Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1137

Cover Renegade Immortal 1

1137. หิมะ

ดาวเคราะห์โดดเดี่ยวแห่งนี้ไม่ได้รกร้าง มีเมืองธรรมดาจำนวนมาก เนื่องจากที่นี่ไม่มีเซียนมากนักจึงค่อนข้างสงบ ขณะนี้สายลมหนาวพัดไปบนดาวเคราะห์ เกล็ดหิมะตกลงมาจากท้องฟ้า ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หิมะได้ดึงดูดเหล่าเด็กๆออกมาวิ่งเล่น

วันนี้คือเทศกาลใหญ่ของดาวดวงนี้ จุดดั้งเดิมของเทศกาลได้หายไปนานในสายธารแห่งกาลเวลานานแล้วและถูกผู้คนส่วนใหญ่ลืมไป ทว่าประเพณีนี้ถูกส่งต่อมาจนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว

ทุกบ้านจุดแสงขึ้นมา ผู้คนดูเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะแห่งความสุขจากรอบทิศทาง

เดิมทีเป็นเวลากลางคืน แต่เนื่องจากแสงไฟจากทุกบ้านสะท้อนกับเกล็ดหิมะ มันจึงยังสว่างแม้จะไม่เท่ากลางวันก็ตาม

ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาในหิมะอย่างเงียบๆ ทิ้งรอยฝ่าเท้าด้านหลังเป้นทางยาว แต่ฝ่าเท้าไม่ได้ลึกมาและถูกหิมะกลบในเวลาไม่นาน ร่องรอยทั้งหมดจึงถูกกวาดหายไป

ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดสีขาวล้วน แม้แต่เส้นผมก็เป็นสีขาว ยามที่เกล็ดหิมะตกลงบนเส้นผม จึงแทบจะแยกไม่ออกระหว่างเส้นผมกับหิมะ…

สายลมเย็นในตอนกลางคืนค่อยๆพัดเอาหิมะบนพื้นขึ้นสู่อากาศ ผสมผสานกับหิมะที่ตกลงมาจึงดูไม่ต่างกับทั้งหิมะเก่าและใหม่

ชายหนุ่มเดินอย่างเงียบๆผ่านหิมะเหล่านี้ มันลึกจนเด็กหนุ่มเดินเหยียบย่ำจนเกิดเสียงแคร่ก ทว่าสายลมเสียงดังกว่าจึงปิดเสียงเหยียบจนมิด

เสื้อผ้าสีขาวของเด็กหนุ่มบางมาก กางเกงและรองเท้าก็บางเช่นกันแต่เขาไม่ได้ดูหนาวอะไรนัก ใบหน้าเผชิญกับสายลมและหิมะ จิตใจเต็มไปด้วยความเศร้าและเจ็บปวดกับการที่เดินเข้าไปในหิมะอย่างช้าๆ

สายลมเหนือมีทั้งความหนาวและหิมะ ราวกับต้องการหยุดเด็กหนุ่มไม่ให้ออกมาจากบ้านเกิดในวันหยุด อย่างไรก็ตามหลังจากมันกระหน่ำใส่ชายหนุ่ม กลับดูไร้อำนาจ…

ในยามดึกคืนหิมะอันมืดมิด ไม่มีใครอยู่รอบๆเขาเลยสักคน มีเพียงสายลมและหิมะ…

ผ่านไปไม่รู้นานแค่ไหน ชายหนุ่มก็หยุดลง มองเห็นแผ่นดินที่ตนเองอยู่ บนพื้นปกคลุมด้วยหิมะเต็มไปหมด

ที่นี่คือพื้นที่ราบ

‘ที่นี่หล่ะ’ หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมามองท้องฟ้าด้วยท่าทีสงบ เกล็ดหิมะตกลงเบื้องหน้าเขาและปกคลุมพื้นดิน

หวังหลินส่ายศีรษะเพื่อสลัดหิมะให้หลุดออกไปจากหัว พลันถอยหายใจยาว หมอกสีขาค่อยๆหายไป เขาบรรจงก้าวไปข้างหน้า รอบด้านพลันสั่นไหว พายุลูกนึงดูดหิมะในบริเวณทั้งหมดเข้าไปและพัดขึ้นสู่ท้องฟ้า หิมะจึงหายไปกับสายลม

หลังจากหิมะหายไป ค่ายกลยักษ์แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นภายในพื้นที่หมื่นฟุต ค่ายกลนี้ซับซ้อนและมีเศษหินวางเป็นตำแหน่งภายในเอาไว้

หวังหลินถอนหายใจ ขบคิดเงียบๆและเดินเข้าไปใจกลางค่ายกล ยื่นแขนออกไปเปิดมิติเก็บของ เพียงแค่คิดขึ้นมา ก้อนหินที่เขาเก็บระหว่างมาที่นี่ก็ลอยออกมาทีละก้อน ลอยขึ้นมาในอากาศไม่น้อยกว่าร้อยก้อน

หวังหลินสะบัดแขน ก้อนหินทั้งหมดกระจายตัววางลงตำแหน่งที่แตกต่างกัน

ค่ายกลส่องสว่างขึ้นในพริบตาและค่อยๆแสดงท่าทางกำลังเปิดใช้งาน ขณะนั้นหิมะที่ตกลงมาไม่อาจเข้าใกล้ได้และถูกผลักออกไปหมด

หวังหลินนั่งอยู่บนพื้นและขบคิดเงียบๆ แขนขวายื่นออกไปคว้าวิญญาณดั้งเดิมจากมิติเก็บของ วิญญาณดวงนั้นดวงตาหลับสนิทเพราะไร้สติ

หวังหลินถือวิญญาณเอาไว้ แขนซ้ายสร้างผนึกชี้ใส่วิญญาณดั้งเดิมหลายครั้ง ดวงวิญญาณสั่นเทาทุกครั้งและถูกหวังหลินโยนขึ้นไปในอากาศ มันเริ่มยืดออกและบิดเบี้ยวจนก่อตัวเป็นวังวน

วังวนส่งเสียงหวีดหวิวและเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาข้างใน วินาทีนั้นค่ายกลบนพื้นเปิดใช้งานเรียบร้อย เสียงคำรามทดแทนเสียงสายลมจนหมด ค่ายกลส่องสว่างแต่แสงนั้นไม่ได้ลอยขึ้นไปในอากาศ กลับเข้าไปในวังวนแทน

วังวนกำลังเปิดขึ้นเรื่อยๆ หวังหลินนั่งอยู่ที่เดิม สองฝ่ามือสร้างผนึกและเอ่ยออกมา “ใช้วิญญาณเป็นตัวนำทาง!”

แสงโลหิตผุดออกมาจากวังวน ขณะที่คำพูดของหวังหลินดังกึกก้อง ลำแสงเข้าไปในวังวนดูคล้ายกับพลังทั้งหมดจากค่ายกลถูกดูดออกไปและเปลี่ยนเป็นฝุ่นผง แม้กระทั่งก้อนหินก็ยังกลายเป็นเศษฝุ่น

วังวนในท้องฟ้าหยุดหมุนและเริ่มกระพริบวูบวาบ ข้างในมืดสนิทราวกับเป็นทางเดิน

หวังหลินยืนขึ้นและก้าวเข้าไปในวังวน เขามองกลับมาที่พื้น แม้ที่นี่จะเป็นดาวที่ไม่คุ้นเคย มันก็ยังอยู่ในดาราจักรพันธมิตรเซียน สถานที่แห่งนี้มีกลิ่นอายของบ้าน ครอบครัว สหายและเรื่องราวของเขา

‘ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ข้าจะได้กลับมา…บางทีข้าคงไม่ได้กลับมาอีก…โชคดีที่ข้ามีหิมะและสายลมมาส่งข้า…นั่นก็เพียงพอแล้ว!’ หวังหลินเผยสายตาขมขื่นพลางหัวเราะ ก้าวเดินเข้าไปในส่วนลึกของวังวน และวังวนค่อยๆหายไปอย่างไร้ร่องรอย

วังวนหายไปจากพื้นที่ราบบนดาวเคราะห์นี้ ทว่าเสียงหัวเราะดังต่อไปเรื่อยๆและค่อยๆถูกหิมะกลบฝัง

พื้นที่หมื่นฟุตบนพื้นที่ราบค่อยๆเต็มไปด้วยหิมะ มันค่อยๆหายไปเช่นเดียวกันฝ่าเท้าหวังหลิน…

สี่แดนสวรรค์แต่ละแห่งมีดาราจักรอยู่ข้างใต้ แดนสวรรค์พิรุณมีพันธมิตรเซียนและมีแคว้นเซียนระดับเก้าเพียงหนึ่งเท่านั้น แดนสวรรค์อัสนีมีดาราจักรทุกชั้นฟ้าซึ่งมีตระกูลเซียนที่สืบทอดมาจากยุคโบราณสองรูปแบบที่แตกต่างกันทำให้วิถีบ่มเพาะและทิศทางของเซียนแต่ละดวงดาวแตกต่างกันมาก ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเซียนแต่ก็มีความแตกต่างมหาศาล

เทียบกับกฏอันเข้มงวดของพันธมิตรเซียนแล้ว ทางฝ่ายทุกชั้นฟ้าอิสระมากกว่า ทว่าความอิสระทั้งหมดนั้นก็หมดไปเพื่อชื่อเสียงของตระกูล!

ชื่อเสียงอยู่เหนือทุกอย่าง!

ดาราจักรทะเลเมฆาซึ่งอยู่ใต้แดนสวรรค์วายุก็แตกต่างจากดาราจักรทั้งสองที่กล่าวมา…

ดาราจักรทะเลเมฆาใหญ่กว่าดาราจักรทุกชั้นฟ้า กล่าวได้ว่าท่ามกลางสี่ดาราจักร ดาราจักรทะเลเมฆาใหญ่มากที่สุด แค่ชำเลืองมอง อวกาศไม่ได้มืดมิดแต่ปกคลุมด้วยชั้นหมอกบางๆ หมอกพวกนี้มีอยู่ทุกที่ในทะเลเมฆา กระทั่งสัมผัสวิญญาณเองก็ถูกมันขัดขวางด้วยระดับนึง

เนื่องจากหมอกพวกนี้คงอยู่มานาน ดาราจักรทะเลเมฆาจึงดูไม่เหมือนดาราจักรดวงดาว แต่เหมือนทะเลเมฆ ซึ่งเป็นชื่อต้นกำเนิดของมัน

ด้วยหมอกพิเศษนี้ แม้แต่เซียนที่แข็งแกร่งก็ยังหลงถ้าหากไม่มีแผนที่ดวงดาว

แม้กระทั่งบิดมิติก็ได้รับผลกระทบรุนแรง ถึงจะใช้ได้แต่ก็ไม่มากนัก

ไม่มีใครรู้ต้นกำเนิดของหมอกนี้ มันมีอยู่ทั่วทะเลเมฆาตั้งแต่ก่อนแดนสวรรค์โบราณจะหายไปเสียอีก…

ดาราจักรทะเลเมฆาไม่ได้แบ่งทิศทางเป็นตะวันตก ตะวันออก เหนือและใต้เหมือนกับทุกชั้นฟ้าและพันธมิตรเซียน ทะเลเมฆาจึงทำให้เหล่าเซียนรู้ตำแหน่งทิศทางได้ยาก

สายหมอกไม่ได้ทำให้ดาราจักรทะเลเมฆาแบ่งกันแบบนั้น แต่ใช้เป็นระดับความหนาแน่นของสายหมอกแทน จากข้างในไปข้างนอกมีจำนวนทั้งหมดเก้าระดับ!

เก้าระดับนี้ตามจริงเป็นรูปทรงวงแหวนเก้าชั้น ชั้นนอกสุดคือระดับหนึ่งและชั้นในสุดคือระดับเก้า

แผ่นดินโม่หลัวตั้งอยู่ในหมอกระดับห้า มองไกลๆแล้วแผ่นดินแห่งนี้แทบจะจางหายไป ใจกลางมีหอคอยสีดำสูงตระหง่าน แสงสีขาวซึมออกมาปกคลุมแผ่นดิน ซึ่งทำให้สายหมอกไม่สามารถเข้าไปในแผ่นดินได้และถูกผลักออกไปเสมอ พื้นที่รอบๆจึงเด่นชัด

ไม่ใช่ว่าดาราจักรทะเลเมฆาไม่มีดาวเคราะห์เซียน เพียงแค่มันแค่หายากมาก ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ความหนาแน่นระดับเจ็ดหรือสูงขึ้นไปและมีทั้งหมดน้อยกว่าร้อยดวง

ต่ำกว่าระดับเจ็ดลงมา ส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นดินที่ลอยเคว้งคว้างแบบนี้ แต่ละแผ่นดินคือตัวแทนของสำนักที่ต่างกัน

สายฝนตกลงมาบนแผ่นดินทิศเหนือของโม่หลัว สายฝนเข้าปกคลุมพร้อมกับไหลรินลงมาไม่รู้นานแค่ไหน พื้นดินกลายเป็นโคลน ใบหญ้าเปียกชื้น สายฝนไหลรินลงกลางใบและตกลงพื้นดิน

อสูรตัวเล็กๆซ่อนตัวอยู่ในมุมนึงและสั่นเทาในสายฝน บนพื้นดินมีอสรพิษตัวเล็กๆไม่กี่ตัวกำลังเคลื่อนร่างอยู่ในโคลนและน้ำอย่างสนุกสนาน สำหรับพวกมันแล้วค่ำคืนสายฝนเป็นเวลาดีในการออกล่า

ที่นี่เป็นป่าแห่งหนึ่ง นอกจากเสียงสายฝนตกกระทบใบไม้แล้ว ไม่มีเสียงอื่นและค่อนข้างเงียบ

บางครั้งท้องฟ้ากระพริบแสงสว่างขึ้นมาปกคลุมพื้นดิน

ลึกเข้าไปในป่า มีค่ายกลหนึ่งขนาดราวๆพันฟุต ขณะที่สายฝนตกลงไปจึงชำระฝุ่นผงให้หลุดลอย ทำให้ค่ายกลกระจ่างยิ่งขึ้น

บริเวณนี้ไม่มีเซียนเลยสักคน เซียนกลุ่มสุดค่ายที่ดูแลค่ายกลนี้จากไปเมื่อสามเดือนก่อน แต่พวกเขาไม่ได้ทำลายค่ายกลราวกับมันยังมีความหวังอันริบหรี่

แสงกระพริบวาบในกลางคืน เมื่อมันส่งสว่างขึ้นอีกครั้งพลันเกิดเสียงแตกร้าวออกมาจากค่ายกล อย่างไรก็ตามเสียงสายฟ้าคำรามกลบเสียงทั้งหมดจนมิด

ค่ายกลปรากฏแสงสีฟ้าและค่อยๆฟื้นตัว สายฝนดูเหมือนจะตกลงมาเร็วขึ้นราวกับรู้ว่าเซียนคนนั้นไม่ได้เป็นคนของทะเลเมฆา คนที่ทำให้สี่แดนสวรรค์ตกตะลึงกำลังจะปรากฏตัวขึ้น

สายฝนตกกระหน่ำยิ่งกว่าเดิม…สายฟ้ากระพริบวูบวาบเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version