1178. คุณสมบัติ
“ผลึกดั้งเดิมเป็นของข้าเอง ข้าไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับสำนักมี่หลัว!” น้ำเสียงเก่าแก่ดังออกมาไกล จากนั้นลำแสงสายหนึ่งร่อนลงข้างโอวหยางหลงเผยออกมาเป็นปรมาจารย์คังจงซื่อ
ชายหนุ่มชุดเหลืองพ่นลมหายใจและเอ่ยออกมา “ผลึกดั้งเดิมสามหมื่นห้าพันก้อน!”
“สี่หมื่น!” ปรมาจารย์คังจงซื่อสงบนิ่งราวกับผลึกสี่หมื่นก้อนเล็กน้อยสำหรับเขา ฉากเหตุการณ์อันไม่ปกตินี้ทำให้เซียนรอบด้านมองดูปรมาจารย์คังจงซื่อด้วยความตกตะลึง
ปรมาจารย์คังจงซื่อเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสของสำนักหยกสมบัติซึ่งไม่จำเป็นต้องไว้หน้าจ้าวสำนัก เขามีศิษย์หลายคนและมีพลังแข็งแกร่งพอจะเผชิญจ้าวสำนัก อย่างไรก็ตามเขาก็มีความสำคัญต่ำมาก ดังนั้นจ้าวสำนักจึงไม่เคยถามเรื่องหินหยกสวรรค์และผลึกดั้งเดิมที่เขาได้รับมาเลย
“ผลึกดั้งเดิมห้าหมื่นก้อน!” หนุ่มชุดเหลืองจ้องปรมาจารย์คังจงซื่อและกัดฟันแน่น
ปรมาจารย์คังจงซื่อเยาะเย้ย ไม่สนใจว่าจะเผยผลึกดั้งเดิมที่เก็บรวบรวมมาและทำให้เขตระดับสูงกว่าสนใจ หลังจากวันนี้ไปเขาจะออกไปจากที่นี่และอาจจะไม่กลับมาอีก คงไม่ต้องเอ่ยถึงโอกาสสำเร็จที่เพิ่มสูงขึ้นมหาศาลในเวลานี้ เมื่อเขาสำเร็จแล้วระดับบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นมากมาย หลังจากนั้นเขาก็ไม่ต้องกลัว!
ปรมาจารย์คังจงซื่อเอามือไพล่หลังพลางเอ่ยขึ้นท่าทีสงบ “หกหมื่น!”
“เจ้า!!” หนุ่มชุดเหลืองสูดหายใจลึก หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่เขาจึงเสนอราคา
“เจ็ดหมื่น!” ปรมาจารย์คังจงซื่อมองหนุ่มชุดเหลืองอย่างใจเย็นและยิ้มทันที “สำนักมี่หลัวของเจ้าไม่ได้นำคนมาที่นี่มากนัก การกลับไปเขตระดับเจ็ดก็ไกลมากอยู่ ขากลับควรระมัดระวังให้ดีนะ”
รอบด้านเงียบสนิททันที สายตาทุกคนจับจ้องไปที่ปรมาจารย์คังจงซื่อซึ่งการจะไปคุกคามคนของสำนักระดับเจ็ดนั้นหาได้ยากมาก!
“ปรมาจารย์คังจงซื่อมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรถึงได้กล้าหาญเช่นนี้?”
หนุ่มชุดเหลืองมองปรมาจารย์คังจงซื่อ หลังจากนั้นสักพักเขาก็ถอนหายใจเย็นและเหาะเหินออกไปในเส้นขอบฟ้า
ปรมาจารย์คังจงซื่อคำนับฝ่ามือไปทางหวังหลินด้วยสีหน้าท่าทางเป็นปกติ จากนั้นโยนกระเป๋าออกไปและยื่นมือเข้าหาชุดเกราะ ชุดเกราะลอยเข้ามือเขา มองมันอย่างใกล้ชิดแล้วจึงเผยรอยยิ้ม
“สหายเซียนหลิว ฝากกระเป๋าใบนี้ไว้ด้วย ทั้งหมดผลึกดั้งเดิมแปดหมื่นก้อน เราไปกันเลยไหม?”
หวังหลินรับกระเป๋าเอาไว้และตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณก่อนจะกลับไปอย่างเงียบๆ ปรมาจารย์คังจงซื่อมีระดับบ่มเพาะสูงส่งและเจ้าเล่ห์มาก เขาทั้งยังเป็นคนเหี้ยมโหดอีกด้วย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเจ้าเล่ห์แค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับเทียนหยุน หวังหลินกล้าท้าสู้เทียนหยุน แล้วเขาจะกลัวทำไมแค่ปรมาจารย์คังจงซื่อ?
หลังจากพยักหน้าเล็กน้อย หวังหลินก้าวเท้าและลอยขึ้นไปในท้องฟ้า ปรมาจารย์คังจงซื่อยิ้มแย้มและเหาะเหินออกไปด้วย เขาและหวังหลินหายตัววับเข้าไปในเส้นขอบฟ้า
ด้วยเหตุการณ์นี้จึงไม่มีใครอยู่ในอารมณ์ประมูลได้ต่อไปและกลับกันหมด
หลังออกมาจากเพิ่งหลาย หวังหลินและปรมาจารย์คังจงซื่อเคลื่อนที่ผ่านหมอกดวงดาวด้วยความเร็วสูงสุด ชั่วขณะนั้นเสียงขลุ่ยดังกังวาลขึ้นในสายหมอก
หมอกดวงดาวห่างออกไปไกลหมุนเคว้งคว้าง หลี่เฉียนเหมยผมสีฟ้าค่อยๆเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม
หวังหลินหยุดลงและขบคิด เขาหันไปหาปรมาจารย์คังจงซื่อ “สหายเซียนคังจงซื่อ ไปก่อนเลย ข้าจะตามท่านไปทีหลัง”
ปรมาจารย์คังจงซื่อยิ้มออกมาและส่งหินหยกให้หวังหลิน จากนั้นหัวเราะ “สหายเซียนหลิวไปที่ตำแหน่งที่ทำสัญลักษณ์ไว้บนแผนที่ สหายข้าจะรออยู่ที่นั่น”
จากนั้นเขามองหลี่เฉียนเหมยและคำนับฝ่ามือให้ก่อนจะเหาะเหินเข้าไปในสายหมอก เขาไม่ได้กังวลว่าหวังหลินจะไม่มา
หวังหลินมองหลี่เฉียนเหมย ขบคิดเล็กน้อยจึงเอ่ยออกไป “เจ้าไม่ได้ไปหรือ? ทำไมถึงกลับมา?”
หลี่เฉียนเหมยขยิบตาและเอ่ยกระซิบ “ข้ากำลังจะไปแล้ว แต่ข้าจำได้ว่าท่านบอกจะไปส่งข้า”
หวังหลินขมวดคิ้ว “ข้าจะส่งเจ้าที่นี่…ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้าแล้วที่นั่นไม่น่าจะมีอันตรายสำหรับเจ้ามากนัก แต่เจ้าก็ยังควรระมัดระวังด้วย”
หลี่เฉียนเหมยส่ายศีรษะ “ใครจะรู้เล่า? บางทีเราอาจจะไม่เจอกันอีกเลยหลังจากข้าไป…จากน้ำเสียงของอาจารย์ การรุกรานครั้งนี้ดูเหมือนจะมีคนตายหลายคน”
หวังหลินขบคิดเงียบๆ
พอเห็นว่าหวังหลินไม่มีเจตนาจะเอ่ยต่อ หลี่เฉียนเหมยขมวดคิ้วมองหวังหลินและถอนหายใจ
“ปรมาจารย์คังจงซื่อนั่นลึกลับมาก เดิมทีข้าตั้งใจจะไปกับท่าน…” หลี่เฉียนเหมยกัดริมฝีปากเบาๆพลางมองหวังหลินและนำสร้อยข้อมือสีมรกตออกมาจากแขนขวา
“ก่อนหน้านี้ท่านตอบคำถามข้าสามคำถามและเราตกลงกันว่าจะมอบสิ่งของให้ท่านหนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคำถาม ข้ายังไม่ได้ให้ของชิ้นที่สามท่านเลย นี่คือสมบัติป้องกัน ท่านควรจะเก็บมันไว้ปกป้องตัวเอง” หลี่เฉียนเหมยยื่นสร้อยข้อมือให้หวังหลิน
หวังหลินมองหลี่เฉียนเหมยด้วยท่าทีที่ดูซับซ้อน เขารับมาและชำเลืองมองครั้งเดียว มันยังมีความอบอุ่นจากร่างหลี่เฉียนเหมย เขาส่ายศีรษะและคืนให้นาง
หลี่เฉียนเหมยมองหวังหลินและเอ่ยถาม “ทำไมท่านไม่รับมันไว้?”
“มันแพงเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้ หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อน” เช่นนั้นหวังหลินกันตัวกลับและกำลังจะจากไป
หลี่เฉียนเหมยโยนสร้อยข้อมือออกไปข้างๆ มันเปลี่ยนไปเป็นลำแสงและหายวับไปท่ามกลางหมอกดวงดาว
“ในเมื่อท่านไม่ต้องการมัน ข้าก็ไม่ต้องการมันเหมือนกัน”
หวังหลินมองหลี่เฉียนเหมยเงียบๆ
“เมื่อท่านไม่ต้องการของของข้า ก็เอาภาพวาดนี้กลับไปเถอะ” หลี่เฉียนเหมยสะบัดแขน ปรากฏภาพวาดขึ้นมาและนางยื่นส่งให้หวังหลิน
หลี่เฉียนเหมยยังกล่าวต่อ “ทะเลสาบและแม่น้ำบนภาพวาดช่างงดงามแต่มันยังขาดชีวิต ข้าจึงเติมไปเล็กน้อย”
หลังจากรับภาพวาดมา หวังหลินไม่ได้เปิดมันออกแต่ขบคิดเล็กน้อยยื่นมือออกไปเปิดมิติเก็บของ ลำแสงสีทองหนึ่งสายลอยออกมา
เมื่อร่อนลงในมือหวังหลิน ลำแสงหายไปเปลี่ยนกลายเป็นปากกา
หวังหลินสะบัดแขนวาดอักขระเวทย์ด้วยปากกา ฝ่ามือไม่หยุดชะงักพลางวาดหนึ่งเส้นถัดไปเรื่อยๆจนกลายเป็นอักขระที่ซับซ้อนเขาจึงหยุดลง
“ปากกานี้คือสมบัติเทพและเมื่อใช้กับอักขระเวทย์นี้เจ้าน่าจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งของมันออกมาได้ดีที่สุด!” หวังหลินส่งปากกาออกไป ลำแสงสีทองห่อหุ้มปากกาพลางลอยเข้าไปในอวกาศ
หวังหลินหันกลับมาไม่มองหลี่เฉียนเหมยอีกและเหาะเหินออกไปไกล
‘ท่านตอบสามคำถามของข้า ข้าจะไม่ปล่อยท่านให้หนีไปไหนได้’ หลี่เฉียนเหมยยิ้มพลางมองตำแหน่งที่หวังหลินหายตัวไป นางหยิบขลุ่ยขึ้นมาจ่อปากและเริ่มเล่นเพลง เสียงขลุ่ยดังสะท้อนผ่านสายหมอก
ยามที่หวังหลินได้ยินเสียงขลุ่ย เขามองภาพวาดในมือ พลันเปิดขึ้นมาเห็นว่าแม่น้ำและทะเลสาบไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว พวกมันแห้งเหือดและมีปลาสองตัวนอนอยู่ข้างกันพยายามให้มีชีวิตรอด
หวังหลินขมวดคิ้วและเผยรอยยิ้ม เขาเก็บภาพวาดกลับไปและเหาะเหินออกห่างจากเสียงขลุ่ย
ผ่านไปสักพักหลี่เฉียนเหมยจึงหยุดเสียงขลุ่ยและสะบัดแขน นางเก็บปากกาสีทองและเดินออกไปในอวกาศ…
หวังหลินเคลื่อนตัวดุจสายฟ้าไปตามเส้นทางที่แผนที่ของปรมาจารย์คังจงซื่อมอบให้ พุ่งทะลุผ่านสายหมอกออกไป ทว่าวินาทีต่อมาเขาก็หยุดจ้องมองตรงไปข้างหน้า
ในสายหมอกที่ห่างจากเขาไปไม่ไกลมีแสงสีเขียวมรกตส่องสว่างและมีสร้อยข้อมือลอยอยู่ตรงนั้น ไม่เพียงแต่หวังหลิน แม้กระทั่งหลี่เฉียนเหมยก็ไม่คาดคิดว่าสร้อยข้อมือที่นางโยนไปสุ่มๆจะจบลงบนเส้นทางที่หวังหลินเดินทาง
ถึงแม้นางจะโยนไปในเส้นทางที่ถูกต้อง อวกาศกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสายหมอก แม้จะเข้าไปในทิศทางเดียวกันแต่โอกาสเจอเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
หวังหลินมองสร้อยข้อมือนั้นอยู่สักพักก่อนจะยื่นมือออกไปคว้า หวังหลินถอนหายใจและเหาะเหินออกไป
ในเขตระดับห้าห่างจากเพิ่งหลายออกไปไม่ไกลมีแผ่นดินป่าเล็กๆอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นไม่มีอสูรและเหล่าเซียนมักจะไม่ค่อยมา ตอนนี้มีเซียนสามคนนั่งอยู่ที่นี่
“ปรมาจารย์คังจงซื่อ สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ที่เป็นความลับที่สุดระหว่างเรา ทำไมเจ้าถึงอยากให้คนชื่อหลัวนั่นมาด้วย?” คนที่เอ่ยออกมาเป็นชายชราใบหน้ารอยแผลเป็น เขาเป็นคนเดียวที่หวังหลินเจอในการประมูลของปรมาจารย์คังจงซื่อ
ปรมาจารย์คังจงซื่อนั่งอยู่ที่นี่ด้วยท่าทีสงบ “เขาสามารถใช้ประทับวิญญาณสงครามได้ การมีเขาไปด้วยโอกาสสำเร็จจะเพิ่มขึ้นสองในสิบส่วน! อีกทั้งข้าก็มีปัญหากับการนำทางของวิชาสหายเซียนจ้าว ตามที่เราตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ สหายเซียนจ้าวจะเป็นคนเลือกวัตถุดิบสามชิ้นแรกก่อน!”
ปรมาจารย์คังจงซื่อส่งสายตาไปที่อีกคน เขาคือคนที่หวังหลินคุ้นเคย เป็นหญิงชราชุดเขียว
นางเอ่ยน้ำเสียแหบพร่า “ข้าจะทำให้ดีที่สุด”
ขณะนั้นสายหมอกเหนือแผ่นดินป่าพลันหมุนปั่นและมีเสียงหัวเราะน่าขนลุกดังกังวาล สายหมอกถูกผลักไปด้านข้างพร้อมกับมีชายชราสวมชุดคลุมเต๋าสีดำสลับขาวและมีมงกุฎอยู่บนศีรษะ เพียงก้าวเท้าไม่กี่ครั้งเขาก็มาถึงข้างๆทั้งสามคนราวกับใช้วิชาบิดมิติ
ขณะที่ชายชราปรากฏตัว กลิ่นโลหิตหนาแน่นผุดออกมา เศษดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนซ่อนอยู่ในสายหมอกด้านหลัง บางครั้งมันก็เผยใบหน้าและพ่นเสียงร้องโหยหวนอย่างเงียบๆ
“ปรมาจารย์คังจงซื่อ ข้าเจอศัตรูระหว่างทาง จึงสายไปเล็กน้อย” ชายชราหน้าซีดแต่สายตาเปล่งแสงน่าขนลุก
“จ้าววิญญาณเมฆา!” สายตาของชายชรารอยแผลเป็นพลันหรี่แคบตอนที่เห็นมงกุฎ
ชายชราสวมมงกุฎพลันใบหน้าบิดเบี้ยวและเผยรอยยิ้มมืดมน “สหายเซียนผางเปียน เราเจอกันอีกแล้ว” หลังจากนั้นเขาก็มองหญิงชรา ท้ายที่สุดสายตาจึงตกลงบนปรมาจารย์คังจงซื่อ
“ปรมาจารย์คังจงซื่อ มีแค่เราสี่คนใช่ไหม?”
คังจงซื่อเลียริมฝีปากและเอ่ยขึ้น “มีอีกสามคน! พวกเขาน่าจะมาถึงเร็วๆนี้” ขณะนั้นเองสายหมอกดวงดาวหมุนวนอีกครั้งและมีคนผู้หนึ่งเดินออกมา
ชุดคลุมสีขาว เส้นผมสีดำพลิ้วไหว สายตาไม่แยแส หวังหลินเดินออกมาจากสายหมอกและมองดูทั้งสี่คน
“เด็กน้อยขั้นชำระสวรรค์? ปรมาจารย์คังจงซื่อ ท่านอยากให้เด็กน้อยนี่ร่วมด้วยหรือ?” จ้าววิญญาณเมฆาพลันขมวดคิ้ว
“เขาไม่ใช่เด็กน้อยขั้นชำระสวรรค์หรอกนะ!” ปรมาจารย์คังจงซื่อยิ้ม
“งั้นรึ?” จ้าววิญญาณเมฆาดวงตาส่องสว่าง เมื่อหวังหลินเข้าไปใกล้จึงพลันสะบัดแขนขวา วิญญาณนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาหวังหลิน