Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1096

Cover Renegade Immortal 1

1096. ความลับสั่นสะเทือนสวรรค์

สตรีคนสวยระงับความตกตะลึงในใจด้วยอาการสั่นเทา “ร่างศพนี่…นี่มันเพียงแค่ประทับสัมผัสวิญญาณของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ยากนักที่ข้าจะตัดสินใจเว้นแต่จะเห็นร่างจริงๆ…”

อย่างไรก็ตามร่างศพในหินหยกได้จมอยู่ในความคิดนางและทำให้จิตใจเต้นกระดอนไปแล้ว

“งั้นรึ?” หวังหลินมองนางพร้อมกับวางชาร้อนลงและเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ เดิมทีข้าก็ไม่ได้หวังเรื่องนี้นักอยู่แล้ว จะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต”

สีหน้านางเปลี่ยนไปและเอ่ยทันที “ท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มอบหินหยกนี้ให้กับลี่หยุนจื่อด้วยใช่ไหม?”

หวังหลินจิบชาและค่อยๆเอ่ยออกมา “ใช่แล้ว”

สตรีคนสวยขบคิดเล็กน้อย จากนั้นมองหวังหลินแฝงความเคารพ “ข้าไม่สามารถตัดสินเรื่องนี้ได้ในตอนนี้ แต่ท่านจักรพรรดิโปรดให้เวลาข้าเจ็ดวัน ข้าจะให้คำตอบท่านได้ภายในเจ็ดวันแน่นอน!”

หวังหลินวางถ้วยชาลงไปและเผยรอยยิ้ม “สหายเซียนหลี่ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าพบร่างศพนี้โดยบังเอิญแต่ข้าไม่สามารถฟื้นคืนชีพมันได้ ข้าจึงขอให้สหายเซียนหลี่เข้าช่วยระบุตัวตนมัน”

สตรีคนสวยไหวพริบดีมาก ตอนนี้นางสงบลงและรู้ได้ทันทีว่าหวังหลินไม่ได้มอบหินหยกนี้ให้ง่ายๆ มีความนัยลึกๆแฝงอยู่เอาไว้

ยิ่งไปกว่านั้นหวังหลินเตรียมหินหยกนี้ไว้แล้ว เขามอบให้ลี่หยุนจื่อก่อนและจึงมอบให้กับนาง!

นางเอ่ยขึ้นอย่างระวัง “ข้ากลัวว่าข้าจะไม่สามารถเข้าร่วมพิธีสถาปณาจักรพรดิศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าขอตัวก่อน”

หวังหลินไม่ได้พยายามรั้งนางเอาไว้นที่นี่ เขาปล่อยให้หลี่หยิงซื่อออกไปจากห้องโถง นางเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและจากไปอย่างรวดเร็ว

หวังหลินถอนสายตาจากจุดที่นางหายตัวไป เขาปล่อยเหยื่อไปแล้ว ตอนนี้มาดูกันว่าฝ่ายทุกชั้นฟ้าและสำนักซากศพจะถูกล่อลวงหรือไม่

‘พวกเขาจะถูกล่อหลอกแน่นอน!’ หวังหลินหันกลับมามองโม่จื่อและยิ้มขึ้น เขายืนขึ้นมา ชุดเกราะและผ้าคลุมหายไป หวังหลินสวมเสื้อคลุมสีขาวพร้อมกับคำนับฝ่ามือให้โม่จื่อ “พี่โม่ ไม่เจอกันนาน ท่านยังดูดีอยู่ตลอด!”

โม่จื่อยืนขึ้นและคำนับฝ่ามือ ใบหน้าโศกเศร้าเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มขึ้น “คงเกือบพันปีที่เราเจอกันครั้งล่าสุด”

แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยความนึกถึงพร้อมกับถอนหายใจออกมา “พี่โม่ การกลับมาเจอกันของเราถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ท่านและข้าต้องถกเรื่องเต๋ากันอีกครั้ง ข้ายังจำวันคืนฝนตกนั้นได้ดี”

โม่จื่อยิ้มและพยักหน้า ทั้งสองเดินออกไปจากห้องโถง

อวกาศรอบภูเขาไฟที่หวังหลินบ่มเพาะพลันบิดเบี้ยว หวังหลินก้าวออกมาพร้อมกับโม่จื่อ

หวังหลินนั่งลงมองควันสีดำที่กำลังผุดออกมาจากภูเขาไฟ เขาตบกระเป๋านำเหล้าออกมาสองขวด โยนหนึ่งขวดให้แก่โม่จื่อ หวังหลินดื่มเข้าไปและเอ่ยขึ้น “สายฝนถือกำเนิดจากฟากฟ้าและตกตายบนผืนแผ่นดิน กระบวนการระหว่างนั้นคือชีวิต…ข้าเก็บมันไว้ในใจ”

โม่จื่อรับเหล้ามาและนั่งลง ยิ้มออกมาด้วยสายตาหวนรำลึกด้วย “ตอนที่ข้าเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรเซียน ข้าประจำการอยู่ที่ดาวซูซาคุตามคำขอของอาจารย์ข้า ในคืนฝนตกนั้นข้ารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ดังนั้นข้าจึงเดินออกไปและไม่คาดคิดว่าจะเจอน้องหวัง”

“น้องหวังหลิน เจ้ารู้แจ้งด้วยตนเองจากเขตแดนแห่งชีวิตและความตาย แม้แต่ข้าก็ไม่ได้ชี้ทางให้”

หวังหลินส่ายศีรษะ บางครั้งตอนที่เกือบเข้าใจแต่เวลาเดียวกันก็ไม่เข้าใจด้วย ไม่ว่าจะคิดอย่างไรมันก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกีดขวางเส้นทางเอาไว้ ไม่ว่าพยายามทะลวงอย่างหนักแค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าใจได้

“ครั้งที่สองข้าเจอน้องหวังในสุสานซูซาคุ เดิมทีข้าต้องการให้น้องหวังกลายเป็นเจ้าปกครองดาวซูซาคุ แต่ดูเหมือนข้าประเมินน้องหวังต่ำไป” โม่จื่อดูจริงใจ พลางหยิบเหล้าขึ้นมาดื่ม

“ข้าไม่คาดคิดว่าน้องหวังจะกลายเป็นจักรพรรดิวิหคเพลิงในการเจอกันครั้งที่สามของเรา ข้ายินดีกับเจ้าจริงๆ”

ทั้งสองคนถกกันไปขณะดื่มดำกับเหล้ารสเลิศ แบ่งปันความทรงจำที่ผ่านมาหนึ่งพันปีและวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวกับพวกเขากลับไปอยู่ตอนที่อยู่ในอารามคืนฝนตก

“เขตแดนแห่งชีวิตและความตายของน้องหวังได้บรรลุความสำเร็จและเปลี่ยนไปแล้ว เขตแดนของเจ้าตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถเข้าใจได้ อย่างไรก็ตามอาจารย์ข้าบอกว่าเขตแดนทั้งหมดเกี่ยวข้องกับสภาวะความคิด เมื่อจิตใจเจ้าเปลี่ยนไปจึงส่งผลต่อเขตแดนด้วย”

“บางทีมันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อน้องหวัง”

ขณะที่ทั้งสองถกันเรื่องเต๋า วันเวลาค่อยๆผ่านไปในยามเช้าตรู่ โม่จื่อกล่าวอำลา เขาไม่ได้อยู่เข้าร่วมพิธีสถาปณาหวังหลิน เขาจากไปพร้อมกับหินหยกสี่ชิ้นที่หวังหลินมอบให้และเรื่องที่มอบหมายไปด้วย

ข่าวคราวในบันทึกของหินหยกทั้งสี่ก้อนเพียงพอจะทำให้พันธมิตรเซียนตื่นตะลึง โม่จื่อต้องรีบส่งมันให้แก่อาจารย์และมอบมันให้แก่กองกำลังพันธมิตรเซียนอีกสี่สามแห่ง

ส่วนแคว้นฉิวหยุนของพวกเขานั้น ด้วยคำใบ้ของหวังหลิน โม่จื่อจึงเข้าใจอะไรบางอย่าง ดังนั้นจึงไม่ยอมให้อาจารย์มาเกี่ยวข้องเป็นธรรมดา

หลังจากส่งโม่จื่อกลับไป มีอีกหลายคนที่เข้ามายินดีกับหวังหลิน แต่เขาไม่ได้พบเจอใครอีกเลย วันเวลาผ่านอย่างรวดเร็วจนถึงวันแห่งการพิธีเฉลิมฉลอง

ในวันนี้ทั้งสำนักวิหคเพลิงต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผู้อาวุโสและสมาชิกของอีกสามสำนักต่างเข้ามาที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานการสถาปนาจักรพรรดิคนใหม่

แม้พิธีนี้จะเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่มันเป็นขนบธรรมเนียมและใช้เวลาทั้งวันกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ สำนักอีกสามแห่งจากไป ส่วนสำนักวิหคเพลิงค่อยๆกลับคืนสู่ปกติ

สมาชิกจำนวนมากจดจ่อกับการฝึกฝน ส่วนเหล่าผู้อาวุโส ทั้งหมดทราบเรื่องแผนการช่วยจักรพรรดิมังกรฟ้า พวกเขาทั้งหมดปิดด่านฝึกตนเพื่อรักษาสภาพของตนเองให้พร้อมเต็มที่

เพราะการช่วยจักรพรรดิมังกรฟ้าเป็นเรื่องสำคัญมาก!

ณ ขณะนั้นหวังหลินปรากฏร่างที่ชายแดนของพื้นที่ดวงดาวแห่งสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ มีดวงวิญญาณดั้งเดิมดวงหนึ่งกำลังลอยอยู่ตรงหน้า

ดวงวิญญาณนี้ดูเหมือนชายวัยกลางคน เขามองหวังหลินด้วยสายตาเมตตาและพึงพอใจ

“เจ้ายอดเยี่ยมมาก ตลอดระยะเวลาที่เหลืออยู่ของข้า เจ้าไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดที่ข้าเจอ แต่เจ้าเป็นคนที่ข้าพึงพอใจมากที่สุด ข้ารู้สึกมั่นใจที่ฝากสำนักวิหคเพลิงไว้กับเจ้า”

หวังหลินขบคิดเงียบๆ

“โชคร้ายที่ข้าไม่มีเวลามากนัก หากข้ามีเวลามากกว่านี้ ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถทำให้เจ้าสืบทอดมรดกได้อย่างสมบูรณ์ น่าเสียดาย…” ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะและถอนหายใจ เขามองหวังหลินและเอ่ยเสียงเบา “ข้ากลัวว่าข้าจะไม่สามารถกลับมาจากการเดินทางไปกองบัญชาการพันธมิตรเซียนได้ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะต้องใช้อะไรไป ข้าจะเอาผลึกแดนสวรรค์พิรุณมาให้ได้!”

“ตอนนี้วิญญาณดั้งเดิมประมาณเก้าในสิบส่วนอยู่ที่นี่ ข้าดูดซับร่างอวตารทั้งหมดที่ข้าสลายไปแล้ว ข้าเหลือไว้หนึ่งส่วนกับร่างกายหยาบ เมื่อข้าได้ผลึกมา ข้าจะใช้วิธีลับเปลี่ยนแปลงวิญญาณดั้งเดิมเพื่อส่งผลึกมาที่ร่างกายหยาบ”

“หลังจากเจ้าได้รับผลึกมา หากสามารถช่วยจักรพรรดิมังกรฟ้าก็จงทำมัน หากไม่ได้ก็จงให้ตนเองปลอดภัยก่อน” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นมาราวกับกำลังกล่าวลาตาย

“ด้วยเพลิงขาวนั่น ร่างกายข้าจะไม่เน่าเสียไปสามพันปี ทุกร้อยปีเจ้าจะต้องบ่มเพาะใกล้ร่างกายข้าและดูดซับพลังอัคคีดั้งเดิมเพื่อกักเก็บเอาไว้ มันจะช่วยการบ่มเพาะเจ้ามหาศาล จำไว้ให้ดี!”

“อย่างไรก็ตามหากมีสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย อย่างกังวลเรื่องร่างกายข้า จงใช้เปลี่ยนร่างวิหคเพลิงลี้ลับเพื่อระเบิดร่างกายข้าไป บางทีมันจะทำให้เจ้าหรือสำนักวิหคเพลิงผ่านพ้นวิกฤติไปได้”

ชายวัยกลางคนมองพื้นที่ดวงดาวรอบๆอย่างไม่เต็มใจ ทั้งยังมองดาวเคราะห์วิหคเพลิงด้วย

“หวังหลิน ข้ากำลังจะไปแล้ว…ข้าจะหาข่าวเรื่องศิษย์พี่ฉิงชุ่ยของเจ้าด้วย…” ชายวัยกลางคนมองหวังหลินด้วยความเมตตาและวางแขนตนเองบนศีรษะหวังหลินพร้อมกับเอ่ยเสียงเบา “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่คิดร้ายกับข้าที่ทิ้งสถานการณ์ย่ำแย่ไว้ในมือเจ้า…”

เขามองหวังหลินอย่างลึกซึ้งก่อนจะหันตัวกลับและเดินออกไป ดูสง่างามเป็นอย่างยิ่งราวกับพึ่งปลดปล่อยแรงกดดันตลอดหลายปีและก้าวเดินอย่างช้าๆ

“ข้าชื่อหลิวหยุน ถือกำเนิดในโลกผู้ฝึกปราณฉีโบราณ ข้ากลายเป็นเด็กเล่นแผลงๆของจักรพรรดิวิหคเพลิงรุ่นที่สี่ ต้องขอบคุณท่านจักรพรรดิวิหคเพลิงรุ่นสี่ที่ไม่ทิ้งข้าและสอนการฝึกฉีให้ ในอายุ 1,327 ปี ข้าประสบความสำเร็จแห่งการเป็นผู้ฝึกฉี ข้าติดตามจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และเป็นพยานการรู้เห็นความรุ่งโรจน์ของสำนักวิหคเพลิง…”

“ในอายุ 2,945 ปี ข้ากลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์”

“ในอายุ 4,760 ปี ข้ากลายเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสและผ่านทลายสวรรค์แรกไปได้

“ในอายุ 6,215 ปี ข้าได้รับรอยวิหคเพลิงและประสบความสำเร็จการตื่นขึ้นครั้งแรก ข้าเอาชนะทุกคนที่ตื่นขึ้นมาและกลายเป็นอันดันหนึ่ง

“ในอายุ 7,912 ปี ด้วยการช่วยเหลือของจักรพรรดิวิหคเพลิงรุ่นสี่ ข้าสำเร็จการตื่นครั้งที่สอง ตั้งแต่นั้นข้าก็ถูกเลือกให้กลายเป็นจักรพรรดิคนต่อไป!

“ในอายุ 11,463 ปี เผ่ารอยสักรุกรานจากข้างนอกและก่อกวนโลกใบนี้ สำนักวิหคเพลิงเข้าช่วยแดนสวรรค์ต่อสู้กับเผ่ารอยสัก! หลังจากนั้นจักรพรรดิรุ่นสี่ก็จากไปกับอีกสามจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มุ่งหน้าไปโลกภายนอก ก่อนที่พวกเขาจากไป ข้าถูกแต่งตั้งเป็นจักรพรรดิวิหคเพลิงรุ่นห้า! ในตอนนั้นข้าพึ่งจะผ่านทลายสวรรค์รอบสองด้วยการช่วยเหลือของจักรพรรดิวิหคเพลิงรุ่นสี่

“ช่วงนาทีนั้นข้าได้เรียนรู้ถึงความลับสั่นสะเทือนสวรรค์เกี่ยวกับสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ของเรา!”

“สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนจากดินแดนปิดผนึก พวกเขามาจากโลกด้านนอกเมื่อนานมาแล้ว…”

“ขณะเดียวกันข้าได้เรียนรู้ว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนแรกของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ เป็นคนที่มาจากดาวเคราะห์เซียนเล็กๆตอนที่แดนสวรรค์โบราณยังคงอยู่”

“ดาวเคราะห์เซียนนั่นคือรากฐานของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์และยังเป็นบ้าน…”

“ดาวเคราะห์นั้นยังอยู่ภายในการควบคุมของสำนักวิหคเพลิงและไม่มีข้อขัดแย้งจากอีกสามสำนัก อีกทั้งก็มีคนไม่มากที่รู้เรื่องนี้”

“เพื่อเป็นการป้องกันทุกอย่างที่สามารถเกิดขึ้นในอนาคต มันจึงเป็นความลับที่อยู่ลึกที่สุดภายในสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก แม้แต่จักรพรรดิเทพฉิงหลินก็ยังไม่รู้เรื่องนี้”

“หลังจากสี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เข้ายึดครองดาราจักรฟ้ากระจ่าง พวกเขาสร้างดาวเคราะห์คล้ายคลึงกันอีกมากมาย เพิ่มด้วยดาวเคราะห์ที่มีอยู่ก่อนแล้วจึงทำให้ผู้คนสับสน ส่วนใหญ่ไม่มีใครจดจำดาวเคราะห์ดั้งเดิมได้ นอกจากนี้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกยังใช้วิธีการหลายอย่างเพื่อซ่อนดาวเคราะห์เอาไว้เพื่อให้แน่ใจว่าดาวเคราะห์นั้นจะไม่ถูกพบขึ้นมาแม้จะผ่านไปอย่างยาวนาน”

“หลายพันปีให้หลัง มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นในแดนสวรรค์ ณ ตอนนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกดูเหมือนจะสับสนและตกอยู่ในความโกลาหล”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version