Skip to content

Outside Of Time 940


บทที่ 940 เหตุกาณ์เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สะท้านฟ้า!

เสี้ยวขณะนี้ นอกดาวจักรพรรดิโบราณ บนสะพานหมอก 7 สี ขุนนางใหญ่ทั้งหลายพันคนที่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในดาวจักรพรรดิต่างก้มหน้า ยืนอย่างเคร่งขรึม

HH

นอกสะพาน ผู้บำเพ็ญทั้งหลายต่างคุกเข่าคำนับคารวะ

กระทั่งว่ากวาดตาไปทั่วทั้งเมืองหลวงก็ล้วนเป็นเช่นนี้ มังกรพลังชะตาบนท้องฟ้าคำราม ประกายแสงบนผืนฟ้าฉายวูบวาบ ค่ายกลเผ่ามนุษย์เปิดออกอย่างเต็มที่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เกิดเป็นเขตแดนกว้างใหญ่ไพศาล

ไม่ใช่แค่เมืองหลวงที่เป็นเช่นนี้ ตอนนี้…ดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิ ตลอดจนพื้นที่ทั้ง 7 เขตการปกครอง รวมไปถึงแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ แผ่นดินใหญ่วิญญาณทมิฬ แผ่นดินใหญ่ฟ้าทมิฬ…ดินแดนทั้งหมดต่างร่วมพิธีเซ่นไหว้ โค้งคารวะอย่างเคร่งขรึมจริงจัง

เจ้าเขตปกครองทุกแห่ง กองทัพทุกแห่ง ต่างได้รับประกาศตั้งนานแล้ว

นี่เป็นพิธียิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์ ดังนั้นในเสี้ยวขณะนี้ ในพื้นที่เผ่ามนุษย์ทั้งหมด คนที่รู้เรื่องนี้ทั้งหมดแทบจะทุกคน สายตาต่างมองไปทางดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิโดยไม่ได้นัดหมาย

และวันนี้ ต่างเผ่าทุกเผ่าที่อยู่ในขอบเขตพื้นที่เผ่ามนุษย์ ขั้วอำนาจที่จิตใจมีความคิดฟุ้งซ่าน ก็ต่างเก็บความคิดลงไปตามสัญชาตญาณ ไม่กล้าก่อความวุ่นวายในวันเซ่นไหว้บรรพชนของเผ่ามนุษย์

เพราะการก่อความวุ่นวายในเวลาปกตินับว่าเป็นการก่อความวุ่นวายเล็กๆ แต่หากก่อความวุ่นวายในวันนี้ จะต้องเป็นเรื่องใหญ่สะท้านฟ้าดินแน่นอน นั่นคือการไม่เคารพต่อเผ่ามนุษย์อย่างรุนแรง ต่างเผ่าที่อยู่ในขอบเขตพื้นที่เผ่ามนุษย์ จะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร

เพียงพริบตา ในพื้นที่เผ่ามนุษย์ พลังชะตาพวยพุ่ง กระทั่งว่าสายเลือดยังแผ่ระลอก ทำให้ฟ้าของแผ่นดินต้องประสงค์ต้องเดือดพล่านด้วยการนี้ เมฆหมอกแผ่ลาม ก่อเป็นพลังมหาศาลเกรียงไกร

พันธมิตรฝ่ายต่างๆ ก็ร่วมเซ่นไหว้ด้วยตามสัญญา

เผ่าไป๋เจ๋อและเผ่าคุมหายนะไม่พูดถึง แต่ในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา พวกรัฐทายาทในใจต่างสะท้อนใจ สีหน้าทอดถอนใจ ต่างทอดสายตามองเมืองหลวงจากแท่นบูชาเซ่นจันทราเช่นกัน

พวกเขาแม้จะเป็นเอกราช อีกทั้งรากฐานก็อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาเอง เพียงแต่…ระหว่างเผ่ามนุษย์จะตัดขาดไปได้อย่างไร

ส่วนนอกแผ่นดินเผ่ามนุษย์ ต่างเผ่าฝ่ายต่างๆ ที่ล้อมรอบเผ่ามนุษย์ก็ต่างแตกตื่น จัดกองทัพมากมายรวมตัวไปที่ชายแดน

พวกเขาไม่ได้มีความคิดที่จะบุกรุก ทุกอย่างนี้ก็เพื่อป้องกันเผ่ามนุษย์ใช้เซ่นไหว้บรรพชนเป็นอุบายทำการรุกรานโจมตี

ขณะเดียวกัน เผ่าแข็งแกร่งทั้งหมดในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ สายตาก็มองรวมมาที่เมืองหลวงเช่นกัน ในขณะที่ความติดแตกต่างกันไป ก็มีความคิดมากมายนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา

เพราะ…เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงของเผ่านภาคิมหันต์ก่อน จากนั้นเผ่ามนุษย์ก็แทบจะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพชนในเวลาต่อมาทันที

พื้นที่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์อันกว้างใหญ่ผืนนี้ ในเวลาสั้นๆ เพียง 1 ปี เรื่องใหญ่สำคัญที่เกิดขึ้น…ค่อนข้างจะถี่แล้ว

เช่นนี้จะไม่ให้เผ่าแข็งแกร่งเหล่านั้นให้ความสำคัญได้อย่างไร

ความคิดของแต่ละฝ่ายต่างมีความรู้สึกเหมือนลมพายุกำลังตั้งเค้าพัดโหมกระหน่ำ

ดังนั้น ในวันนี้ เผ่ามนุษย์จึงกลายเป็นเป้าสายตาเพียงหนึ่งเดียวในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

ความคิดมากมายหลอมรวม ดวงจิตนับไม่ถ้วนเชื่อมโยง สายตามหาศาลจับจ้อง

หากมีพิธีอะไรที่สามารถสั่นสะท้านโบราณและปัจจุบันได้ เช่นนั้น…หลอมรวมความคิด ดวงจิต สายตาของทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นได้

และในตอนนี้ เมืองหลวงของเผ่ามนุษย์ที่รวมตัวกันในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ในดาวจักรพรรดิโบราณลึกลับที่ลอยขึ้นดวงนั้น กลิ่นอายแต่ละกลุ่มๆ ที่มาจากในส่วนลึกของดาวดวงนี้ก็หมุนวนอย่างน่าสะพรึงกลัว

ประตูต่างมิติทั้งหมดที่แหลกละเอียด ในขณะที่หล่อเลี้ยงดวงดาว การหมุนของพวกมันก็ทำให้เกิดคลื่นวนขนาดมหึมาขึ้นด้วย

หมุนวนครืนครั่นเลื่อนลั่น ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี

ในใจกลางคลื่นวนนี้ ก็คือศูนย์กลางของสายตาในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ตอนนี้ บนหอบูชาฟ้ากว้างใหญ่มหึมาที่ลอยขึ้นในนั้น ผู้บำเพ็ญทั้งหลายเคร่งขรึม องค์ชายทั้ง 5 ติดตาม จักรพรรดิมนุษย์…เดินนำอยู่ข้างหน้าเพียงคนเดียว!

เหนือศีรษะของเขาไม่มีอะไรขวางกั้น ใต้เท้าไร้สิ่งขัดขวาง หมายถึงศีรษะผสานกับฟ้า เท้าหลอมรวมกับดิน ใช้พิธีกรรมแสดงความจริงใจ

เดินไปทีละก้าวๆ เหยียบไปบนขั้นบันไดหอบูชาฟ้า มุ่งหน้าไปยังจุดสูงสุด

เสียงแซ่ซ้องที่แฝงด้วยความทรงอำนาจน่าเกรงขามอย่างน่าประหลาด มาพร้อมกับฝีเท้าของจักรพรรดิมนุษย์ ดังมาจากความว่างเปล่า ดังมาในขณะนี้

“บรรพชนพสุธาแดนดินบุกเบิกต้องประสงค์”

“บารมีแห่งคุณธรรมแผ่ขยายทั่วทั้งจักรวาล ประทานพรแก่สวรรค์และดวงวิญญาณ บำเพ็ญคุณธรรมและเสริมสร้างพลังอันกล้าแกร่ง เหล่าหมู่ชนร่วมใจเป็นหนึ่ง สืบทอดรุ่นแล้วรุ่นเล่า ดุจสายน้ำไม่มีที่สิ้นสุด”

“เข้มแข็งพึ่งพาตน เซ่นบวงสรวงนำมาซึ่งความรุ่งเรือง ยืนยาวผ่านกาลเวลาหลายหมื่นปี แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ปกครองแดนตะวันออก”

“บรรพชนมีลูกหลานนับพันล้าน แผ่ขยายไปทั่วโลกหล้า”

คำพูดนี้เมื่อดังออกมา ทั่วทุกสารทิศต่างหวั่นไหว

ไม่ว่าจะเป็นคนบนสะพานหมอก 7 สี หรือจะเป็นผู้บำเพ็ญในดาวจักรพรรดิ ต่างจิตใจสั่นสะท้านไปทั้งสิ้น

สวี่ชิงพลันเงยหน้าขึ้น

คนทั้งหลายข้างกายต่างสีหน้าเปลี่ยนไป

เพราะ…คำพูดในพิธีเซ่นไหว้กล่าวถึงไม่ใช่จักรพรรดิโบราณเสวียนโยว แต่เป็น…บรรพชนเผ่ามนุษย์!

บรรพชนเผ่ามนุษย์ที่กล่าวคือเซียนกลุ่มในเริ่มแรกสุดกลุ่มนั้นที่มาถึงแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เมื่อร้อยล้านปีก่อน ในบรรดาพวกเขามีเผ่าพันธุ์ทุกเผ่า และเซียนเผ่ามนุษย์ที่เป็นหนึ่งในนั้น ได้ร่วมกับอีก 8 ฝ่ายบุกเบิกพื้นที่แห่งนี้ อีกทั้งยังกำหนดจักรพรรดิโบราณคนแรก ทำให้เผ่ามนุษย์และต่างเผ่าฝ่ายต่างๆ สืบวงศ์พงศ์พันธุ์ต่อไปที่นี่

พิธีเซ่นไหว้ที่ไม่เซ่นสังเวยแด่จักรพรรดิโบราณเสวียนโยว แต่เซ่นสังเวยบรรพชนเผ่ามนุษย์มีให้เห็นน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี

ในยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว พิธีเซ่นไหว้บรรพชนก็เป็นเช่นนี้

และตอนนี้ พิธีเซ่นไหว้บรรพชนของจักรพรรดิโบราณเสวียนจั้น ก็ได้สืบทอดพิธีนี้

จิตใจของแต่ละฝ่ายต่างสั่นสะท้าน ฝีเท้าของจักรพรรดิมนุษย์ไม่หยุดยั้งเลยแม้แต่น้อย ท่ามกลางความเงียบนิ่ง ก้าวเดินต่อไป

เสียงแซ่ซ้องแม้จะสั่นเทา แต่ก็ยังคงดังสะท้อนก้องต่อไป

“ทว่า…ในช่วงเวลาหมื่นปี ฟ้าสูญสิ้นอำนาจ ดินได้สูญเสียวัฏสงสาร หลังยุคบรรพชนมนุษย์ ห้วงเวลาผันผ่านเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า ชะตากรรมของเผ่ารุ่งเรืองบ้าง ศัตรูต่างเผ่าค่อยๆ ผงาดขึ้นมา”

“ผ่านสงครามนับครั้งไม่ถ้วน ความทุกข์ยากถาโถมอยู่ตลอด หมื่นปีแห่งความทุกข์ทน เลือดอาบย้อมแผ่นดิน แม้จะฟื้นตัวขึ้นด้วยเสวียนโยว แต่เทพเจ้ามาเยือน ขั้วอำนาจใหญ่ต่างแดนกำเริบเสิบสาน รุกรานเอารัดเอาเปรียบสร้างประโยชน์ให้ตน”

“ภูเขา แม่น้ำพังทลาย สรรพชีวิตทุกข์ยากลำบาก สงครามวุ่นวายปั่นป่วนไม่จบสิ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายครา เพื่อนบ้านที่แข็งแกร่งจ้องรุกราน บ้านเมืองตกอยู่ในอันตราย”

“การสูญเสียตงเซิ่ง เป็นความผิดของผู้ใด น้ำตาของจิ้งอวิ๋น เป็นโชคของผู้ใด”

“ต่อมาเผ่าฟ้าทมิฬและชื่อหมู่ คลุ้มคลั่งอาละวาด ความมืดปกคลุมทุกแห่งหน กลิ่นคาวเลือดตลบอวลคละคลุ้ง”

“มีเพียงเหล่าทหารและประชาชนของเรา ลุกขึ้นด้วยความกล้าหาญ จุดดวงตะวันแห่งแสงอรุณ ล้างความอัปยศของเผ่าพันธุ์ ลงทัณฑ์เผ่าฟ้าทมิฬ ปลุกจิตวิญญาณห้าวหาญองอาจของเผ่ามนุษย์”

“ฟ้าดินทะยาน โอกาสมาถึง ฟ้าดินเปิด วันนี้ผู้มีพรสวรรค์ปรากฏตัว สร้างบ้านแปงเมือง สร้างความรุ่งโรจน์แห่งเผ่ามนุษย์”

เสียงดังสะท้อนก้อง ทุกคำราวสายฟ้า ทุกประโยคคำรามก้อง ในขณะที่สั่นสะท้านไปทั่วทุกสารทิศ จักรพรรดิมนุษย์…ในที่สุดก็เดินมาถึงจุดสูงสุดของหอบูชาฟ้าแล้ว!

ทันทีที่ยืนอยู่ตรงนั้น ในเสี้ยวพริบตาที่คนทั้งหลายจับจ้อง

เสียงแซ่ซ้องก็ดังขึ้นอีก แม้จะดังขึ้นอีกครั้ง แต่กลับไม่ใช่เสียงเมื่อครู่ แต่เป็นเสียงของจักรพรรดิมนุษย์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของหอบูชาฟ้าดังก้องมา

จักรพรรดิมนุษย์เคร่งขรึม เอ่ยส่งเสียงเป็นครั้งแรก เสียงแฝงไว้ด้วยความทรงอำนาจแห่งฟ้า

“ดวงดาวคล้อยเคลื่อนเปลี่ยนตำแหน่ง กาลเวลาผันผ่าน”

“วันนี้ภูเขาและสายน้ำยิ่งงดงาม ผู้คนเปี่ยมด้วยความสามารถ ก้าวข้ามกาลเวลา สืบทอดอดีตเพื่อสร้างอนาคต รับมือการต่อสู้แห่งเคราะห์กรรม เวลาไม่รอใคร”

“ภารกิจอยู่ในใจ หน้าที่สำคัญอยู่บนบ่า ข้าเสวียนจั้น เบื้องบนไม่ละอายต่อบรรพชน เบื้องล่างสร้างคุณงามความดีให้ลูกหลาน”

“ขอสาบานนำพามนุษย์ขึ้นสู่จุดสูงสุด สร้างความรุ่งโรจน์อีกครั้ง!”

“ขอสังเวยซึ่ง 3 สิ่ง!”

จักรพรรดิมนุษย์เงยหน้า สายตามองไปยังฟ้าดิน จับจ้องไปที่ความว่างเปล่า มองไปนอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

ในดวงตาของเขามีประกายแสงแปลกประหลาด สีหน้าในเสี้ยวขณะนี้ก็มีระคลอกคลื่นอารมณ์

เห็นได้ชัดว่าเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ เหมือนว่ารอวันนี้ รอมานานมากแล้ว

“1 สังเวยแผนที่เผ่ามนุษย์!”

คำพูดของจักรพรรดิมนุษย์ดังออกไป มือขวายกขึ้นแล้วสะบัด ทันใดนั้นทั่วทุกทิศส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มีแผนที่ขนาดมหึมาแผ่นหนึ่งปรากฏข้างหน้าเขา

แผนที่นี้เป็นแผนที่อาณาเขตในปัจจุบันของเผ่ามนุษย์

พื้นที่ 4 ดินแดน ผงาดขึ้นเป็นประจักษ์พยาน

“2 สังเวยบันทึกวิญญาณวีรชน!”

จักรพรรดิมนุษย์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ป้ายหินมากมายลอยต่ำลงมาเสียงดังกึกก้อง จำนวนนับไม่ถ้วน มากมายสุดลูกหูลูกตา ทุกแผ่นบนนั้นล้วนมีชื่อมากมาย นั่นเป็นผู้บำเพ็ญที่แตกดับไปแล้วในห้วงเวลาอันเนิ่นนานนี้ นับจากที่จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวจากไป

รายละเอียดแล้วมีมากเท่าไร ไม่อาจคำนวณได้อย่างชัดเจน และความฮึกเหิมก็ปรากฏขึ้นท่วมฟ้า

สวี่ชิงลมหายใจหอบถี่ มองภาพนี้ บนแผ่นดินที่อยู่ข้างหน้าสุด เขาเห็นชื่อที่คุ้นเคยมากมาย ในนั้นยังมี…เจ้าวังครองกระบี่เขตปกครองผนึกสมุทร ข่งเลี่ยงซิว!

ความโศกเศร้าไม่ได้ผุดขึ้นมาในใจสวี่ชิงเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังแผ่ลามไปในใจของเผ่ามนุษย์มากมาย

พวกเขาล้วนแต่เห็นบรรพชนตระกูลของตัวเองบนป้ายหิน มองเห็นความโศกเศร้าน่าเวทนาในห้วงเวลาเนิ่นนานนับไม่ถ้วนของเผ่ามนุษย์…

“3 สังเวยลมฝน!”

สีหน้าของจักรพรรดิมนุษย์เคร่งขรึมจริงจัง เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

ทันทีที่คำพูดดังออกไป ลมแรงพัดมา ฝนติดตามมาด้วย

ลม คือลมเผ่ามนุษย์ พัดผ่านห้วงเวลาเนิ่นนาน เข้าร่วมสงครามนับไม่ถ้วน ถูกมนุษย์ดึงออกมาจากห้วงกาลเวลา

ฝน คือฝนเผ่ามนุษย์ ในห้วงเวลาอันเนิ่นนาน ฝนที่ซัดสาดลงมาในเผ่ามนุษย์ เป็นประจักษ์พยานต่อขุนเขาและสายธาร เป็นประจักษ์พยานต่อความโศกเศร้า ถูกคนในยุคต่างๆ รวบรวมมาจนถึงวันนี้

รวมเข้าด้วยกัน วันนี้ส่งมา ความหมายคือ…ฟ้าฝนดีตกต้องตามฤดูกาล!

ก็ไม่รู้ว่าเป็นการเสียดสีหรือไม่…

เพราะลม ไม่ได้พัดลงมาจากบนฟ้า แต่พัดจากพื้นดินขึ้นไป เสียงดังกึกก้องบนท้องฟ้า

ฝนก็ไม่ได้ตกลงมาในโลกมนุษย์

แต่หอบม้วนจากผืนโลกไปยังบนท้องฟ้า

เสี้ยวขณะนี้ ต่อให้เป็นคนที่ทึ่มทื่อแค่ไหน ก็สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล บนดาวจักรพรรดิโบราณ ระลอกคลื่นในใจสวี่ชิงยิ่งลูกใหญ่ขึ้น ขุนนางที่อยู่รอบๆ ต่างหายใจหอบถี่ ในดวงตาฉายแววหวาดกลัว

นอกดาวจักรพรรดิโบราณก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ขุนนางทั้งหลายที่อยู่บรสะพานหมอก 7 สีหมอบคารวะอยู่ แต่ละคนใจเต้นแรง มีความรู้สึกกังวลอย่างรุนแรง

ต่อให้เป็นในหมู่ประชาชน แม้ส่วนใหญ่จะยังไม่ทันได้รู้ตัว แต่ผู้มีปัญญาบางคนในนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีจิตใจหวาดหวั่นแล้ว

และการเซ่นไหว้บรรพชนก็ยังคงดำเนินต่อไป

“ด้วยระลึกถึงบรรพชน ขอโปรดปกปักรักษาลูกหลานของเรา หากดวงวิญญาณยังอยู่ พิธีกรรมเซ่นไหว้จงคงอยู่ปราศจากการละเมิด”

หลังจากเซ่นสังเวยเครื่องเซ่นไปแล้ว จักรพรรดิมนุษย์ยืนอยู่ตรงนั้น โค้งคำนับไปทางท้องฟ้า ไปทางนอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์…คำนับครั้งที่ 1 คำนับอีกครั้ง คำนับอีกครา!

การโค้งคำนับทุกครั้งล้วนฉายความเด็ดเดี่ยว!

กราบ 1 ครั้ง 3 ครั้ง 9 ครั้ง!

ทุกครั้งที่กราบล้วนแฝงด้วยความมุ่งมั่น!

เหมือนกำลังกล่าวลา!

ภายใต้การโค้งคำนับ 3 ครั้ง กราบ 9 ครั้ง ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ แผ่นดินใหญ่ทั้ง 3 เผ่ามนุษน์ยังดี แต่ขุนเขาสายน้ำที่อยู่ในดินแดนเมืองหลวงจักพรรดิต่างสั่นไหวขึ้นมาทันที

ขุนเขาคำรามดังสนั่น แม่น้ำซัดโหมหอบม้วน

จากนั้น…ในดาวจักรพรรดิโบราณในเมืองหลวง บนหอบูชาฟ้า เงาภูเขามากมายปรากฏออกมา แม่น้ำเป็นสายๆ ไหลผ่าน

นั่นคือจิตวิญญาณแห่งขุนเขาสายน้ำของแผ่นดินใหญ่มาเยือน!

จากนั้น กลิ่นอายน่ากลัวเหล่านั้นที่วนล้อมอยู่รอบๆ ก็คล้ายว่ามีเสียงถอนหายใจดังสะท้อน เกิดเป็นเงาร่างรางเลือนมากมาย ลงมาเยือนตามขุนเขาและสายน้ำ

เดินเข้ามาในเครื่องเซ่น คล้ายว่าจะรับเครื่องเซ่น

ขณะเดียวกัน พลังชะตาเผ่ามนุษย์ที่เข้มข้นเป็นอย่างยิ่งก็ปะทุออกมาอย่างน่าตื่นตะลึงในเสี้ยวขณะนี้ ปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองหลวง เพียงพริบตา ทุกคนล้วนต้องก้มหน้า ความรู้สึกกดดันควบคุมพลันลงมาเยือน

จักรพรรดิมนุษย์มองเงาขุนเขาแม่น้ำเหล่านั้น มองเงาร่างรางเลือนที่หลอมรวมออกมาเหล่านั้น มองพวกเขาผสานไปในเครื่องเซ่นสังเวย เสียงค่อนข้างแหบแห้ง ไม่ต่ำทุ้มอีกต่อไป แต่เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา

“ขอเชิญ…”

ที่เขาจะพูดออกมาคือ 4 ตัวอักษร เต็มๆ ประโยคก็คงจะเป็นขอเชิญมารับเครื่องเซ่น

เพียงแต่เสี้ยวขณะนี้ ตัวอักษร 2 ตัวแรกพูดออกมาแล้ว แต่ 2 ตัวอักษรสุดท้ายยังไม่ทันได้พูดออกมา…เหตุการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นตะลึงก็เกิดขึ้น!

เสียงหนึ่ง ในเสี้ยวขณะนี้พลันดังออกมาจากข้างหลังจักรพรรดิมนุษย์

“เสวียนจั้น เจ้าคู่ควรเป็นจักรพรรดิมนุษย์ด้วยหรือ”

“วันนี้บรรพชนลงมาเยือน เผ่ามนุษย์ร่วมจับจ้อง ข้า ด้วยฐานะบุตร จะถือกระบี่แห่งเผ่ามนุษย์ ฟาดฟันจักรพรรดิทรราชย์โหดเหี้ยมอำมหิตไร้ความสามารถกัดกินประชาชนที่ไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรม ไร้ความเมตตาอย่างเจ้า!”

เสียงนี้ดังก้องไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้มิติรอบๆ แผ่ระลอกคลื่นบ้าคลั่ง หอบม้วนไปยังท้องฟ้า ทำให้ท้องฟ้าตอนนี้กระเพื่อมระลอกคลื่นรุนแรง

ทั่วโลกตื่นตะลึง

สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นมาทันที เสียงนี้ เขาจำได้ว่าเป็นเสียงของใครทันที…

บนหอบูชาฟ้า จักรพรรดิมนุษย์หันหลังมาอย่างช้าๆ มองไปข้างหลัง

ข้างหลังเขา ในองค์ชายทั้ง 5 ตอนนี้มี 4 องค์หน้าเปลี่ยนสี ถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ มีเพียงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองจักรพรรดิมนุษย์อย่างเย็นชา

เป็น…หนิงเหยียนนั่นเอง!

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version