1106. หนึ่งขุนเขา สองป่นสลาย
วิชาเทพป่นขุนเขา!
เมื่อหวังหลินเอ่ยคำพูดนั้นออกไป ภูเขาไฟเลือนลางนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบตัวหวังหลินจึงเริ่มทับซ้อนกัน
พริบตาเดียวมันก็ผสานกลายเป็นหนึ่งภูเขาอันสง่างามเบื้องหน้าหวังหลิน! ภูเขาลูกนี้ดูไม่ต่างจากของจริง!
ภูเขาสูงมากกว่าหมื่นฟุต แมงจะไม่ได้ใหญ่มากนักในอวกาศแต่ใหญ่โตต่อหน้าทุกคนที่นี่ แรงกดดันทรงพลังแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ
พลันปรากฏระลอกคลื่นขึ้นในอวกาศ ก้อนหินจำนวนมากในค่ายกลแตกสลาย
ภูเขาเริ่มสั่นไหว จากนั้นส่วนยอดของมันก็ระเบิดจนเกิดก้อนหินแตกกระจายหลายแห่ง ขณะเดียวกันควันสีดำพวยพุ่งออกมาเต็มอากาศ เปลวเพลิงสีแดงเข้มแพร่กระจายจากยอดเขา
อุณหภูมิของเปลวเพลิงสามารถลบล้างทุกสิ่งมีชีวิต เปลวเพลิงเปลี่ยนกลายเป็นก้อนหินไหม้ขนาดยักษ์กระแทกลงมาอย่างรุนแรง
เหล่าเซียนจากทะเลเมฆาส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกายแต่ละคนถูกบดขยี้ เปลวเพลิงปะทุในร่างกายเผาผลาญกระทั่งวิญญาณดั้งเดิม
ควันดำจากภูเขาไฟบรรจุเพลิงพิษจำนวนมากเอาไว้ เมื่อมันแพร่กระจายออกไปทุกที่ดุจพื้นที่ดวงดาวกำลังพังพินาศ ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
เซียนคนหนึ่งก้าวเข้าไปในค่ายกลเพียงครึ่งก้าว พลันหันกลับมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว ควันสีดำเข้าล้อมรอบเขา ก่อนที่ตนเองจะจากไปได้พลันส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำและแตกสลาย แม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมยังถูกเผาไหม้เป็นเถ้าธุลี หายวับไปในเสี้ยววินาที
ควันสีดำและเปลวเพลิงได้ทำให้สายฟ้าเจ็ดสีระเบิดขึ้นก่อนหน้านี้เกิดเสียงดังสั่นสะเทือนสวรรค์
เซียนบางคนที่อ่อนแอสามารถหนีรอดจากก้อนหินเพลิงและเพลิงพิษได้แต่ก็ต้องวิญญาณแตกสลายจากเสียงดังสนั่นกึกก้อง พวกเขากระอักโลหิต แววตามืดมนก่อนจะตายลงไป
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมไปทั่วพื้นที่ดวงดาว!
แต่ยังไม่จบเพียงแค่นี้ ภูเขาที่แพร่กระจายควันและเปลวเพลิงออกไปกลับสั่นเทาอีกครั้ง คลื่นลาวาเริ่มพรั่งพรูออกไปสู่ยอดเขา ความร้อนหนาแน่นเต็มไปทั่วบริเวณ จากนั้นกลิ่นอายทำลายล้างปรากฏขึ้นในโลก
เมื่อลาวาแพร่กระจายออกไป เซียนที่อยู่ใกล้ที่สุดเจ็ดคนและกำลังจะหนีไป มีสองคนถูกควันสีดำห่อหุ้มและตายอย่างทรมานแสนสาหัส
อีกคนถูกก้อนหินเพลิงกระแทกเข้าอย่างจัง ร่างกายแตกสลายกลายเป็นกองโลหิต แต่เนื่องจากความร้อนหนาแน่น โลหิตจึงเปลี่ยนกลายเป็นหมอกและสูญสลาย
ถึงจะมีคนโชคดีแต่ก็ไม่สามารถหลบพ้นความตายไปด้วย ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่อาจเทียบได้กับอีกสี่คนที่เหลือรอดกำลังเผชิญอยู่ สี่คนสุดท้ายช้าไปเล็กน้อย ไม่มีเวลาบินหนีลาวาที่กระแทกลงมา ร่างกายเริ่มเผาไหม้ไม่เหลืออะไรทิ้งไว้เลยเว้นแต่โครงกระดูกที่เป็นของดูต่างหน้า
โครงกระดูกคงอยู่เพียงครึ่งลมหายใจก่อนจะสูญสลายเป็นเถ้าธุลี…ส่วนดวงวิญญาณดั้งเดิมถูกลาวาเผาไหม้ไม่มีเหลือ
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือพวกเซียนที่มีระดับสูงกว่า คลื่นลาวาแรกพวกเขาไม่ได้ตายแต่ก็ไม่อาจหลบหนีลาวาไปได้ พวกเขาดิ้นรนอยู่ข้างในได้เท่านั้น แม้จะใช้วิชาและสมบัติมากมายก็ยังหนีรอดหายนะนี้ไปได้ยากมาก!
อสูรยุงใช้ความเร็วสูงกลับมาหา มันสายตาเย็นเยียบลอยเข้าไปในวิชาป่นขุนเขาที่ซึ่งมีพรรคพวกของมันอยู่ วิชาป่นขุนเขาของหวังหลินทำลายผนึกทั้งหมดและไม่มีเปลวเพลิงอยู่รอบพวกอสูรยุง
พอพวกมันเห็นราชากลับมา จึงร่ำร้องและบินตามราชาทันที กลุ่มอสูรยุงพุ่งซิกแซกซ้ายขวาอยู่ข้างในวิชาป่นขุนเขา มีความอาฆาตพยาบาลต่อเซียนชุดเหลืองตรงหน้าอย่างมหาศาล
คนชุดเหลืองผู้นี้เป็นหนึ่งในสามคนที่ล่อพวกอสุรยุงมา เขาเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บตรงขา ขณะที่กำลังหลบเลี่ยงก้อนหินเพลิงพลันสัมผัสถึงสายลมกรรโชกด้านหลัง เมื่อเห็นอสูรยุงสีหน้าจึงเปลี่ยนไปแต่ก็สายเกินไปแล้ว เหล่าอสูรยุงเข้าล้อมรอบและฉีกกระชากร่างเป็นชิ้นๆ
กลุ่มอสูรยุงพวกนี้พอได้ลิ้มรสชาติโลหิตจึงทำให้บ้าคลั่งยิ่งขึ้น ภายใต้การนำของราชาตนเอง พวกมันจึงค้นหาอีกสองคนเพื่อแก้แค้น
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ภายใต้พลังอำนาจของวิชาป่นขุนเขา ไม่มีใครบาดเจ็บ มีแต่ความตายเท่านั้น วิญญาณดั้งเดิมของผู้อาวุโสชุดม่วงที่สูญเสียร่างกายไปกำลังหวาดกลัว เขาหลบก้อนหินเพลิงและควันสีดำพลางกัดฟันแน่นพุ่งใส่ค่ายกล
ผู้อาวุโสชุดม่วงอีกคนใบหน้าซีดพลางหลบเลี่ยงควันสีดำพุ่งหาค่ายกลเช่นเดียวกัน เขาไม่สนเหล่าศิษย์อีกแล้ว ตอนนี้หวาดกลัวยิ่ง จิตใจโศกเศร้าและเกลียดชัง เขาเสียใจต่อความเกลียดของตนเองและเกลียดศิษย์สามคนที่นำอสูรยุงยักษ์กลับมาจนเกิดหายนะเช่นนี้
หวังหลินดวงตาสงบนิ่งแต่ไม่ได้แสดงความเมตตาอันใดต่อคนพวกนี้ พวกมันกล้าคิดจะขโมยอสูรยุง ดังนั้นจึงต้องชดใช้! หวังหลินอ้าแขนและร้องตะโกน “ขุนเขา ป่นสลาย!”
สิ้นเสียงตะโกนหวังหลิน ภูเขาสั่นเทาอีกครั้ง ก้อนหินจำนวนมากร่วงหล่นลงสู่ลาวา ลาวารอบด้านพลันพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศ และในเวลาเดียวกันพื้นที่ดวงดาวจึงเต็มไปด้วยพลังอันเหนือจินตนาการ เซียนที่เหลือรอดบางส่วนถูกลาวานี้เข้าสัมผัสและเปลี่ยนกลายเป็นขี้เถ้าสีดำส่งเสียงกรีดร้อง
วิญญาณดั้งเดิมของผู้อาวุโสชุดม่วงเข้าไปใกล้ใจกลางค่ายกลให้เร็วที่สุด รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนค่ายกลและปลดปล่อยแสงอันรุนแรง
ขณะที่ลาวาพุ่งเข้าไปในอากาศ ค่ายกลไม่สามารถทนทานต่อพลังทำลายล้างได้และเกิดการพังทลาย แสงกระพริบรุนแรงทะลุทะลวงสู่สิ่งใกล้เคียง
ค่ายกลสั่นเทาพร้อมกับแตกสลายทีละนิ้ว จากนั้นก็แตกสลายอย่างสิ้นเชิง
“ไม่!!!” ผู้อาวุโสชุดม่วงที่เหลือเพียงวิญญาณดั้งเดิมพลันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง อดไม่ได้ที่จะสั่นเทาลอยอยู่นิ่งๆ แต่ด้วยการหยุดชะงักนี้จึงทำให้ก้อนหินเพลิงกระแทกเข้าใส่วิญญาณดั้งเดิมจากเบื้องบน
ผู้อาวุโสกระอักแกนพลังดั้งเดิมออกมาพร้อมกับล่าถอย วิญญาณเริ่มเผาไหม้แต่วิกฤติยังไม่จบสิ้น ควันพิษสีดำก่อขึ้นมาเป็นพายุรอบตัวเขา เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสะท้อน ผู้อาวุโสใช้วิธีการบางอย่างเพื่อพุ่งออกไปจากพายุนี้
เขาคลุมร่างอยู่ในเปลวเพลิง วิญญาณดั้งเดิมมืดมัวราวกับจะแตกสลายได้ทุกเวลา วิญญาณเขาเหมือนกับผิวคางคกและมีตุ่มหนองเต็มไปหมด ตุ่มหนองพวกนี้คือเพลิงพิษ!
แม้กระทั่งในวิญญาณดั้งเดิมก็ยังเผาไหม้ ผู้อาวุโสส่งเสียงคำรามเจ็บปวดรวดร้าว เหวี่ยงศีรษะกลับมาจ้องมองหวังหลิน สายตาบ้าคลั่ง
“หากข้าตาย เจ้าก็ต้องตายไปกับข้าด้วย!!” ชายชราร้องคำรามพุ่งใส่หวังหลิน วินาทีนี้เขาเตรียมจะทำลายตัวเองไปแล้ว
คลื่นพลังดั้งเดิมโผล่ออกมาจากวิญญาณของผู้อาวุโสก่อตัวเป็นพลังรุนแรงพุ่งใส่หวังหลิน ทว่าหวังหลินสีหน้าเป็นปกติดี ขณะที่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ หวังหลินเพียงชี้แขนขวา พลังเทพต้นกำเนิดเคลื่อนไหตามร่างกายและเข้าสู่แขนขวา
“หยุด!” หวังหลินเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ วิญญาณดั้งเดิมอีกฝ่ายหยุดชะงักไปหนึ่งจังหวะ
ระดับบ่มเพาะของชายชราสูงกว่าของหวังหลิน ดังนั้นหวังหลินจึงกระตุ้นพลังอัคคีดั้งเดิมเพื่อระงับการสะท้อนจากวิชายับยั้ง เขาโบกแขนขวา เพียงแค่คิดก็พลันปรากฏแส้เวรกรรมขึ้นมาดุจหางมังกร พุ่งเข้าหาผู้อาวุโส
เพี๊ยะ!
กลิ่นอายทำลายล้างจากวิญญาณดั้งเดิมของผู้อาวุโสพลันถูกแส้แห่งเวรรกรมทำลายไป
วิญญาณดั้งเดิมส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน แววตาบ้าคลั่งหายไปแล้วและถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว ขณะที่กำลังถอยหนี แส้แห่งเวรกรรมดึงเขามาหาหวังหลิน
หวังหลินคว้าวิญญาณนั้นและโยนเข้าใส่มิติเก็บของของตนเอง จึงดูเหมือนวิญญาณกำลังถูกกลืนกินเข้าไป
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาโดยไม่มีการหยุดชะงัก ทำให้ผู้อาวุโสอีกคนที่เหลืออยู่ต้องสั่นเทาและหันตัวหนี
แต่หวังหลินจะปล่อยเขาหนีไปได้อย่างไร? แขนขวาชี้ใส่ท้องฟ้าและร้องตะโกน “ป่นสลาย!”
หนึ่งขุนเขา สองป่นสลายเป็นขีดจำกัดแห่งความเข้าใจของหวังหลินตอนนี้ เทียบกับฉิงชุ่ยที่สามารถใช้ได้ถึงหกขุนเขา สิบสองป่นสลาย ยังดูน้อยไปนัก วิชาป่นขุนเขาของฉิงชุ่ยสามารถทำลายได้แม้กระทั่งดินแดน และแม้หวังหลินจะไม่สามารถทำได้แบบเดียวกันแต่มันก็เพียงพอจะทำลายเซียนพวกนี้ได้แล้ว!
หากไม่มีทัณฑ์สวรรค์ หวังหลินคงไม่มาด้วยตนเอง แต่เมื่อมีทัณฑ์สวรรค์ด้วย หากไม่คิดว่าสองผู้อาวุโสนี้เป็นแค่เซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับปลาย หวังหลินคงกล้าท้าสู้กับเซียนขั้นทลายสวรรค์!
ทั่วทั้งอวกาศเริ่มสั่นเทาภายใต้การป่นสลายรอบสอง ภูเขายักษ์สั่นไหวเกิดเสียงดังคะนอง ท้ายที่สุดมันก็แตกสลาย ไม่เพียงแค่ภูเขาเท่านั้นแต่วิญญาณภูเขาที่หวังหลินสร้างขึ้นมาและพลังเทพดั้งเดิมก็แตกสลายไปด้วย ก้อนเหินเผาไหม้นับไม่ถ้วนแตกสลาย ลาวาและควันพิษแพร่กระจายปกคลุมพื้นที่ดวงดาว
หากเป็นแค่นี้มันก็คงไม่มากอะไรนัก แต่ภายใต้การควบคุมของหวังหลิน ก้อนหินเพลิงที่แตกสลายทั้งหมด ลาวาและควันพิษได้ก่อตัวเป็นแม่น้ำไหลรอบตัวหวังหลิน ณ ตอนนี้หวังหลินจึงราวกับเทพที่มีเรือนผมสีขาว สายตาเยือกเย็นเต็มไปด้วยจิตสังหาร