1677. สองปี หกเดือน
หวังหลินมองดูปรมาจารย์เต๋าความฝัน จากนั้นหยิบจอกสุราที่ผีเสื้อสีแดงส่งมาให้ ดื่มไปหนึ่งจิบก่อนจะหลับตาลง
ปรมาจารย์เต๋าความฝันไม่ได้เร่งรีบ เขานั่งอยู่ตรงนั้น มองดูดินแดนชั้นนอก รอคอยให้หวังหลินตอบกลับ หลี่เฉียนเหมยอยู่เงียบๆ ไปสักพักและค่อยๆ นั่งลง ตำแหน่งของนางชัดเจนมาก นางอยู่ใกล้กับหวังหลินมากกว่า ราวกับเฝ้าระวังพ่อของตนเอง
ปรมาจารย์เต๋าความฝันจะไม่สังเกตการกระทำของลูกสาวได้อย่างไร? ดวงตาหมองหม่นแทบมองไม่เห็น แต่หลี่เฉียนเหมยไม่ได้สังเกต
กาลเวลาผ่านไปในพริบตา สามเดือนสุดท้ายของปีที่สองผ่านพ้น ปีที่สองนี้สงบนิ่ง ไร้การต่อสู้
วันสุดท้ายของปีที่สอง ผีเสื้อสีแดงยืนขึ้นและมองดูหวังหลิน ปีนี้รวดเร็วสำหรับนางยิ่งนัก
หวังหลินสังเกตได้ว่าผีเสื้อสีแดงกำลังจะจากไป จึงลืมตาขึ้นมา
หวังหลินเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง “จะไปแล้วหรือ?”
ผีเสื้อสีแดงยิ้ม นางพยักหน้าและเอ่ยตอบ “ข้าได้ใช้เวลาอยู่กับท่านหนึ่งปีแล้ว พี่หญิงมู่ยังรออยู่”
“ดูแลตัวเองด้วย” หวังหลินมองผีเสื้อสีแดง เขาไม่เห็นร่องรอยความเย่อหยิ่งของนางอีกแล้ว
ผีเสื้อสีแดงยิ้มกลับมาและมองหวังหลินอย่างใส่ใจ นางหันตัวจากไปแต่ก็หยุดชะงักลงหันมาหาหวังหลิน แววตามีความลังเล
“อาจารย์บอกว่าในครั้งแรก นางพบเจอมหาบัณฑิตชื่อ ‘หวัง’ เดิมทีข้าไม่มีโอกาสรอดชีวิต แต่มหาบัณฑิตได้ทิ้งค่ายกลไว้ให้อาจารย์ข้า…”
“และมอบชื่อกับข้าว่า ‘ผีเสื้อสีแดง’… ”
พอหวังหลินได้ยินเช่นนี้ ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า ร่างกายตึงเครียด เผยท่าทีไม่เชื่อและตกตะลึง
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
ผีเสื้อสีแดงเห็นท่าทีเปลี่ยนไปของหวังหลิน นางขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยคำพูดซ้ำอีกครั้ง
หลังจากได้ยินคำพูดของผีเสื้อสีแดง หวังหลินเอ่ยคำพูดไม่ได้ไปสักพัก ยามนี้ คลื่นมหึมาเข้าถาโถมในใจ เขาไม่เข้าใจ ทั้งหมดนั้นควรจะเป็นความฝันที่เขาสร้างขึ้นด้วยการใช้เต๋าหลอกลวง มันควรจะเป็นเรื่องเท็จทั้งหมด เพื่อให้เขาจบวัฏจักรอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามคำพูดของผีเสื้อสีแดงได้ทำให้ทั้งหมดพังทลาย ทำให้หวังหลิน ไม่อาจบอกได้ว่ามันเป็นจริงหรือไม่
‘เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร…แล้วอะไรเล่าคือเรื่องจริง อะไรคือเรื่องเท็จ…ทำไมถึงเป็นแบบนี้…’ หวังหลินคิดว่าเขาเข้าใจแก่นแท้ แต่ตอนนี้เกิดความสับสน
เขาได้เข้าใจมันจริงแล้วหรือไม่…
ผีเสื้อสีแดงหันตัวกลับและจากไป ทว่าหลังจากก้าวออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว นางก็หยุดลงด้วยความลังเล หันกลับมาถามอีกคำถาม
“ฉิงชุ่ย ศิษย์พี่ของท่าน เขา… ท่านเข้าใจเขาหรือไม่…”
หวังหลินฝืนบังคับตัวเองให้หลุดจากอาการตกตกตะลึง มองผีเสื้อสีแดงและเอ่ยถาม “เจ้าอยากถามอะไร?”
“เขา… เขามีครอบครัวหรือไม่?” ผีเสื้อสีแดงกัดริมฝีปาก หลังจากผ่านไปสักพักนางดูเหมือนต้องตัดสินใจ
หวังหลินขมวดคิ้วและมองผีเสื้อสีแดงอย่างละเอียด นึกย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ตอนที่ฉิงชุ่ยยืนอยู่เบื้องหน้าผีเสื้อสีแดง หวังหลินเห็นจากระยะไกลว่าเขากำลังป้องกันการโจมตีให้นาง
“ศิษย์พี่มีชีวิตที่ขมขื่น… เผ่าพันธุ์ของเขาสูญสิ้นตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากนั้นก็เข้าสู่แดนสวรรค์และสูญเสียภรรยา…เขามีลูกสาวที่ไปเกิดใหม่แล้วหลายครั้ง นางเหมือนจะลืมเลือนทุกอย่างในอดีต… หากสายสัมพันธ์มีจริง เป็นไปได้ว่าลูกสาวคนนั้น…” หวังหลินเอ่ยบางเบา
เรื่องนี้ทำให้ร่างผีเสื้อสีแดงสั่นเทาและหลับตา
ผ่านไปสักพักนางก็ลืมตา แววตาเกิดความสับสน
“ไหล่ซ้ายของลูกสาวมีรอยปานสีแดง รอยนี้จะตามไปกับการเกิดใหม่และไม่มีวันเลือนหาย…” หวังหลินมองผีเสื้อสีแดงอย่างสื่อความหมาย
ผีเสื้อสีแดงเซถอยหลัง ใบหน้าแดงทันที
“ขอบคุณ…”
เพียงแค่นางเอ่ยคำพูดนั้น นางไม่ได้ยินเสียงตัวเองอีกแล้ว นางเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดง มุ่งหน้ากลับไปที่ดาราจักรทุกชั้นฟ้า ใช้ความเร็วเต็มที่ตามระดับบ่มเพาะ นางกำลังจะกลับไปยังดาราจักรทุกชั้นฟ้าเพื่อเจอฉิงชุ่ย!
ผีเสื้อสีแดงจากไปแล้ว!
ในวันสุดท้ายของปีที่สอง มู่ปิงเหมยมาถึงด้านข้างหวังหลิน นางไม่ได้เอ่ยคำพูดอันใดออกมาสักคำเดียวและเพียงนั่งสงบอยู่อย่างนั้น พยักหน้าให้แก่หลี่เฉียนเหมยและหลับตา
หลี่เฉียนเหมยรู้จักมู่ปิงเหมย ทั้งสองเคยเจอกันในทะเลเมฆาและรู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
หวังหลินไม่ได้ให้คำตอบปรมาจารย์เต๋าความฝันในตอนนี้ เขายังคงคิดถึงเรื่องที่ปรมาจารย์เต๋าความฝันพูดเอาไว้
จนกระทั่งเดือนหกของปีที่สาม หวังหลินลืมตาและมองปรมาจารย์เต๋าความฝัน
“ข้ามีภรรยาแล้ว” เป็นสิ่งแรกที่หวังหลินเอ่ยกับปรมาจารย์เต๋าความฝัน
หลี่เฉียนเหมยก้มหน้า ดังนั้นหวังหลินจึงไม่เห็นสีหน้าหดหู่ของนาง
ปรมาจารย์เต๋าความฝันยิ้ม พลางมองลูกสาวและเอ่ยเสียงเบา “เจ้าจะมีภรรยารอง ก็ได้”
“เจ้าคิดต่อไปเถอะ ข้าไม่รีบ ข้าพาลูกสาวมาที่นี่และไม่มีเจตนาจะจากไปไหน เจ้าไม่ได้แข็งแกร่งพอจะต่อกรกับเซียนเต๋าสีรุ้งหรือผีเฒ่าจาง ไม่ใช่หรือ…” ปรมาจารย์เต๋าความฝันส่งสายตามาที่หวังหลิน
“หากข้าต้องการ ข้าสามารถเข้าทดสอบด่านวิบากแก่นแท้ได้หลายปีก่อนแล้ว หากข้าสามารถเอาชีวิตรอดได้เก้าครั้ง ข้าก็จะสามารถบรรลุขั้นวิบากดับสูญ… เพียงแต่ข้าไม่มั่นใจ… แต่ถึงแม้เซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจางจะเป็นเซียนผู้ทรงพลัง แม้จะมีคนที่สามอยู่ด้วย ด้วยการช่วยเหลือของข้า เราอาจจะยังชนะ!” ปรมาจารย์เต๋าความฝันเอ่ยขึ้นช้าๆ หลี่เฉียนเหมยและมู่ปิงเหมยไม่เข้าใจ แต่หวังหลินหรี่สายตา
“เช่นนั้นท่านก็รู้เรื่องนั้นแล้ว” หวังหลินสบสายตากับปรมาจารย์เต๋าความฝัน
“ข้าน่าจะเป็นคนที่สองที่ถือกำเนิดในโลกถ้ำที่รู้เรื่อง ต่อจากผีเฒ่าจาง…” ปรมาจารย์เต๋าความฝันถอนหายใจ
“ตอนที่ข้ารู้เรื่องนี้เมื่อก่อน ข้าพบว่ามันบัดซบมากและข้าไม่อยากจะเชื่อ แต่คนที่บอกข้าคือภรรยา ซึ่งก็คือ นางสนมลำดับห้าที่ผนึกไว้ในเตาหลอมด้านหลังเจ้า…”
“ข้าต้องเชื่อคำพูดของนาง!” ปรมาจารย์เต๋าความฝันส่ายศีรษะอย่างขมขื่น
“ตอนที่แปดนางสนมจักรพรรดิเทพลงมาในโลกนี้ นางสนมลำดับห้าสูญเสียร่างกายและหาร่างใหม่ให้วิญญาณ ภรรยาข้าสามารถผสานเข้ากับวิญญาณนางได้สมบูรณ์แบบ ดังนั้นนางจึงถูกนางสนมลำดับห้าครอบครองร่าง นางไม่ได้ทำลายวิญญาณของภรรยาข้าแต่ใช้เป็นตัวประกันเพื่อทำงานหลายอย่างให้เสร็จสิ้น”
“เดิมทีในระหว่างหายนะของเจ้า ข้าไม่ได้จะลงมือ แต่นางใช้วิญญาณของภรรยาเข้าบังคับข้า ข้าจึงต้องลงมือ…ข้าสามารถสังหารนางสนมลำดับห้าได้ แต่ข้าทำไม่ได้…”
“สองปีก่อน ราชันย์มาหาข้าและสัญญาจะช่วยข้าบังคับให้วิญญาณของนางสนมลำดับห้าออกมาจากร่างภรรยา ทุกคนที่รู้เรื่องนี้คิดว่าหากสามารถช่วยข้าได้ ข้าจะทำทุกอย่างที่ต้องการ”
“แต่ทั้งหมดคิดผิด!”
“ข้ารักภรรยา ไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้มากไปกว่าข้า วิญญาณของภรรยาเข้าผสานกับของนางสนมลำดับห้าไปนานแล้วจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ หากมีคนหนึ่งตาย อีกคนก็จะตายไปด้วย”
“ข้าไม่สามารถอดทนลงมือไหว ดังนั้นข้าจึงหวังแต่เพียงปาฏิหาริย์ เพื่อที่ข้าจะแบกรับมันไว้คนเดียว… เจ้าผนึกนางเอาไว้และนั่นทำให้ข้าแบกภาระน้อยลง” ปรมาจารย์เต๋าความฝันเอ่ยขึ้นด้วยสายตาซับซ้อน
“นางจากไปนานแล้วและหลงเหลือเพียงความโศกเศร้าเท่านั้น ทุกครั้งที่ข้าลงมือกับเจ้า ข้าได้แต่ทำให้ลูกสาวไม่พอใจและยิ่งตั้งแง่กับข้า ดังนั้นข้าจะไม่ลงมือกับเจ้าอีกแล้ว… การต่อสู้นี้มาถึงจุดที่มันไร้ประโยชน์ไปแล้ว ไม่ว่าเราจะต่อสู้กันมากแค่ไหน เราทั้งหมดก็เป็นเซียนจากถ้ำเดียวกัน!” ปรมาจารย์เต๋าความฝันลุกขึ้นยืนและ สะบัดแขนเสื้อ ดวงตาเผยแสงสีฟ้าส่องสว่างพลางมองออกไปนอกค่ายกล
ขณะเดียวกันหวังหลินหรี่ตาและมองไปยังอวกาศด้านนอกค่ายกลอย่างเย็นชา
สามลำแสงเข้ามาใกล้ จิตสังหารและความอาฆาตแค้นเต็มเปี่ยม
ในสามลำแสงนั้นคือคนที่หวังหลินคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี พวกเขาคือปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน จอมมารเก้าสวรรค์ และเฒ่าพิษเดียวดาย!
สามคนนี้เดิมทีถูกขังไว้ในสุสานโบราณและไม่ควรปรากฏตัวขึ้นที่นี่ แต่พวกเขาถูกราชันย์ช่วยเอาไว้ ความเกลียดชังที่มีต่อหวังหลินนั้นมีมากมายมหาศาล พวกเขามาที่นี่เพื่อสังหารหวังหลิน!
วันนี้คือเดือนหกของปีที่สอง! ยังเหลืออีกครั้งปีจนกว่าจะถึงข้อตกลงของหวังหลินกับสี่แม่ทัพ
“หวังหลิน ข้ารู้ว่าเจ้ายังคงระมัดระวังข้า แม้แต่ตอนที่เจ้าฟื้นฟูพลัง ลูกสาวก็ไม่เชื่อใจพ่อ… วันนี้ข้าจะทำสิ่งที่ควรทำในฐานะพ่อ!” แม้ปรมาจารย์เต๋าความฝันจะพูดเรื่องนี้กับหวังหลิน สายตามองไปยังหลี่เฉียนเหมยด้วยความรักของคนเป็นพ่อ
เพียงสะบัดแขนเสื้อ เขาก้าวเข้าหาดินแดนชั้นนอก ร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและทะยานออกไปจากในค่ายกลทันที
“เมียวหยิน เก้าสวรรค์ เฒ่าพิษเดียวดาย พวกเจ้าสามคนไสหัวไปซะ!!” ปรมาจารย์เต๋าความฝันส่งเสียงร้องคำรามก่อเกิดเป็นคลื่นทรงพลังข้ามผ่านดาราจักรและเปลี่ยนเป็นพายุ จนปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินและพรรคพวกต้องหยุดชะงัก!
“เต๋าความฝัน!! เจ้ากำลังทำอะไร?!”
“ปรมาจารย์เต๋าความฝัน ทำไมเจ้าถึงหยุดพวกเรา?”
“ไม่มีเหตุผล หากพวกเจ้าไม่จากไปภายในสามลมหายใจ ข้าจะสังหารพวกเจ้าซะ!” เรือนผมปรมาจารย์เต๋าความฝันพัดพลิ้ว ด้านหลังเขาคือค่ายกลกงล้อและทั้งสามคนอยู่ตรงหน้า
ทว่าร่างนี้เสมือนเป็นภูเขาตั้งตระหง่าน จะไม่มีใครก้าวย่างเข้าไปข้างหน้าได้แม้แต่ครึ่งก้าว!
ระดับบ่มเพาะขั้นแก่นแท้ดับสูญสูงสุดระเบิดออกจากร่างกาย พลังขั้นแก่นแท้ ดับสูญขั้นสูงสูงนั้นสั่นสะเทือนสวรรค์ยิ่ง เขาไม่ได้โจมตีเพียงแค่เปล่งกลิ่นอายระดับบ่มเพาะก็ทำให้ดาราจักรสั่นเทาได้แล้ว
ราวกับทั่วทั้งดาราจักรต้องจำนนต่อความแข็งแกร่งของเขา!
สีหน้าปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินต้องเปลี่ยนไป เขา เก้าสวรรค์และเฒ่าพิษเดียวดายต่างก็มองหน้ากันเองและเห็นแต่แววตาหวาดกลัว
ห้ายอดปรมาจารย์แห่งดาราจักรโบราณล้วนมีระดับบ่มเพาะหลากหลายระดับ แม้ราชันย์จะมีพลังน่ากลัว แต่ปรมาจารย์เต๋าความฝันที่ใช้พลังเต็มที่กลับน่ากลัวมากกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาของเขาทำให้จิตใจแห่งเต๋าเกิดตำหนิ จึงไม่ได้บรรลุขั้นวิบากดับสูญ ไม่เช่นนั้นแม้แต่ราชันย์ก็ไม่สามารถสั่งการปรมาจารย์เต๋าความฝันได้!
ทั้งสามคนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี!