1015. ไล่ล่า 2
วันนี้หวังหลินหลับตาเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางมืดมน แต่จังหวะนั้นสัมผัสวิญญาณเจือจางกวาดใส่เขาเร็วมาก
หวังหลินเดินไม่หยุดพลางพึมพำ “ครั้งที่เก้า…”
ระยะเวลาสองเดือนนี้สัมผัสวิญญาณกวาดใส่มาเป็นครั้งที่เก้าแล้ว สิ่งที่หวังหลินกดดันมากกว่าเดิมก็คือสัมผัสวิญญาณนั้นแตกต่างทุกครั้ง ชัดเจนว่ามาจากคนเก้าคน
ผ่านไปสามลมหายใจ สัมผัสวิญญาณก็ถอนออกมาและกวาดผ่านหวังหลินอีกครั้ง หวังหลินสงบนิ่งเดินหน้าต่อไป
จากนั้นเงยศีรษะมองออกไปไกล ดวงตาส่องสว่างและพึมพำกับตัวเอง “ยังไม่พอ…”
ยามที่เดินผ่านทะเลทรายแห่งนี้ เมื่อมันไม่มีดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์จึงสูญเสียการจับเวลาไป หากไม่ใช่เพราะหวังหลินคุ้นชินกับความโดดเดี่ยวมานาน เขาคงบ้าไปแล้ว
พอเทียบกับความอ้างว้างที่นี่แล้ว การบ่มเพาะนานหลายสิบหรือหลายร้อยปีในดินแดนเทพโบราณถือว่ามีมากกว่าอีก ความอ้างว้างที่นี่ไม่ได้มากมายนัก
ขณะเดินเหิน ร่างหวังหลินค่อยๆหายเข้าไปไกลราวกับสามารถเผยความโดดเดี่ยวในใจออกมาได้
หนึ่งคน หนึ่งโลกตั้งอยู่เงียบๆ เดินบนทางไร้จุดสิ้นสุด
หนึ่งเดือน หนึ่งเดือน หนึ่งเดือน…หวังหลินเดินผ่านทะเลทรายสีดำมาหกเดือน เซียนธรรมดาคงจะบ้าไปแล้ว นี่ไม่ใช่การฝึกตนแต่เป็นการเดินบนโลกไร้ผู้คนไปเรื่อยๆพร้อมกับมีแรงกดดันของการอยู่คนเดียว
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรต่อหวังหลิน…
ทะเลทรายสีดำขยายออกไปไร้จุดสิ้นสุด สัมผัสวิญญาณหนึ่งกวาดผ่านหวังหลินไป
วินาทีนั้นหวังหลินพลันเงยศีรษะ สายตาเต็มไปด้วยความหนาวเย็น
‘สัมผัสวิญญาณที่สามสิบสอง…ข้ามีพลังมารพอแล้ว!’
หวังหลินตอนนี้ปกคลุมอยู่ในสายหมอก คลุมตัวเองด้วยพลังมารเหมือนเปลวเพลิงสีดำโกรธเกรี้ยวในทะเลทราย
สัมผัสวิญญาณกวาดผ่าน ไม่กี่ลมหายใจต่อมาสัมผัสวิญญาณที่สามสิบสองนั้นก็ล่าถอยอย่างรวดเร็ว แต่ในจังหวะที่มันผ่านหวังหลิน พลังมารจากหวังหลินก็ระเบิดออกมา!
หวังหลินรอคอยมาครึ่งปี รวบรวมและสังเกตมาครึ่งปี! ช่วงเวลาครึ่งปีนี้หวังหลินรอคอยพลังมารอย่างเงียบๆที่ปรากฏขึ้นตามธรรมชาติและเก็บมันเอาไว้ หวังหลินต้องระมัดระวังไม่ปล่อยให้พลังมารส่งผลกระทบต่อวิญญาณดั้งเดิม และในตอนนี้จึงระเบิดมันออกมาทั้งหมด
เพลิงมารพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับกำลังเผาไหม้ เงามารยักษ์ปรากฏขึ้น พยายามกลืนกินสัมผัสวิญญาณที่กำลังล่าถอย!
เมื่อส่วนหนึ่งของมันถูกกลืนกินไป หวังหลินรู้สึกถึงพลังต้นกำเนิดเย็นเยียบเข้าสู่จิตใจผ่านพลังมาร
สัมผัสวิญญาณนั้นหดลงอย่างรวดเร็วและใช้วิธีการบางอย่างเพื่อหลบหนีจากเพลิงมาร กำลังหลบหนีออกห่างไปไกล
ในแววตาหวังหลินกระพริบเย็นเยียบ เขารอคอยมาหกเดือนเพื่อจังหวะนั้นและทุกอย่างยังอยู่ในแผน
เมื่อสัมผัสวิญญาณหนี หวังหลินอ้าแขนออก ความอดทนตลอดครึ่งปีถูกปลดปล่อยด้วยเสียงคำราม!
ในเสี้ยววินาทีนั้นพลังมารทั้งหมดรอบตัวเขาแพร่กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง ขณะหวังหลินยืนอยู่ที่นี่ ควันสีดำหลายเส้นโผล่ออกมาจากร่างกายแพร่กระจายปกคลุมพื้นที่หลายพันฟุต
ในที่สุดร่างที่แท้จริงหวังหลินก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
ใครก็ตามที่คุ้นเคยกับหวังหลินคงอ้าปากค้างเมื่อเห็นเขาตอนนี้!
หวังหลินในตอนนี้ยังมีเสื้อผ้าเหมือนเดิม เส้นผมยาวดำขลับดุนน้ำหมึกและพริ้วไสวในอากาศ ใบหน้าจมลึก เพียงแค่ชำเลืองมองก็ดูเหมือนถุงกระดูก!
ดวงตาจมลึกเป็นรอยเลือดสีดำ หวังหลินดูไม่เหมือนเซียนธรรมดาอีกแล้วแต่เป็นเซียนมาร!
เพิ่มเติมกับอารมณ์รุนแรงรอบหวังหลินจึงทำให้เขาดูแตกต่าง!
ปกติแล้วการรวบรวมพลังมารครึ่งปีคงไม่เปลี่ยนหวังหลินแบบนี้และเขาคงไม่สามารถรวมพลังมารได้มากนัก หวังหลินต้องบ่มเพาะเป็นสิบปีถึงจะบรรลุผลลัพธ์คล้ายๆกัน
ที่ทำได้เพราะเขาไม่ใช่เซียนผู้มีคุณธรรม หวังหลินยืนอยู่ทั้งสองฝั่งด้านดีร้ายในระยะการฝึกเซียนมากกว่าพันปี โดยเฉพาะตอนที่เขาใช้ดัชนีมารซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นเซียนมารขึ้นในทุกขณะ!
หวังหลินต้องไปให้สุดเพื่อใช้วิชาอันทรงพลัง
ขณะสองแขนอ้าออก ดวงตาปลดปล่อยจิตสังหารเข้มข้น พลังมารขยายไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่สัมผัสวิญญาณนั้นกำลังจะหนี หวังหลินร้องคำรามออกมา!
เบื้องหน้าเสียงครำาม พลังมารไร้ที่สิ้นสุดพลันแตกสลาย แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
มันแพร่กระจายจนปกคลุมพื้นที่หลายแสนลี้ ห่อหุ้มสัมผัสวิญญาณนั้นไว้ข้างใน
หากมีแค่นี้คงไม่พอให้หวังหลินบรรลุจุดประสงค์ มันแค่ก้าวที่สอง ยังมีก้าวที่สาม!
หวังหลินก้าวเท้าปรากฏหลุมลึกขึ้นมา พุ่งตัวออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดราวกับเป็นประกายสายฟ้า
ขณะเดียวกันเส้นเลือดสีดำบนใบหน้าพลันเคลื่อนไหว แขนขวาสร้างผนึกชี้ดัชนีมารใส่ท้องฟ้า
หวังหลินหยิบยืมพลังของดัชนีมารเพื่อควบคุมพลังมารในโลกให้เคลื่อนไปด้วยกัน
วินาทีนั้นความคิดพลันชัดเจน มันคือช่วงเวลาแห่งความจริง แต่ละลมหายใจพลังมารจะสูญสลาย หากเขาไม่สามารถหาต้นตอของพลังดั้งเดิมได้ ครึ่งปีที่ผ่านมาจะล้มเหลว!
ความเร็วพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดพลางพุ่งไปข้างหน้าดุจอุกกาบาตเข้าตรงตำแหน่งที่เขากักขังสัมผัสวิญญาณเอาไว้
หากมองจากเบื้องบนคงจะเห็นฉากเหตุการณ์น่าตกตะลึงนี้ได้อย่างชัดเจน พลังมารปกคลุมพื้นที่นับแสนลี้กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง ทว่าวงกลมพลังมารก็กำลังสลายไปอย่างรวดเร็ว
เงาร่างสีดำเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าภายในขอบเขตพลังมาร เห็นแต่เพียงภาพติดตาเท่านั้นจนมองไม่เห็นร่างที่แท้จริงของเงานี้
หวังหลินต้องออกไปจากทะเลทรายสีดำแห่งนี้ สัมผัสวิญญาณที่กวาดผ่านเข้ามาคือกุญแจสำคัญ ทว่าหวังหลินไม่สามารถตามรอยสัมผัสวิญญาณได้ แม้จะไม่รู้ว่าทำไมสัมผัสวิญญาณอื่นไม่เกิดปฏิกิริยาอันใด หวังหลินก็ไม่กล้าลองดี
เขาอดทนและรอคอยเท่านั้น แต่ไม่ได้มีเวลารอได้เป็นสิบปี ไม่ต้องกล่าวถึงโจวยี่เลย แม้แต่ช่วยซือถูหนานถอนพิษก็ทำไม่ได้แล้ว
ครึ่งปีก่อนหวังหลินสังเกตสิ่งผิดปกติได้ตอนที่รวมพลังมารและบดขยี้มัน เมื่อพลังมารกระจายออกไปหวังหลินรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในมิติว่าง
เขาพอจะเข้าใจว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ในมิติว่าง หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและมันก็กระจายไปมากกว่าพันฟุตทันทีโดยไร้สิ่งกีดขวาง
การค้นพบนี้เปิดประตูบานใหญ่แก่ความสับสนของหวังหลิน
การจะรวบรวมพลังมารให้มากขึ้นและเก็บมาด้วยเวลาอันสั้น เขาต้องใช้ดัชนีมารเพื่อดูดซับอย่างเฉียบขาด หวังหลินดูดซับมันอย่างรวดเร็วเพียงพอให้กลายเป็นเซียนมารที่แท้จริง
ซึ่งทำให้เขามีพลังมารอันทรงพลัง แต่ราคานับว่าสูงนัก ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไป ตอนนี้เขามีเจตนาชั่วร้ายในร่างด้วย
วินาทีที่หวังหลินเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง สัมผัสวิญญาณก็แพร่กระจายออกไปหลายแสนลี้ ขณะที่พลังมารกำลังสูญสลายไป ระยะห่างก็สั้นลงอย่างรวดเร็ว
สัมผัสวิญญาณที่แพร่กระจายภายในพลังมารไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาจากทะเลทราย แต่หวังหลินรู้ว่าเมื่อสัมผัสวิญญาณหลุดออกไปนอกขอบเขตพลังมาร มันจะทำให้ทะลทรายเกิดการตอบสนอง
แสงสีดำที่ตกลงมาเมื่อครึ่งปีก่อนนั้นระหว่างที่เขาทำการทดลองเป็นสิ่งที่หวังหลินยังจดจำอยู่ในใจ
ขณะนี้หวังหลินเคลื่อนไหวพร้อมกับใช้สัมผัสวิญญาณจับจ้องสัมผัสวิญญาณอีกหนึ่งที่กำลังถอยหนีอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะรวบรวมพลังมารมามากมันก็ยังสลายอย่างรวดเร็วจนเหลือน้อยกว่าครึ่งแล้ว
หวังหลินกัดฟันแน่น ร้อคำรามอยู่ในใจ ‘เร็วขึ้นอีกนิด!’
สัมผัสวิญญาณที่กำลังหนีไปพลันหยุดชะงัก มันไม่หนีอีกแล้วแต่พุ่งขึ้นใส่ท้องฟ้าแทน
‘มันถูกตัดการเชื่อมต่อ!’ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างวาบ เขาคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นนี้ไว้แล้ว เมื่อตัดสัมผัสวิญญาณออกไป ตำแหน่งจะไม่โดนพบเจอ
หวังหลินกระอักโลหิตคำโต โลหิตส่องประกายและหวังหลินกระโจนเข้าไป กระพริบวูบวาบพุ่งไปข้างหน้า
หลบหนีโลหิต!
วิชาหลบหนีโลหิตคือการทำให้ตัวเองบาดเจ็บแลกเปลี่ยนด้วยการเพิ่มความเร็วเกินขีดจำกัด ที่หวังหลินไม่ใช่มันเข้าต่อกรกับสายลมเมื่อครึ่งปีก่อนเพราะสายลมดูดซับควันสีเทาอย่างต่อเนื่องและเพิ่มความเร็วอยู่เรื่อย วิชาหลบหนีโลหิตเพียงแค่เพิ่มความเร็วในระยะเวลาสั้นๆ หวังหลินคงไม่เอามาใช้เพื่อหลบหนี
แสงสีแดงโลหิตกระพริบวาบ ความเร็วหวังหลินเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล ไม่สนสัมผัสวิญญาณที่ถูกตัดขาดออกไป เคลื่อนที่พุ่งเข้าใส่ตำแหน่งสัมผัสวิญญาณจากมา หยิบยืมพลังมารเหลืออยู่น้อยนิด พุ่งออกไปไล่ตามหลังสัมผัสวิญญาณนั้น!
ห่างออกไปไกล ร่างเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นภายในสายตาหวังหลิน!