Skip to content

Queen revenge Chapter 2

Chapter 2

องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์

“เจ้าค่ะ” บ่าวรับคำสั่ง

ไป๋จงหันไปพูดกับน้องว่า “เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนะมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้านะ”

ฮองเฮาหลิวรีบบอก “ไม่ต้อง ข้าต้องการอยู่คนเดียว”

ไป๋จงจ้องหน้าน้องสาวที่พูดจาด้วยน้ำเสียงต่างไปจากเดิมอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่อยากขัดใจน้องรักจึงพยักหน้า “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะมาหาตอนเช้าล่ะกัน”

ฮองเฮาหลิวพยักหน้า

ไป๋จงลูบหัวน้องแล้วก็เดินออกไป

บ่าวก็เดินเข้ามาในห้อง

“พวกเจ้าออกไปให้หมด ข้าต้องการอยู่คนเดียว” ฮองเฮาหลิวสั่ง

“แต่ว่า…”

“ออกไป!” ฮองเฮาหลิวตวาดสั่งเสียงดุทรงอำนาจ

บ่าวนึกกลัวจนต้องรีบออกไปเฝ้าอยู่หน้าห้องแทน

ฮองเฮาหลิวลุกขึ้นไปนั่งส่องกระจกที่โต๊ะ จ้องมองใบหน้าที่สะท้อนในกระจกพลางลูบใบหน้านั้นอย่างครุ่นคิด “ทำไมข้าจึงมาอยู่ในร่างเด็กคนนี้ด้วย? หรือว่านี่เป็นความฝันก่อนตายงั้นรึ?”

มองไปพลางคิดไป สรรหาสารพัดเหตุผลมาสาธยายเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

บ่าวแอบชะเง้อมองคุณหนูที่นั่งส่องกระจกอยู่นาน คุณหนูคงเริ่มโตเป็นสาวแล้วจึงเริ่มรู้จักรักสวยรักงามแล้วแน่ๆ

ฮองเฮานั่งจ้องมองกระจกอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฟุบหน้าไปบนโต๊ะ

ไป๋จงแอบมาดูน้องเห็นฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะก็ค่อยๆอุ้มน้องกลับไปนอนบนเตียง ห่มผ้าให้อย่างห่วงใยแล้วก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงด้วยความรัก

เช้าตรู่ ไป๋จงกับไป๋จื่อฮัวแต่งตัวเข้าวังหลวงแต่เช้า เพราะสถานการณ์ภายในวังไม่ค่อยดีนัก ทั้งสองจึงต้องรีบไปคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ฮองเฮาหลิวลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่นางทำก็คือก้มมองร่างกายตัวเอง เห็นมือเล็กๆคู่เดิมกับร่างกายที่ยังเป็นเพียงเด็กก็ได้แต่ถอนใจ

“คุณหนูตื่นแล้วจะล้างหน้าเลยไหมเจ้าคะ?” บ่าวถาม

ฮองเฮาหลิวหันไปมองแล้วก็พยักหน้า “เจ้าชื่ออะไร?”

บ่าวหันไปมองอย่างงงๆ “อะไรกันเจ้าคะคุณหนู? แกล้งทำลืมชื่อบ่าวแบบนี้ไม่ดีนะเจ้าคะ”

“ข้าถาม เจ้าก็ตอบ” ฮองเฮาหลิวดุ

บ่าวได้ยินน้ำเสียงดุทรงอำนาจก็นึกกลัวขึ้นมาซะเฉยๆ “เอ่อ…บ่าวชื่อเซี่ยวซินเจ้าค่ะ”

ฮองเฮาหลิงมองแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปที่อ่าง

เซี่ยวซินรีบเทน้ำใส่อ่างให้เจ้านาย

ฮองเฮาหลิววักน้ำล้างหน้าแล้วก็รับผ้าเช็ดหน้าจากเซี่ยวซินมาซับน้ำบนใบหน้า

ฮูหยินไป๋ฯเดินเข้ามา “อ้าว…ตื่นแล้วรึเฟิ่งหวง?”

ฮองเฮาหลิวมองตอบสีหน้าสงบนิ่ง

“หิวรึยังเฟิ่งหวง?” ฮูหยินเฟิ่งถามแล้วก็หันไปสั่งบ่าวว่า “ไปยกโจ๊กมาให้คุณหนูเร็ว อ่อ ยกของข้ามาที่นี่ด้วยเลยล่ะกัน วันนี้ข้าจะกินพร้อมเฟิ่งหวง”

“เจ้าค่ะ” เซี่ยวซินรับคำแล้วก็รีบเดินไปสั่งบ่าวคนอื่นต่อ

ฮูหยินไป๋ขยับเข้าไปประคองลูกสาว

ฮองเฮาหลิวเบี่ยงตัวออกแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้

เซี่ยวซินรีบยกอ่างน้ำไปเก็บ

ฮูหยินเฟิ่งมองท่าทีลูกสาวอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร ทรุดตัวลงนั่งข้างลูกสาว

บ่าวยกอาหารเข้ามาวางบนโต๊ะแล้วก็ถอยออกไป

ฮูหยินไป๋รีบจับช้อนตักโจ๊กมาเป่าให้หายร้อนแล้วก็ป้อน “อ้าม…”

ฮองเฮาหลิวมองด้วยสายตาสงบนิ่ง “ข้าตักเองได้ ท่านไม่ต้องป้อนข้าหรอก ท่านก็กินของท่านเถอะ” นางบอกน้ำเสียงเรียบเฉยแล้วก็จับช้อนมาจากมืออีกฝ่าย

ฮูหยินไป๋ได้แต่มองลูกสาวอย่างประหลาดใจที่ลูกสาวที่เคยช่างออดอ้อนกลับมีท่าทางห่างเหินเย็นชาพูดจาเหมือนเป็นคนแปลกหน้า

ฮองเฮาหลิวกินโจ๊กอย่างเรียบร้อย ท่าทางอ่อนช้อยงดงาม

ฮูหยินจ้องมองลูกสาวอย่างประหลาดใจ

ฮองเฮาหลิวชะงักค้างที่ถูกจ้อง หันไปมองฮูหยินไป๋ “ท่านไม่กินหรือ?”

ฮูหยินสะดุ้ง “เอ่อ…กิน” แล้วนางก็ตักกินพลางเหลือบมองลูกสาวไปด้วย

พอกินเสร็จบ่าวก็ยกถ้วยยาบำรุงมาให้พร้อมกับถ้วยน้ำผึ้ง “ยาเจ้าค่ะ”

ฮองเฮาหลิวยกถ้วยยาขึ้นดื่มด้วยท่าทีสงบ พอดื่มหมดก็ดื่มน้ำอุ่นตาม

ฮูหยินได้แต่มองอย่างประหลาดใจ “วันนี้เฟิ่งหวงกินยาง่ายจัง ปกติกว่าเจ้าจะกินยาหมดแม่ต้องปะเหลาะแล้วปะเหลาะอีก”

ฮองเฮามองตอบด้วยสีหน้าสงบนิ่งไม่พูดอะไร นางลุกไปนอนที่เตียงเป็นการตัดบท จากที่ทบทวนข้อมูลเมื่อคืน ไป๋จื่อฮัวเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นมีตำแหน่งเป็นเจ้ากรมกองการศึกษา อีกทั้งยังเป็นราชครูให้องค์ชายและองค์หญิง มีฮูหยินไป๋เฟิ่งเหมยฮวาเป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ไม่มีอนุภรรยา มีลูกชายคนหนึ่งชื่อไป๋จง เป็นขุนนางขั้น 4 อยู่กองการศึกษาเช่นกัน ได้ข่าวว่ามีลูกสาวอีกคนชื่อไป๋เฟิ่งหวงร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก พ่อแม่จึงคอยประคบประหงมไม่ได้ออกสู่สังคม ใครๆต่างก็พากันพูดว่าขุนนางไป๋กลัวเมียจนไม่กล้ามีอนุภรรยา

เสียงฝีเท้าเดินมา ฮูหยินหันไปมองก็เห็นสามีเดินมาสีหน้าเคร่งเครียด “ฮูหยิน สั่งบ่าวไพร่ให้แต่งชุดไว้ทุกข์ให้องค์รัชทายาท เจ้าก็รีบไปเปลี่ยนชุดเสียเถอะ”

“อะไรกันเจ้าคะท่านพี่?” ฮูหยินงุนงง

“องค์รัชทายาทเสวยยาพิษฆ่าตัวตายตั้งแต่เมื่อคืน เพิ่งมีประกาศว่าทรงประชวรจนสิ้นพระชนม์เมื่อเช้านี่เอง ข้าถึงได้รีบกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดี๋ยวจะเข้าวังอีก” ไป๋จื่อฮัวบอก

ฮองเฮาหลิวลุกพรวดขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยิน “หลงซัน!” นางตะโกนลั่นอย่างเสียใจสุดชีวิตแล้วก็หงายหลังสิ้นสติไป

ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวด้วยความตกใจ

ฮูหยินถลาไปดูลูกทันที “เฟิ่งหวง!”

“ตามหมอเร็ว!” ไป๋จื่อฮัวตะโกนลั่น พร้อมกับถลันเข้าไปดูลูก

บ่าวไพร่วิ่งกันพรึ่บพรั่บ “ตามหมอๆๆ”

“เฟิ่งหวง เจ้าฟื้นซิ เฟิ่งหวง เจ้าอย่าเป็นอะไรไปอีกนะ” ฮูหยินเขย่าตัวลูกอย่างสติหลุด กลัวเหลือเกินว่าลูกจะไร้ลมหายใจอีกครั้ง

“ฮูหยิน ใจเย็นๆก่อน ลูกต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน” ไป๋จื่อฮัวจับตัวภรรยามากอดแล้วก็บอกว่า “นางยังหายใจอยู่ เจ้าดูซิ นางแค่เป็นลมไปเท่านั้น”

ฮูหยินซบหน้ากับอกสามี “ท่านพี่ข้ากลัวเหลือเกิน”

“นางต้องไม่เป็นอะไร เมื่อวานนี้นางก็ฟื้นจากความตายมาแล้ว ข้าเชื่อว่านางต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน” ไป๋จื่อฮัวปลอบใจภรรยา

ไป๋จงได้ยินเสียงเอะอะก็รีบวิ่งไปดูทั้งๆที่เพิ่งถอดชุดตัวนอกออก “เฟิ่งหวง” เขาถลันเข้าไปในห้อง ประชิดติดเตียงยื่นมือไปอังตรงปลายจมูก รับรู้ว่ายังมีลมหายใจก็เบาใจไปนิดนึง

เสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามา เป็นบ่าวกับหมอที่วิ่งมา

หมอมีท่าทางเหนื่อยหอบ

ทุกคนหันไปมองหมอเป็นตาเดียว

หมอรีบก้าวเข้าไปตรวจคนไข้ทันที

“ท่านต้องช่วยลูกข้าให้ได้นะ” ฮูหยินไป๋คาดคั้น

หมอพยักหน้าแล้วก็ลงมือจับชีพจร จากนั้นก็เปิดเปลือกตาคนไข้ตรวจอาการ แล้วก็หันไปพูดกับขุนนางไป๋ว่า “คุณหนูเพียงแต่เป็นลมไปเท่านั้นขอรับ อีกสักพักก็คงจะฟื้นขอรับ”

ทุกคนมีสีหน้าโล่งอก

หมอหันไปเปิดล่วมยาแล้วก็หยิบขวดกระเบื้องขวดเล็กๆขวดหนึ่งออกมา เปิดฝาขวดแล้วก็เอาไปอังจมูกคนไข้

คนไข้ค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้น เห็นใบหน้าหมอเป็นคนแรก ถัดไปเป็นฮูหยินไป๋กับขุนนางไป๋ แล้วก็ไป๋จง

“เฟิ่งหวง เจ้าทำพี่ใจหายอีกแล้วนะ” ไป๋จงเอื้อมมือไปลูบหัวน้อง

ฮองเฮาหลิวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง หมอกับฮูหยินไป๋รีบช่วยประคอง

สายตาเด็กสาวพุ่งตรงไปยังขุนนางไป๋ ถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิวว่า “หลงซันตายแล้วจริงหรือ?”

ทุกคนตกใจที่เด็กสาวกล้าเรียกชื่อองค์รัชทายาท ซึ่งเป็นการลบหลู่เบื้องสูง มีโทษสถานหนักยิ่งนัก

“เฟิ่งหวง! เจ้าอย่าได้เรียกชื่อองค์รัชทายาทเช่นนี้อีกนะ! หากใครเอาไปพูดจนรู้ไปถึงราชสำนักเจ้าคงโดนลงโทษสถานหนักแน่” ไป๋จื่อฮัวดุลูกสาวเสียงดัง

ฮองเฮาหลิวถอนใจได้แต่ถามใหม่ว่า “องค์รัชทายาทตายแล้วจริงหรือ?”

ไป๋จื่อฮัวพยักหน้า “ตายแล้ว ทรงประชวรสิ้นพระชนม์กะทันหันเมื่อคืนนี้เอง” เขาไม่พูดถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงเพราะมีหมอซึ่งเป็นคนนอกอยู่ด้วย อีกทั้งบ่าวไพร่ก็มายืนอออยู่นอกห้องเต็มไปหมด การจะพูดอะไรออกไปจึงต้องระมัดระวัง

น้ำตาค่อย ๆรินเป็นสายหยดลงบนเสื้อ ฮองเฮาหลิวในร่างไป๋เฟิ่งหวงเม้มปากกลั้นเสียงสะอื้นสุดฤทธิ์

เสียงบ่าวไพร่เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นให้กับองค์รัชทายาทผู้หล่อเหลาแสนดีคนนั้น “โธ่ องค์รัชทายาทไม่น่าอายุสั้นเลย ยังทรงหนุ่มแน่นอยู่แท้ๆ”

“แล้วนี่ฮองเฮาไม่เสียใจแย่เลยรึ องค์หญิงหลงหลิวตายไปเมื่อ 2 ปีก่อน มาบัดนี้ยังต้องมาสูญเสียองค์รัชทายาทไปอีก”

“ข้าว่าต่อไปฮ่องเต้คงแต่งตั้งอ๋องหลงเทียนเป็นรัชทายาทแน่ๆ”

เสียงบ่าวซุบซิบคุยกันจนไป๋จื่อฮัวต้องหันไปดุ “พวกเจ้าอย่าปากมาก! มีงานอะไรก็ไปทำกันซะ”

“ขอรับ” / “เจ้าค่ะ” แล้วบ่าวไพร่ก็รีบแยกย้ายกันไป

“อย่าร้องไห้ไปเลยนะเฟิ่งหวง เจ้าชื่นชมองค์รัชทายาทพี่เข้าใจดี แต่เจ้าอย่าได้เสียใจมากเกินไปนัก จะไม่ดีต่อสุขภาพของเจ้าเองรู้ไหม” ไป๋จงลูบหัวน้องปลอบใจ

“น่าเสียดายนัก องค์รัชทายาทไม่น่าสิ้นพระชนม์เร็วขนาดนี้เลย ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ๆ ยังไม่ทันได้แต่งพระชายาเลยด้วยซ้ำ อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกับไป๋จง น่าสงสารจริงๆ” ฮูหยินไป๋รำพึงรำพันด้วยความสงสาร “แล้วนี่ฮองเฮาคงเสียพระทัยมากเลยใช่ไหมท่านพี่?” นางหันไปถามสามี

ไป๋จื่อฮัวได้แต่พยักหน้า เพราะมีหมออยู่ด้วยจึงไม่อาจจะพูดอะไรออกไปได้

“คุณหนูคงจะตกใจกับข่าวมากเกินไปก็เลยเป็นลม คุณหนูก็ต้องอย่าเสียใจมากเกินไปนะขอรับ ไม่งั้นจะเสียสุขภาพได้” หมอพูดแล้วก็เก็บขวดยาใส่ล่วมยา

“ขอบคุณท่านหมอที่รีบมา” ไป๋จื่อฮัวพูด

หมอปิดล่วมยาแล้วก็หันไปพูดกับไป๋จื่อฮัวว่า “ดีนะที่ข้าแวะมาตรวจคุณหนูก่อนไปที่อื่น ไม่งั้นกว่าข้าจะมาคงเสียเวลาไปหลายชั่วยามทีเดียว แต่คุณหนูไม่เป็นอะไรมากแล้ว ถึงข้าไม่มา แค่เป็นลมเดี๋ยวคุณหนูก็ฟื้นเองขอรับ”

“ยังไงก็ต้องขอบคุณท่านมากที่ใส่ใจ หากไม่มีท่านลูกข้าคงตายเสียตั้งแต่ยังเล็กแล้ว” ไป๋จื่อฮัวพูดอย่างสำนึกบุญคุณ

หมอโบกมือ “เรื่องเล็กน้อย ไม่อาจถือเป็นบุญคุณอะไร ท่านก็อย่าได้เกรงใจ ท่านตอบแทนข้ามากพอแล้ว เกินพอเสียด้วยซ้ำ” แล้วเขาก็พูดว่า “ข่าวองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ เช่นนั้นข้าคงต้องรีบกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดไว้ทุกข์แล้วล่ะ ข้าขอลาก่อนล่ะทุกท่าน” เขาพูดแล้วก็ค้อมตัวหยิบล่วมยาเดินออกไป

บ่าวคนหนึ่งรีบเดินตามไปส่งแขก

“เอาล่ะในเมื่อเฟิ่งหวงไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นข้ากับลูกไปเปลี่ยนเสื้อก่อนล่ะ เจ้าก็ดูแลลูกไปนะฮูหยิน” ไป๋จื่อฮัวจับไหล่ภรรยาอย่างอ่อนโยนแล้วก็หันไปพูดกับลูกชายว่า “ไปเถอะจงเอ๋อร์ ยังต้องรีบเข้าวังไปดูสถานการณ์อีก”

“นั่นซิท่านพ่อ ฮองเฮาก็สิ้นพระชนม์แล้ว รัชทายาทก็สิ้นพระชนม์ ตระกูลหลิวก็ถูกประหารหมด เฮ้อ…ไม่รู้ต่อไปจะเป็นยังไงนะท่านพ่อ” ไป๋จงพูดแล้วก็เดินไป

“อะไรนะ! ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว?” ฮูหยินไป๋ตกใจหันไปมองหน้าสามี

ไป๋จื่อฮัวพยักหน้า แล้วก็ก้มลงกระซิบว่า “เจ้าอย่าได้เอ็ดอึงไป ฮ่องเต้ทรงประทานยาพิษให้ฮองเฮาเสวยชดใช้ความผิด เรื่องนี้อีกสักพักคงจะประกาศออกมา”

“ตายจริง!” ฮูหยินไป๋ตกใจยกมือทาบอก

ฮองเฮาหลิวน้ำตารินกลั้นเสียงสะอื้น กำมือแน่นอย่างอาฆาตแค้น เรื่องที่หลงซันตายต้องไม่ใช่การฆ่าตัวตายแน่ๆ นางจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนฆ่าลูกชายของนาง เมื่อคืนนางยังนั่งคิดวางแผนจะพาลูกชายหนียังไงอยู่เลย แต่นางช้าไป ไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะลงมือเร็วขนาดนี้ หลงซันลูกแม่ เจ้าจงไปรอแม่อยู่ในปรโลกก่อนเถอะ แล้วแม่จะส่งพวกที่ฆ่าเจ้าตามไปทีหลัง รอก่อนนะหลงซัน แม่จะแก้แค้นพวกมันทุกคนแทนเจ้าเอง!

“ท่านพี่รีบไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเฟิ่งหวงหรอก” ฮูหยินไป๋พูดแล้วก็กุมมือสามีอย่างให้กำลังใจ

ไป๋จื่อฮัวพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป

ฮูหยินไป๋หันไปลูบหัวลูกสาวปลอบใจว่า “อย่าเสียใจนักเลยเฟิ่งหวง คนก็ตายไปแล้ว เจ้าควรจะใส่ใจสุขภาพของตัวเองมากกว่ารู้ไหม เกิดเจ้าเป็นอะไรไปอีก แม่คงทำใจไม่ได้แน่ๆ” นางหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้ลูก แต่พอได้เห็นสีหน้าลูกนางก็ตกใจ “เฟิ่งหวง…”

แววตาเจ็บแค้น สีหน้าอาฆาตแค้นดูน่ากลัว รังสีอำมหิตแผ่กระจายจากร่างเล็กจนคนเป็นแม่ขนลุกชันไปทั้งตัว มือที่จะซับน้ำตาชะงักค้างอยู่อย่างนั้น

เสียงเรียกทำให้ฮองเฮาหลิวรู้สึกตัว นางเห็นสีหน้าของฮูหยินไป๋ก็รีบล้มตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมทั้งตัว หากร่างนี้แข็งแรงดีนางคงวิ่งออกไปแอบลอบเข้าวังไปสืบข่าวด้วยตัวเองแล้ว แต่นี่ร่างของเด็กสาวยังอ่อนแอนักแรงจะลุกขึ้นยืนยังแทบไม่มี ก่อนจะลงมือแก้แค้นนางคงต้องรีบบำรุงร่างนี้ให้แข็งแรงก่อนเป็นอันดับแรก นี่คงเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานให้นางได้แก้แค้นคนที่ทำให้นางและตระกูลหลิวต้องสิ้นชีวิตกระมัง ยังมีลูกชายของนางอีกคน

ข้าสาบานต่อฟ้าดิน ข้าจะลากพวกมันทุกคนมาชดใช้หนี้เลือดในครั้งนี้ให้ได้!

หยาดน้ำตายังรินไหลไม่ขาดสาย ดวงตาเบิกโพลงอย่างอาฆาตแค้น ในเมื่อนางไม่เคยทำร้ายใคร แต่มีคนใส่ร้ายนางกับครอบครัวจนต้องพบจุดจบเช่นนี้ เช่นนั้นนางก็จะใช้โอกาสนี้แก้แค้นพวกมันทุกคนให้ได้รู้จักนรกที่แท้จริง รอก่อนเถอะ อย่าเพิ่งรีบตายหนีข้าไปเสียก่อนล่ะ!

ต้องขอบคุณลู่กงกงคนของนางที่ช่วยปลิดชีวิตนางไม่ให้ต้องทรมานนานนักเพราะยาพิษนั่น ตอนที่ลู่กงกงเข้ามาจับตัวนางก็แอบส่งรหัสลับถามนางด้วยความภักดีว่าจะให้ทำเช่นไร เพราะเขารู้ว่ายาพิษนั่นถูกสับเปลี่ยนไม่ใช่ยาที่จะทำให้ตายในทันที แต่เป็นยาที่จะทำให้ตายอย่างทรมาน

นางจึงส่งรหัสตอบขอให้เขาช่วยปลิดชีวิตนางในทันทีอย่าให้นางต้องตายอย่างทรมาน มือที่จับคอนางจึงกดลงบนหลอดลมแน่น ชั่วอึดใจเท่านั้นนางก็ได้ตายโดยไม่ทรมานนานนัก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version