปพร้อมๆ กัน
ส่วนกระแสวนดวงชะตาสีดำแดงนั้นก็หมุนเร็วขึ้น ส่งเสียงกัมปนาท สะเทือนฟ้าสะท้านดิน ท่ามกลางเสียงคำรามของมังกรดวงชะตา
ราวกับถูกความเคียดแค้นที่แผ่กระจายไปในตัว น้ำพัดพาเรือไปได้ แต่สามารถพลิกเรือคว่ำได้เช่นกัน ชั่วพริบตาเดียว เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นเรื่อยๆ โซ่เหล็กสีดำและสีแดงก่อตัวขึ้นจากกระแสวนดวงชะตานี้ กวัดแกว่งลงมาเบื้องล่าง
จำนวนมากมายหลายพันเส้น
พุ่งตรงไปยังจักรพรรดิมนุษย์บนแท่นบูชาสวรรค์เบื้องล่าง ทว่าจักรพรรดิมนุษย์กลับไม่มีการต่อต้านใด ๆ ปล่อยให้โซ่เหล่านั้นตกลงมากระทบและพันธนาการร่างกาย และพาร่างของตนลอยขึ้นไปในอากาศ
ชั่วขณะต่อมา โซ่เหล็กจำนวนมากขึ้นก็ปะทุออกมาจากดวงชะตา เพิ่มพลังสะกด โทษทัณฑ์แห่งดวงชะตาหนักหน่วงขึ้น!
เมื่อเห็นฉากนี้ หนิงเหยียนก็มองจักรพรรดิมนุษย์แน่นิ่ง
“ก่อนหน้านี้ท่านไม่ยอมพูด มาถึงตอนนี้แล้ว ท่านยังไม่มีอะไรจะพูดอีกหรือ!”
สีพระพักตร์ของจักรพรรดิมนุษย์ยังคงสงบราบเรียบ
แม้ว่าจะถูกสะกดโดยดวงชะตาเผ่ามนุษย์ ถูกตรึงด้วยโซ่เหล็ก พระองค์ยังคงทอดพระเนตรมองหนิงเหยียนราวกับว่ากำลังรอสิ่งที่อีกฝ่ายจะทำต่อไป
ฉากนี้ทำให้ขุนนางประหลาดใจ จิตใจหนิงเหยียนยังดิ่งวูบ
แต่เขามั่นใจในการเตรียมการของตน เมื่อลูกธนูพาดคันศรแล้ว ก็ต้องยิงออกไป!
ดังนั้นเขาจึงแผดเสียงคำรามด้วยดวงตาที่แดงก่ำยิ่งขึ้น
“เจ้ายังไม่ลงมืออีกหรือ!”
คำพูดนี้ไม่ได้พูดกับจักรพรรดิมนุษย์
เพราะทันทีที่ถ้อยวจีนั้นดังขึ้น ภาพที่ทำให้สวี่ชิงหยุดหายใจก็ปรากฎขึ้น
อ๋องเจิ้นเหยียนข้างกายเขาหายตัวไปในพริบตา!
ท้องฟ้าแยกออกเป็นรอยร้าวในชั่วขณะ
ร่างของอ๋องเจิ้นเหยียนก้าวออกมาจากภายใน ใบหน้าราบเรียบไม่ปรากฎอารมณ์ พลังมหาศาล พลังของเตรียมสู่เทวะ 8 เขตขั้นปะทุออกเต็มกำลัง ราวกับจะสะกดหมื่นทวยเทพได้
ก้าวไปข้างหน้าด้วยพลานุภาพดุจสายรุ้ง ยกดาบยาวขึ้นตรงหน้า พุ่งตรงเข้าใส่จักรพรรดิมนุษย์…
ฟาดฟันลงไป!
เพียงดาบเดียว มองเห็น 8 โลกส่องแสง ส่งเสียงคำรามกึกก้อง รวมตัวกันในแสงดาบ ก่อตัวเป็นพลังทำลายล้างโลกา สังหารสิ้นซาก!
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนในดาราจักรพรรดิโบราณไม่ทันได้ตอบสนอง เพราะการก่อกบฏและปลงพระชนม์จักรพรรดิของอ๋องเจิ้นเหยียนเหนือความคาดหมายของทุกคน
หากใครอื่นเป็นผู้ทรยศย่อมมีโอกาสเป็นไปได้ แต่ในความคิดของทุกคนอ๋องเจิ้นเหยียนผู้ต่อสู้ ทุ่มเททรงงานหนักเพื่อเผ่ามนุษย์มานานหลายปีไม่มีทางเป็นผู้ทรยศอย่างแน่นอน!
ทว่าตอนนี้…กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ขึ้น!
เขาเป็นไพ่ตายของหนิงเหยียนจริงๆ
ในชั่วพริบตา พายุในใจของแต่ละฝ่ายยิ่งใหญ่ขึ้น ตกตะลึงถึงขีดสุด แต่ไม่มีเวลาให้คิดมากขึ้น เมื่อเห็นว่าการบวงสรวงครั้งนี้กลายเป็นการปลงพระชนม์จักรพรรดิ ผู้บำเพ็ญทั้งภายในและภายนอกดาราจักรพรรดิโบราณ ต่างพุ่งไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณ หมายจะขัดขวาง
ทว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นเร็วที่สุดคือร่างชายชราที่ปรากฏขึ้นกะทันหันเบื้องหน้าจักรพรรดิมนุษย์ เขาแต่งกายด้วยชุดขันที ราวกับว่าอยู่ตรงนั้นเสมอ ปรากฎกายในชั่วพริบตา ยกมือขึ้นรับดาบที่อ๋องเจิ้นเหยียนฟันลงมา
พลังมหาขั้นเตรียมสู่เทวะ 9 เขตขั้นปะทุออกมาจากร่างชายชราผู้นี้
เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของเผ่ามนุษย์!
การโจมตีนี้ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ลมพายุโหมกระหน่ำ ดาบอ๋องเจิ้นเหยียนถูกขวางไว้โดยตรง!
ทว่าด้วยพลัง 9 เขตขั้นของเขา เขาก็ถอยกรูดไปหลายก้าวพร้อมกับกระอักเลือกออกมาหลังจากรับดาบเอาไว้
เห็นได้ชัดว่าอ๋องเจิ้นเหยียนไม่ธรรมดา!
ส่วนผู้บำเพ็ญที่พุ่งเข้ามาคุ้มกัน เพียงก้าวเข้ามา ค่ายกลเผ่ามนุษย์ก็ปะทุขึ้น ขัดขวางทุกคนไว้ภายนอก
ดาวดวงนี้ ห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ามา!
ส่วนผู้ที่อยู่ในดาราจักรพรรดิโบราณ แม้จะพุ่งตัวเข้าใส่ ก็ต้องกระเด็นออกจากเนื่องจากดาบของอ๋องเจิ้นเหยียน
ทว่าอ๋องเจิ้นเหยียนไม่อาจโจมตีได้มากขึ้นกว่านี้ เนื่องจากติดพันกับขันที 9 เขตขั้น
สวี่ชิงมองฉากนี้ แล้วมองหนิงเหยียน
ดวงตาของหนิงเหยียนเต็มไปด้วยจิตสังหาร พุ่งตัวเข้าใส่จักรพรรดิมนุษย์ที่ถูกพันธนาการ เอื้อมมือคว้าอากาศ แล้วหอกยาวก็ปรากฎขึ้น
ทว่าตอนนั้นเอง จักรพรรดิมนุษย์ที่ถูกดวงชะตาเผ่ามนุษย์พันธนาการก็ขยับร่างเล็กน้อย เกิดเสียงครืนครั่น โซ่เหล็กเส้นหนึ่งก็พังทลาย
จากนั้นเมื่อกลิ่นอายจักรพรรดิมนุษย์แผ่ซ่านออกไป กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า โซ่เหล็กรอบกายไม่อาจทานทน แตกสลายอย่างต่อเนื่องในชั่วพริบตา
ระหว่างการพังทลายนี้ ใบหน้าของจักรพรรดิมนุษย์ยังคงเรียบเฉย มองหนิงเหยียนที่ร่างหยุดชะงัก สีหน้ามืดครึ้ม แล้วเอ่ยถ้อยคำแรกของวันกับหนิงเหยียน
“สิบเอ็ดน้อย ยังมีอีกหรือไม่?”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
