1138. สายฝน
ณ เทือกเขาห่างไกลไปทางทิศตะวันออกของป่าบนแผ่นดินโม่หลัว เทือกเขาแห่งนี้ประหลาดมาก มันไม่ได้คดเคี้ยวเหมือนมังกรแต่เป็นรูปวงกลม
มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเทือกเขาวงกลม
แอ่งน้ำมีตำหนักมากมาย ลำแสงเจิดจ้าในยามกลางคืน ทว่าภายในมีสัมผัสแห่งความเศร้า แม้กระทั่งสายฝนก็ไม่สามารถข่มความเศร้า แม้แต่ลำแสงในท้องฟ้าก็ไม่อาจทำให้ความเศร้าหายไปในได้ในที่สุด
ภูเขานอกแอ่งน้ำมีเสาจำนวนแปดแห่งและหนาร้อยฟุตกระจายไปทั่ว ทั้งแปดมีระยะห่างเท่ากัน ดูเติบโตขึ้นจากภูเขาและแทงขึ้นสู่ท้องฟ้า
เสาทั้งแปดต้นเชื่อมต่อกันกับอารามเต๋าสูงขึ้นไปแสนฟุต มองไกลๆดูเหมือนอารามเต๋าแห่งนี้ถูกค้ำจุนด้วยแปดเสาและลอยอยู่ในอากาศ
นอกจากสภาพที่ดูโออ่าแล้ว อารามเต๋าแห่งนี้ธรรมดามาก มันแปลกตาแต่ก็ปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลังเข้าห่อหุ้มผืนดิน นาทีที่สายฝนตกลงไป เสียงระฆังดังกึกก้องไปทั่วเทือกเขา
เสียงระฆังมีอำนาจบารมี ทะลวงผ่านสายฝนและแทนที่เสียงฟ้าร้อง อย่างไรก็ตามดูเหมือนมันจะทำให้ความเศร้าด้านล่างรุนแรงขึ้นทั้งยังมีเสียงร้องไห้เบาๆ
เหล่าเซียนจำนวนมากเดินออกมาจากอารามในแอ่งน้ำ มีทั้งชายหญิงและเด็กๆ ทั้งหมดสวมชุดคลุมเต๋า ปล่อยให้สายฝนตกกระทบร่างกาย เส้นผมเปียกแฉะ พวกเขาไม่ได้ใช้วิชาอันใดพลางมองอารามเต๋าด้านบนด้วยใบหน้าเศร้าใจ สายฝนผสมกับหยดน้ำตาไหลลงบนแก้ม
ชายชราผู้หนึ่งในชุดคลุมเต๋านั่งอยู่ในอารามด้านบนแอ่งน้ำ เขาดูมีเมตตาแต่ใบหน้าซีดเผือด นั่งเงียบๆอยู่ที่นั่น สีหน้าท่าทางสงบนิ่ง
เบื้องหน้ามีคนจำนวนสี่คนกำลังคุกเข่า ทั้งสี่เป็นชายสามคนและหญิงหนึ่งคน ซึ่งมีรูปร่างเป็นบุรุษทั่วไปและหญิงสาววัยกลางคน ส่วนชายอีกสองเป็นชายชรา
ทั้งสี่คุกเข่าด้วยท่าทางเศร้าโศก แต่ใบหน้าเคารพยิ่ง สตรีคนเดียวในนั้นหน้าตางดงาม กัดริมฝีปาก หยดน้ำตาตื้นขึ้นมาบนมุมสายตา พื้นเปียกไปหมด
ชายชรามีสายตาอ่อนโยน เอ่ยด้วยความฝืนใจ “อายุขัยของอาจารย์กำลังจะหมดลง พวกเจ้าไม่ควรรู้สึกเศร้ามานัก…เหล่าเซียนทั้งหมดสักวันก็จะเป็นเช่นนี้…หลังจากอาจารย์จากไป สำนักต้นกำเนิดจะต้องพึ่งพาพวกเจ้าสี่คน”
“อาจารย์!” หยดน้ำตาไหลออกมาจากสตรีคนเดิมมากยิ่งขึ้น นางมองชายชราตรงหน้า ความทรงจำหลายอย่างแล่นผ่านในหัว
อีกสามคนที่เหลือดูโศกเศร้า
“โชคร้ายที่ข้าไม่สามารถทะลวงผ่านสู่ขั้นทลายสวรรค์ได้ ไม่เช่นนั้นในการเดินทางสู่สำนักจิตวิญญาณต้นกำเนิดระดับแปด ข้าคงไม่ถูกคนจากสำนักหลักดูดพลังชีวิตทั้งหมดไปและจบลงแบบนี้” ชายชราส่ายศีรษะ แววตาไม่ยอมแพ้แต่ไม่อาจทำอะไรได้
ชายวัยกลางคนกำหมัดแน่นพลางเอ่ยขึ้นมา “อาจารย์ สำนักเต๋าม่วงนั่นวางค่ายกลบนแผ่นดินโม่หลัวของเราและเข้าไปในดาราจักรพันธมิตรเซียนอย่างลับๆ ตอนที่พวกมันล้มเหลวกลับมา ทำไมสำนักหลักถึงระบายความโกรธกับเราเสียเล่า?”
ชายชราขบคิด ใบหน้าซีดเซียวยิ่งขึ้น กลิ่นอายความตายเปล่งออกมาจากร่างกาย “สำนักหลักต้องหาเหตุผลให้กับเรื่องนี้ อย่าพยายามเข้าใจเหตุผลพวกเขาเลย…หากเจ้าไม่พอใจก็จงนำสำนักต้นกำเนิดของเราออกไปจากตำแหน่งสุดท้ายในการประลองหลักอีกร้อยปีข้างหน้า เมื่อนั้นอาจารย์ตายก็หัวเราะได้แล้ว”
ทั้งสี่คนขบคิดเงียบๆ ใบหน้าเศร้าใจแฝงความเจ็บปวด การประลองสำนักนั้นเกิดขึ้นทุกพันปีซึ่งเป็นเหตุการณ์ใหญ่ในทะเลเมฆา ทุกสำนักในทะเลเมฆาจะเข้าร่วม แต่การแข่งขันนี้พวกเขามักจะรั้งท้ายและไม่เคยทะยานไปได้ไกลนัก
ชายชรามีกลิ่นอายแห่งความตายรุนแรงขึ้น สูดหายใจลึกพลางมองสายฝนนอกอารามและยกแขนแห้งๆขึ้นมา ไม่กี่เดือนก่อนแขนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่ในตอนนี้ราวกับโลหิตและเลือดเนื้อทั้งหมดถูกระบาย ราวกับเป็นแขนโครงกระดูก
เมื่อเห็นแขนของชายชรา หญิงสาวคนเดียวผุดน้ำตาออกมาอีกมากมาย สามคนที่เหลือกำหมัดและกัดฟันแน่น
ชายชราไม่ได้มองดูแขนขวา พลางโบกไปที่อากาศ มิติเก็บของปรากฏขึ้นมา รอยแตกเป็นสีม่วงและส่งกลิ่นอายน่าหวาดกลัวออกมาด้วย
หลังจากนั้นไม่นานมีอสรพิษยักษ์สีม่วงเข้มค่อยๆโผล่หัวออกมา ศีรษะเจ้าอสรพิษตัวนี้มีขนาดหลายสิบฟุต ส่งแรงกดดันเต็มไปทั่วอารามเต๋า
แต่เจ้าอสรพิษตัวนี้ดูเหน็ดเหนื่อย ศีรษะมันโผล่ออกมาหมุนวนรอบชายชรา ใช้ลิ้นสัมผัสชายชราด้วยแววตาเศร้าและไม่ยินยอมพร้อมใจ
“หลังข้าตาย อสรพิษเนตรม่วงระดับห้าตัวนี้จะเป็นอสูรสำนักของสำนักต้นกำเนิด พวกเจ้าทั้งหมด…จงเลี้ยงดูมันให้ดี…” ชายชราไม่หน้าซีดอีกแล้วและแดงขึ้นมา เขาดูแข็งแรงขึ้นมาแต่มันก็แค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนจะจบชีวิตลง
“ให้อาจารย์ใช้พลังชีวิตสุดท้ายเพื่อใช้วิชาจิตวิญญาณบุญหนุนส่ง ค้นหาจิตวิญญาณเด็กคู่ชีวิตให้แก่สำนักต้นกำเนิด…พอคิดเรื่องนี้ ข้าเองก็ถูกอาจารย์เลือกมาเช่นนี้ ตอนนั้นข้าเป็นแค่เด็กหนุ่มในหมู่บ้านเท่านั้น” ชายชราเผยรอยยิ้มหวนรำลึก ฝ่ามือสร้างผนึกและหลับตาลง
ทั้งสี่คนมองดูชายชราเบื้องหน้าด้วยความเศร้า พวกเขารู้ว่าจ้าวสำนักในอดีตที่ไม่ได้ตายข้างนอกจะใช้พลังชีวิตเฮือกสุดท้ายเพื่อใช้วิชาจิตวิญญาณบุญหนุนส่ง มันอเป็นการหาคนบนแผ่นดินโม่หลัวที่น่าจะช่วยเหลือสำนักต้นกำเนิดในอนาคตได้มหาศาล
วิชานี้ลึกลับมาก ไม่มีใครสามารถอธิบายวิธีการทำงานของมันได้อย่างชัดเจน แม้กระทั่งชายชราชุดคลุมเต๋าก็เข้าใจไม่ชัดเจนนัก เขารู้แค่เพียงว่าวิชานี้ถูกส่งต่อมาอย่างยาวนาน
วิชานี้ไม่ได้สำเร็จเสมอไป ความจริงแล้วในประวัติศาสตร์ของสำนัก ทุกครั้งที่จ้าวสำนักต้นกำเนิดกำลังจะตาย เขาก็จะใช้วิชานี้ ซึ่งจะทำให้โอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า…การทั้งมันล้มเหลวคือเครื่องชี้นำว่าไม่มีใครเหมาะสมบนแผ่นดินโม่หลัว
ชายชราชุดคลุมเต๋าเผาไหม้พลังดั้งเดิมเฮือกสุดท้าย เปลวเพลิงสีฟ้าปรากฏขึ้นรอบร่างกาย จากนั้นค่อยๆหายไปเบื้องหน้าศิษย์ทั้งสี่คน
ช่วงวินาทีนี้สัมผัสวิญญาณของเขากลับว่างเปล่าเป็นพิเศษ ราวกับสัมผันเข้ากับกฏบางอย่าง ห่อหุ้มทั้งแผ่นดินมองหาจิตวิญญาณเด็กคู่ชีวิต
เขาค้นหาอีกครั้งและอีกครั้งแต่ก็ไม่พบสัญญาณของจิตวิญญาณเด็กคู่ชีวิต ชายชราชุดเต๋าถอนหายใจเมื่อรู้ว่าวิชาจิตวิญญาณบุญหนุนส่งนี้จะไม่สำเร็จ…
นาทีนี้ข้างในอารามเต๋าใต้เปลวเพลิงสีฟ้ากำลังเผาไหม้ เหลือเพียงศีรษะที่คงอยู่ เขากำลังจะหายไปอย่างสิ้นเชิง
จังหวะนั้นเองสัมผัสวิญญาณของเขาสังเกตถึงแสงหนึ่งโผล่ออกมาจากสายฝนในทิศเหนือของแผ่นดินโม่หลัว เหตุผลที่เขาให้ความสนใจป่านั่นเป็ฯเพราะมันคือตำแหน่งที่ตั้งทางเข้าออกไปสู่ดาราจักรพันธมิตรเซียน
เขาเห็นการเคลื่อนย้ายส่องสว่างขึ้นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันร่างสีขาวหนึ่งค่อยๆโผล่ออกมา เส้นผมสีขาวพริ้วไหวในความมืดมิด แม้กระทั่งสายฝนยังดูเหมือนสั่นเทา สิ่งที่ทำให้ประหลาดยิ่งก็คือสายฟ้าดังสนั่นที่นี่ดูเหมือนจะหวาดกลัวคนผู้นี้และกระจัดกระจายโดยไม่คาดคิด
‘นี่…เขา…’ ความคิดชายชราสั่นไหวอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยชัดเจนขนาดนี้มาก่อน นาทีนั้นเขาเห็นชายหนุ่มชุดขาวทันทีและพอจะคาดเดาความน่ากลัวได้
เขาไม่ใช่เซียนจากทะเลเมฆา!
ขณะนั้นเองชายหนุ่มชุดขาวมองไปยังท้องฟ้าด้วยท่าทีเย็นชา สายตานั้นทำให้สายฟ้าก่อกวนและถอยร่นอย่างรวดเร็ว ชายชราชุดคลุมเต๋าตกตะลึง สายตาเด็กหนุ่มชุดขาวทำให้ความคิดเขาสั่นไหว แต่ด้วยวิชาวิญญาณบุญหนุนส่งเขาจึงผสานเข้ากับกฏรูปแบบพิเศษซึ่งทำให้เห็นวิญญาณอาฆาตรอบตัวชายหนุ่มนั้นมากมาย เหล่าวิญญาณมีมากเกินจะนับได้ ช่างเป็นภาพที่น่าตกตะลึงยิ่ง พวกมันทั้งหมดจ้องชายหนุ่มชุดขาวอย่างโหดเหี้ยมแต่ไม่มีดวงไหนกล้าเข้าใกล้
คนทั้งหมดนี้ตายไปด้วยน้ำมือหวังหลิน!
สัมผัสอันตรายยิ่งเต็มไปทั่วจิตใจและพยายามฟื้นคืนจิตวิญญาณกลับมา เขาจำเป็นต้องบอกเหล่าศิษย์ถึงข่าวใหม่นี้ให้เร็วที่สุด เขาต้องปล่อยให้ศิษย์หนีรอดและรายงานข่าวนี้ให้แก่สำนักหลัก!
ภายในอารามเต๋า ตัวตนชายชราแทบเผาไหม้จนหมดพลันลืมตาขึ้นมา! การกระทำของเขาทำให้ทั้งสี่คนด้านหน้ามองเข้ามา
“ทิศเหนือ…” เขาเอ่ยเพียงสองคำพูดเท่านั้นราวกับชีวิตกำลังจะจบ พลังดั้งเดิมแตกสลาย สัมผัสวิญญาณหายไปในอากาศ ร่องรอยทั้งหมดถูกกวาดล้างออกไปจากโลก
ชายชราไม่ยินยอมและดิ้นรนส่งเสียงออกมาอีกสองคำก่อนที่จะเลือนหายไปหมดสิ้น
“ผมขาว…”
ทั้งสี่คนจ้องมองตรงหน้าขณะที่อาจารย์ตาย สี่คำที่อาจารย์บอกเอาไว้ทำให้พวกเขาตกตะลึง แต่ไม่รู้ว่าทำไมสีหน้าอาจารย์ถึงได้ตกตะลึงขนาดนั้น
ในสำนักต้นกำเนิด เสียงระฆังดังกึกก้อง สระน้ำเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ ยามที่เสียงระฆังดังสนั่น มีทั้งความเศร้า ไม่เต็มใจ สับสนและตื่นตระหนก…
“ศิษย์ทั้งหมดของสำนักต้นกำเนิด จงไปทิศเหนือแผ่นดินโม่หลัวและมองหาคนที่มีคุณสมบัติฝึกฝน ตามอายุแล้วความพิเศษที่เขามีคือ…ผมขาว!”
ณ ทิศเหนือของแผ่นดินโม่หลัว หวังหลินถอนสายตาออกมาจากท้องฟ้า สายฝนตกลงมาร่อนลงบนร่าง สายน้ำละลายหิมะบนตัวเขาจากพันธมิตรเซียนและค่อยๆสลัดออกไปจากเสื้อฟ้า จากนั้นหวังหลินจึงค่อยๆเคลื่อนร่างเข้าหาบนแผ่นดินต่างแดนแห่งนี้…
หิมะจากพันธมิตรเซียนและสายฝนจากทะเลเมฆา นาทีนี้ไม่มีทางที่จะแยกออกจากกันได้…
‘ตอนที่ข้าจากมา หิมะมาส่งข้า ยามข้ามาถึง สายฝนยินดีต้อนรับข้า…ไม่เลวทีเดียว’ หวังหลินสูดลมหายใจเอาอากาศของทะเลเมฆาเข้าปอด จากนั้นเดินเข้าสู่ส่วนลึกของป่า