Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1157

Cover Renegade Immortal 1

1157. หนึ่งบททดสอบ สองหายนะ

สามบททดสอบเจ็ดหายนะของเทพโบราณเป็นเสมือนห้าทลายสวรรค์ของเซียนขั้นทลายสวรรค์ มันคือมีดที่แขวนไว้เหนือศีรษะ หากรอดได้ระดับบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นมหาศาลแต่หากล้มเหลวคือความตาย

บททดสอบแรกมีสองหายนะ บททดสอบที่สองมีสองหายนะเช่นเดียวกัน แต่บททดสอบที่สามมีสามหายนะ!

สามบททดสอบเจ็ดหายนะของเหล่าเทพโบราณนั้นแปลกประหลาดยิ่งกว่าห้าทลายสวรรค์ ตามความทรงจำของหวังหลิน ยิ่งเทพโบราณแข็งแกร่งแค่ไหน บททดสอบและหายนะมักจะเจอล่าช้าไปด้วย แม้โดยปกติเทพโบราณจะเจอบททดสอบแรกในขั้นหกดาว เทพโบราณบางส่วนก็เจอมันในขั้นเจ็ดดาว

มีอยู่น้อยมากที่เจอบททดสอบแรกในขั้นแปดดาว ตู่ซือเป็นหนึ่งในนั้น เขาเผชิญบททดสอบแรกในขั้นแปดดาวและผ่านมันได้ง่ายๆ มันเพิ่มพลังอำนาจของเขาขึ้นมหาศาลและถึงแม้จะไม่สามารถบรรลุเก้าดาวได้ เขาก็ยังอยู่ในขั้นแปดดาวระดับสูงมาก หากไม่ได้พยายามทะลวงผ่านด่านเก้าดาวในตำนานเขาคงไม่ต้องเสี่ยงบ่มเพาะเคล็ดวิชาเปลี่ยนแปลงกระแส

ส่วนบททดสอบที่สามและสามหายนะสุดท้าย มันคือบททดสอบที่สูงที่สุดที่เทพโบราณจะเผชิญ ส่วนจะเป็นอะไรตู่ซือก็ไม่ทราบ

ความทรงจำของตู่ซือไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเจอบททดสอบแรกในขั้นห้าดาว ทุกครั้งที่หวังหลินคิดถึงเรื่องนี้เขาก็จะยิ้มบิดเบี้ยว การเผชิญกับบทดสอบแรกเร็วขึ้นเกี่ยวข้องกับร่างเทพโบราณที่ไม่สมบูรณ์ของเขาและเขายังใช้พลังเทพโบราณมากเกินไปในดินแดนวิญญาณปีศาจอีก

ทั้งหมดนี้ทำให้เขากลายเป็นเทพโบราณตนแรกที่เจอกับบททดสอบแรกในขั้นห้าดาว

บททดสอบที่เทพโบราณแปดดาวผ่านไปได้ง่ายๆจึงเสมือนความเป็นความตายสำหรับหวังหลิน

หนึ่งในหายนะของบททดสอบแรกคือหายนะร่างกาย ตอนที่อยู่ในสำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ท่อนล่างหวังหลินทั้งหมดกลายเป็นเป็นกระดูก ตอนนี้หลังจากอยู่ในดาราจักรทะเลเมฆามันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ทุกอย่างตั้งแต่หน้าอกลงมากลายเป็นกระดูกไปหมด

นี่แค่พึ่งเริ่มต้นหายนะแรก ร่างกายเขาเน่าสลายอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งไม่มีเลือดเนื้อเหลืออยู่ จากนั้นพอหายนะแรกจบเสร็จถึงจะเริ่มหายนะที่สอง

หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ร่างดั้งเดิมหวังหลินคงจะตายโดยไม่ต้องสงสัย โชคดีที่หวังหลินได้รับเลือดหัวใจของตู่ซือดังนั้นจึงมีโอกาสต่อสู้ได้

ร่างดั้งเดิมนั่งอยู่ใต้ดินส่วนลึกของสำนักต้นกำเนิด ไร้เลือดเนื้อ เหลือเพียงกระดูกเท่านั้น

มีแผ่นสีโลหิตบางๆห่อหุ้มรอบกระดูก หากมองอย่างละเอียดคงจะเห็นเส้นบางมากๆกำลังเคลื่อนไประหว่างแผ่นและกระดูกพวกนั้น

ขณะที่ร่างอวตารของหวังหลินเข้าใกล้ ดวงตาโบ๋ของร่างดั้งเดิมเผยแสงน่ากลัวราวกับกำลังตื่น

หวังหลินมองร่างดั้งเดิมอย่างเงียบๆและนั่งลงปกป้องมัน เขาเพ่งความสนใจทั้งหมดเข้าไปในร่างดั้งเดิมเพื่อช่วยมันแบ่งปันความเจ็บปวด

วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผ่านไปอีกสามวันร่างดั้งเดิมทนทุกข์ทรมานทวีความรุนแรง ความรู้สึกของการไม่มีเลือดเนื้อแต่ยังมีสตินั้นเพียงพอทำให้ผู้คนบ้าคลั่งได้แล้ว

ระยะเวลาสามวัน ร่างดั้งเดิมขยายขนาดเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า!

ตอนนี้ภายใต้สำนักต้นกำเนิดมีร่างโครงกระดูกสูงร้อยฟุตนอนอยู่นิ่งๆ แสงสีโลหิตกะพริบวูบวาบพร้อมกับมีโลหิตข้างใต้ไหลอย่างรวดเร็ว

อีกสามวันถัดมาร่างโครงกระดูกของหวังหลินก็จบการขยายตัว มันสูงมากกว่าสามพันฟุตไปแล้ว โลหิตจำนวนเล็กน้อยยังคงไหลผ่านกระดูก อย่างไรก็ตามการไหลของโลหิตนั้นชะลอตัวลงจนหายไปในที่สุด

โลหิตนี้คือโลหิตหัวใจของตู่ซือ ระยะเวลาสามวันโลหิตหัวใจถูกกระดูกของร่างดั้งเดิมดูดซับไปอย่างช้าๆ เมื่อโลหิตถูกดูดซับเมื่อนั้นหายนะแรกถึงคราวจบสิ้น

วินาทีนั้นดวงตาของร่างดั้งเดิมส่องประกายเจิดจ้าราวกับสามารถมองทะลุผ่านพื้นดินและเห็นท้องฟ้าสีครามด้านบนได้! ขณะเดียวกันมีคลื่นเสียงแตกร้าวดังสะท้อนใต้ดิน

“หายนะกระดูก…”

จากนั้นเกิดเสียงแตกร้าวออกมาจากเท้าขวาของร่างดั้งเดิม ราวกับมียักษ์กำลังบดขยี้เท้าขวาอย่างช้าๆ

กระดูกเขาแตกสลายและเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่าน ร่างดั้งเดิมสั่นเทาภายใต้ความเจ็บปวดเหนือจินตนาการ ทว่าเสียงแตกร้าวนี้ไม่ได้หยุดลงมันยิ่งความรุนแรงมากขึ้น

ใต้แผ่นดินเสมือนมีสายฟ้าดังคำราม เกิดรอยแตกทุกรอยบนกระดูกพร้อมกับร่างกายกำลังแตกสลาย ร่างอวตารของหวังหลินหน้าซีด เขากัดฟันแน่นแบ่งปันความเจ็บปวดไปพร้อมกับร่างดั้งเดิม

เส้นโลหิตบนใบหน้าปูดโปน หยดเหงื่อเม็ดโป้งไหลลงมา

หายนะกระดูกที่เผชิญช่างโหดเหี้ยม ด้วยพลังชีวิตอันแข็งแกร่งของเทพโบราณแม้จะไม่มีเลือดหรือเนื้อเหลืออยู่ จะสามารถฟื้นคืนได้ตราบใดที่ยังมีพลังชีวิตเหลือ เพราะบททดสอบแรกคือพลังชีวิต!

หลังจากพละกำลังถูกลบล้างออกไป หายนะกระดูกจะเข้ามาและพยายามทำลายกระดูกเพื่อที่ไม่สามารถฟื้นคืนได้หากไร้พลังชีวิต เมื่อกระดูกทั้งหมดถูกทำลายจะเป็นผลให้เกิดความตาย

หากร่างดั้งเดิมตาย ร่างอวตารก็จะถึงคราวแตกดับ

หากเขาต้องการผ่านหายนะกระดูกไปได้เขาจะต้องปลุกพลังชีวิตขึ้นมาอีกครั้งเพื่อต่อสู้กับมันจนกว่ากระดูกจะสร้างขึ้นมาใหม่

กระดูกที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหลายเท่าตัว สมบัติวิเศษไม่สามารถทำอันตรายมันได้เลย!

ดังนั้นถึงแม้จะเจ็บปวดยิ่งกว่าตาย เขาก็ต้องอดทน อดทนทั้งร่างอวตารและร่างดั้งเดิม! อดทนต่อกระดูกแตกหักและแตกสลาย

เขาต้องรอจนเมื่อกระดูกทั้งหมดที่แตกสลายไปฟื้นคืนใหม่ให้ใหญ่ที่สุด! หากไม่เช่นนั้นถึงแม้จะอดทนจนสำเร็จ มีแค่ส่วนหนึ่งที่สร้างขึ้นใหม่และส่วนที่เหลือจะคงเหมือนเดิม

หากเป็นแบบนั้นเขาคงเสียโอกาสนี้ไปอย่างเปล่าประโยชน์ ทว่าหวังหลินเข้าใจว่ายิ่งต้านทานไปนานเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสสำเร็จน้อยลงเท่านั้น ยิ่งกระดูกแตกสลายมากขึ้นยิ่งเพิ่มความยาก

ความจริงแล้วหากไม่สนว่าใครผ่านมันได้ในขั้นแปดดาว เทพโบราณเจ็ดดาวส่วนใหญ่มักจะเลือกรอให้กระดูกทั้งหมดแตกสลายไปก่อนจะต่อต้านกันทั้งนั้น ซึ่งทั้งหมดนี้พวกเขาสามารถเปลี่ยนหายนะให้กลายเป็นโชคลาภอันยิ่งใหญ่ได้

ความคิดนี้ถือว่าดีแต่หายากมากที่จะมีคนทนมันได้ยาวจริงๆ ส่วนใหญ่เมื่อเหลือกระดูกเพียงเศษนิ้วก้อยก็จะอดทนไม่ได้จนเริ่มต่อต้านแล้ว ดังนั้นกระดูกเพียงเศษนิ้วก้อยนั้นจะกลายเป็นข้อบกพร่องเดียวที่ร่างเทพโบราณส่วนใหญ่มี

เมื่อเหล่าเทพโบราณเจ็ดดาวเป็นแบบนี้ เทพโบราณหกดาวส่วนน้อยสามารถทนไหวจนถึงช่วงสุดท้าย ช่วงสุดท้ายนั้นเป็นเสมือนปลายทาง มีอีกหลายก้าวข้างหน้าหากทำเสร็จ แต่หากก้าวถอยหลังนั่นหมายถึงความตาย

หวังหลินไม่มั่นใจว่าเขาสามารถอดทนจนถึงช่วงสุดท้ายได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามการก่อเลือดเนื้อขึ้นมาใหม่นั้นเขาสามารถกลายเป็นเทพโบราณของจริงได้และไม่ใช่ร่างที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นหวังหลินจึงเลือกที่จะเสี่ยง

“ร่างอวตารของข้าคือเซียนฝืนลิขิตสวรรค์ ร่างดั้งเดิมฝืนสายโลหิต ข้าหวังหลินใช้ชีวิตฝึกฝนกับคำว่า ‘ฝืนลิขิต’ ข้าฝืนลิขิตสวรรค์ ฝืนลิขิตหายนะ และฝืนลิขิตแม้กระทั่งโชคชะตา! กับแค่หายนะนี้ไม่เพียงพอจะหยุดเส้นทางฝืนลิขิตของข้าได้!” ร่างอวตารและร่างดั้งเดิมของหวังหลินส่องประกายและเผยสายตาไม่ย่อท้อ

ไม่มีเสียงตะโกนหรือคำราม เพียงแค่สายตาไม่ย่อท้อนั้นสามารถแสดงธรรมชาติการฝืนลิขิตของหวังหลินได้แล้ว แม้มองไม่เห็นแต่สั่นสะเทือนถึงสวรรค์!

เสียงแตกร้าวดังสะท้อน เท้าขวาแตกสลาย ทุกอย่างเปลี่ยนไปเป็นถ้าถ่านจนถึงเข่าและขาขวาด้วย เสียงกระดูกแตกสลายค่อยๆส่งต่อไปจนถึงพื้นผิว

ช่วงระยะเวลาครึ่งเดือนทั่วทั้งแผ่นดินโม่หลังได้ยินแต่เสียงดังสนั่นออกมาจากพื้นดิน ตอนแรกมันเบาบางมากแต่มันก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆจนตอนนี้พื้นดินสั่นเทาเล็กน้อยแล้ว

พวกคนธรรมดาบนแผ่นดินต่างหวาดกลัวเนื่องจากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาได้แต่คุกเข่าและอ้อนวอนต่อเทพไม่ให้โกรธกริ้ว

เหล่าเซียนของสำนักต้นกำเนิดให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ พวกเขาส่งทั้งสำนักออกไปตรวจสอบ เสียงพวกนี้เหมือนเสียงคำราม ทุกครั้งที่ดังถึงสองหูจึงอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว

ลี่เซียงตงและหลิวหยานเฟยพร้อมกับอีกสองผู้อาวุโสลอยตัวอยู่กลางอากาศมองไปบนพื้นดิน เนื่องด้วยระดับบ่มเพาะของทั้งสี่จึงรู้ได้ชัดเจนว่าเสียงคำรามออกมาจากไหน

ลี่เซียงตงต้องการออกไปตรวจสอบแต่ถูกหลิวหยานเฟยห้ามเอาไว้ ทว่าตอนนี้เสียงคำรามรุนแรงยิ่งขึ้นจนแทบสั่นสะเทือนสวรรค์

หากแค่นี้คงไม่เป็นปัญหาแต่พลังดั้งเดิมบนแผ่นดินเริ่มวุ่นวายราวกับมีวังวนที่มองไม่เห็นกำลังดูดพลังดั้งเดิมจากทุกทิศทาง

สิ่งที่ทั้งสี่คนหวาดกลัวก็คือพลังดั้งเดิมจำนวนมหาศาลกำลังรวบรวมจากด้านนอกแผ่นดิน แม้พลังดั้งเดิมนี้เป็นของภายนอกแต่เมื่อมันเข้ามาข้างหน้า ม่านพลังรอบแผ่นดินแตกสลายทันที

พอคิดถึงผลกระทบที่ตามมา ทั้งสี่คนรู้สึกศีรษะด้านชา

เรื่องน่าตกตะลึงก็คือมีอสูรดุร้ายหลายตัวปรากฏในสายหมอกด้านนอกแผ่นดิน พวกมันถูกล่อลวงมาที่แผ่นดินโม่หลัวด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกตัวจ้องมองอย่างดุร้ายเข้ามาแต่ก็เผยอาการลังเลด้วย

พวกมันกำลังจะพุ่งเข้ามาข้างในหลายครั้งแต่ถูกรั้งเอาไว้ราวกับมีบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของพวกอสูรดุร้าย แต่ด้วยสติปัญญาของพวกมันทำให้ไม่กล้าเคลื่อนไหวซึ่งทำให้เกิดความลังเล

พวกมันมีกระทั่งอสูรระดับห้าและระดับหก! สิ่งที่ลี่เซียงตงหวาดกลัวมากขึ้นก็คือเขาเห็นแม้แต่อสูรระดับเจ็ด อสูรระดับเจ็ดตัวเดียวสามารถสู้กับเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับกลางได้แล้ว!

“น้องหลิว ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงหยุดเรา แต่วันนี้เราต้องออกไปตรวจสอบ เราต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพลังดั้งเดิมที่พรั่งพรูอย่างคาดไม่ถึงนี่และดึงดูดอสูรดุร้ายทั้งหมดที่ซ่อนตัวในหมอกดวงดาวออกมา!” ลี่เซียงตงคิดถึงอสูรระดับเจ็ด ความคิดสั่นเทาจ้องมองหลิวหยานเฟยด้วยท่าทางเคร่งเครียด

อีกสองผู้อาวุโสมองดูหลิวหยานเฟยอย่างเงียบๆเช่นกัน

หลิวหยานเฟยกัดริมฝีปากเล็กน้อยและพยักหน้า

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version