Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1109

Cover Renegade Immortal 1

1109. การตายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์

ยามที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนเก่าส่งสัมผัสวิญญาณออกไป หวังหลินซึ่งกำลังเข้ามาในพื้นที่ดวงดาว พลันสั่นเทา มองขึ้นไปและมีท่าทีเปลี่ยนไป

การเป็นจักรพรรดิวิหคเพลิงและเป็นคนที่บ่มเพาะวิชาเปลี่ยนร่างเก้าลี้ลับเหมือนกัน เขาจึงมีวิธีพิเศษในการสื่อสารกับจักรพรรดิคนเก่า หวังหลินใช้ยันต์เซียนโดยไม่ลังเลและพุ่งเข้าหาพื้นที่ดวงดาว

หวังหลินเร็วมาก เพียงแค่เข้าไปในพื้นที่ดวงดาว เขาก้าวเท้าและหายวับไปกับวิชาบิดมิติ

ระลอกคลื่นปรากฏห่างจากก้อนหินสีขาวที่จักรพรรดิคนเก่านั่งอยู่ในเสี้ยววินาทีและหวังหลินก้าวเดินออกมา เขาเห็นจักรพรรดิคนเก่ามีโลหิตไหลออกมาจากดวงตา

กลิ่นอายแห่งความตายแพร่กระจายออกมาจากจักรพรรดิคนเก่า หวังหลินไม่จำเป็นต้องใช้สัมผัสวิญญาณก็รู้ว่าความตายกำลังพรากเขาให้จากไป

“ผู้อาวุโส…” หวังหลินเต็มไปด้วยความเสียใจ พลันก้าวเท้าไปบนก้อนหินสีขาวและอ้าปาก เขามีหลายอย่างอยากจะพูดแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้สักคำเดียว

จักรพรรดิคนเก่าเงยศีรษะขึ้นมา ภายในแววตาแฝงลำแสงที่กำลังมีเลือดสีดำไหลซึม

“ศิษย์พี่ฉิงชุ่ยของเจ้าอยู่ในกองบัญชาการพันธมิตรเซียนจริงๆ การเปิดใช้งานค่ายกลนอกกองบัญชาการเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง…เขาไม่ได้ตาย…แต่…เขาบ้าไปแล้ว!!”

“พันธมิตรเซียนซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่ไว้มานานหลายปี ตอนที่อาจารย์ซวนจงและพรรคพวกเข้าไปในแดนสวรรค์พิรุณเมื่อคราวนั้น ไม่เพียงแต่จำได้มรดกส่วนใหญ่กลับมาพวกเขายังพบความลึกลับอีกหลายอย่าง พวกเขาศึกษามันมานานหลายปี…”

“ข้ากลัวว่าแม้กระทั่งดินแดนฟ้ากระจ่างก็ไม่รู้เรื่องนี้ สิ่งลึกลับเหล่านี้สำคัญเกินไปกระทั่งส่งผลกระทบต่อสี่แดนสวรรค์!”

“หวังหลิน จงรีบไปช่วยจักรพรรดิมังกรฟ้าและส่งหินหยกนี้ให้แก่ดินแดนฟ้ากระจ่างทันที เรื่องนี้น่าหวาดกลัวเกินไป! ระดับบ่มเพาะของเจ้าไม่สูงส่งพอ ดังนั้นอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนเก่าอยู่บนปากเหวแห่งความตายแล้ว หลังจากพูดหลายอย่างในครั้งเดียวเขาก็แทบหายใจไม่ทัน

ทว่าเขายังพยายามยกแขนขวาขึ้นมาชี้ตรงกลางหน้าผาก วิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาจากร่างกายและมองหวังหลินด้วยสายตาอ่อนโยน

“หวังหลิน ดูแลตัวเองให้ดี ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้อีกแล้ว…” สิ้นคำพูด วิญญาณดั้งเดิมของเขาจึงระเบิดแสงอ่อนๆแต่ในไม่นานมันก็เปลี่ยนกลายเป็นแสงเจิดจ้าแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง

แสงสว่างขึ้นถึงขีดสุดในพริบตาเดียว วิสัยทัศน์หวังหลินพร่ามัว เมื่อเขามองเห็นได้อีกครั้ง หวังหลินเห็นวิญญาณของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆหายไปกลายเป็นละอองแสง วินาทีนี้เองหวังหลินได้เห็นใบหน้าโศกเศร้าและโล่งอกของเขา

มีของสองอย่างปรากฏขึ้นตรงจุดที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนเก่าหายไป!

หนึ่งคือหินหยกสีแดงและอีกหนึ่งคือผลึกขนาดเท่ากำปั้นทารก!

พลังปราณสวรรค์อันบริสุทธิ์ผุดออกมาจากผลึกและค่อยๆแพร่กระจายออกมา

หวังหลินขบคิดเงียบๆ ความเศร้าทบทวีขึ้น หวังหลินมองจุดที่วิญญาณจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แตกสลายไปอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพักเขาก็ถอนหายใจก่อนจะมองตรงร่างกายจักรพรรดิคนเก่า

หลังสูญเสียวิญญาณดั้งเดิมไป ร่างกายจึงเริ่มเผาไหม้จนกลายเป็นรูปปั้นเพลิงแต่ก็ยังคงรูปลักษณ์และตำแหน่งเดิมเอาไว้

แขนขวายังคงชี้ใส่จุดตรงกลางหน้าผาก

หวังหลินก้าวถอยหลังคุกเข่าลงให้แก่รูปปั้น โขกคำนับสามครั้ง เขาไม่ได้เคารพบูชาหรือคุกเข่าให้แก่สวรรค์ แต่จักรพรรดิวิหคเพลิงคนเก่าก็รับโขกคำนับสามครั้งจากหวังหลิน!

ชั่วขณะจักรพรรดิตาย ผู้อาวุโสทั้งหมดในสำนักวิหคเพลิงต่างก็รู้สึกถึงความโศกเศร้าในใจ ทั้งหมดลอยออกมาจากดาวเคราะห์ที่ตนเองอยู่อย่างเงียบๆและคุกเข่ามาทางร่างจักรพรรดิ หยาดน้ำตาไหลรินลงบนสองแก้ม

“ข้าเคารพท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์หมดหัวใจ ข้าขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ…”

“ข้าขอให้วิญญาณท่านจักรพรรดิในสวรรค์ได้ปกป้องสำนักวิหคเพลิงของเราด้วย…”

ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นแต่สมาชิกสำนักวิหคเพลิงทั้งหมดต่างก็รู้สึกถึงความเศร้าที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ทั้งหมดรู้แล้วว่าจักรพรรดิคนเก่าได้จากไป…

สมาชิกสำนักคุกเข่าลงทีละคน หยาดน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย…

“เคารพท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทุกลมหายใจ…” เสียงที่ดังออกมาจากในใจค่อยๆผุดออกมาจากดาวเคราะห์เซียนและดังขึ้นเรื่อยๆ

แม้กระทั่งรูปปั้นวิหคเพลิงบนดาวเคราะห์หลักก็ยังร้องไห้เสียใจ…

ภาพวิหคเพลิงที่แก่ชราและเหน็ดเหนื่อยได้ลอยออกมาจากร่างของจักรพรรดิคนเก่า มันลอยออกไปไกลจนมองไม่เห็น

ครั้งนึงจักรพรรดิวิหคเพลิงทรงพลังยิ่งได้นำสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ผ่านวิกฤติการตายของจักรพรรดิพยัคฆ์ขาว การทรยศของจักรพรรดิเต่าดำและการหายตัวไปของจักรพรรดิมังกรฟ้า ผ่านไปนานหลายปีในที่สุดจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนเก่าก็ได้จากไป

นาทีนั้นเหล่าผู้อาวุโสของสำนักมังกรฟ้า สำนักพยัคฆ์ขาวและสำนักเต่าดำต่างก็รู้สึก พวกเขามองมายังตำแหน่งสำนักวิหคเพลิงและคุกเข่าลง สมาชิกของทั้งสามสำนักคุกเข่าลงเช่นเดียวกัน

กลิ่นอายความเศร้าห่อหุ้มทั้งเขตตะวันออกของพันธมิตรเซียน…

ความรุ่งเรืองในอดีตหายไปกับสายลม สิ่งที่ทำเอาไว้เป็นแค่อดีต ปัจจุบันตกอยู่ในความเศร้าของอดีตเหล่านั้นแต่มันคงอยู่ตลอดกาล…ในหัวใจของสมาชิกสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ทุกคน

หลังการตายของจักรพรรดิวิหคเพลิงคนเก่า ฝ่ายทุกชั้นฟ้าเรียกเซียนของตนเองกลับมา พวกเขามุ่งหน้าสู่ดาวซูซาคุภายใต้คำนั่งของปรมาจารย์จงเฉิน! แม้กระทั่งตระกูลที่สืบทอดจากโลกเซียนยุคโบราณก็ยังออกมาจากดาราจักรทุกชั้นฟ้าเพื่อเข้าร่วมด้วย! โถงจากอารามเทพอัสนีพร้อมกับเหล่าเซียนจำนวนมากได้ปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลัง

ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น สำนักซากศพส่งทั้งสำนักของตนเองออกไปหาดาวซูซาคุ! กลุ่มศิษย์จำนวนมากพร้อมกับโลงศพของตนเองเคลื่อนไปตามดวงดาว ดูราวกับขบวนแห่ศพ

กรกระทำของทั้งสองฝ่ายนี้ทำให้กองกำลังพันธมิตรเซียนจำนวนมากให้ความสนใจ หลังจากเห็นข้อมูลบนหินหยก พวกเขาจึงพบความลับและส่งกองกำลังของตนเองออกไปด้วย!

วินาทีนี้พลันเกิดพายุขึ้นข้างในพันธมิตรเซียน กลิ่นอายมืดมนก่อนพายุรุนแรงค่อยๆปรากฏขึ้น

อีกด้านหนึ่งในฝั่งตะวันออกของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งนำสำนักตัวเองไปหาดาวูซาคุเพื่ออำพรางการเคลื่อนไหวที่แท้จริงของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์เอาไว้

กองกำลังหลายรูปแบบเกือบทั้งหมดได้มาถึงดาวซูซาคุแทบจะเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสขั้นทลายสวรรค์เหลืออยู่สามสิบห้าคนรวมกันในสำนักวิหคเพลิง พวกเขานั่งอยู่ในค่ายกลด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและคาดหวัง

ทั้งหมดก่อตัวเป็นวงกลมมีค่ายกลอยู่เบื้องล่าง สามสิบห้าคนนี้ก่อตัวเป็นรูปวงกลมว่างเปล่า ทว่ากลับมีกิ่งก้านที่เชื่อมวงกลมนี้ด้วยค่ายกลด้านใต้ผู้อาวุโสทั้งหมด

รอบด้านผู้อาวุโสสามสิบห้าคนมีสมาชิกสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากไม่น้อยไปกว่าหมื่นคน! ทั้งหมดนั่งลง ด้านล่างแต่ละคนมีค่ายกลที่เชื่อมกับค่ายกลเบื้องล่างผู้อาวุโส

พวกเขากำลังรอคอยคำสั่ง เมื่อได้รับคำสั่งก็จะปลดปล่อยพลังดั้งเดิมทั้งหมดในร่างกายโดยไม่มียั้งเพื่อเปิดค่ายกล!

นาทีนี้หวังหลินเคลื่อนไปตามดวงดาว ค่อยๆไปข้างหน้า ไม่นานนักเขาก็มาถึงเบื้องหน้าวงแหวนเพลิงหมุนเป็นวงกลมดุจพายุ เสียงฉวี่ลี่กั๋วร้องคำรามเป็นครั้งราวดังออกมาจากข้างใน

หวังหลินหยุดลงด้านนอกพายุเพลิงและร้องตะโกน “ฉวี่ลี่กั๋ว!”

สิ้นเสียงกล่าว เสียงฉวี่ลี่กั๋วในเปลวเพลิงพลันหยุดลง ขณะเดียวกันพายุเพลิงเกิดช่องว่างขนาดใหญ่พอจะเห็นร่างฉวี่ลี่กั๋วในสภาพสะบักสะบอมได้อย่างชัดเจน

หลังจากได้ยินเสียงหวังหลิน เจ้าฉวี่ลี่กั๋วเผยท่าทีเยินยอโดยไม่รู้ตัวแต่ก็แต่มันก็ระงับเอาไว้และเผยความโกรธเกรี้ยวขึ้นมาแทน

“เจ้าอสูรร้าย ในที่สุดก็นึกถึงปู่ฉวี่ได้แล้วสินะ วันนี้ข้าจะต่อกรกับเจ้าเอง!” ฉวี่ลี่กั๋วถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนับไม่ถ้วนจนบังคับให้เขารู้แจ้งเจตนากระบี่โบราณ ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนกระทั่งกล้าต่อสู้กับเซียนขั้นส่องสวรรค์ธรรมดาได้แล้ว

นาทีนี้เขาพุ่งออกมาด้วยความโกรธและเปลี่ยนร่างเป็นกระบี่ยักษ์ ดูเหมือนกระบี่สวรรค์ไม่มีผิดและแฝงกลิ่นอายมั่งคั่งออกมาด้วย

ขณะที่พุ่งออกไป เปลวเพลิงรอบตัวถูกดันกลับ เจ้าฉวี่ลี่กั๋วพุ่งไปใกล้หวังหลิน

หวังหลินแววตาเย็นเยียบและไม่มองกระบี่ยักษ์เลย เขาโบกแขนขวา พลังดั้งเดิมไร้ที่สิ้นสุดพลันรวมกันก่อนจะยิงออกไปใส่กระบี่ยักษ์

เกิดเสียงดังสะท้อนและกระบี่ยักษ์แตกสลาย ฉวี่ลี่กั๋วล่าถอยด้วยความหวาดกลัวแต่ก็ไม่ยอมแพ้ เขาร่ำร้องออกมาเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ยักษ์เก้าเล่มก่อตัวเป็นค่ายกล ค่ายกลกระบี่ปลดปล่อยเจตนากระบี่มหึมาพุ่งใส่หวังหลินอีกครั้ง

หวังหลินพยักหน้าเล็กน้อย ตอนนี้เจ้าฉวี่ลี่กั๋วเกือบใกล้เคียงความต้องการของเขาแล้ว หวังหลินเข้าไปในค่ายกลกระบี่และค่อยๆหยิบกระบี่มาหนึ่งเล่ม

จากนั้นบีบมันอย่างรุนแรง เกิดเสียงดังปะทุ กระบี่ที่เหลืออีกแปดเล่มทั้งหมดแตกสลาย ทว่าเจตจำนงยังคงอยู่เปลี่ยนกลายเป็นกะโหลกยักษ์แปดหัวพุ่งใส่หวังหลิน

“น่าสนใจ!” ดวงตาขวากระพริบสายฟ้าและสายฟ้ามากมายล้อมรอบตนเองเคลื่อนไหวดุจอสรพิษ กะโหลกทั้งแปดส่งเสียงกรีดร้องและระเบิดไปทั้งหมด

หวังหลินถือกระบี่ยักษ์ในมือ ใช้แรงขึ้นอีกเล็กน้อยทำให้เกิดเสียงแตกร้าวดังออกมาพร้อมกับเจ้าฉวี่ลี่กั๋วส่งเสียงตื่นตระหนก

“นายท่าน!! นายท่าน!! ฉวี่น้อยผิดไปแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าแค่ไม่ได้เจอผู้ส่งส่ง ทรงอำนาจ หล่อเหลา มุ่งมั่น ฉลาดเฉลียว กล้าหาญ อัศจรรย์ ไร้เทียมทาน หาใครเทียบได้ มากเกินกว่าใครทั้งหมด อีกทั้งยังมีปัญญา องอาจ คล่องแคล่ว สมสง่า หล่อดุจต้นหยก เป็นที่รัก มีพรสวรรค์ มหาปราชญ์ ระดับบ่มเพาะสั่นสะเทือนสวรรค์และเป็นนายท่านผู้น่าคบหา ผู้น้อยคิดถึงท่านมาก…ผ่านไปหลายปีในที่สุดนายท่านก็นึกถึงฉวี่น้อย ข้าคิดว่าท่านไม่ต้องการข้าอีกแล้ว นายท่านได้โปรดเถิด…” ฉวี่ลี่กั๋วขี้ขลาดเป็นธรรมชาคิของมันอยู่แล้วและขี้ตื่นตกใจ มันพูดทุกคำที่คิดขึ้นมาได้ในคราเดียว กระทั่งหวังหลินก็ยังตกตะลึที่ได้ยินแบบนั้น

ฉวี่ลี่กั๋วรู้สึกถึงความตายกำลังใกล้เข้ามาอีกครั้ง แขนหวังหลินเป็นเสมือนเคียวที่สามารถตัดวิญญาณมันไปได้ แค่ส่งแรงเพิ่มอีกนั้นคงบดขยี้ดวงวิญญาณมันที่ซ่อนอยู่ในกระบี่ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version