1177. เกราะมารศักดิ์สิทธิ์
‘ลืมกันจะดีว่าไหม…ใช่…’ ขณะที่หลี่เฉียนเหมยจากไปหวังหลินไม่ได้มองนาง หัวใจหวังหลินไม่สะทกสะท้านด้วยสตรีคนนี้ที่มีแซ่หลี่ไปด้วย หัวใจเขาตายไปแล้ว ตายไปท่ามกลางเสียงร้องไม่พอใจ หัวใจฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตอนที่หลิวเหมยนำวิญญาณอาฆาตดวงนั้นออกมาแล้ว
แทนที่เราจะวางใจกันและกัน ให้ลืมกันไปไม่ดีกว่าหรือ?
อารมณ์ที่แตกต่างกันสองแบบเป็นตัวแทนของทัศนคติที่แตกต่างกันต่อชีวิตและยังเป็นตัวเลือกที่แตกต่างกันด้วย ชีวิตที่ผ่านมาของหวังหลินได้พานพบสตรีหลายคนที่งดงามมามากมาย ทั้งที่มีพรสวรรค์กว่าหรือดีกว่าหลี่เฉียนเหมยทุกด้าน
ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อสีแดง ซื่อจื่อเฟิง หลิวเหมย มู่ปิงเหมย หลิวหยานเฟยหรือแค่บางคนที่เขาเผชิญหน้าด้วย
สตรีทั้งหมดที่เขาผ่านมา ในท้ายที่สุดแล้วมีเพียงลี่มู่หวานและหลิวเหมยที่เข้าไปในใจเขา หวังหลินไม่ใช่คนที่เข้าใจอารมณ์แบบนั้น การเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้ในชีวิตเขาได้ทำให้เขากลายเป็นปีศาจโหดเหี้ยม มือทั้งสองข้างโชกเลือด แม้แต่คนที่เรียกตัวเองว่าปีศาจยังเทียบหวังหลินไม่ได้
เขาไม่ได้เข้าใจความรัก ถ้าเคยเข้าใจมันคงเป็นความเข้าใจที่โง่เขลาตอนที่ยังเป็นหนุ่มและยังไม่ได้เริ่มฝึกเซียน เขาจินตนาการถึงวันหนึ่งจะผ่านการทดสอบและกลายเป็นผู้สำเร็จราชการ กลับมาบ้านพร้อมกับมีภรรยาข้างกาย ร่วมกันลงหลักปักฐานพร้อมกับครอบครัวจนกระทั่งแก่เฒ่า
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุการณ์กับตระกูลเถิง หวังหลินกระทั่งตายไปแล้วหนึ่งครั้งและเปลี่ยนนิสัยเขาไปอย่างมากมาย ความโศกเศร้าทำให้เขารับรู้ การฝึกฝน การฝึกเซียน โลกแห่งเซียนสนใจแต่เพียงความแข็งแกร่ง!
หวังหลินไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาต่อลี่มู่หวานเลย หลังจากนางตายเขาก็ใช้เวลาไปกว่าพันปีอย่างโดดเดี่ยว เดินทางในอวกาศตัวคนเดียว เดินบนเส้นทางแห่งการฝึกฝน นึกย้อนถึงความรู้สึกเรื่อยๆ…ขณะที่เขามีอายุขึ้นก็ค่อยๆเข้าใจ
ลี่มู่หวานเดินเข้ามาในใจเขาพร้อมกับทำให้นึกย้อนไปถึงที่ผ่านมาพันปี นางเข้ามาในใจเขาลึกมาก ลึกมากจริงๆ
หญิงคนอื่นๆอย่างหลิวเหมยก็เข้ามาในใจหวังหลินเช่นเดียวกันแต่เส้นทางของนางนั้นต่างกัน มันเจ็บปวด เจ็บปวดมาก…ท้ายที่สุดหลิวเหมยยังชนะ แต่ชัยชนะนี้คือการที่นางเจาะรูในหัวใจตายด้านของหวังหลินและฝังตัวเองไว้ข้างใน
หัวใจตายด้านของหวังหลินถูกคนอื่นฉีกกระชาก เขาไร้พลังอำนาจ…การลืมกันไปคงจะดีกว่า
การมาถึงของหลี่เฉียนเหมยและเส้นผมสีฟ้าได้เผยตัวตนของนางออกมา ทั้งทะเลเมฆา นางเป็นคนเดียวที่มีเส้นผมสีฟ้า
นางไม่ต้องทำแบบนี้แต่นางก็ยังทำ
หลี่เฉียนเหมย อัจฉริยะของสำนักทะลวงสวรรค์ระดับเก้าได้นั่งข้างหวังหลินและหวังหลินให้ภาพวาดเป็นของขวัญด้วย เซียนรอบด้านทั้งหมดต่างก็เห็น
หลี่เฉียนเหมยใช้วิธีนี้เพื่อให้ผู้คนมอบคำตอบให้นางไม่ว่าจะเป็นหวังหลินหรือคนของสำนักเทพเจ้าก็ตาม
การประมูลดำเนินต่อไปแต่สายตาเซียนรอบด้านที่มองหวังหลินกลับต่างกัน ก่อนหน้านี้หลายคนไม่มั่นใจในตัวตนของหวังหลินว่าเป็นคนของสำนักเทพเจ้า ในใจแต่ละคนยังมีข้อสงสัยซ่อนไว้อย่างดี
อย่างไรก็ตามความสงสัยส่วนใหญ่นี้กลับหายไปด้วยการมาถึงของหลี่เฉียนเหมย
“ของชิ้นถัดไปที่กำลังจะนำมาประมูลคือก้อนหินภูเขา!” ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบการประมูลมองไปทางหวังหลินและมีบางอย่างปรากฏขึ้นในมือ
มันคือก้อนหินภูเขาที่ไม่สมบูรณ์แบบ มันได้รับความเสียหายและยุ่งเหยิงจนดูน่าเกลียด
พอเห็นก้อนหินภูเขา หวังหลินนึกย้อนไปถึงตอนที่อยู่ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ก้อนหินภูเขาพังทลายเสียหาย หวังหลินรวบรวมมาได้และควบแน่นมันแต่ก็เป็นสมบัติไร้ประโยชน์ในมิติเก็บของ
“หยกสวรรค์พันก้อน!” หลังจากเงียบไปสักพัก น้ำเสียงหนึ่งดังออกมาจากเซียนรอบด้าน
ชายหนุ่มรอบรู้ชุดขาวที่รู้จักหวังหลินพลันเอ่ยขึ้นเบาๆ “หยกสวรรค์ห้าพันก้อน!”
ผู้อาวุโสสำนักวิชาเต๋าที่กำลังนั่งอยู่แผ่นจารึกด้านหน้าพลันเอ่ยขึ้น “หยกสวรรค์หมื่นก้อน!”
ไม่มีใครเสนอราคาหินก้อนนี้ นอกจากเซียนแข็งแกร่งไม่กี่คน คนส่วนใหญ่คิดว่ามันไร้ค่า อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ตอนที่หวังหลินยื่นของให้กับสำนักหยกสมบัติ ทุกคนที่โชคดีมีโอกาสได้เห็นว่าสมบัติสองชิ้นนั้นคืออะไร
ทุกคนรู้ว่าหินภูเขาก้อนนี้เป็นของหวังหลิน
แค่หยกสวรรค์หมื่นก้อนเพื่อสร้างสัมพันธ์กับหวังหลินถือว่าเป็นสิ่งที่เซียนพวกนี้ยินดีจ่าย ในทะเลเมฆานั้นหยกสวรรค์หมื่นก้อนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
หวังหลินยื่นแขนขวาสร้างผนึกส่งเขตอาคมออกไปเข้าหาก้อนหินภูเขาอย่างเป็นธรรมชาติ มันตกลงบนก้อนหินและเกิดระลอกคลื่นกึกก้องก่อนที่จะหายไป กลิ่นอายโบราณพลันแพร่กระจายออกมาจากก้อนหินภูเขา
กลิ่นอายโบราณนี้แฝงร่องรอยแห่งเวลา ซึ่งทำให้เซียนรอบด้านเกิดความเคร่งเครียด
เซียนขั้นทลายสวรรค์ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เซียนขั้นส่องสวรรค์และชำระสวรรค์ทั้งหมดจ้องมองหินภูเขาและเริ่มคิด
“วิญญาณภูเขา!” สตรีคนสวยที่รู้จักหวังหลินพลันประหลาดใจเล็กน้อย นางมองก้อนหินเบื้องหน้าอย่างละเอียดก่อนจะส่ายศีรษะ “น่าเสียดายที่มันแตกหัก”
“นี่ไม่ใช่ก้อนหินภูเขาธรรมดา มันมีพลังปราณสวรรค์ด้วย! หรือของชิ้นนี้จะเป็นภูเขาของแดนสวรรค์?”
ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยขึ้นสงบนิ่ง “หยกสวรรค์สองหมื่นก้อน!”
‘แม้ของชิ้นนี้จะไร้ประโยชน์สำหรับเซียนขั้นทลายสวรรค์ ผู้น้อยในสำนักสามารถทำความเข้าใจวิชาภายในได้…สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นมันเหมือนจะมาจากแดนสวรรค์และถูกปรับแต่งไปแล้ว!’ ผู้อาวุโสของสำนักวิชาเต๋าขบคิดชั่วครู่และเอ่ยขึ้น “หยกสวรรค์สามหมื่นก้อน”
“หยกสวรรค์สี่หมื่นก้อน!” น้ำเสียงหนึ่งดังออกมาไกล เป็นโอวหยางหลงที่นั่งอยู่บนแผ่นจารึกหินด้านหลัง
ผู้อาวุโสของสำนักวิชาเต๋าเอ่ยขึ้นมา “ผลึกดั้งเดิมพันชิ้น!”
รอบด้านเงียบกริบ ไม่มีใครพยายามประมูลแข่งและท้ายที่สุดผู้อาวุโสของสำนักวิชาเต๋าก็ซื้อไป
แม้ว่าก้อนหินภูเขานี้จะไม่ธรรมดาแต่ไม่ได้ทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมขึ้นในการประมูล ส่วนใหญ่เป็นแค่ระลอกคลื่นเท่านั้น อย่างไรก็ตามของตกตะลึงชิ้นถัดไปกลับเป็นสิ่งที่แม้หวังหลินก็ไม่คาดคิด
“ของชิ้นนี้คือเกราะ!” ผู้อาวุโสของสำนักหยกสมบัติสูดหายใจลึก แววตาเกิดความสงสัยและตื่นเต้น สะบัดแขนขวาปรากฏหมอกควันสีดำขึ้นมา มีรูปร่างของชุดเกราะเลือนลางอยู่ข้างใน
เมื่อควันสีดำนี้ปรากฏขึ้น สีหน้าเซียนรอบๆบางส่วนถึงกับเปลี่ยนไปและมองใกล้ๆ รวมไปถึงชายชราใบหน้ารอยแผลเป็น ชายหนุ่มชุดขาวและคนอื่นๆ
“ข้าขอให้สหายเซียนหลิวถอดผนึกออกได้หรือไม่เพื่อที่เราจะได้ดูชัดขึ้น” ชายชราคำนับฝ่ามือหาหวังหลินและเผยว่าของชิ้นนี้เป็นของหวังหลิน
หวังหลินให้ความสนใจไปที่ท่าทางของชายชรา ขบคิดเล็กน้อยพลันชี้แขนขวาใส่ชุดเกราะทำให้เขตอาคมลอยออกมาใส่ควันสีดำ ควันสีดำดูเหมือนจะเดือดพร้อมกับหมุนอย่างรุนแรงให้เขตอาคมหลายชั้นหายไป ท้ายที่สุดเขตอาคมทั้งหมดก็หายไปและไม่มีควันสีดำพร่ามัวอีกแล้ว ควันเข้าไปในชุดเกราะสีดำอย่างรวดเร็วและปลดปล่อยพลังมารมหึมา
พลังมารอันแข็งแกร่งนี้ทำให้โลกเปลี่ยนสี วังวนยักษ์ปรากฏในท้องฟ้าอย่างเลือนลาง เป็นสีดำสนิทและหมุนอย่างช้าๆ
เมื่อผนึกบนชุดเกราะถูกถอดออกไป รอบด้านทั้งหมดเงียบสนิทลง ดวงตาเหล่าเซียนเบิกกว้าง แม้กระทั่งเซียนเฒ่าขั้นทลายสวรรค์ถึงกับตกตะลึง ดวงตาส่องประกายแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
เซียนบางส่วนยืนขึ้นด้วยอาการตกใจและไม่เชื่อสายตา
ชายชราใบหน้ารอยแผลเป็นถึงกับอ้าปากค้างและพึมพำ “เกราะมารสำนักเทพเจ้า!!”
“เกราะมารศักดิ์สิทธิ์!!”
“เป็นเกราะมารศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!”
“เกราะมารศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักเทพเจ้าครอบครองเพียงผู้เดียว พลังมารของมันหนาแน่นมาก น่าจะเป็นเกราะมารศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่!” ทั่วทั้งการประมูลเริ่มวุ่นวายเนื่องจากการปรากฏตัวของเกราะชุดนี้
เหล่าเซียนที่เข้ามาที่การประมูลนี้ต่างก็มีความรอบรู้ ทั้งทรงพลังและจิตใจแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามความคิดที่แข็งแกร่งนั่นแทบพังทลายเนื่องด้วยเกราะมารศักดิ์สิทธิ์!
ผู้อาวุโสของสำนักวิชาเต๋าพลันคำนับฝ่ามือไปทางหวังหลิน “สหายเซียนหลิวต้องการขายมันจริงๆหรือไม่?”
หลังเอ่ยขึ้นมา รอบด้านพลันเงียบสงัดทันที สายตาทุกคนจับจ้องไปที่หวังหลิน
หวังหลินท่าทีสงบนิ่งพลางมองเกราะมารที่แตกสลายนั้น ไม่คิดว่าแม้แต่เกราะนี้ก็ยังเกี่ยวข้องกับสำนักเทพเจ้าอย่างไม่คาดคิด ความน่าสนใจต่อสำนักเทพเจ้าในทะเลเมฆาเพิ่มขึ้นในใจหวังหลินเข้าอย่างจัง
“ข้าต้องการเพียงผลึกดั้งเดิมเท่านั้น!” หวังหลินเอ่ย
“เยี่ยม ข้าจะขอเอาผลึกดั้งเดิมสามพันชิ้นออกมาเพื่อซื้อมัน!” ผู้อาวุโสของสำนักวิชาเต๋าเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น!
“ข้าเสนอผลึกดั้งเดิมห้าพันชิ้น!” สตรีชราที่เคยแลกแผนที่ดวงดาวกับหวังหลินได้มองชุดเกราะด้วยสายตาลึกลับและตัดสินใจเสนอราคา
ชายหนุ่มชุดขาวผู้รอบรู้พลันสูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้น “ข้าเชื่อว่าพวกท่านต้องการซื้อมันเพื่อศึกษาวิชาของสำนักเทพเจ้า มีเพียงสมาชิกสำนักเทพเจ้าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของสิ่งแบบนี้ และการหลุดออกมาหาได้ยากมาก ข้าต้องได้มันมา ข้าขอเสนอที่แปดพันผลึกดั้งเดิม!”
ผู้อาวุโสสำนักวิชาเต๋าพลันลังเลเล็กน้อยและกัดฟันแน่น “หนึ่งหมื่นผลึกดั้งเดิม!” สำนักวิชาเต๋าไม่ได้มีผลึกดั้งเดิมมากนัก หมื่นชิ้นถือเป็นขีดจำกัดแล้ว
พอราคาเอ่ยออกมา เซียนรอบด้านทั้งหมดอ้าปากค้าง ระดับการประมูลนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่จะเข้าร่วมได้ ขณะนั้นน้ำเสียงพิสดารดังสะท้อนออกมา
“สำนักมี่หลัวระดับเจ็ด ขอเสนอที่หนึ่งหมื่นสามพันผลึกดั้งเดิม!” เซียนทั้งหมดรอบด้านมองออกไป เป็นชายหนุ่มชุดเหลืองที่กำลังถือพัดในมือร้องตะโกนเสนอราคา
ผู้อาวุโสของสำนักวิชาเต๋าจ้องมองเกราะนั้นและถอนหายใจ เขาหยุดการประมูล คนที่เหลือทั้งหมดเงียบกริบ นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว พวกเขาไม่ได้มีผลึกดั้งเดิมมากขนาดนั้น
“หนึ่งหมื่นห้าพันผลึกดั้งเดิม!” โอวหยางหลงเอ่ยเสียงดังก้องและสั่นเครือ แม้แต่เขานั้นราคานี้ยังทำให้ความคิดสั่นเทา
ชายหนุ่มชุดเหลืองขมวดคิ้ว “หนึ่งหมื่นแปดพันผลึกดั้งเดิม!”
“สองหมื่น!” โอวหยางหลงกัดฟันแน่น
“สองหมื่นห้าพัน!” ในแววตาชายหนุ่มชุดเหลืองกะพริบเย็นเยียบ
“ส…สามหมื่น!” หยดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากโอวหยางหลง
“เจ้าเป็นแค่สำนักหยกสมบัติระดับห้า เจ้าไปได้ผลึกดั้งเดิมมากขนาดนี้มาจากไหน?” ชายหนุ่มชุดเหลืองยืนขึ้นจ้องโอวหยางหลง แววตากะพริบจิตสังหารแต่ก็ตระหนักถึงตัวตนของโอวหยางหลงได้
………………………