1136. หลบหนีสุดขอบโลก
ขณะที่เสียงเขาดังกึกก้อง ชายวัยกลางคนผู้รอบรู้กำลังนั่งอยู่ตรงดาวที่สี่บนศีรษะต้าเสิน พลันลืมตาขึ้นมาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดแต่ก็แฝงร่องรอยเจ็บปวดไปด้วย
“ปรมาจารย์ลั่วฟู่ ข้าไม่ได้ลืมสัญญาของเรา แต่ข้าไร้อำนาจ เจ้า…รีบหนีไป…”
น้ำเสียงเก่าแก่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดค่อยๆส่งออกมา ทว่าดวงดาวที่สี่เริ่มส่องประกายเจิดจ้า ขณะที่มันส่องสว่างกว่าอีกสามดวงก่อนหน้า น้ำเสียงเขาก็หายไปอย่างสมบูรณ์
ชายชราลั่วฟู่สีหน้าเปลี่ยนไปมหาศาล หวังหลินตกตะลึงเช่นเดียวกัน ด้วยความเข้าใจเรื่องเทพโบราณของตนเองจึงพอจะคาเดาอะไรบางอย่างได้ ขณะนั้นปรมาจารย์หวู่จีเอ่ยเสียงสะท้อนออกมาอีกครั้ง
คราวนี้เป็นเสียงคำรามโกรธเกรี้ยว!
“รีบหนีไป!”
ดวงดาวดวงที่สี่เดิมทีมืดสนิทและเห็นข้างในเลือนลางเท่านั้น ทว่าเมื่อต้าเสินตื่นขึ้น ดวงดาวดูเหมือนจะฟื้นตัวและไม่มืดมนอีกแล้ว มันเริ่มส่องสว่างขึ้นและเปล่งไปรอบด้าน
ชายวัยกลางคนผู้รอบรู้นั่งอยู่ตรงนั้นดูปกติดี แต่หากมองใกล้ๆคงจะตกตะลึงเมื่อรู้ว่าครึ่งท่อนล่างผสานเข้ากับพื้น จนแยกไม่ออก
แสงไม่ได้ปรากฏขึ้นสุ่มๆ มันเริ่มโดยมีหวู่จีอยู่ตรงกลาง ทุกครั้งที่ส่องสว่างมากขึ้น สีหน้าหวู่จีจะยิ่งซีดเผือดและอ่อนแอลง
ชั่วขณะนั้นพื้นที่ที่เขาอยู่ส่องสว่างและเจิดจ้าไปทั้งพื้นที่ ร่างกายแห้งเหี่ยวในพริบตาและดูเหมือนโครงกระดูก
แต่เขาไม่ได้ตาย…เขาคงไม่ตาย เพียงแค่ใช้เวลาอยู่ที่นี่มานานเท่านั้น…เพียงแค่เขาไม่ยอมแพ้ ความไม่ยอมแพ้ทำให้เขาต้องดิ้นรน ใบหน้าบิดเบี้ยวพลางบังคับกระตุ้นพลังบ่่่มเพาะและร้องคำราม!
รูม่านตาของชายชราชุดดำหดลง สีหน้าเคร่งเครียดจ้องมองขึ้นไปตรงดาวที่สี่บนศีรษะต้าเสิน วินาทีนั้นสัมผัสถึงเสียงของปรมาจารย์หวู่จีได้อย่างชัดเจนว่าออกมาจากตรงนั้น
ทว่าเรื่องน่าประหลาดก็คือเมื่อใช้สัมผัสวิญญาณกวาดเข้าไป เขากลับไม่พบอะไรเลย
พอคิดถึงคำพูดของปรมาจารย์หวู่จี ชายชราชุดดำความคิดสั่นไหวและล่าถอยโดยไม่ลังเล
“ไม่มีใครจะหนีไปได้” ต้าเสินเผยแววตาดูถูกรุนแรงขึ้นและแฝงอาการเยาะเย้ยเอาไว้ สายตาเขามองทุกคนเหมือนเป็้นมดและตนเองโอหังอย่างยิ่ง!
“เจ้าจะเป็นดาวเทพโบราณดวงที่ห้าของข้าตามหลังหวู่จี!” เสียงของต้าเสินดังกึกก้องไปทั่วโลก จากนั้นก้าวไปข้างหน้าอย่างรุนแรง ดวงดาวที่สี่ส่องประกายเจิดจ้า!
แสงสว่างแตกต่างจากอีกสามดาว ดูเหมือนมันกำลังแตกสลายซึ่งทำให้เท้าขวาต้าเสินต้องหยุดชะงัก
ชายชราก้าวถอยหลัง แต่หันกลับมาชี้แขนใส่มิติว่างเพื่อนำกระบี่หักออกมา! กระบี่่เล่มนี้หักครึ่งแต่กลับมีแรงกดดันเหนือจินตนาการแพร่กระจายออกมาด้วย
ชายชราลั่วฟู่กัดปลายลิ้นพ่นโลหิตไปบนกระบี่หัก จากนั้นโยนใส่ต้าเสิน
กระบี่หักส่งเสียงหวีดหวิวออกไปพร้อมกับจิตสังหารสั่นสะเทือนสวรรค์ นำทางด้วยปราณกระบี่ เท้าต้าเสินหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนจะก้าวต่อไป แต่มันเผชิญกับกระบี่หักจนต้าเสินส่งเสียงคำรามโกรธเกรี้ยว โลหิตไหลนอง
กระบี่หักแทงเข้าใส่ขาขวาต้าเสินโดยไม่คาดคิด นำพาพลังไร้เทียมทานแทงผ่านขาและพุ่งเข้าหาใบหน้าต้าเสิน
วิชาของกระบี่หักนั้นเหนือล้ำเกินกว่าเซียนขั้นทลายสวรรค์จะใช้ได้ และเทียบไม่ได้กับความเร็วของมัน
เรื่องทั้งหมดใช้เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้นและกระบี่หักแทงทะลุขาขวาต้าเสินในพริบตา! กระบี่พุ่งเข้าใกล้ใบหน้าต้าเสินและพุ่งใส่ดาวดวงที่สี่
แสงจากดาวดวงที่สี่ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับปรมาจารย์หวู่จีกำลังดิ้นรนหนีออกมา แต่ขณะที่กระบี่หักแทงทะลุผ่านม่านพลังทั้งหมดและอยู่ห่างดาวดวงที่สี่เพียงร้อยฟุต ดาวดวงที่สามพลันส่องประกายขึ้นเช่นเีดยวกัน มีคนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาจากดาวดวงที่สาม!
เขาเป็นเมือนโครงกระดูกจนไม่อาจเห็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมได้แล้ว ทั้งร่างเปลือยเปล่า ก้าวเพียงครั้งเดียวก็มาถึงด้านข้างกระบี่หักและบีบเข้าไปอย่างโหดเหี้ยม!
การบีบลงไปนี้อธิบายออกมาได้ยากยิ่ง ในมุมมองของหวังหลินมันได้ใส่พลังและกระตุ้นกฏบางอย่างในโลกซึ่งดูไม่เหมาะสมเพราะกฏของโลกเปลี่ยนไปจากการกระทำของคนผู้นี้
กระบี่หักพลันหยุดชะงัก สองนิ้วปรากฏขึ้นมารอบตัวมัน ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจหนีรอดสองดัชนีไปได้
อย่างไรก็ตามเจ้าของดัชนีเป็นเซียนที่เหมือนโครงกระดูก ทั้งยังได้รับผลกระทบจากแรงกระแทกอันทรงพลัง เสียงปะทุดังออกมาจากร่างกายราวกับกำลังแตกสลาย ดวงตามืดดำเปล่งประกายเจิดจ้า รอยสักรูปพระจันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นตรงกลางหน้าผาก ร่องรอยส่องสว่างในสายตาทุกคน
แขนขวาโยนกระบี่หักไปด้านข้างจนลอยขึ้นไปอย่างรุนแรง!
จากนั้นหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วพร้อมกลับคืนสู่ดาวดวงที่สาม
เหตุการณ์นี้ทำให้หวังหลินใบหน้าเจ็ฐปวดขึ้น
ลั่วฟู่แววตากระพริบหนึ่งครั้ง จากนั้นโบกแขนโดยไม่ลังเล กระบี่หักหายไปและหันตัวหนีทันที ทะลวงผ่านรอยแยกอวกาศอย่างรวดเร็วและกำลังจะออกไป
“เจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้!” ต้าเสินเผยแววตาชั่วร้าย ดาวดวงที่ห้ามืดสนิทแต่วินาทีนั้นมันเริ่มหมุนด้วยตัวเองด้วยวิชาบางอย่าง พอหมุนถึงขีดสุดมันจึงเหมือนเป็นหลุมดำ
ดวงดาวลอยออกไปจากหน้าผากต้าเสินและมุ่งตรงเข้าหาลั่วฟู่
ทว่าในจังหวะที่ดวงดาวลอยอกไปจากศีรษะต้าเสิน ดาวดวงที่สี่ส่องประกาย แสงระเบิดออกมาห่อหุ้มดาวดวงที่ห้าและขวางเส้นทางเอาไว้
“ปรมาจารย์ชั่วฟู่ รีบหนีไป!! ข้าผิดไปแล้ว ผิดมหันต์ ข้าไม่ควรพยายามโลภในพลังอำนาจของเทพโบราณราชวงศ์เพื่อทะลวงขั้นสวรรค์ดับสูญระดับต้นเลย ตอนนี้ข้าจบสิ้นแล้ว…”
ข้างในดาวดวงที่สี่ ปรมาจารย์หวู่จีกระอักโลหิต ร่างกายสั่นไหว เขาใช้การเชื่อมต่อกับเทพโบราณเพื่อหยุดดาวดวงที่ห้าไม่ให้ดูดซับปรมาจารย์ลั่วฟู่ เพราะรู้ว่าหากลั่วฟู่ถูกกลืนกินเข้ามา เขาจะไม่มีวันหนีรอดไปได้!
หากต้องการหนี เขาต้องเสี่ยงใช้โอกาสทั้งหมดเข้าช่วยปรมาจารย์ชั่วฟู่ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้เขาในอนาคต!
ลั่วฟูก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล ปรากฏระลอกคลื่นก่อตัวเป็นวังวน วินาทีนั้นต้าเสินแววตาเย็นเยียบ ไม่สนว่าดาวดวงที่ห้าถูกหยุด พลันยกแขนขวาดึงกลับมาในมิติว่าง ลำแสงสีม่วงปรากฏขึ้นก่อตัวเป็นหอกขนาดเท่าดาวเคราะห์เซีนหลายดวง!
หอกสังหารเทพเจ้า!
สมบัติเทพโบราณสายเลือดราชวงศ์ของจริง หอกสังหารเทพเจ้า!
ต้าเสินถือหอกด้วยท่าทางดุดันและโยนออกไป! หอกสังหารเทพเจ้าทะลุทะลวงอากาศพร้อมกับเสียงหวีดหวิวสั่นสะเทือนฟ้าดิน พุ่งใส่ลั่วฟู่ด้วยพลังอำนาจของเทพโบราณ!
มันเร็วมากเกินกว่าสายตาหรือสัมผัสวิญญาณจะตามทัน ผ่านอวกาศไปพร้อมกับรอยแยกเกิดขึ้นเป็นทางสายยาว
ลั่วฟูสีหน้ามืดมน ถึงแม้จะก้าวเข้าไปในวังวนได้ คงยังได้รับบาดเจ็บจากหอกสังหารเทพเจ้า เมื่อถูกชะลอลงและปรมาจารย์หวู่จือขวางทางให้ ก็คงเหมือนเขาถูกขังไว้ที่นี่!
แต่ไม่มีเวลามาคิดมาก ฝ่ามือสร้างผนึก กระบี่หักปรากฏขึ้นอีกครั้ง กระอักโลหิตและสะบัดแขน ส่งกระบี่พุ่งเข้าใส่หอกสังหารเทพเจ้า
หวังหลินเฝ้าดูอย่างเงียบเชียบ เห็นความแข็งแกร่งของต้าเสินได้อย่างชัดเจน แม้จะมีความทรงจำว่าตู่ซือแข็งแกร่งแค่ไหน แต่การเห็นด้วยตาตนเองก็ยังแตกต่างกัน
หวังหลินจ้องมองหอกสังหารเทพเจ้าที่ลอยข้ามผ่านอวกาศ สำหรับคนอื่นหอกนี้อาจจะดูเหมือนอำนาจสวรรค์ที่สามารถสังหารทุกสิ่งชีวิตทั้งหมดได้ แต่สำหรับหวังหลินมันคือสมบัติ!
กระบี่หักปะทะเข้ากับหอกสังหารเทพเจ้าทันที ขนาดของกระบี่ก็เทียบกับหอกไม่ได้อยู่แล้ว แต่กลิ่นอายของมันอ่อนแอลงเล็กน้อย ถึงไม่อาจเห็นกระบี่หักได้แต่พลันเกิดเสียงดังสนั่นและหอกสังหารเทพหยุดชะงักไปหนึ่งจังหวะ
กระบี่หักถูกดันกลับมาและหายไปในมิติว่าง หอกสังหารเทพสั่นเทาก่อนจะพุ่งออกไปอีกครั้ง
‘ข้าไม่สามารถปล่อยให้ลั่วฟู่ถูกดาวของต้าเสินกลืนกินได้!’ เป็นความคิดเดียวในใจหวังหลินตอนนี้ เมื่อหอกสังหารเทพหยุดชะงัก หวังหลินจึงพุ่งออกไปโดยไม่ลังเล ใช้ความเร็วถึงขีดสุดและปรากฏเบื้องหน้าหอกสังหารเทพเจ้า
การกระทำของเขาทำให้ลั่วฟูต้องหรี่ตาแคบ ปรมาจารย์จงเฉินสั่นเทาและแปดราชาสำนักซากศพเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หวังหลินหลับตา ชั่วจังหวะหอกสังหารเทพเจ้าเข้ามาใกล้ ร่างกายแตกสลายทิ้งไว้แต่เพียงเศษเสี้ยววิญญาณดั้งเดิม ก่อนที่มันจะถูกทำลาย เศษวิญญาณดั้งเดิมสร้างผนึกและส่งคำสั่งออกไปหาหอกสังหารเทพเจ้า
“ข้าขอใช้อำนาจเพื่อขัดขวางเส้นทางเจ้า!”
หอกสังหารเทพเจ้าหยุดชะงักไปหนึ่งจังหวะ แต่กลิ่นอายรุนแรงผุดขึ้นมาเป็นตัวแทนอำนาจของต้าเสิน มันปะทะเข้ากับเศษวิญญาณดั้งเดิมหวังหลินและทำให้สูญสลาย
“ข้าจะเก็บดาวเทพโบราณดวงแรกไว้เพื่อเจ้า!” เป็นสิ่งสุดท้ายที่หวังหลินได้ยินหลังจากวิญญาณถูกทำลาย…
การขัดขวางของหวังหลินทำให้ชายชรามีเวลาพอจะเข้าสู่วังวนและหายตัวไป ปรมาจารย์จงเฉินและแปดราชาสำนักซากศพทั้งหมดพุ่งเข้าไปในวังวนและหายไปด้วย
หอกสังหารเทพปะทะเข้ากับวังวนโดยตรง พลังอันแข็งแกร่งสะท้านไปทั่วฟ้า ปรมาจารย์จงเฉินแทบออกมาจากวังวนไม่ได้และได้รับผลกระทบจากพลังนี้ จึงกระอักโลหิตและดูอ่อนแอทันที สองขาระเบิดเป็นจุล กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมก็ไม่มั่นคง
เขาเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว ความเกลียดชังต่อต้าเสินเพิ่มพูนมหาศาล อีกคนที่เขาเกลียดคือจงซวน! เมื่อเห็นว่าพลังอำนาจกำลังเข้ามาอีกครั้ง ปรมาจารย์จงเฉินแววต้าบ้าคลั่ง กำลังจะยอมแพ้เพื่อแลกเปลี่ยนให้วิญญาณหลบหนีออกมา
ชายชราลั่วฟู่ปรากฏขึ้นด้านข้างปรมาจารย์จงเฉิน คว้าเขาเอาไว้และหายตัวไป
ท้ายที่สุดแปดราชาสำนักซากศพก็หนีไปได้ แต่พลังอันน่าตกตะลึงก็มาถึงทันที ร่างแปดราชาทั้งหมดสั่นเทาและแตกสลาย กลิ่นอายเย็นเยียบแปดจุดหลบหนีมาได้ แต่ด้วยเบื้องหน้าพลังอำนาจนี้ มีจำนวนห้าคนพังทลาย
ที่เหลืออีกสามคนนำโลงศพออกมาและเข้าไปข้างในเพื่อให้ได้รับร่างใหม่มาหลบหนี อย่างไรก็ตามพลังอันน่าตกตะลึงก็โผล่ออกมาอีกครั้งทำให้ร่างกายแตกสลายไปอีก
วงจรนี้ดำเนินต่อไป พื้นที่ระยะไม่เกินหมื่นฟุตเป็นเหมือนวันล้างโลก พวกเขาทิ้งร่องรอยโลหิตจนอีกคนตายไป
สองราชาสำนักซากศพที่เหลืออยู่กำลังจะจนปัญญา เมื่อเห็นพลังนั้นเข้ามาใกล้อีกครั้ง ทั้งสองดูสิ้นหวัง แต่ทันใดนั้นวังวนสีดำหนึ่งปรากฏขึ้นมาด้านข้าง ยื่นสองแขนออกมาคว้าพวกเขาดึงเข้าไปในวังวน
“ท่านราชา!” แววตาทั้งสองเต็มไปด้วยความยินดีและไม่ต่อต้าน ทำให้สองแขนสามารถลากเข้าไปในวังวนได้ ขณะนั้นพลังจากหอกสังหารเทพเข้าไปในวังวน ส่งเสียงคำรวญเหมือนคนได้รับบาดเจ็บแต่ก็ยังรอดชีวิตได้และวังวนหายไป
บนดวงจันทร์นอกดาวซูซาคุ ข้างในภูเขาธรรมดาแห่งหนึ่ง หวังหลินลืมตาขึ้นมา ยืนขึ้นทันทีและโบกแขนขวาเก็บร่างศพสตรีกลับไป จากนั้นทำลายค่ายกลบนพื้นพร้อมกับใช้วิชาบิดมิติหายตัวไป
หวังหลินปรากฏตัวอีกครั้งออกห่างจากดาวซูซาคุ แต่ไม่ได้หยุดแค่นั้นและรีบเดินทาง ใบหน้าซีดเผือดและหมองหม่น เขาไม่เคยรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อน คำพูดของต้าเสินดังกึกก้องในหัว
“ข้าจะเก็บดาวเทพโบราณดวงแรกไว้เพื่อเจ้า!”
‘หากข้าเผชิญกับต้าเสิน ถึงแม้ร่างดั้งเดิมจะผ่านสามด่านเจ็ดหายนะได้ ถึงแม้ข้าจะมีหอก ข้าก็ไม่อาจรอดชีวิตได้แม้แต่กำปั้นเดียว…’ หวังหลินเผยท่าทีเจ็บปวด ไม่รู้ว่าต้าเสินหนีออกมาได้หรือไม่ แต่รู้ว่าเขาไม่สามารถอยู่ในดาราจักรพันธมิตรเซียนได้ เขาต้องจากไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้และไม่มีวัน…ไม่มีวันกลับมา…เว้นแต่จะมีพลังอำนาจพอจะต่อกรกับต้าเสิน…
หวังหลินใช้บิดมิติเพื่อหายตัวไปอีกครั้งและปรากฏตัวในสถานที่ที่เขาทิ้งทางหนีเอาไว้ให้ตัวเอง มันคือดาวเคราะห์ห่างไกลและโดดเดี่ยว…หวังหลินวางค่ายกลเอาไว้ที่นี่ก่อนจะไปพบจักรพรรดิมังกรฟ้า