1124. แยกทาง
หวังหลินจากไปพร้อมกับโจวลี่ ความรู้สึกซับซ้อนต่อหลิวเหมยและความทรงจำในอดีตถูกฝังลึกภายในใจ เขาไม่เคยต้องการแตะต้องมัน
ท้ายที่สุด มู่ปิงเหมยก็ไม่ได้เจอหวังผิง หวังหลินไม่อยากเดาว่านางกำลังคิดอะไรอยู่และจากไปทันที ยามที่ค่ายกลเปิดขึ้นมาดุจม่านกั้นทั้งสองให้แยกจากกันไกลแสนไกล แม้แต่ความฝันก็ไม่มีวันบรรจบ
ราวกับระยะทางที่ไกลที่สุดในโลกไม่ใช่ชีวิตและความตายแต่เป็นการลืม แม้ระยะทางระยะว่างหวังหลินกับมู่ปิงเหมยจะดูใกล้กันแค่ไหน ดูเหมือนระยะทางที่ไกลที่สุดของทั้งสองคือการไม่อาจลืม…
ต้องการลืมแต่ไม่อาจทำได้ ต้องการค้นหาแต่ไม่รู้ทิศทาง เหลือเพียงแต่เวลาที่ผ่านไป ไหลไปในความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด
มู่ปิงเหมยจ้องมองร่างที่หายไปในแสงไฟ หยดน้ำตาไหลลงอีกครั้ง นางต้องการเห็นหวังหลิน นางต้องการจับมือเขาและอุ้มไว้ในอ้อมแขน…
อย่างไรก็ตามนางก็ทำไม่ได้…ยิ่งไปกว่านั้นนางกลับหวาดกลัว
จิตใจแห่งเต๋าของนางเกิดข้อบกพร่องก็เนื่องจากหลิวเหมย นางควรต้องตัดรอยตำหนินี้ออกไป ถึงจะทำให้จิตใจแห่งเต๋าไม่สมบูรณ์ รอยตำหนิก็จะหายไป
แต่นางจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อได้เห็นหวังผิง จิตใจแห่งเต๋าจะสมบูรณ์หรือแตกสลายไปอย่างสิ้นเชิง…
หากชีวิตนางเป็นของตัวเอง นางคงเดินไปบนเส้นทางไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด แต่นางเป็นเซียนสตรีฟ้ากระจ่าง ชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นของตนเอง
“ปล่อยให้เรื่องทั้งหมด…จบลงแบบนี้…” มู่ปิงเหมยกัดริมฝีปากและหันกลับอย่างช้าๆ ร่างดูโดดเดี่ยวยิ่งกว่าหวังหลิน
ท้องฟ้าสีคราม จิตใของมู่ปิงเหมยดูเหมือนจะเป็นสีครามไปด้วย เป็นโทนสีฟ้าที่ทรงพลังยิ่ง
มิติว่างมืดดำจนแม้แต่แสงจากดวงดาวก็ไม่สามารถปกคลุมความเจ็บปวดในใจหวังหลินได้ หวังหลินเจ็บปวดเต็มไปทั่วร่างกาย
‘เมื่อความเจ็บปวดดำเนินต่อไป บางทีมันจะหยุดความรู้สึกเจ็บปวดไปเอง’
หวังหลินส่งโจวลี่ไปที่แดนสวรรค์พิรุณแห่งใหม่ โจวลี่ส่งสายตาไม่เต็มใจขณะหวังหลินลูบศีรษะและเผยรอยยิ้มเมตตา ตอนนั้นเขาก็รับเด็กสาวคนนี้เอาไว้และค่อยๆเกิดความรู้สึกของการเป็นพ่อ
หลังจากเห็นโจวลี่ หวังหลินคิดถึงหวังผิงและลี่มู่หวาน
“อยู่ที่นี่ดีดีและอย่าทิ้งการฝึกฝน เจ้า…เติบโตขึ้นมาก” หวังหลินมองสาวน้อยร่าเริง แววตาใจดียิ่งมากขึ้น
“ท่านลุง…” น้ำตาไหลย้อยลงมาลงสองแก้มไม่มีหยุด นางจับปลายเสื้อหวังหลินแน่นเหมือนตอนที่นางเป็นเด็ก นางกลัวว่าหากปล่อยไป หวังหลินจะไม่มีวันกลับมาอีก
“ลุงไม่รู้ว่าการนำเจ้ามาที่นี่เป็นเรื่องถูกหรือผิด แต่ลุงรู้สึกไม่สบายใจถ้าเจ้าอยู่กับมู่ปิงเหมย”
หวังหลินค่อยๆระงับความเจ็บปวดในใจและมองโจวลี่ เด็กน้อยคนนี้อยู่กับเขามาหลายปี
“ถ้า…ลุงไม่กลับมา ลี่เอ๋อน้อยกลับไปหาอาจารย์เจ้าได้” หวังหลินหลับตาและหันตัวกลับ ดึงเสื้อผ้าตัวเองจากแขนโจวลี่และหายตัวไป
“ท่านลุง…” หยดน้ำตาโจวลี่ไหลลงบนเสื้อผ้า ฮู่จวนถอนหายใจอยู่ด้านหลังพลางดึงแขนโจวลี่และเอ่ยขึ้นเบาๆ “ลุงเจ้าจะกลับมา”
ณ ดินแดนฝั่งตะวันออก หลังจากจักรพรรดิมังกรฟ้ากลับมา สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง สี่สำนักตอนนี้กลายเป็นหนึ่งสำนักแทนที่จะเป็นสี่สำนักแยกจากกัน
สี่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลงแต่เปลี่ยนชื่อเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์!
การเคลื่อนไหวของสำนักมังกรฟ้าทำให้เกิดความผิดหวังจำนวนมากในสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ทว่าเสียงค้านทั้งหมดหายไปต่อหน้าความแข็งแกร่งของจักรพรรดิมังกรฟ้า
สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเต่าดำและสำนักพยัคฆ์ขาวไม่ได้ถูกทางสำนักถือครองอีกและส่งให้แก่จักรพรรดิมังกรฟ้า วิธีการใช้พวกมันไม่เป็นความลับต่อสำนักอีกต่อไป
หวังหลินปรากฏร่างขึ้นภายในเขตทิศตะวันออกเพียงเวลาไม่นาน หลังจากนั้นก็ถูกคนของสำนักมังกรฟ้าค้นพบ
หวังหลินมองเหล่ากองกำลังองครักษ์มังกรฟ้า เซียนพวกนั้นก้มศีรษะลงทันที หวังหลินไม่พูดอะไรมากและเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ
จนหวังหลินออกไปจากกองลาดตระเวน พวกเขาจึงมองหน้ากัน หนึ่งในนั้นหยิบหินหยกออกมารายงานเรื่องนี้ต่อผู้อาวุโส
เซียนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ “เขาไม่ได้เป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว ทำไมเราถึงเคารพเขา?”
หลังจากกลับมาเขตตะวันออก หวังหลินตระหนักได้ว่าบรรยากาศแปลกประหลาดไป สมาชิกสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เจอเขามีท่าทีประหลาดแต่ไม่มีใครหยุดเขา
ใช้เวลาไม่นานพื้นที่ดวงดาวสีแดงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งสำนักวิหคเพลิงอยู่ แต่ขณะที่เขากำลังจะเข้าไป พลันหยุดลงและหันกลับมา
เขาเห็นลำแสงเจ็ดสายเข้ามาใกล้และเปลี่ยนเป็นเจ็ดคน ในนั้นเป็นสมาชิกสำนักวิหคเพลิงสองคน พยัคฆ์ขาวหนึ่งคนและมังกรฟ้าสี่คน ทั้งหมดเป็นผู้อาวุโส ระดับบ่มเพาะไม่ได้ต่ำต้อย
หวังหลินมีสายตาสงบนิ่ง เขาคุ้นเคยกับเจ็ดคนนี้ดีเนื่องจากทั้งหมดเป็นคนที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือจักรพรรดิมังกรฟ้า ยามที่สองผู้อาวุโสจากสำนักวิหคเพลิงเห็นหวังหลิน ทั้งสองละอายใจและหลีกเลี่ยงสายตา
“หวังหลิน ราชามังกรฟ้าส่งคำเชิญมาให้เจ้า!” คนที่พูดขึ้นมาเป็นสำนักมังกรฟ้า เขามองหวังหลินด้วยท่าทีเชิงขอโทษ ไม่รู้ว่าทำไมจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ถึงเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้แต่เขาก็ไม่มีคุณสมบัติไปหยุด
หวังหลินเอ่ยถาม “ผู้คนที่ข้าทิ้งไว้ในสำนักวิหคเพลิงปลอดภัยดีใช่ไหม?” หลังจากได้ยินคำพูดของชายชรา หวังหลินจึงคาดการณ์เรื่องราวทันที
คนผู้นี้ไม่ได้เรียกเขาว่า “จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์” ต้องเป็นเพราะจักรพรรดิมังกรฟ้าพูดอะไรบางอย่างและมีการเปลี่ยนชื่อเรียกประหลาดว่า “ราชาศักดิ์สิทธิ์” ผสมกับเรื่องประหลาดที่เขาเห็น หวังหลินจึงมีความระมัดระวัง
“ทั้งหมดปลอดภัยดี” คนที่ตอบคำถามหวังหลินเป็นผู้อาวุโสของสำนักวิหคเพลิง
หวังหลินมองผู้อาวุโสและจำได้ว่าเป็นคนที่เขาถามเรื่องแผนการหลังจากกลายเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ เขาพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก้าวเข้าไปในพื้นที่ดวงดาวเผาไหม้
สมาชิกสำนักมังกรฟ้าขมวดคิ้วและก้าวเข้าสู่พื้นที่ดวงดาวเผาไหม้
ผู้อาวุโสสำนักมังกรฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักหน่วงพลางไล่ตามหลังหวังหลินเข้าไปในพื้นที่ดวงดาว “หวังหลิน ราชามังกรฟ้าต้องการพบเจ้า!”
หวังหลินไม่สนใจ เมื่อเข้าไปในพื้นที่ดวงดาว สัมผัสวิญญาณแพร่ออกมา ใช้บิดมิติเคลื่อนไหวด้วยตำแหน่งแตกต่างกันเพื่อทำให้เขาตรวจสอบทั้งพื้นที่
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เจอร่องรอยหัวโตและคนอื่นๆเลย หวังหลินสีหน้ามืดมนทันที หันกลับมาจ้องมองผู้อาวุโสเจ็ดคนที่กำลังไล่ตามด้วยท่าทีเย็นชา
“พวกเขาอยู่ไหน?!” หวังหลินจ้องมองทั้งเจ็ดคนและรีบสงบใจลง รู้ว่าความโกรธคงไม่แก้ปัญหา
“หวังหลิน ราชาศักดิ์สิทธิ์ต้องการพบเจ้า เจ้าต้องการให้ข้าพูดครั้งที่สามไหม?”
หวังหลินเอ่บตอบมา “หากไร้ข้า ราชามังกรฟ้านั่นคงยังถูกปิดผนึกอยู่ในแดนสวรรค์พิรุณ!”
“เจ้า…” ผู้อาวุโสสำนักมังกรฟ้าจ้องมองหวังหลิน สีหน้ามืดมนยิ่งกว่าเดิม
“หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิวิหคเพลิงคนเก่า สำนักมังกรฟ้าเจ้าคงสูญสิ้นไปนานแล้ว หากราชามังกรฟ้าเจ้าต้องการเจอข้า ให้เขามาหาที่นี่!” หวังหลินไม่ได้ก้าวออกมาจากพื้นที่ดวงดาว เปลวเพลิงมหาศาลที่นี่สามารถเพิ่มพลังอำนาจเขาให้สูงขึ้น
ผู้อาวุโสสำนักมังกรฟ้าหัวเราะบ้าคลั่ง แต่คนรอบๆตัวเขาเงียบสนิท
“จักรพรรดิวิหคเพลิงตายเพื่อสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ข้าชื่นชมเขาเป็นอย่างยิ่ง” น้ำเสียงเก่าแก่ดังออกมา ดูเหมือนจะแฝงพลังอำนาจวิชาอันทรงพลังเอาไว้ พื้นที่เผาไหม้หยุดชะงัก
เจ็ดผู้อาวุโสมีสีหน้าเคร่งขรึมทันที ก้าวถอยหลังและคนับฝ่ามืออย่างพร้อมเพรียง “ขอคารวะ ราชาศักดิ์สิทธิ์”
เศษแสงสีเขียวปรากฏตัวขึ้นและควบแน่นกันรวดเร็ว เปลวเพลิงรอบๆคล้ายจะถูกฝ่ามือหนึ่งคู่แยกออกมาและเปิดเป็นพื้นที่กว้าง
แสงสีเขียวควบแน่นกลายเป็นรูปร่างของจักรพรรดิมังกรฟ้าออกมา
เทียบกับสภาวะย่ำแย่ตอนที่อยู่ในแดนสวรรค์พิรุณ จักรพรรดิมังกรฟ้าตอนนี้ดูเหมือนเป็นคนใหม่ เสื้อคลุมสีเขียวกระพริบเจิดจ้า สองมือไพล่หลัง แรงกดดันน่าตกตะลึงแพร่กระจายปกคลุม
“ข้าคิดว่าเจ้าจะกลับมาเพื่อคืนสมบัติศักดิ์สิทธิ์” จักรพรรดิมังกรฟ้ายื่นมือออกมามองหวังหลิน ในแววตาไม่มีอารมณ์อันใดและเย็นเยียบ
“สหายข้าอยู่ไหน?” หวังหลินถอยและมองจักรพรรดิมังกรฟ้า รู้สึกเหมือนทั้งร่างกำลังแตกสลายภายใต้แรงกดดันทว่าเขาก็บังคับตัวเองให้อดทน
จักรพรรดิมังกรรฟ้ายิ้มออกมาอย่างเย็นเยียบ
“ข้าไม่ได้ทำให้พวกเขาลำบากหรอก คนนอกทั้งหมดจะถูกส่งไปที่ดาวเคราะห์สุดขอบสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์”
“ข้าสามารถละทิ้งตำแหน่งจักรพรรดิวิหคเพลิงได้ ข้าสามารถมอบสมบัติศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านได้ ข้าสามารถจากไปและไม่มีวันกลับมาได้ แต่ข้ามีอยู่หนึ่งเรื่อง!” หวังหลินไม่เคยมีเจตนาจะเก็บสมบัติศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ โบกแขนขวานำหินเผาไหม้สีขาวออกมา ข้างในมีหยดโลหิตศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย