Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1171

Cover Renegade Immortal 1

1171. งุนงง

บนเมืองลอยฟ้าเพิ่งหลายมีร้านอาหารและสถานที่พักผ่อนพร้อมเสร็จอยู่แล้ว แม้เหล่าเซียนจะไม่จำเป็นต้องกินหรือพักผ่อน พวกเขาก็ยังชอบกินอาหาร แม้แต่ตอนที่บ่มเพาะยังต้องการห้องเงียบสงบ

สิ่งอำนวยความสะอวดพวกนี้จึงไม่ขาดแคลนในเมืองต่างๆ

ตอนนี้ ณ โรงเตี๊ยมชั้นที่สาม ทั้งชั้นถูกสงวนไว้ให้กับคนที่ได้รับการอนุญาต ตอนนี้มีเพียงสองผู้อาวุโส หวังหลินและหลี่เฉียนเหมยอยู่ที่นี่

ชายชราหนึ่งในนั้นคืออาจารย์ลุงของหยางยู่ อีกคนมีใบหน้าสีแดงส่องสว่าง

ชายชราชุดเขียวยิ้มออกมา “สหายเซียนหลิว ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ข้าชื่อว่า ถังลี่ไห่ แห่งสำนักรวมปีศาจระดับหก”

“ข้าหวู่ฉิงแห่งสำนักรวมปีศาจ” ชายชราใบหน้าแดงเอ่ยเสียงดุจระฆังสั่นไปทั่วทั้งชั้นสาม

สองผู้อาวุโสต่างเป็นเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับต้นแต่ไม่ได้วางท่าและปฏิบัติหวังหลินเสมอกัน หวู่ฉิงได้ยินเรื่องราวมาจากถังลี่ไห่จึงตกตะลึง ไม่กล้าประเมินหวังหลินต่ำไป

หลี่เฉียนเหมยรีบนั่งอยู่ด้านข้างเล่นกับจอกเหล้าในมือ ทว่าสายตานางกวาดผ่านไปบนโต๊ะเป็นพักๆ

ถังลี่ไห่และหวู่ฉิงรู้จักตัวตนของนางดีแต่ในเมื่อนางเปลี่ยนสีผมจึงเห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการเผยตัวตน พวกเขาไม่ได้พูดอะไรและเพียงแค่ให้ความเคารพ

“วันนี้ข้าเป็นคนไม่ยั้งคิด หวังว่าสหายเซียนหลิวจะไม่คิดมากความ” ถังลี่ไห่หยิบจอกเหล้าขึ้นมาและมองหวังหลิน

หวังหลินยกจอกเหล้าขึ้นมาชนด้วยสีหน้าเป็นปกติสุข เขาไม่ได้ดื่มมันและวางลงไปทันที

ถังลี่ไห่หัวเราะ “ข้าได้ยินมาจากศิษย์จ้าวยู่แล้วว่าวิชาของสหายเซียนหลิวช่างอัศจรรย์มาก หลังจากข้าได้เห็นวันนี้มันช่างวิเศษจริงๆ ข้าอยากจะกลายเป็นสหายกับน้องหลิว”

“ไม่มีปัญหา ข้าก็มีเจตนาจะกลายเป็นสหายกับสำนักรวมปีศาจด้วยเช่นกัน” หวังหลินรอคอยเงียบๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นถัดไป เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายมาเพียงเพื่อจะกลายเป็นสหายกับเขา

ทั้งสองคนเริ่มพูดคุยแต่ถังลี่ไห่ยังคงไม่ได้ยกเป้าหมายจริงๆขึ้นมา เขาลอบประเมินหวังหลินและกลัวความสัมพันธ์ระหว่างหวังหลินและหลี่เฉียนเหมยไปด้วย

หวู่ฉิงฟังอยู่นานในที่สุดก็หมดความอดทน เขาหยิบจอกเหล้าขึ้นมากระแทกลงบนโต๊ะ มองหวังหลินและเอ่ยขึ้น “สหายเซียนหลิว ข้าจะไม่พูดจาวกวน วันนี้ข้ามาเพื่อขอให้สหายเซียนมาเป็นผู้อาวุโสภายนอก”

“หากท่านตกลง สำนักรวมปีศาจจะต้อนรับท่านด้วยของขวัญอันยิ่งใหญ่! แม้ท่านจะไม่ตกลง หลังจากวันนี้ไปเราสามคนถือว่าเป็นคนกันเอง สำหรับเราเหล่าเซียนแล้วเมื่อเรียกว่า ‘สหายเซียน’ ถือว่าเป็นสหายกัน!”

พอได้ยินคำของหวู่ฉิง ถังลี่ไห่ยิ้มบิดเบี้ยวและเอ่ยออกมา “ข้ากำลังจะถามไถ่สหายเซียนหลังจากเราพูดคุยกันกว่านี้อีกสักนิด แต่ข้าลืมเรื่องนิสัยของหวู่ฉิงไปเลย สำนักรวมปีศาจของข้าซื่อสัตย์มาก หากท่านกลายเป็นผู้อาวุโสนอก เราจะจัดหาวัตถุดิบปรุงยาทั้งหมดที่ท่านต้องการ เราจะขอให้ท่านลงมือตอนที่ท่านควรรักษาเกียรติของสำนักรวมปีศาจไว้เท่านั้น!”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและตอบออกมา “ข้าต้องขอเอาไปคิดก่อน เอาแบบนี้เป็นอย่างไร ข้าจะให้คำตอบท่านก่อนจะออกจากเพิ่งหลาย”

ถังลี่ไห่หัวเราะและพยักหน้า “มันมันควรจะเป็นแบบนั้น สหายเซียนโปรดคิดให้รอบคอบ เราจะรอคำตอบท่าน”

หลังจากพูดเรื่องนี้หวังหลินก็ยืนขึ้นเอ่ยคำอำลา เขาจากไปพร้อมกับหลี่เฉียนเหมย

จนเมื่อทั้งสองจากไปแล้ว ผู้อาวุโสใบหน้าแดงจึงมืดมน ไม่มีท่าทีตรงไปตรงมาเหมือนก่อนหน้านี้

“การบ่มเพาะของเขาช่างประหลาดนัก!”

ถังลี่ไห่กล่าว “ประหลาดมากจริงๆ เขาระมัดระวังตัว ขี้ระแวงและฉลาด ทั้งยังโหดเหี้ยมและตัดสินใจแน่วแน่อีก”

ตอนนี้บนมุมโต๊ะอันว่างเปล่ามีร่างหนึ่งค่อยๆปรากฏขึ้นมา เป็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมเต๋า ใบหน้าซีดเผือดและมีบรรยากาศดุจเทพ

เขายืนขึ้นเดินเข้าหาสองผู้อาวุโสก่อนจะค่อยๆนั่งลง

ชายวัยกลางคนมองออกไปนอกหน้าต่าง “ข้าบอกไม่ได้ว่าเขามองทะลุวิชาล่องหนของข้าได้หรือไม่”

ถังลี่ไห่ลังเลชั่วขณะ “น่าจะเห็นหลี่เฉียนเหมยที่ลอบบอกเขา…”

ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะ

“ใช่หรือ…เขาน่ะนะ?” หวู่ฉิงดวงตาส่องสว่างและเอ่ยขึ้นอย่างเย็นวาบ

“จะว่ามองได้ก็ได้ จะว่ามองไม่ได้ก็ไม่ได้” ชายวัยกลางคนถอนสายตาและขมวดคิ้ว

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าแตะต้องคนผู้นี้ ข้ารู้สึกถึงอันตรายยิ่งมาจากเขา…สำนักรวมปีศาจจะถอนตัวออกจากสูตรยาและหินหยก เราจะไม่เข้าร่วม” ชายวัยกลางคนนวดขมับ ดูเหน็ดเหนื่อยยิ่ง

ทุกเมืองมีตลาดของตนเองและมีของกระจายต่างกันออกไป หลายวันถัดมาหวังหลินบอกลาหลี่เฉียนเหมยและเร่ร่อนในเมืองด้วยตัวเอง

หลี่เฉียนเหมยพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม ทั้งสองจึงแยกกัน

พอไม่มีหลี่เฉียนเหมยอยู่ข้างๆ หวังหลินไม่ต้องสนเรื่องการซ่อนตัวอีกต่อไปและเริ่มค้นหาแผนที่ดวงดาวที่วางขาย ตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมหวังหลินเห็นเลือนลางว่ามีเซียนคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ตรงมุมโต๊ะ

อย่างไรก็ตามสีหน้าท่าทางเขาไม่เปลี่ยนไปและไม่เผยอาการใดว่าสังเกตเห็น

‘ดูเหมือนเบาะแสบนแผ่นดินป่าถูกมองทะลุออกแล้ว…’ หวังหลินถอนหายใจและยิ่งร้อนใจอยากซื้อแผ่นที่ดวงดาว อย่างไรก็ตามแผนที่ดวงดาวมีราคาสูงมากและยากที่จะบอกว่าส่วนไหนของจริง หลังจากผ่านไปสามวันหวังหลินจึงพอซื้อมาได้บ้างแต่เขาไม่มั่นใจพวกมันเลย

พลบค่ำวันที่สามหวังหลินกลับมาที่โรงเตี๊ยมและนั่งลงบนเตียง มองหยกแผนที่ดวงดาวหกชิ้นในมือและเริ่มขบคิด

หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยและมองขึ้นมาที่ห้องตนเอง

ชั่วขณะต่อมามีเสียงเคาะดังขึ้น

‘ในที่สุดเขาก็มา…’ หวังหลินเผยรอยยิ้มและสะบัดแขนขวาเปิดประตูให้เห็นชายวัยกลางคน ชายวัยกลางคนนี้ดูกำยำและกล้าหาญ

เขาไม่ได้เข้ามาแต่คำนับฝ่ามือ “ผู้อาวุโส อาจารย์ข้าโอวหยางหลง ให้มาเชิญท่าน”

หวังหลินลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ชายวัยกลางคนนำทางอย่างนอบน้อม หลังจากออกโรงเตี๊ยมมาทั้งสองคนเหาะเหินออกมาจากเมือง แม้จะเป็นกลางคืนแต่เมืองมีชีวิตชีวามาก เสียงผู้คนยังพูดคุยเสียงดัง

ชั่วครู่ต่อมาทั้งสองก็มาถึงใจกลางของหินลอยฟ้าทั้งหมด ที่นี่คือเมืองหลักและมีขนาดใหญ่กว่าเมืองชั้นนอกหลายสิบเท่า ยามกลางคืนเมืองแห่งนี้เหมือนอสูรร้ายตัวยักษ์ที่ปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลัง

ด้วยการนำทางของชายวัยกลางคน ทั้งสองมุ่งหน้าสู่ประตูทางทิศตะวันออก มีเซียนหลายคนประจำการ หากต้องการเข้าไปจะต้องแสดงป้ายหยก

หวังหลินสังเกตได้ว่าตอนที่ชายวัยกลางคนหยิบออกมา เซียนรอบด้านพลันเคารพในทันที พวกเขาไม่ได้ตรวจสอบหวังหลินและยอมให้ผ่านเข้าไป

หลังจากที่เข้าไปในเมืองไม่นาน พวกเขาก็มาถึงใจกลางเมือง ชายวัยกลางคนหยุดลงตรงหน้าตำหนักโอ่อ่าแห่งหนึ่ง เขาเอ่ยขึ้นกับหวังหลินอย่างเคารพ “ผู้อาวุโสโปรดเข้าไปเถิด ด้วยตัวตนของผู้น้อยมิอาจเข้าไปได้”

หวังหลินพยักหน้า ส่งสัมผัสวิญญาณแพร่กระจายออกไปก่อนจะเดินเข้าไป พอเข้ามาเขาได้ยินเสียงหัวเราะจริงใจ โอวหยางหลงเดินลงบันไดมาและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน

“ข้าทำให้สหายเซียนต้องรอคอย เจ้าขอมากเกินไปจึงใช้เวลาเตรียมการอยู่บ้าง” โอวหยางหลงกระตือรือร้นดูแตกต่างจากคนเมื่อสามวันก่อน

หวังหลินคำนับฝ่ามือและยิ้มออกมา “ไม่มีปัญหา” เขาเข้าใจได้ว่าทำไมโอวหยางหลงถึงเป็นเช่นนี้ การกระทำของหวังหลินตอนที่อยู่ในตลาดไม่เพียงแต่ทำให้สำนักรวมปีศาจตกตะลึงแต่ยังทำให้เบื้องหลังโอวหยางหลงต้องตกตะลึงไปด้วย

“มาๆ ข้าจะพาท่านเข้าไป การแลกเปลี่ยนของเราจะจบลงตรงนี้และกำลังจะมีเรื่องสนุกเช่นกัน บางทีสหายเซียนอยากจะลองเสี่ยงเล็กน้อยเผื่อชนะได้ลาภก้อนโต” โอวหยางหลงยิ้มเต็มสองแก้มแต่ไม่กล้าประเมินชายชุดขาวต่ำไป สามวันก่อนคนผู้นี้สามารถหาเขาเจอได้และส่งคำสั่งขนาดใหญ่ออกมา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมองทะลุตัวตนของเขาออกซึ่งหมายความว่าไม่ใช่คนธรรมดา และสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหลังจากนั้นก็ทำให้เขาตกตะลึงจริงๆ

“ข้าสร้างปัญหาให้สหายเซียนโอวหยางเสียแล้ว” หวังหลินตามโอวหยางหลงไปด้านล่างตำหนักอย่างสุภาพ สัมผัสวิญญาณแพร่กระจายออกไปด้วยความระมัดระวัง ทุกอย่างที่เขาเห็นทำให้ตกตะลึงยิ่งแต่ไม่ได้เผยสีหน้าท่าทางออกมา

ไม่คาดคิดว่าด้านล่างตำหนักเป็นรูกลวงและนำทางไปสู่แท่นหินกว้างแสนฟุต มีเซียนหลายคนนั่งอยู่รอบๆและมีเสียงคำรามอสูรร้ายดังออกมาข้างใน

มีอสูรวิญญาณสองตัวขนาดพันฟุตกำลังต่อสู้กันอยู่บนแท่น เสียงอสูรสองตัวคำรามดังสะท้อนไปทั่ว

รอบแท่นมีทางเดินเหมือนท่อนแขนแขวนเอาไว้รอบไปทั่วและดูเหมือนจะมีหน้าต่างหลายแถว

หวังหลินและโอวหยางหลงเข้าไปอยู่หนึ่งทางเดินพวกนั้น

“ที่นี่คือสนามพนันอสูรแห่งแผ่นดินเพิ่งหลาย หากท่านเจออสูรวิญญาณตัวใดที่พอใจ ทำไมไม่ลองพนันดูเล่า?” โอวหยางหลงนำทางหวังหลินไปและหัวเราะ

หวังหลินพยักหน้าเงียบๆ

ทั้งสองเดินทางอย่างรวดเร็วและมาถึงปลายสุดทางเดิน เบื้องหน้าคือเซียนสองคนและมีประตูหินปิดสนิทอยู่ตรงกลาง

โอวหยางหลงมองหวังหลิน ขบคิดเล็กน้อยและกล่าวออกมา “การประมูลของวันนี้จะถูกจัดขึ้นด้วยอาจารย์ลุงของข้า เขาเชิญสหายเซียนบางส่วนเข้าร่วมซึ่งถือว่าเป็นการประมูลส่วนตัวแบบเล็กๆ หากท่านสนใจสามารถนำของบางอย่างลงไปขายได้ อาจารย์ลุงของข้าจะเริ่มแลกเปลี่ยนกับท่านเมื่อการประมูลจบลง”

“สหายเซียน ข้ายังสงสัยอยู่หนึ่งอย่าง หวังว่าสหายเซียนสามารถขจัดข้อสงสัยได้”

“โปรดถามได้เลยสหายโอวหยาง” หวังหลินพยักหน้า

“สหายเซียนรู้ตัวตนของข้าได้อย่างไร?” โอวหยางหลงจ้องมองหวังหลิน หากมีคนแนะนำเขามาก็คงดีแต่ไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้ค้นพบเขาที่อยู่ตรงแผงลอยส่วนตัว อีกฝ่ายยังมั่นใจว่าเขามีผลึกดั้งเดิมมากกว่านี้และลอบชี้ตัวตนเขาออกมา

หวังหลินเพียงยิ้มเล็กน้อย

………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version