1037. พบปะ
พอดัชนีหวังหลินร่อนลงใส่ตราประทับผนึกเทพ แสงสีแดงกระพริบออกมาเต็มไปทั่วถ้ำและทำให้ดอกไม้สีสันสีแดง
แสงสีแดงส่องสว่างขึ้น หมอกแดงโผล่ออกมาจากชั้นสิบสี่ บรรพชนโลหิตจ้องหวังหลินด้วยสายตากระหายเลือดอยู่ภายในหมอก ทว่าเขาสังเกตเหยาซีเชว่ได้ทันทีและมองออกไป ตกตะลึงไปชั่วครู่จากนั้นสีหน้าอ่อนโยน
เหยาซีเชว่มองทุกอย่างเบื้องหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด
“บรรพชนโลหิต ข้าสัญญากับเจ้าเมื่อตอนนั้ว่าจะให้พบเจอลูกสาว ตอนนี้ข้าทำตามสัญญาแล้ว” หวังหลินโบกแขน หมอกสีแดงรอบบรรพชนโลหิตจึงหายไป ปลดปล่อยเขาจากการควบคุม
วิญญาณบรรพชนโลหิตกระพริบสีแดงและค่อยๆก่อรูปร่างมนุษย์ จ้องมองลูกสาวเบื้องหน้าด้วยสายตาตื่นเต้น
“เรื่องเมื่อตนนั้นจบสิ้นแล้ว เหยาซีเชว่วางแผนหลอกข้าและถูกผนึกมาหลายร้อยปี เจ้าต้องการข้าข้าและจบลงเช่นนี้ ข้าเป็นต้นเหตุของเรื่องด้วยจึงเป็นต้นเหตุให้เหยาซีเชว่สูญเสียความทรงจำจนกลายเป็นหุ่นเชิดให้กับปิศาจวายุมาแก้แค้น ตอนนี้ข้าช่วยนางแล้ว เราก็จงลืมเรื่องอดีตเสียเถอะ”
“ตั้งแต่ตอนนี้ไป เจ้าทั้งสองจะไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้าอีก เวรกรรมของเราหมดสิ้น หากเจ้าพัวพันกับข้าต่อไปก็อย่ามากล่าวหาว่าฆ่าเจ้าสองคนและไม่ยอมให้ไปเกิดใหม่!”
หวังหลินเอ่ยเสียงสงบนิ่งแต่แฝงความเยือกเย็น เขาสะบัดแขนเสื้อและเดินออกไปไกล
“บรรพชนโลหิต เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับไปนรกชั้นสิบสี่ ข้าปล่อยเจ้าเป็นอิสระกับลูกสาว ที่นี่คือถ้ำจักรพรรดิเทพในดินแดนวิญญาณปิศาจ เจ้าทั้งสองสามารถหาที่ซ่อนตัวจนทั้งถ้ำถูกเปิดจนหมด”
เหยาซีเชว่ส่งสายตาไปบนแผ่นหลังหวังหลิน นางยังเต็มไปด้วยความสับสน นางคิดอะไรไม่ออก น้ำเสียงหนึ่งในใจกำลังบอกถึงอดีตของนางราวกับสายลม ตอนนี้มันหายไปแล้วและนางควรจะปล่อยมันไป…
เหยาวีเชว่บอกได้ว่ามันคือเสียงของนาง ราวกับเป็นคำพูดสุดท้ายที่ตัวเองทิ้งไว้ก่อนจะสูญเสียความทรงจำ
บรรพชนโลหิตมองหวังหลินผู้กำลังเดินห่างออกไป สีหน้าเผยความซับซ้อน หลังจากผนึกถูกปลดปล่อยเขาก็จึงได้สติกลับมา แม้จะเป็นแค่ดวงวิญญาณแต่คนระดับบ่มเพาะแบบเขาสามารถหาทางฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาใหม่และบ่มเพาะต่อไปได้
ร่างหวังหลินที่กำลังจากไปเข้าสู่ดวงตา แต่ไม่มีความเกลียดชังในอดีตอีกแล้ว
บรรพชนโลหิตเข้าใจว่าหากหวังหลินต้องการฆ่าเขา คงไม่ต้องใช้ความพยายามอันใดนัก หวังหลินไม่ฆ่าแต่กลับมอบอิสระและชีวิตใหม่ของลูกสาวให้แทน
เขาถอนหายใจ ความเกลียดชังไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยของลูกสาว แม้นางตอนนี้ไม่มีความทรงจำอาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้
หลังเรื่องราวทั้งหมด บรรพชนโลหิตรู้สึกแก่ขึ้น สิ่งเดียวในความคิดคือให้ลูกสาวมีชีวิตอย่างสงบสุข…ปล่อยทุกอย่างไปจะดีกว่า
บรรพชนโลหิตมองเหยาซีเชว่ด้วยความเมตตาและเอ่ยขึ้น “ลูก มากับพ่อ”
แม้นางจะสูญเสียความทรงจำ แต่ก็สัมผัสความเชื่อใจต่อบรรพชนโลหิตจากสายเลือดตัวเองได้ สองพ่อลูกค่อยๆเดินออกไป
“…พ่อ ที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”
“จริงและหลอกไม่สำคัญอีกแล้ว เราจะไม่มีวันติดต่อกับเขาอีกต่อไป…เขาไม่ใช่คนที่เราจะไปล่วงเกินได้…” บรรพชนโลหิตมองออกไปไกล เขาไม่เห็นหวังหลินอีก
‘เขาไม่ใช่เด็กน้อยที่ข้าไม่สนใจได้อีก ในเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปี เขาเติบโตได้ถึงขนาดนี้แล้ว…’
หวังหลินเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางสงบ จากมุมมองของคนอื่น วิธีในการจัดการกับเวรกรรมของเหยาซีเชว่อาจจะแปลกประหลาดไปบ้าง ทว่าตราบใดที่เขาคิดว่ามันควรจะเป็นแบบไหน มันก็ควรจะเป็นแบบนั้น
หวังหลินค่อยๆก้าวเดินออกไปทีละก้าว กลิ่นอายทรงพลังรวบรวมอยู่ในร่างกายและแข้งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่ก้าวเดิน ท้ายที่สุดกลิ่นอายก็ทรงพลังมหึมาอย่างยิ่ง
ภายใต้กลิ่นอายมหึมา ดวงตาหวังหลินส่องสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม
หลังจากจัดการเรื่องราวของเหยาซีเชว่และหนีมาจากเวรกรรมนั้น จิตใจแห่งเต๋าของเขาก็สมบูรณ์ หวังหลินรู้สึกระดับบ่มเพาะเริ่มจะแสดงอาการทะลวงผ่านระดับ
เหยาซีเชว่และบรรพชนโลหิตหายตัวไปในกฏเกณฑ์เพื่อรอคอยวันที่ถ้ำเปิดออกมาอย่างสมบูรณ์ มองไปรอบถ้ำ ไม่มีใครอยู่ในถ้ำนี้เลย
ซากปรักหักพักจากการระเบิดของสระฝังเทพยังอยู่ดี ห่างออกไปไม่ไกลคือหลุมลึกที่มีสระฝังเทพ เศษเสี้ยวพลังงานเย็นเยียบผุดออกมาจากในหลุม
หลังจากมองไปรอบๆ สายตาหวังหลินก็มองตรงหน้า ที่นี่คือส่วนนอกของถ้ำจักรพรรดิเทพเท่านั้น และเขากระทั่งไม่ได้ใกล้กับส่วนในเลยสักนิด จากตรงนี้เขาเห็นตำหนักและตึกจำนวนมากอยู่ไกลๆ
ตึกพวกนี้ก่อตัวเป็นรูปร่างไม่สม่ำเสมอ ตรงสุดขอบสายตาหวังหลินมองเห็นปราสาทอยู่ส่วนลึกของตึกซึ่งล้อมรอบด้วยม่านหมอกสีดำหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นตัวปราสาท
หวังหลินตบกระเป๋า ดวงตาส่องสว่าง หินหยกปรากฏขึ้นในฝ่ามือ มันคือหินหยกสวรรค์ที่ปลดปล่อยแสงอ่อนโยน
เดิมทีหวังหลินได้รับมาตอนอยู่ในดินแดนวิญญาณปิศาจ ข้างในคือวิชายับยั้งและมีวิธีการหลอมองครักษ์เทพอยู่ หวังหลินจำได้ว่าตอนที่เขาตรวจสอบหินหยกมันมีแผนที่อยู่ด้านในด้วย
แต่หวังหลินรู้สึกว่าแผนที่นี่ไม่ค่อยคุ้นตาจึงไม่ได้ใส่ใจนัก พอมองถ้ำตอนนี้เขาจึงค่อนๆข้างคุ้นอยู่บ้างแล้ว
จากนั้นก็นึกถึงแผนที่ในหินหยก เมื่อนำมันออกมาจึงส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปและสีหน้าพลันเปลี่ยน แผนที่บ่งบอกว่ามันคือถ้ำจักรพรรดิเทพ
หวังหลินค่อยๆตรวจสอบแผนที่อย่างละเอียดและจดจำทุกอย่าง ขบคิดเล็กน้อย ไม่เคลื่อนไหวอย่างผลีผลามแต่ถอยหลังไปใกล้หลุมที่สระฝังเทพทิ้งเอาไว้และมองลงไป
หลุมนี้มืดสนิท สายตาไม่อาจมองทะลุเข้าไปได้
‘ที่นี่ไม่เลว!’ หวังหลินก้าวเท้าและเข้าไปในหลุม ทว่าเขาไม่ได้ลงไปเร็วมาก พอลงไปได้ไม่กี่ร้อยฟุตหวังหลินก็ตบกระเป๋านำกระบี่ยักษ์หลายสิบเล่มลอยออกมากวาดใส่ด้านข้างของหลุม
ก้อนกรวดลอยกระจายออกมา วินาทีต่อจากนั้นถ้ำแห่งหนึ่งก็ถูกสร้างขึ้น หวังเข้าไปข้างในและนั่งลง
สูดลมหายใจลึก วางกฏเกณฑ์จำนวนมากก่อนจะสงบจิตใจลง จากนั้นตบกระเป๋าลำแสงสีเงินลอยออกมาเปลี่ยนเป็นหญิงสาวงดงาม
นางมองหวังหลินแต่ไม่ได้เอ่ยอันใด นางนั่งอยู่ข้างทางเข้าและเฝ้าระวังหวังหลิน
หวังหลินตรวจสอบร่างศพเงินขณะนั่งอยู่ที่นี่ เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งแตกต่างออกไปรอบตัวนางหลังจากดูดซับพิษดอกไม้เข้าไป แต่เขาบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร
เขาแพร่สัมผัสวิญญาณออกมาและพบกับผนึกควบคุมอันเดิมยังอยู่ในร่างดี มันไม่ได้รับความเสียหายเลย และกฏเกณฑ์อื่นๆทั้งหมดที่เขาวางซ่อนเอาไว้ก็ยังอยู่ดี จากนั้นจึงผ่อนคลายและหลับตาฝึกฝน
‘ตอนนี้ระดับบ่มเพาะของข้ากำลังแสดงอาการทะลวงผ่าน ข้าต้องใช้โอกาสนี้เพิ่มระดับ จากนั้นข้าก็จะได้มีโอกาสที่ดีขึ้นในถ้ำจักรพรรดิเทพ’
ตอนที่เขาหลับตา พลังดั้งเดิมในร่างกายพลันโคจรผ่านทั่วร่าง ความร้อนระอุผุดออกมาจากร่างกายแต่คงอยู่ห่างจากร่างเขาระยะหนึ่งและไม่แพร่ไปไหน
เขตแดนทะลวงผ่านเนื่องจากเรื่องเกี่ยวกับเหยาซีเชว่ ตอนนี้หวังหลินจึงเริ่มใช้ระดับบ่มเพาะซึ่งนิ่งอยู่ที่ขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางสูงสุดมานานได้เริ่มคลายออก
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า พริบตาเดียวสามวันก็ผ่านไป ในช่วงสามวันนี้หวังหลินไม่ได้ขยับไปไหน พลังดั้งเดิมในร่างโคจรเร็วขึ้นกว่าเดิม ท้ายที่สุดพลังดั้งเดิมจึงไหลลื่นขึ้นจนบอกไม่ได้ว่ามันเริ่มหรือจบตรงไหน
ร่างศพเงินปกป้องหวังหลินตลอดเวลา นางมักจะมองหวังหลินอยู่นานเป็นพักๆและในสายตามีร่องรอยความสับสน แต่ความสับสนนี้ถูกซ่อนไว้ได้เป็นอย่างดี
พอวันที่สี่หวังหลินลืมตาขึ้น นำดวงวิญญาณดั้งเดิมที่เขาเคยฆ่าไปออกมา จากนั้นกลืนกินโดยไม่ลังเล
‘ที่นี่มีพลังดั้งเดิมไม่เพียงพอ นี่จึงเป็นหนทางเดียวในการทะลวงผ่าน!’
ขณะที่ระดับบ่มเพาะของหวังหลินกำลังเพิ่มขึ้นจากขั้นส่องสวรรค์ชั้นกลาง เกิดเหตุการณ์อันน่าตกตะลึงขึ้นห่างออกไปจากถ้ำจักรพรรดิเทพ เซียนฝ่ายพันธมิตรเซียนทุกคนที่เห็นสิ่งนี้ต่างก็ตกตะลึง
เปลวเพลิงสีแดงหลายสายโผล่ออกมาจากเส้นขอบฟ้าไกล ราวกับเปลวเพลิงกำลังเผาไหม้ทุกสิ่งให้เป็นจุล
เปลวเพลิงนี้ค่อยๆเข้ามาใกลขึ้นและส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ แสงสว่างรุนแรงยิ่งและดูราวกับเปลวเพลิงไร้ที่สิ้นสุดนี้กำลังจะกวาดผ่านไปทุกดวงดาว พวกมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ
วิหคเพลิงตัวใหญ่ยักษ์สยายปีกกว้างนับร้อยลี้กำลังบินเหินอยู่ด้านหน้าเปลวเพลิง
วิหคเพลิงตัวนี้ก่อเกิดขึ้นจากไฟและมีความร้อนแรงเหนือจินตนาการ ความร้อนจากวิหคเพลิงนี้ทำให้เซียนทุกคนตกตะลึง
ที่ไหนก็ตามที่วิหคเพลิงผ่านไป เซียนรอบด้านทั้งหมดจะหรี่ตาแคบและหลีกเลี่ยงทันที พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้เซียน เซียนทรงพลังทุกคนที่มีความรอบรู้พลันรู้สึกถึงชื่อโบราณหนึ่งระเบิดขึ้นในความคิดตอนที่เห็นวิหคเพลิงตัวนี้!
“สำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์!!”