Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1097

Cover Renegade Immortal 1

1097. เหตุจากต้าวเสิน

“และข้าก็สับสนในพลังอำนาจเหนือจินตนาการนี้ด้วย…เดิมทีข้าคิดว่ามันคงอยู่เพียงครู่เดียว แต่นี่กลับอยู่ตลอดสามเดือน!”

“ตอนที่ข้าได้สติขึ้นมาในเดือนที่สาม แดนสวรรค์ก็พังทลายไปแล้ว…”

“จักรพรรดิมังกรฟ้าคนใหม่ไม่ฟังคำพูดข้าและออกไปตรวจสอบแดนสวรรค์ หลังจากนั้นเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย…”

“อีกหลายร้อยปีผ่านไป เนื่องจากแดนสวรรค์ล่มสลาย ดาราจักรฟ้ากระจ่างจึงเกิดความโกลาหล กลุ่มที่เรียกกันว่าพันธมิตรเซียนปรากฏตัวขึ้นและเป็นเงาอยู่เบื้องหลังดินแดนฟ้ากระจ่าง”

“พันธมิตรเซียนใช้วิธีการบางอย่างจนได้มรดกส่วนใหญ่ของแดนสวรรค์พิรุณมา ตอนแรกข้าอยากจะออกไปถามว่าจักรพรรดิมังกรฟ้าอยู่ไหน แต่ทลายสวรรค์ครั้งที่สามของข้ามาถึงก่อนเวลาหลายปี ข้าต้องปิดด่านบ่มเพาะแต่นั่นก็เป็นตอนที่พันธมิตรเซียนเข้าโจมตีบนสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์…”

“จักรพรรดิเต่าดำทรยศเรา และถึงแม้ว่าข้าจะทำร้ายเขาบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้เพราะทลายสวรรค์ครั้งที่สามของข้า…”

“จักรพรรดิพยัคฆ์ขาวตายในการต่อสู้ แม้แต่ร่างศพเขาก็ถูกปล้นชิงไป…”

“เรื่องน่าขันก็คือถึงแม้พันธมิตรเซียนจะสูญเสียจำนวนมาก พวกเขากลับไม่รู้ต้นเหตุแห่งสงคราม พวกเขามักจะคิดมาเสมอว่ามันคือสงครามในการแย่งเป็นเจ้าของดาราจักรฟ้ากระจ่าง!”

“สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือนี่มันไม่ใช่การต่อสู้ในการเป็นผู้ปกครองดาราจักรฟ้ากระจ่าง พวกเขาใช้วิธีการบางอย่างเพื่อทำให้จักรพรรดิเต่าดำทรยศเราและจากนั้นก็ได้พบความลับของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์”

“อย่างไรก็ตามดินแดนฟ้ากระจ่างรู้แต่เพียงความลับเท่านั้นแต่ไม่รู้ตำแหน่งที่ตั้งของดาวเคราะห์เซียน ดาราจักรฟ้ากระจ่างกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป ยากเกินที่จะค้นหาดาวเคราะห์เซียนดวงเดียว ดาวเคราะห์นั้นได้เปลี่ยนแปลงจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สี่คนจากรุ่นแรกจนไม่สามารถหาความผิดปกติได้”

“ตามข้อตกลงของสี่จักรพรรดิรุ่นแรก มีเพียงจักรพรรดิวิหคเพลิงแต่ละรุ่นเท่านั้นที่สามารถรู้ตำแหน่งที่ตั้งของดาวเคราะห์เซียนจริงๆ!”

“ซึ่งทำให้สงครามระหว่างพันธมิตรเซียนและสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้นขึ้น!”

“ยามที่หลายสิ่งหลายอย่างเกิดอันตราย ข้าคุกคามพวกเขาด้วยสี่สมบัติศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ลังเล ข้ายอมใช้ออกไปแต่ก็ยังไม่สามารถเก็บรักษาความลับไว้ได้ นอกจากนี้มันก็ยังเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของสมาชิกสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด….”

“ท้ายที่สุด ข้าจึงได้บอกตำแหน่งที่ตั้งของดาวเคราะห์ ดินแดนฟ้ากระจ่างกังวลสี่สมบัติศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน ความลับที่ข้าบอกพวกเขาไปเกี่ยวพันกันหลายอย่าง ดังนั้นจึงไม่สามารถยืนยันได้ แค่นั้นสงครามก็ค่อยๆจบลง ข้านำพาสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์เข้าไปซ่อนแต่ แต่ข้าบาดเจ็บสาหัสเกินไปแต่ก็ไม่อยากตาย เพราะถ้าข้าตายไป สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์จะต้องถูกฉีกกระชากทันที…อีกทั้งข้ายังไม่พบคนไปสืบทอดความลับด้วย…”

“การที่ข้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้ต้องขอบคุณวิชาและความอดทนต่อความเจ็บปวดของทลายสวรรค์ครั้งที่สามที่ไม่อาจก้าวผ่านได้ ข้าคงอยู่มานานหลายปี…ตอนนี้ในที่สุดข้าก็กำลังจะเป็นอิสระ…”

ร่างชายวัยกลางคนค่อยๆออกห่างไปแต่น้ำเสียงยังคงดังกึกก้องในใจหวังหลิน

“หวังหลิน จำสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดเอาไว้ นี่คือความลับที่อยู่ลึกที่สุดของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่รู้ว่าทำไมเหล่าจักรพรรดิรุ่นแรกถึงให้ความสำคัญกับมันขนาดนี้ แต่จำไว้ให้ดีและส่งมันต่อไป…”

“ทั้งสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์มาจากหนึ่งดาวเคราะห์ ลองคิดว่ามันเป็นประตูหนึ่งบาน…ประตูบานนี้แบ่งออกเป็นสี่ส่วนจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สี่คนจากรุ่นแรก และมันก็ถูกซ่อนไว้ภายในดาวเคราะห์สี่ดวงกระจายกันไปในดินแดนที่แตกต่างกัน เมื่อแดนสวรรค์โบราณหายไป โลกจึงถูกแบ่งกลายเป็นแดนสวรรค์สี่แห่ง ท้ายที่สุดสี่ดาวเคราะห์จึงอยู่ในแต่ละดาราจักรที่แตกต่างกัน…”

“ข้าบอกได้แต่เพียงว่าดินแดนฟ้ากระจ่างเป็นหนึ่งในนั้นซึ่งมันคือดาวเคราะห์ที่เจ้าเกิด ดาวซูซาคุ…ส่วนตำแหน่งอีกสามแห่ง ข้าไม่รู้ว่าพวกมันเปลี่ยนไปหรือตอนนี้เรียกว่าอะไร แต่จงจำแผนที่ดวงดาวทั้งสามนั้นให้ดี…”

ข้อความของชายวัยกลางคนเข้ามาในสมองหวังหลิน แผนที่ดวงดาวโบราณทั้งสามแห่งพลันปรากฏขึ้นพร้อมๆกัน

นาทีนั้นหวังหลินเกิดอาการตกใจ เขาไม่คิดว่าสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์จะมีความลับแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่คิดว่าดาวซุซาคุที่เขาจากมาจะเป็นกุญแจสำคัญของสงครามระหว่างพันธมิตรเซียน ดินแดนฟ้ากระจ่างและสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์!

‘ไม่สงสัยเลยว่าหนึ่งในร่างอวตารของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนเก่ามักจะอยู่บนดาวซูซาคุอยู่เสมอ…ไม่สงสัยเลยว่าอาจารย์ของโม่จื่อทำไมถึงให้เขาพำนักอยู่บนดาวซูซาคุ ข้ากลัวว่าอาจารย์เขาไม่ใช่คนธรรมดา เขาสามารถมองเห็นเบาะแสสำคัญในเรื่องนี้ได้อย่างไร…’

‘หลิวเหมย…ก็อยู่บนดาวซูซาคุ…กระทั่งเผ่ารอยสักก็อยู่บนดาวซูซาคุ!’ หวังหลินค่อยๆเรียนรู้เกี่ยวกับร่างอวตารของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนเก่า ฮวงหลง ตลอดสามปีที่ผ่านมา

ชายวัยกลางคนทิ้งข้อมูลทั้งหมดนี้เอาไว้ขณะที่เขาจากไป แต่ทันในั้นพลันหยุดชะงัก เขามองหวังหลินด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและเอ่ยขึ้นบางเบา “หากแรงกดดันนี้ยิ่งใหญ่เกินไป หากสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีความหวังในการกลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีต หากสวรรค์ต้องการทำลายสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์เข้าจริงๆ…เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง”

หลังจากทิ้งประโยคล่าสุดเอาไว้ ชายวัยกลางคนก้าวเท้าและหายตัวไป

ทิ้งร่างอันโดดเดี่ยวของหวังหลินไว้ในดวงดาวด้วยความงุนงง สิ่งที่เขาพึ่งได้ยินทำให้ตกตะลึงจนถึงจุดที่ความคิดชะงักไป ใช้เวลาสักพักถึงจะได้สติ

ณ ตอนนี้ลำแสงหนึ่งพุ่งเข้าหาตำหนักลอยเคว้งคว้างขนาดใหญ่ที่เป็นของอารามเทพอัสนีในเขตตะวันตก

ในลำแสงมีร่างหนึ่งซึ่งเป็นวิญญาณดั้งเดิม วิญญาณดวงนี้แทบโปร่งแสง เส้นสีแดงแพร่กระจายผ่านไปมากมายดูน่าตื่นตะลึง

วิญญาณดั้งเดิมมีใบหน้ายิ้มแปลกประหลาดราวกับกำลังเพลิดเพลินกับความสุขครั้งใหญ่ แต่ในสายตากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวุ่นวาย

“ปรมาจารย์จงเฉิน ช่วยข้าด้วย!!” ขณะที่เข้าไปใกล้อารามเทพอัสนี วิญญาณดั้งเดิมส่งข้อความแหลมจนดังกึกก้องในหมู่ดาว

เสี้ยวนาทีนั้นหลายคนโผล่ออกมาจากตำหนัก คนด้านหน้าปกคลุมอยู่ในเปลวเพลิง เส้นผมสีขาวและเป็นปรมาจารย์จงเฉินแห่งอารามเทพอัสนี!

เขาก้าวเท้า ปรากฏตัวถัดจากวิญญาณดั้งเดิมทันที ยื่นแขนขวาออกไปสร้างผนึกและคว้าวิญญาณดวงนั้นด้วยท่าทีเคร่งขรึม

แขนซ้ายชี้ใส่วิญญาณดวงนั้นหลายครั้ง ทุกครั้งจะมีพลังดั้งเดิมมหาศาลไหลเข้าไปในวิญญาณ

เส้นสีแดงหดลงแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถบังคับให้ออกจากร่างลี่หยุนจื่อได้

ขณะที่พลังดั้งเดิมเข้าไปในวิญญาณ ลี่หยุนจื่อได้สติและรีบเอ่ยขึ้นมา “ขณะที่ข้ากำลังกลับมา ข้าถูกคนจากสำนักซากศพซุ่มโจมตี…ก่อนที่จะทันได้พูดจบ เส้นสีแดงที่ระงับเอาไว้พลันเริ่มดิ้นรน ลี่หยุนจื่อหยุดชะงัก แววตาสับสนกลับคืนมาด้วย”

แม้เขาพูดยังไม่ทันจบ แต่คำพูดเหล่านั้นเข้าสู่สองหูของผู้อาวุโสทั้งหมดที่ออกมา สีหน้าแต่ละคนมืดมนเป็นอย่างยิ่ง!

“สำนักซากศพ!”

ปรมาจารย์จงเฉินขมวดคิ้วพลางชี้ใส่ตรงกลางหน้าผากของลี่หยุนจื่ออย่างรุนแรง ลี่หยุนจื่อสั่นเทาและฟื้นคืนสติ

ปรมาจารย์จงเฉินร้องตะโกน “ลี่หยุนจื่อจงพูดมาให้ชัด ทำไมสำนักซากศพถึงซุ่มโจมตีเจ้า?”

“จักรพรรดิวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์คือหวังหลิน เขาต้องการให้ข้าส่งมอบหินหยกให้เจ้า ระหว่างทางข้าถูกคนของสำนักซากศพซุ่มโจมตีและได้รับพิษสวรรค์ชั้นเจ็ด…” แม้ระดับบ่มเพาะของลี่หยุนจื่อจะสูงกว่าซือถูหนาน เขายังไม่ได้บรรลุขั้นทลายสวรรค์ ตอนนี้ร่างกายหายไปและไม่ได้มีพรสวรรค์เท่าซือถูหนานที่หาทางอื่นเพื่อระงับพิษ

ด้วยเหตุผลอีกหลายอย่าง พิษข้างในตัวลี่หยุนจื่อจึงรุนแรงยิ่ง

แขนขวาพยายามยื่นเข้าหาอากาศตรงหน้า ปรากฏรอยแตกร้าวและหินหยกก้อนหนึ่งลอยออกไป

หลังทำเช่นนั้นเขาก็ไม่อาจต้านพิษในร่างได้อีกแล้ว พลันกระอักแกนพลังดั้งเดิมและสลบเหมือด

ปรมาจารย์จงเฉินรับหินหยกและตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ แม้กระทั่งปรมาจารย์จงเฉินยังมีสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตาส่องประกายเจิดจ้า!

“นี่…ข่าวนี้…”

ปรมาจารย์จงเฉินรู้สึกถูกสายฟ้าผ่าลงกลางใจ เขาตรวจสอบมันอีกครั้งเพื่อยืนยันเนื้อหา แต่วินาทีนั้นสายตาของผู้อาวุโสทั้งหมดหันมามองเขา

ปรมาจารย์จงเฉินโบกแขนขวา หินหยกถูกส่งต่อให้ชายชราข้างๆกัน ชายชราตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณจากนั้นสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปมหาศาล!

ใช้เวลาไม่นานผู้อาวุโสทั้งหมดก็ได้เห็นมัน ทั้งหมดมีอาการตอบสนองรุนแรงที่ได้เห็นเนื้อหาของหินหยก!

หนึ่งในนั้นขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยออกมา “เราไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือหลอก…”

“หากมีคนเช่นนี้สามารถหลบหนีออกมาได้ มันจะกลายเป็นภัยพิบัติไปทั้งดาราจักรพันธมิตรเซียน แม้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรามากนัก หากข้อมูลในหินหยกเป็นเรื่องจริง ฝ่ายทุกชั้นฟ้าของเราคงสูญเสียความหวังในการครอบครองพันธมิตรเซียน เราคงจำเป็นต้องกลับทุกชั้นฟ้าทันทีและตั้งการป้องกันอย่างหนัก…หากคนผู้นั้นเข้ามาในดาราจักรทุกชั้นฟ้า…” ผู้อาวุโสอีกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เรื่องนี้อาจจะหลอกลวง! ไม่มีทางที่จะมีคนเช่นนี้ได้ เนื้อหาบอกว่าเพียงแค่ชี้นิ้ว หากไม่ตาย แม้กระทั่งเซียนขั้นทลายสวรรค์ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่มันไร้สาระเกินไป!” บางคนไม่เชื่อและพ่นลมหายใจเย็น

ปรมาจารย์จงเฉินเอ่ยขึ้นทันที “มีใครยังจำอสูรจันทราได้อยู่ไหม…”

ผู้อาวุโสทั้งหมดตกตะลึงราวกับตระหนักอะไรได้

“แต่ไม่ต้องระวังมากเกินไป อีกทั้ง…” ขณะที่ปรมาจารย์จงเฉินกำลังพูดอยู่นั้น เขาพลันหยุดชะงัก สีหน้าท่าทางเคารพยิ่งราวกับกำลังฟังอะไรบางอย่าง

ท่าทางประหลาดของปรมาจารย์จงเฉินไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสคนใดตกใจ แต่ทั้งหมดกลับเคารพนอบน้อมไปด้วย

ชั่วขณะต่อมา ปรมาจารย์จงเฉินมีอากรเปลี่ยนไปอีกครั้ง หันหน้าไปทางทิศตะวันตกพลางคำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้นอย่างเคารพ “ตามที่ท่านสั่งการ!” สายตาเคร่งเครียดมองไปรอบๆ “หยุดการต่อสู้ทั้งหมดกับพันธมิตรเซียนและเรียกเซียนตั้งแต่ขั้นส่องสวรรค์ขึ้นไปมาที่นี่ รอคำสั่งข้าหลังจากที่ข้ากลับมาจากสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์!”

เหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นในสำนักซากศพ เทียบกับฝ่ายทุกชั้นฟ้าแล้ว หินหยกที่หลี่หยิงซื่อนำมาได้ทำให้สำนักซากศพเกิดความโกลาหลอย่างสิ้นเชิง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version