1125. จื่อเฉียง
หวังหลินเอ่ย “ข้าต้องการรับซากศพของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนเก่ากลับไปด้วย”
จักรพรรดิมังกรฟ้าขบคิดเงียบๆอยู่สักพัก ความเย็นเยียบลดลงแต่กลับคืนสู่ปกติในเวลาไม่นาน
“ข้าคิดว่าเขาควรจะถูกฝังไว้ในสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์”
“จักรพรรดิวิหคเพลิงคนเก่าใช้ทั้งชีวิตเพื่อสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เขาตายแล้ว เขาควรได้รับอิสระ ข้าจะพาเขาไป” หวังหลินเผยสายตาเด็ดเดี่ยว โบกสะบัดแขนขวา ก้อนหินสีขาวลอยเข้าหาจักรพรรดิมังกรฟ้า
ราชามังกรฟ้ามองก้อนหินอย่างละเอียด เขาถอนหายใจและไม่กล่าวอันใดอีก จากนั้นหันตัวกลับและจากไป ผู้อาวุโสเจ็ดคนจากไปด้วย ผู้อาวุโสสำนักวิหคเพลิงหนึ่งในนั้นหันกลับมามองหวังหลิน อ้าปากราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ราชามังกรฟ้ามองมาทำให้เขาต้องถอนหายใจและไม่ได้เอ่ยอะไร
หวังหลินจากไปพร้อมกับจักรพรรดิคนเก่าที่ร่างกายเปลี่ยนไปเป็นก้อนหิน เขาออกไปจากสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์และเห็นหัวโตกับพรรคพวกกำลังรออยู่
สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว แต่เมื่อเห็นผู้อาวุโสสำนักวิหคเพลิงจึงทำให้หวังหลินสงสัย เขารู้สึกคลุมเครือว่ามีบางอย่างที่เขาไม่รู้
ซึ่งเป็นเพราะจักรพรรดิวิหคเพลิงคนเก่ามอบผ้าคลุมวิหคเพลิงและตราที่สร้างจากจิตวิญญาณวิหคเพลิงให้
ราชามังกรฟ้าไม่ได้กล่าวถึงพวกนั้นเลย หากบอกว่าเขาลืม…หวังหลินก็คงไม่เชื่อ อีกทั้งยังมีความลับเดียวที่จักรพรรดิวิหคเพลิงรู้เท่านั้น ความลับนั่นเป็นเหตุให้เกิดสงครามระหว่างสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์และดินแดนฟ้ากระจ่าง ราชามังกรฟ้ากระทั่งไม่ถามถึงเลย
หลังจากหวังหลินรับทุกคนออกมาไกล ราชามังกรฟ้านั่งอยู่ในโถงของสำนักมังกรฟ้า เขาดูท่าทางเหน็ดเหนื่อย สมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ลอยอยู่เบื้องหน้า
อย่างไรก็ตามสายตาเขาไม่ได้ตกอยู่บนสมบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่อยู่นอกห้องโถง ผ่านไปสักพักจึงถอนหายใจและถอนสายตากลับมา พึมพำอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครนอกจากเขาจะได้ยิน
หลังจากหวังหลินส่งหัวโตและพรรคพวกไปที่ดินแดนสวรรค์พิรุณแห่งใหม่แล้ว จึงไม่กังวลอะไรอีก ลอยไปในดวงดาวอย่างสงบนิ่ง ดวงตาส่องประกายดุจดวงดารา กลิ่นอายทรงพลังล้อมรอบหวังหลิน ห่อหุ้มอยู่ในเจตนาต่อสู้อย่างสมบูรณ์
‘ต้าเสิน ผ่านมาเป็นพันปีแล้ว ท้ายที่สุดเจ้าและข้าจะต้องต่อสู้กัน!’ หวังหลินเหาะเหินด้วยกลิ่นอายมหึมา ใช้บิดมิติเคลื่อนไปหาดาวซูซาคุอันคุ้นเคย!
บนดาวซูซาคุ มีเซียนไม่มากนักเหลืออยู่รอบดวงดาว ส่วนใหญ่เข้าไปในดินแดนเทพโบราณไปแล้ว หลังจากเข้าไปจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีใครรู้ว่าเซียนพวกนั้นยังปลอดภัยดีหรือไม่
ดินแดนเทพโบราณคือรอยแยกอวกาศ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในจะไม่ส่งผลกระทบต่อภายนอก
หวังหลินก้าวออกมาบนอวกาศนอกดาวซูซาคุ มองดาวซูซาคุและเซียนรอบๆ จากนั้นก้าวไปอีกครั้ง
ปรากฏตัวบนดวงจันทร์ของดาวซูซาคุ
ที่นี่มีเซียนอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณระดับบ่มเพาะหวังหลินจึงไม่มีใครสังเกตเห็น หวังหลินพบภูเขาลูกนึงและซ่อนตัวเองด้านใน เปิดมิติของตัวเองขึ้นและสลักค่ายกลบนพื้น
มันคือค่ายกลเทพฉิงหลินที่เรียนรู้มาตอนผสานร่างกับฉิงหลิน มันสามารถซ่อนร่องรอยเขาทั้งหมดและป้องกันทุกคนไม่ให้หาเจอ หลังจากสร้างค่ายกลหวังหลินนำหินหยกสวรรค์ออกมาบางส่วนและวางเอาไว้บนค่ายกล
พลันชี้ใส่ตรงกลางหน้าผาก เสี้ยววิญญาณดั้งเดิมของตัวเองลอยออกมา
“วิญญาณ สร้างรูปร่าง!” หวังหลินสร้างผนึกขึ้นหลายจุดอย่างรวดเร็ว วิญญาณดั้งเดิมเปลี่ยนกลายเป็นควันสีเขียวและหมุนรอบตัวเองสองสามครั้ง จากนั้นควบแน่นกลายเป็นร่างมนุษย์
“สร้างร่างกาย!” หวังหลินกัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตออกไป พลังเทพดั้งเดิมที่เหลืออยู่เล็กน้อยแพร่เข้าสู่เศษวิญญาณดั้งเดิมดวงนั้น
วิญญาณดั้งเดิมส่องประกายแสงสีแดง ก้อนหินบางส่วนบนพื้นสั่นไหวราวกับถูกดึง ในไม่นานก้อนหินหลายก้อนก็ลอยเข้าหาวิญญาณ
ราวกับมีวังวนก่อตัวขึ้นในถ้ำ เศษหินจำนวนมากรวมกันเข้าหาวิญญาณดั้งเดิมและค่อยๆเป็นรูปเป็นร่าง ผ่านไปเจ็ดนาทีร่างเหมือนหวังหลินปรากฏตัวขึ้นมา
‘วิชาเทพค่ายกลกายหยาบของจักรพรรดิเทพฉิงหลินช่างเหมือนจริงมาก!’ หวังหลินหลับตา ด้วยระดับบ่มเพาะปัจจุบันเขาไม่สามารถบอกได้ว่าวิญญาณตรงหน้าเป็นของจริงหรือหลอกลวง
หากแค่เสมือนจริงมันคงไม่ใช่วิขาเทพของฉิงหลิน นอกจากไม่เห็นความแตกต่างจากร่างจริงแล้ว มันยังมีความสามารรถแทบจะแบบเดียวกับร่างจริง อีกทั้งมันสามารถคงอยู่ได้ถึงสิบวัน!
หลังจากผ่านไปสิบวัน ร่างแยกนี้จะสูญสลาย ถึงจะถูกฆ่ามันก็แค่ทำให้ร่างดั้งเดิมเขาเจ็บเล็กน้อยและไม่ส่งผลกระทบมากเกินไป
ในเวลาเดียวกันร่างเดิมนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวมาสิบวันและหลับลึกมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมต้องสร้างค่ายกลและซ่อนตัวตนเอาไว้
หวังหลินยื่นแขนเปิดมิติเก็บของร่างศพเงินเดินออกมา นางไม่ได้พูดอะไรนักและนั่งลงในค่ายกลข้างหวังหลิน
ค่ายกลถูกวางไว้ที่นี่เพื่อซ่อนตัวเองและให้ร่างศพสตรีองครักษ์เขา หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะวางกฏเกณฑ์ทรงพลังอีกหลายวิชา จากนั้นพวกเขาก็ผ่อนคลาย หลับตาลงราวกับหวาดกลัวและสมหายใจค่อยๆหยุดลง จนกระทั่งเสียงหัวใจหายไปราวกับตายไปแล้ว
ขณะเดียวกันชั่วจังหวะหายใจและเสียงหัวใจเต้นหยุดลง ร่างอวตารที่สร้างขึ้นจากก้อนหินพลันลืมตาขึ้นมา
มันเคลื่อนร่างเล็กน้อย หวังหลินมองร่างตนเองในค่ายกลและซากศพสตรี จากนั้นร่างกระพริบวาล ออกไปจากภูเขาตรงๆ ใช้บิดมิติผ่านเซียนที่อยู่นอกดาวซูซาคุ พลันปรากฏตัวอีกครั้งบนดาวซูซาคุ
ตอนที่หวังหลินผ่านเซียนรอบดาวซูซาคุไป มีสี่คนลืมตาขึ้นมาราวกับสังเกตบางอย่างได้แต่ก็ไม่ได้หยุดหวังหลิน นอกจากนี้หลายวันที่ผ่านมามีจอมโจรเซียนเฒ่ามาที่นี่จำนวนมาก
ไม่มีเซียนคนใดที่เข้าไปในดินแดนเทพโบราณจะคุ้นเคยไปมากกว่าหวังหลิน หลังจากเข้าไปในดาว หวังหลินก็มุ่งตรงเข้าหาทะเลปิศาจ
ระหว่างทางเขาไม่ได้ใช้เคลื่อนที่พริบตาเพื่อรีบเร่ง แต่ใช้เวลาคุ้นชินกับร่างกาย ซึ่งหลังจากทำความคุ้นเคยเต็มที่แล้วจึงเร่งความเร็วขึ้นได้
ระหว่างทางหวังหลินผ่านสำนักมารศึกและค่ายกลมังกรที่สลักไว้บนภูเขา หวังหลินเห็นสตรีนางหนึ่งกำลังศึกษาแต่ละเกล็ดอย่างละเอียดเพื่อสร้างหยกป้องกัน
เขาจ้องมังกรเมื่อพันปีก่อน ครึ่งนึงจะได้รับความเสียหาย มีแต่คนจำได้ว่าเป็นมังกรน้อยเท่านั้น ไม่มีสำนักอะไรอยู่ที่นี่และโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง
หวังหลินถอนสายตาออกมาและหายตัวไป
เขาผ่านทะเลปิศาจไปมากกว่าครึ่งและมาถึงทางเข้าสู่ดินแดนเทพโบราณ มันเงียบสนิทและไม่มีเซียนสักคนอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเข้าสู่ดินแดนฟ้าเทพโบราณไปหมดแล้ว
หวังหลินมุ่งหน้าเข้าไปในทางเข้าโดยไม่ลังเลและปรากฏตัวขึ้นมาในความว่างเปล่า
วินาทีที่เขาเข้ามา กลิ่นคาวโลหิตบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ก้อนหินจำนวนมากมายลอยเคว้งคว้างอยู่ในมิติ ทั้งหมดถูกย้อมด้วยสีแดงเลือด
มีีอีกหลายร่างลอยอยู่ในมิติ มีทั้งเหล่าเซียนและอสูรร้าย ทั้งแมงมุมสีฟ้าขนาดพันฟุต อสรพิยักษ์หมื่นฟุตและอสูรดุร้ายอีกมากมายต่างขนาดกัน มีแม้แต่มังกรที่ไม่มีปีกยังเป็นกลุ่มแมลงขนาดเท่าแขน
พลังดั้งเดิมที่เหลืออยู่ยังมีความผันผวนอยู่ แน่นอนว่ามีการต่อสู้ครั้งใหญ่กิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ ร่างศพส่วนใหญ่ถูกเผาไหม้ บางส่วนถูกแช่แข้งและอีกคนถูกพิษ
ยิ่งเหาะเข้าไปใกล้ยิ่งมีร่างกายโผล่ให้เห็นมากขึ้น อสรพิษยักษ์ที่ถูกกระบี่นับไม่ถ้วนแทงเข้าไปกำลังนอนอยู่บนเศษหิน ทว่าดวงตายังคงเปิดออกและแฝงสายตาชั่วร้าย
แม้แต่หวังหลินผู้เคยใช้เขตแดนแห่งชีวิตและความตาย พลันรูม่านตาหรี่แคบจ้องออกไป ทว่าเขาไม่ได้หยุดลงและเข้าหาทางเช้าในระดับถัดไป
ขณะที่กำลังเหาะเหิน กลิ่นอายเย็นเยียบเข้าล้อมรอบ หวังหลินหยุดลงมองไปทางขวา มีก้อนหินขนาดใหญ่ราวๆหมื่นฟุต ร่างส่วนขาดวิ่นอยู่บนก้อนหิน ทั้งร่างกายและอสูรดุร้าย
ปลายก้อนหินมีแสงสีดำล้อมรอบจนไม่สามารถเห็นแสงสีดำในมิติอันมืดมิดได้
ชายหัวล้านกำลังนั่งย่อลงในแสงสีดำ ร่างท่อนบนเปลือยเปล่า เส้นผมสีดำปกคลุมดูราวอำมหิต หากมองบนศีรษะคงไม่มีใครคิดว่าเป็นคน!
รอบคอมีกิ่งก้านสาขามากกว่าสิบก้าน ปลายแต่ละก้านมีหนึ่งศีรษะ ทั้งหมดกำลังขบเคี้ยว
แคร่ก แคร่ก…เสียงเบาบางและเมินเฉยได้ง่ายๆ ทว่าหวังหลินหันสายตาไปมอง เสียงนั้นพลันดังขึ้น
ในที่สุดหวังหลินก็ได้เห็นต้นตอของเสียงนี้อย่างชัดเจน เหล่าศีรษะกำลังต่อสู้กับอสูรตนหนึ่ง
พอหวังหลินเห็นชายหัวล้าน ชายหัวล้านก็สังเกตเห็นหวังหลินเช่นเดียวกัน ศีรษะมากกว่าสิบค่อยๆลอยขึ้นมามองหวังหลิน บางส่วนยังมีโลหิตไหลออกมาจากปาก…