1090. โม่จื่อปรากฏตัวอีกครั้ง
ตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา การปรากฏตัวของจักรพรรดิคนใหม่มักจะทำให้เกิดความโกลาหลมาเสมอ ประวัติศาสตร์ของสำนักจตุรศักดิสิทธิ์มีมาอย่างยาวนาน คงอยู่มาก่อนแดนสวรรค์ล่มสลายเสียอีก
แม้แดนสวรรค์จะถือเป็นราชา ช่วงที่สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์รุ่งโรจน์ด้วยจักรพรรดิทั้งสี่คน แม้แต่แดนสวรรค์พิรุณยังต้องให้ความเคารพ ทุกครั้งที่จักรพรรดิคนใหม่ปรากฏตัวขึ้น แดนสวรรค์มักจะส่งของขวัญยินดีมาเสมอ
ตอนนั้นยังไม่มีพันธมิตรเซียน มีเพียงดินแดนฟ้ากระจ่างเท่านั้น กล่าวให้ถูกก็คือดินแดนฟ้ากระจ่างอยู่ใต้สังกัดของแดนสวรรค์ พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบเหล่าเซียนทั้งหมดในระดับต่ำกว่า
ทว่าเนื่องจากสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งและเหตุผลพิเศษอย่างอื่น แดนสวรรค์จึงยอมให้สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์และดินแดนฟ้ากระจ่างคงอยู่ได้ในเวลาเดียวกัน
การปรากฏตัวของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดการก่อกวนมหึมาในพลังดั้งเดิม สำหรับเหล่าเซียนทรงพลัง มันรู้สึกได้ง่ายนัก
นาทีนี้เมื่อหวังหลินเสร็จสิ้นการเปลี่ยนร่างขั้นแรก พลังดั้งเดิมเริ่มเกิดระลอกคลื่นกระจายผ่านไปทั่วดาราจักรพันธมิตรเซียนโดยมีสำนักวิหคเพลิงเป็นศูนย์กลาง
ฝ่ายทุกชั้นฟ้าครอบครองเขตตะวันตกและเขตเหนือของดาราจักรพันธมิตรเซียน ผู้ส่งสารของอารามเทพอัสนีมีอยู่ทุกที่ หลังผนวกเข้ากับสองเขตได้สำเร็จ อารามเทพอัสนีตอนนี้จึงเป็นผู้คุมกฏสูงสุดที่นี่
ตำหนักสีดำเหมือนเนินเขาย่อมๆลอยอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว เคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่ละตำหนักมีเหล่าเซียนฝ่ายทุกชั้นฟ้าจำนวนมาก
ตำหนักมีอยู่อย่างน้อยนับร้อย ก่อเกิดเป็นกองทัพขนาดใหญ่ พวกเขาเคลื่อนเข้าหากองกำลังของพันธมิตรเซียนจำนวนมากที่อยู่ในพื้นที่ใจกลาง
แม้จะมีเซียนจำนวนมากแต่กลับไม่มีเสียงคุยกันเลย มีแต่เสียงกระบี่เหินเท่านั้น หลังจากต่อสู้มาหลายปี เหล่าเซียนฝ่ายทุกชั้นฟ้าได้เปลี่ยนไปเช่นกัน ความอ่อนต่อโลกหายไปแล้วและถูกแทนที่ด้วยจิตสังหารดุร้าย
ณ เวลานี้พลังดั้งเดิมผันผวนแพร่กระจายออกมาและผ่านพวกเขาไป ทว่าด้วยระดับบ่มเพาะของเซียนเหล่านี้จึงสังเกตการเปลี่ยนแปลงในพลังดั้งเดิมได้ยากมาก
แต่ในตำหนักใกล้สีดำ มีหนึ่งแห่งที่มีขนาดใหญ่กว่าแห่งอื่นนับสิบเท่า ปรมาจารย์จงเฉินพลันลืมตาขึ้นมาจากการปิดด่านฝึกตน
เมื่อเขาลืมตา ผู้อาวุโสอีกสิบคนภายในตำหนักก็ลืมตาขึ้นเช่นเดียวกัน ดวงตาแต่ละคนส่องประกาย
หนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยขึ้น “การผันผวนของพลังดั้งเดิมนี้มาจากส่วนตะวันตกของพันธมิตรเซียน…”
“หรือจะมีสมบัติทรงพลังได้ปรากฏขึ้นตรงนั้น?”
ปรมาจารย์จงเฉินขบคิดและส่ายศีรษะ “การผันผวนนี้ไม่ใช่การเกิดขึ้นของสมบัติทรงพลัง…พื้นที่ฝั่งตะวันออกเป็นของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์…หรือจะเป็น…จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ปรากฏตัว?” ปรมาจารย์จงเฉินดวงตาส่องสว่าง เขายังไม่ค่อยมั่นใจ อีกทั้งก็ออกมาจากพันธมิตรเซียนนานแล้ว
“สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ หากพันธมิตรเซียนไม่เทียบเคียงกับเราได้ แค่สำนักเล็กๆคงแหลกเหลวได้ง่ายๆภายใต้แรงกดดันของกองทัพเรา!” ชายชราผมสีแดงข้างใจตำหนักเผยแววตาดูถูกและหยิ่งยโส
ปรมาจารย์จงเฉินมองชายชราผมแดงและเอ่ยขึ้น “สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิดแน่นอน การผันผวนของพลังดั้งเดิมนี้เหมือนการเกิดของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ข้าแค่ไม่รู้ว่าแบบไหน!”
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงมีสัมผัสแห่งความไม่สบายใจผุดออกมาจากการผันผวนพลังดั้งเดิม ความรู้สึกนี้ลึกลับแต่ชัดเจน
อีกคนที่รู้สึกถึงการผันผวนนี้เป็นชายชราเสื้อผ้าสีดำ เขาพึ่งก้าวออกมาจากอุโมงค์ที่เชื่อมต่อดาราจักรทุกชั้นฟ้ากับพันธมิตรเซียนฝั่งตะวันตก
เขาเงยศีรษะขึ้นมาทันทีและมองออกไปไกล สายตาดูเหมือนสามารถแทงทะลุข้ามผ่านดาราจักรและดวงตาส่องสว่างขึ้น
‘จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์…การผันผวนนี้แฝงร่องรอยพลังอัคคีดั้งเดิมไว้ด้วย เช่นนั้นน่าจะเป็นจักรพรรดิวิหคเพลิงคนใหม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นการละเล่นนี้จะยิ่งน่าสนใจขึ้น…จ้าวอมตะคงไม่มีทางอยู่เฉยแน่เมื่อพันธมิตรเซียนตกอยู่ในความโกลาหล!!’
ณ พื้นที่ฝั่งใต้ของพันธมิตรเซียน ลึกเข้าไปในสำนักซากศพมีโลงศพขนาดใหญ่ตั้งอยู่ โซ่ตรวนล้อมรอบสร้างเป็นรูปแปดเหลี่ยมและเชื่อมต่อกับโลงศพอีกโลง
โลงศพจำนวนมากเต็มไปทั่วบริเวณนี้และเป็นรูปร่างเหมือนใยแมงมุม มีดาวเคราะห์เซียนหลายดวงที่ถูกเคลื่อนมาที่นี่ด้วยวิธีการบางอย่าง ดาวเคราะห์เหล่านี้โคจรไปรอบๆโลงศพ
นาทีนี้ระลอกพลังดั้งเดิมผ่านเข้ามา เสียงประหลาดใจผุดออกมาจากโลงศพที่ตั้งอยู่ใจกลาง
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ปรากฏขึ้นภายในสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์เวลานี้…น่าสนใจ!”
น้ำเสียงดังสะท้อน ฟังดูคล้ายเล็บข่วนไปบนฝาโลง เสียงเหมือนคนกำลังฉีกกระชากหัวใจออกเป็นส่วนๆ ภายในอวกาศใกล้เคียงกระทั่งเกิดรอยแตกร้าว
สี่กองกำลังอันยิ่งใหญ่ที่เหลืออยู่ของกองกำลังพันธมิตรเซียนต่างก็สัมผัสการผันผวนนี้ได้เช่นกัน กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดคือแคว้นเซียนระดับแปดฉิวหยุน ควบคุมดาวเคราะห์หลายสิบดวงและทำให้กลายเป็นค่ายกล
สำนักฉิวหยุนอยู่บนดาวเคราะห์หลัก ทั้งยังเป็นผู้กครองแคว้นฉิวหยุนด้วย
ณ ห้องลับของสำนักฉิวหยุนมีชายชราคนหนึ่งดูมีเมตตา นาทีนั้นพลังดั้งเดิมผ่านเข้ามา เขาลืมตา ขบคิดอยู่สักพักและเอ่ยเสียงเบา “โม่จื่อ”
สิ้นเสียงเอ่ย ระลอกคลื่นหลายแห่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าชายชรา ชายหนุ่มหัวล้านชุดเขียวก้าวออกมา เขาคำนับฝ่ามือให้ชายชราและเอ่ยอย่างเคารพ “โม่จื่อขอคารวะอาจารย์” [1]
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ปรากฏตัวขึ้นในสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ไปนำเม็ดยาเทพชั้นยอดระดับห้ามาสี่เม็ด เม็ดยาเทพธรรมดาร้อยเม็ด สมบัติเทพ…หนึ่งพัน และก็จิตวิญญาณที่ข้าหลอมไว้เมื่อห้าปีก่อนด้วย เอามาเป็นของขวัญ!”
“จิตวิญญาณนั่น…” โม่จื่อมองขึ้นไปหาชายชราก่อนจะหยุดพูดและพยักหน้า
“จิตวิญญาณนั่นมีคุณค่ายิ่ง แต่ของขวัญของฉิวหยุนต้องรวมมันเข้าไปด้วย อาจารย์คำนวณแล้วว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนนี้เป็นสหายเก่าของเจ้า การเป็นสหายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อแคว้นฉิวหยุนข้า!”
“สหายเก่า?” โม่จื่อมีสหายน้อยมาก แต่เขาไม่ถามมากและจากไป
นาทีนั้นภายในสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ลำแสงหลายเส้นสายพุ่งเข้าหาสำนักวิหคเพลิง เปลวเพลิงภายในสำนักกำลังโหมกระหน่ำและเสียงร้อง “จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์” ดังขึ้นถึงขีดสุด
หวังหลินสูดหายใจลึกมองท้องฟ้าดวงดาวที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงและสายฟ้า
ด้านหลังห่างจากเขาไปไม่ไกล จักรพรรดิวิหคเพลิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาหัวเราะออกมา “เยี่ยมมาก สำนักวิหคเพลิงของข้าได้มีจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่แล้ว ในที่สุดข้าก็ยิ้มได้เสียที!”
เขายกแขนขวาขึ้นมายื่นใส่ความว่างเปล่า รอยแตกร้าวปรากฏและมีลำแสงสามเส้นลอยออกมา!
“หวังหลิน การเป็นจักรพรรดิวิหคเพลิงเจ้าจำเป็นต้องมีสามสิ่งนี้ หนึ่งคือผ้าคลุมของจักรพรรดิวิหคเพลิงที่ตกทอดลงมารุ่นสู่รุ่น!” ชายชราโบกแขนขวา ลำแสงพุ่งเข้าหาหวังหลิน
เปลี่ยนกลายเป็นผ้าคลุมสีขาวเบื้องหน้า มีวิหคเพลิงเก้าตัวล้อมรอบมันและส่งกลิ่นอายอันทรงเกียรติ
“ข้าถอดผ้าคลุมนี้ออกไประหว่างเผชิญทลายสวรรค์ครั้งที่สาม ไม่คิดว่าข้าจะมีโอกาสต้องมาสวมมันอีกครั้ง…วันนี้ข้าจะขอส่งมันให้กับเจ้า!” จักรพรรดิคนเก่าเผยสีหน้าเศร้าใจเล็กน้อย
หวังหลินสัมผัสผ้าคลุมด้วยมือขวา มันเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและล้อมรอบหวังหลิน เมื่อลำแสงจางหาย หวังหลินก็สวมมันแล้ว
หวังหลินมีเส้นผมสีขาวและชุดเกราะสีแดงอยู่แล้ว ตอนนี้ผ้าคลุมอยู่ด้านหลังจึงปลดปล่อยกลิ่นอายประหลาดออกมา (น่าจะไม่ได้ซัก…)
หวังหลินรู้สึกถึงอายุของผ้าคลุมนี้ได้อย่างชัดเจน ราวกับมันคงอยู่มายาวนานมากแล้ว
“สิ่งที่สองคือตัวตนของจักรพรรดิวิหคเพลิง! ตราศักดิ์สิทธิ์วิหคเพลิง!” จักรพรรดิคนเก่าโบกแขน ลำแสงที่สองพุ่งเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินรับมันเอาไว้ แสงเปลี่ยนกลายเป็นตรารูปทรงเปลวเพลิง มีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้นแต่เมื่อหวังหลินถือเอาไว้ เขารู้สึกถึงพลังอัคคีอันแข็งแกร่งอยู่ภายในพร้อมกับกลิ่นอายโบราณ
“สิ่งที่สามคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ สมบัติศักดิ์สิทธิ์!” ลำแสงที่สามร่อนลงในแขนหวังหลินและเปลี่ยนกลายเป็นก้อนหินสีขาว เมื่อมองสมบัติใกล้ๆหวังหลินจึงเห็นอักระรูนกระพริบอย่างต่อเนื่องอยู่บนก้อนหินนั้น
ทุกครั้งที่อักขระรูนกระพริบ ความร้อนจากก้อนหินจะเพิ่มพูนขึ้น ให้ความรู้สึกว่าอักขระรูนนี้ไม่หยุดกระพริบมานานหลายปี สายตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
ในใจก่อเกิดพายุขึ้น เขาสูดหายใจลึกและถือก้อนหินแน่นขึ้น
เขารู้สึกถึงกลิ่นอายคลุมเครือบนก้อนหินนี้…มันช่างคล้ายกับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า…กลิ่นอายเบาบางมากแต่มีอยู่จริง หากไม่ถือมันในมือคงไม่รู้สึก
“โลหิตของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ตรงกลางหน้าผากฉิงหลิน เจ้าสามารถนำมันออกมาได้ตลอดเวลา!” จักรพรรดิคนเก่ามองหวังหลินด้วยความโล่งอก
“สามสิ่งนี้ถูกส่งต่อมาจากจักรพรรดิวิหคเพลิงคนแรก จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แต่ละรุ่นจะส่งต่อมันให้คนถัดไป เจ้าต้องเก็บมันไว้ให้ปลอดภัย…” จักรพรรดิคนเก่าพยายามลุกขึ้นมา ร่างกายเขาอ่อนแอมากอยู่แล้ว แค่การยืนขึ้นก็ยังเจ็บปวด
แต่ในแววตามีความตื่นเต้นและโล่งอกซึ่งทำให้เขาลืมเลือนความเจ็บปวดทั้งหมด พอลุกขึ้นมาได้ จักรพรรดิวิหคเพลิงคนเก่าพลันโบกมือให้หวังหลิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเมตตา
หวังหลินเดินไปข้างจักรพรรดิคนเก่าพร้อมกับขบคิดไปด้วย ชายชรามองหวังหลินและวางมือบนศีรษะเขา “ตั้งแต่วันนี้ต่อไป เจ้าคือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนใหม่! ไปเจอคนของสำนักเจ้าเถอะ…ข้าจะเข้าไปบ่มเพาะครั้งสุดท้ายในชีวิต อีกเจ็ดวันกลับมาเจอข้า”
หวังหลินมองจักรพรรดิคนเก่า เขาอ้าปากเพราะอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดก็หุบลงและพยักหน้า เขามองชายชราก่อนจะหันตัวกลับและเดินออกไป
เกราะสีแดง ผ้าคลุมขาว เส้นผมสีขาาวและรอยสักวิหคเพลิงสีขาวได้ทำให้หวังหลินมีเอกลักษณ์อันพิเศษ เขาค่อยๆหายตัวออกไปไกล
ชายชราหลับตาและเริ่มบ่มเพาะ
1.หากใครยังจำกันได้ โม่จื่อคือชายหัวล้านบนดาวซูซาคุที่หวังหลินเจอครั้งแรกในอารามคืนฝนตก ต่อมาค้นพบว่าเขาเป็นผู้ส่งสาส์นของพันธมิตรเซียนที่กำลังเฝ้าดูดวงดาวซูซาคุอยู่ข้างในสุสานซูซาคุ