Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1678

Cover Renegade Immortal 1

1678. ควรยอมรับมัน

หวังหลินนั่งอยู่ในค่ายกลกงล้อพลางมองออกไปด้านนอก เมียวหยินและคนอื่นๆ ไม่ได้จากไป พวกเขาคิดว่าด้วยการร่วมมือกันสามคนจะสามารถต่อกรกับปรมาจารย์เต๋าความฝันได้แน่

หลี่เฉียนเหมยมองพ่อของตัวเองต่อสู้กับสามคนด้วยสายตากังวล

ดาราจักรด้านนอกค่ายกลสั่นสะท้าน ปรมาจารย์เต๋าความฝันกำลังต่อสู้กับทั้งสามคนด้วยตัวเองและยังคงสงบนิ่ง ทุกครั้งที่โจมตีจะปลดปล่อยแสงสีฟ้าเปลี่ยนกลายเป็นพลังอันแข็งแกร่ง

หลังจากเฝ้าดูไปชั่วครู่ หวังหลินหลับตาและไม่ให้ความสนใจอีก

เสียงดังสนั่นถูกลบเลือนไปจากหูของหวังหลินและเพ่งสมาธิไปที่การฝึกฝนของตัวเอง เขาทิ้งเศษเสี้ยววิญญาณดั้งเดิมไว้รอบตัว ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นก็จะรู้ได้

ช่วงระยะการฟื้นฟูพลังสองปีนี้ หวังหลินฟื้นคืนอาการบาดเจ็บมาได้เกือบหมด เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำความเข้าใจวิชาผ่าสวรรค์ของแปดโลหิตนั้น

หวังหลินต้องเรียนรู้และใช้ให้ได้อย่างเชี่ยวชาญ เขาเผชิญหน้ากับวิชาผ่าสวรรค์ด้วยตัวเองและรู้ว่ามันทรงพลังแค่ไหน

ส่วนเรื่องการผสานเข้ากับแปดโลหิตเพื่อเพิ่มพลังโบราณของเขา มันต้องใช้เวลาอีกมาก สภาพแวดล้อมในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้หวังหลินจมดิ่งตัวเอง เช่นนั้นเขาจึงชะลอเอาไว้ก่อน

การต่อสู้ผ่านไปสามวัน หวังหลินสังเกตบางอย่างได้จึงลืมตาขึ้นมา อวกาศด้านนอกค่ายกลขาดรุ่งริ่งและมีหลุมดำหลายแห่งอยู่รอบๆ ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการต่อสู้กันของยอดปรมาจารย์

มีวิญญาณเพลิงนรกานต์นับไม่ถ้วนกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว พวกมันเสมือนควันที่มองไม่เห็นกำลังล่องลอยอย่างช้าๆ

หลังจากชำเลืองมองไม่กี่ครั้ง หวังหลินจึงรู้สึกได้ว่าการต่อสู้นี้รุนแรงแค่ไหน เขาไม่เห็นอีกสามคน แต่เห็นปรมาจารย์เต๋าความฝันก้าวเข้ามาในวงกลมของค่ายกลและมาถึงเบื้องหน้าเขา

ปรมาจารย์เต๋าความฝันดูเหน็ดเหนื่อย แม้จะเป็นเขา แต่การต่อสู้กับทั้งสามคนไม่ใช่เรื่องง่าย

“เมียวหยินบาดเจ็บสาหัส อย่างมากก็ไม่สามารถฟื้นคืนถึงจุดสูงสุดของระดับ บ่มเพาะได้ในเวลาร้อยปี ระดับบ่มเพาะตกลงไปอยู่ขั้นวิญญาณดับสูญ เช่นนั้นครั้งต่อไปเมื่อเจ้าเจอเขา เจ้าสามารถสังหารเขาได้แน่!”

“อาการบาดเจ็บของจอมมารเก้าสวรรค์น้อยกว่าของเมียวหยิน แต่มิติเพลิงนรกานต์ของเขาถูกข้าทำลายไป บาดเจ็บจนถึงจิตใจ ในอนาคตเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า!”

“เฒ่าพิษเดียวดายบาดเจ็บมากที่สุดและหนีไปด้วยวิชาลับ คงอยู่ได้อีกไม่ถึงสิบปี!” จากนั้นเขาจึงนั่งลงและหลับตาฝึกฝน

หลี่เฉียนเหมยมีท่าทีซับซ้อนเกินอธิบาย นางเป็นพยานรู้เห็นการต่อสู้ทั้งสามวัน จับจ้องการต่อสู้และเห็นอันตรายที่เขาเผชิญ

หวังหลินขบคิดเงียบๆ ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยขึ้น

“ในชีวิตข้ามีภรรยาอยู่แล้ว…”

ปรมาจารย์เต๋าความฝันลืมตาขึ้นจ้องมองหวังหลิน สีหน้าท่าทางมืดมน

“แม้ข้าจะช่วยเจ้า เจ้าก็ไม่เปลี่ยนใจ… ข้าไม่ต้องการให้เจ้าละทิ้งภรรยา แต่เพื่อให้คำสัญญากับลูกสาวข้า!”

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้า! ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาว แม้เจ้าจะบรรลุขั้นวิญญาณดับสูญระดับสูงสุด ได้รับมรดกโบราณ แม้จะสามารถสังหารเซียนขั้นแก่นแท้ระดับต้นง่ายๆ เจ้าก็ไม่คู่ควรในสายตาข้า”

“เจ้าสามารถดึงคันศรลี่กวงออกมาสังหารพวกกระดูกผุเหล่านั้นได้! แต่ถึงแม้ข้าจะตาย ข้าก็จะไม่นำพาเผ่าแพรฟ้าเข้าร่วมดินแดนชั้นใน!”

“ข้าในนามเต๋าความฝัน ถือกำเนิดในดาราจักรโบราณ ข้าเป็นหนึ่งห้ายอดปรมาจารย์แห่งดาราจักรโบราณ เจ้าคิดว่าข้าอยากจะโกหกผู้น้อยแบบเจ้าหรือ? เจ้าอยากให้ข้าต้องการโกหกเจ้าไปเพื่ออะไร? ข้าบ่มเพาะมานาน ข้าไม่ทำตัวต่ำเช่นนั้น!”

“ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าในมือเจ้า หากข้าโลภมาก ข้าคงเอามันไปนานแล้ว! ตอนนั้นเจ้ายังไม่ได้บรรลุขั้นที่สาม หากข้าต้องการสังหารเจ้า ข้าก็ทำไปนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องระหว่างเจ้ากับหลี่เฉียนเหมย ทำไมข้าต้องเลื่อนเวลามาถึงตอนนี้?”

“เรื่องระหว่างเจ้ากับราชันย์ การต่อสู้ระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก การต่อสู้ระหว่างเซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจาง ข้าสามารถทำได้แค่ป้องกันเผ่าแพรฟ้า ไม่มีใครสามารถบังคับข้าให้เข้าร่วมสงครามนี้ได้ แม้พวกมันอยากให้ข้าเข้าร่วมมากแค่ไหนก็ตาม!”

“ตอนนี้ข้าละทิ้งทุกอย่างเพียงเพื่อให้เจ้าให้คำสัญญากับลูกสาวข้า หวังหลิน อย่าบังคับให้ข้าต้องทำเกินเลย!!” ปรมาจารย์เต๋าความฝันจ้องหวังหลินและมีความโกรธเกรี้ยวผุดขึ้นมา

ทุกสิ่งที่เขาทำลงไปตามที่เอ่ยเอาไว้ เพื่อลูกสาว

หลี่เฉียนเหมยหลั่งน้ำตา นางเพิ่งเข้าใจสิ่งที่พ่อทำลงไป สิ่งที่เขาเสียสละ…

หวังหลินเผยสายตาซับซ้อนเกินอธิบาย เขายืนขึ้นและคำนับฝ่ามือให้ปรมาจารย์เต๋าความฝัน

“ผู้น้อยไม่สงสัยสิ่งที่ผู้อาวุโสทำลงไปเลย…”

“ไม่ต้องพูดพร่ำ เจ้า…” ปรมาจารย์เต๋าความฝันเห็นหยาดน้ำตาของหลี่เฉียนเหมยจึงหัวใจอ่อนยวบ เขาจ้องมองหวังหลินและกลืนคำพูดที่กำลังจะพูดต่อไป

“ข้าจะถอยให้เจ้าหนึ่งก้าว ข้าอยากให้เจ้าให้คำมั่นสัญญา หากภรรยาเจ้าฟื้นคืนชีพ เช่นนั้นเจ้าและลูกสาวของข้าจะกลายเป็นพี่ชายน้องสาว แต่หากท้ายที่สุดภรรยาเจ้า มิอาจฟื้นคืนได้ เจ้าจะกลายเป็นคู่รักกับลูกสาวข้า! นี่เป็นจุดที่สำคัญที่สุด หวังหลิน จงเลือกให้ดี!” ปรมาจารย์เต๋าความฝันมีท่าทีเย็นเยียบ

หวังหลินขบคิดเงียบๆ ยืนขึ้นและมองออกไปไกล หลังจากผ่านไปสักพักสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนได้เลื่อนไปหาหลี่เฉียนเหมย เขาเห็นน้ำตาของนางและวิธีที่นางก้มหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาเขา

“เจ้า… ช่างมันเถอะ ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าตอบทันที เจ้าคิดไปและกลับมาเจอข้าในเผ่าแพรฟ้า!” ปรมาจารย์เต๋าความฝันยืนขึ้นและตัดสินใจจะไม่ฟื้นฟูพลังที่นี่ เมื่อเขาได้เห็นความเศร้าในสายตาของลูกสาว เขารู้สึกบอบช้ำในใจ เขามาที่นี่เพื่อ หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีและหวังหลินคงตกลง แต่กลับลงเอยเช่นนี้

“ท่านพ่อ เราไปกันเถอะ…” หลี่เฉียนเหมยปาดน้ำตาและค่อยๆ ยืนขึ้น นางมาอยู่ข้างปรมาจารย์เต๋าความฝัน

“ท่านพ่อ ก่อนนี้เหมยเอ๋อร์ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ข้าทำใจได้แล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ… เมื่อเรากลับไปถึงบ้าน ข้าจะไม่มีวันออกมาอีก…” หลี่เฉียนเหมยดึงแขนผู้เป็นพ่อและสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น นางมองหวังหลินและยิ้มขึ้น

“หวังหลิน ท่านนำภาพวาดขุนเขาและสายน้ำที่เคยมอบให้ข้า กลับมาได้หรือไม่…”

ภาพวาดนั้นถูกเรียกว่า ‘ลืมเลือนกันและกันในชาตินี้’ ตอนนั้นนางกลับไปหาหวังหลินและเลือกจะไม่เก็บมันไว้ แต่วันนี้นางต้องการให้มันกลับมา

ความคิดหวังหลินสั่นไหวยามที่มองหลี่เฉียนเหมยด้วยความเจ็บปวด ภรรยาเขาคือลี่มู่หวานผู้อยู่กับเขาไม่กี่ปีก่อนจะเสียชีวิต แต่วิญญาณของนางอยู่กับเขามามากกว่าสองพันปี

อย่างไรก็ตามหลี่เฉียนเหมยนั้นแตกต่างจากมู่ปิงเหมยและซื่อจื่อเฟิง นางเสียสละให้แก่หวังหลินไปมากมาย

ช่วงการป้ายโลหิตเป็นเวลาสิบปีและเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น หวังหลินจะ ลืมเลือนไปได้อย่างไร? ความหลงใหลของนาง ความรักของนาง รอยยิ้มและแววตาอันสดใสของนาง หวังหลินไม่ใช่คนจิตใจแข็งกระด้าง เขาจะทำเป็นไม่แยแสได้อย่างไร?

“ส่งมันกลับมาให้ข้า ได้โปรด…” หลี่เฉียนเหมยกัดริมฝีปาก ใบหน้าซีดแต่ก็ยังยิ้ม นางไม่ต้องการเช็ดน้ำตามากมายเบื้องหน้าหวังหลิน

“ส่งภาพวาดนั้นกลับมาให้ข้า…หวังหลิน เมื่อใดที่ลี่มู่หวานตื่น ท่านต้องพานางมาเจอข้านะ…”

หวังหลินจ้องหลี่เฉียนเหมย แขนขวายกขึ้นทั้งที่สั่นเทา สะบัดมือหนึ่งครา เปิดมิติเก็บของและมีม้วนคัมภีร์หนึ่งลอยออกมา

ม้วนคัมภีร์นั้นคือภาพวาดขุนเขาและสายน้ำที่เรียกกันเองว่า ‘ลืมกันและกันในชาตินี้’ หวังหลินถือเอาไว้ แต่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนตอนที่มอบมันให้นางครั้งแรก

เขาไม่สามารถสงบจิตใจมอบมันให้สตรีเบื้องหน้าเขาเหมือนในอดีต

ปรมาจารย์เต๋าความฝันมองภาพตรงหน้า ความโกรธในแววตาเปลี่ยนเป็นความโศกเศร้า เขามองหลี่เฉียนเหมยและรู้ว่าหัวใจของลูกสาวนั้นหยุดนิ่งไปแล้ว

หัวใจของนางไร้ความรู้สึกแล้ว

มู่ปิงเหมยได้เห็นเหตุการณ์นี้เช่นกัน อารมณ์ของนางซับซ้อนและไม่สามารถ ทนไหวอีกต่อไป แต่นางไม่มีคุณสมบัติพอจะไปโน้มน้าวหวังหลิน แม้จะเป็นแม่ของหวังผิงก็ตาม

นางกำลังมองพ่อของลูกกำลังเอ่ยอำลาสตรีอีกคน เหตุการณ์นี้ทำให้มู่ปิงเหมยรู้สึกเจ็บแปลบในใจ

“ส่งมันมาให้ข้า…” หลี่เฉียนเหมยยิ้มพลางก้าวไปเบื้องหน้าหวังหลิน นางมองใบหน้าเขาอย่างลึกซึ้ง ยกมือขึ้นจัดเสื้อผ้าและเรือนผมของหวังหลินให้เรียบร้อย หยาดน้ำตาที่ซ่อนเอาไว้ไม่อาจกักเก็บได้อีกและเริ่มไหลลงมา

นางกอดหวังหลินเบาๆ หยาดน้ำตาไหลรินลงบนเสื้อผ้าหวังหลินจนเสื้อผ้าสีขาวต้องเปียกชื้น

“หากท่านไม่ได้ชอบข้า ทำไมถึงช่วยข้าในทะเลเมฆา…ให้ข้าตายด้วยความหวังและอยู่ในความทรงจำของท่านไม่ดีกว่าหรือ…หวังหลิน ฮือ…ข้าไม่เข้าใจความรู้สึกพวกนั้น…” หลี่เฉียนเหมยพึมพำในหูหวังหลินและคลายออก นางจับภาพวาดในมือหวังหลินและกำลังจะดึงมันออกไป

ทว่ามือของนางที่ถือภาพวาดพลันหยุดชะงักเพราะหวังหลินจับภาพวาดไว้แน่น

หวังหลินหลับตา ภาพวาดที่เขาถือไว้ไม่ขยับเลย หลี่เฉียนเหมยใบหน้าซีดขึ้นพลางมองหวังหลินและเห็นเขาลืมตา

“เจ้าไม่จำเป็นต้องได้ภาพวาดนี้อีกแล้ว” หวังหลินบีบภาพวาดให้แตกสลายเป็นฝุ่น มันหายไปจากมือเขา จากมือของนางด้วย

หวังหลินมองหลี่เฉียนเหมย เอ่ยคำพูดเบาๆ ด้วยความมุ่งมั่น “ตั้งแต่บัดนี้ไป เจ้าคือ สตรีของข้า!”

“หวานเอ๋อร์คือภรรยาข้า เมื่อใดที่นางตื่นขึ้น เรามาแต่งงานด้วยกัน…”

หลี่เฉียนเหมยตกตะลึง ผ่านไปสักพักหยาดน้ำตาก็ไหลนอง นางเริ่มร้องไห้ในอ้อมกอดหวังหลิน

หวังหลินกอดหลี่เฉียนเหมย ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจเช่นนี้เขาจะไม่มีวันเสียใจ นี่คือสตรีคนแรกที่เขายอมรับในเวลามากกว่าสองพันปีที่มีลี่มู่หวานข้างกาย ชื่อของนางคือ หลี่เฉียนเหมย!

“พี่ชาย ข้ามีคำถามจำนวนสามคำถาม ท่านช่วยตอบได้หรือไม่…”

“เมื่อใดที่ข้าจากไป ท่านไปส่งข้าได้หรือไม่…”

“หากวันหนึ่งข้าตาย ท่านยังจำข้าได้หรือไม่…”

“หวังหลิน ข้าไม่สามารถทำไปได้นานกว่านี้แล้ว โลหิตข้าแห้งไปหมด ท่านจะตื่นขึ้นในเร็ววันใช่หรือไม่…ข้าไม่เสียใจ”

“หวังหลิน ท่านต้องรอข้า รอข้านำยากลับมา ท่านจะต้องตื่นขึ้นแน่นอน…”

ความทรงจำหลายอย่างเสมือนสายน้ำในฝ่ามือ แม้น้ำจะหลั่งไหลออกไป ฝ่ามือยังจะความรู้สึกของน้ำได้ จากนั้นเมื่อฝ่ามือกุมน้ำอีกครั้ง ฝ่ามือก็จะจำได้ และน้ำก็จะจำความอบอุ่นของฝ่ามือได้เช่นเดียวกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version