Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1176

Cover Renegade Immortal 1

1176. ลืมกันคงดีกว่า

ในช่วงเวลาสั้นๆสองวันนี้ เมืองส่วนที่เสียหายจากประทับวิญญาณสงครามของหวังหลินก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วด้วยสำนักหยกสมบัติ

ในเวลาสั้นๆสองวัน หินวิญญาณจำนวนมากถูกนำมาใช้และมีเหล่าเซียนมากมายทำการซ่อมแซม เมืองจึงถูกคืนกลับมาก่อนที่จะมีการประมูล

การประมูลของเพิ่งหลายสำคัญมาก ของทุกอย่างที่ถูกนำมาประมูลทั้งหมดต่างมีค่ามากมาย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีเซียนเฒ่าหลายคนมาที่เพิ่งหลายนั่นก็เพราะการประมูลนี้

ตำแหน่งการประมูลอยู่ตรงพื้นที่สี่เหลี่ยมใจกลางเมืองหลักของเพิ่งหลาย ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ประมูลที่ใครคนใดสามารถเข้าไปได้ มีแต่เพียงคนที่ได้รับเชิญให้เข้าไปเท่านั้น

พื้นที่ระยะแสนฟุตมีเหล่าเซียนสำนักหยกสมบัตินับไม่ถ้วนอยู่รอบๆเพื่อป้องกันคนนอกไม่ให้เข้าไป

เมื่อการประมูลกำลังจะเริ่ม เหล่าเซียนเฒ่าจากหลากหลายสำนักก็มาถึงและเข้าไปด้วยหินหยกเชิญชวน หวังหลินสนใจการประมูลนี้เพียงเล็กน้อย เขาเหาะเหินเข้าหาใจกลางของเมืองหลักด้วยท่าทางสงบนิ่ง

เซียนทั้งหมดระหว่างที่เห็นเขาต่างก็คำนับฝ่ามือด้วยความเคารพ ช่วงสองวันนี้แทบทุกคนต่างก็จดจำรูปร่างลักษณะหวังหลินได้และไม่มีใครกล้าไปยุ่งกับเขา

หวังหลินใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเมืองหลัก เหล่าเซียนจากสำนักหยกสมบัติสามารถหยุดใครก็ได้ที่ไม่มีหยกเชิญชวน ทว่าหลังจากเห็นหวังหลิน ความคิดจึงสั่นเทาและแยกทางให้ พวกเขาไม่กล้าไปตรวจสอบว่าหวังหลินจะมีหินหยกเชิญชวนหรือไม่

เซียนเกือบร้อยคนกระจายกันไปทั่วพื้นที่จัตุรัส ส่วนใหญ่เป็นขั้นส่องสวรรค์หรือไม่ก็ชำระสวรรค์ มีขั้นทลายสวรรค์อยู่ไม่มากนัก

การมาถึงของหวังหลินทำให้เซียนทั้งหมดสนใจ ทั้งหมดคำนับฝ่ามือมาที่เขาและมีกระทั่งเข้ามาคุยด้วย หวังหลินจัดการอย่างสงบนิ่งพลางมองผ่านฝูงชนและเห็นหลี่เฉียนเหมยไกลๆ

หลี่เฉียนเหมยสังเกตเห็นสายตาหวังหลินได้และหัวเราะ ดวงตาเปล่งประกายดุจดวงดาว

ชั่วขณะหลังหวังหลินเข้ามา ผู้อาวุโสชุดแดงคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับชายวัยกลางคน หลังจากเห็นหวังหลินจึงปล่อยเสียงหัวเราะจริงใจ “สหายเซียนหลิวเข้ามาในการประมูลอันต่ำต้อยของข้า ช่างเป็นเกียรติของสำนักหยกสมบัติยิ่งนัก”

หวังหลินรู้จักผู้อาวุโสชุดแดงคนนี้ เขาเป็นหนึ่งในคนที่มาเยี่ยมหวังหลินในสองวันที่ผ่านมาซึ่งเป็นตัวแทนของสำนักหยกสมบัติ

“ผู้อาวุโสเสี่ยว” หวังหลินยิ้มและคำนับฝ่ามือ

ชายชราชุดแดงสุภาพมาก เขาไม่กล้าประเมินชายหนุ่มชุดขาวคนนี้ต่ำไป ทุกครั้งที่คิดว่าหวู่ฉิงตายอย่างไร เขามักจะสั่นเทาอยู่เสมอ

ก่อนที่เขาจะเป็นตัวแทนสำนักหยกสมบัติเพื่อไปเยี่ยมหวังหลิน เขาตระหนักได้ชัดเจนว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา ความสงบนิ่งและการพูดจานั้นแฝงภาพมายาเอาไว้ เมื่อไหร่ที่มองสายตาหวังหลินก็จะทำให้เขาตกตะลึงพอดู

ภายหลังเขารายงานเรื่องทั้งหมดนี้ให้จ้าวสำนัก ขบคิดอยู่นานทางจ้าวสำนักจึงส่งข้อความออกมาไม่ให้ศิษย์คนใดไปรบกวนเขาบนแผ่นดินเพิ่งหลาย

‘ไม่ว่าเขาจะเป็นคนของสำนักเทพเจ้าหรือไม่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสำนักหยกสมบัติ การที่เขาสามารถฆ่าหวู่ฉิงได้ง่ายๆก็เพียงพอที่จะได้รับความเคารพแล้ว’ ชายชราชุดแดงพูดกับหวังหลินเล็กน้อยก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ยิ้มให้กับหวังหลิน “สหายเซียนหลิว การประมูลกำลังจะเริ่ม หากท่านมีสิ่งใดอยากเอาไปประมูล ท่านต้องรีบนะ”

หวังหลินขบคิด จริงๆเขาก็มีของไม่กี่อย่างที่อยากจะเอาไปประมูลแลกเปลี่ยนเป็นผลึกดั้งเดิม ขบคิดชั่วขณะจึงยิ้มออกมา “ย่อมได้ ข้ามีสมบัติสองชิ้นที่อยากนำไปประมูล”

“โอ้? สมบัติที่สหายเซียนหลิวอยากเอาไปประมูลคงไม่ใช่ของธรรมดา” ผู้อาวุโสเสี่ยวเผยอาการสนใจ

หวังหลินพลางยกแขนขึ้นมายื่นออกไป เปิดมิติเก็บของและนำของสองชิ้นลอยออกมาเป็นลำแสงสีดำไปที่ผู้อาวุโสเสี่ยว

ผู้อาวุโสเสี่ยวดวงตาส่องสว่างและมองหวังหลิน เขาเห็นว่ามีผนึกอยู่บนสมบัติดังนั้นจึงไม่ได้ตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ เขาให้สายตาเซียนทุกคนรวมกันมาและเห็นรูปร่างของสมบัติอย่างชัดเจนก่อนจะเก็บกลับไป

หวังหลินมองผู้อาวุโสเสี่ยวด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม พลันคำนับฝ่ามือ

ผู้อาวุโสเสี่ยวกระแอมและกล่าวเบาๆ “ข้าจะส่งของสองชิ้นนี้ให้กับผู้อาวุโสที่รับผิดชอบการประมูลก่อน สหายเซียนหลิวสบายใจได้” จากนั้นเขาคำนับฝ่ามือและจากไป

‘ชายชราคนนั้นช่างน่าสนใจ’ หวังหลินกวาดสายตาไปทางด้านหลังผู้อาวุโส

หลังจากผู้อาวุโสเสี่ยวจากไป เซียนคนอื่นๆก็เข้ามาพูดคุยกับหวังหลิน ซึ่งรวมไปชุดชายหนุ่มฉลาดชุดขาวและหญิงสาวคนสวยจากการประมูลของปรมาจารย์คังจงซื่อด้วย

ทั้งสามไม่ได้ไม่คุ้นหน้ากัน หลังจากพูดคุยกันสักพัก จัตุรัสก็เริ่มสั่นและทุกคนก็เงียบ พื้นดินสั่นไหวรุนแรงปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นรอบๆ มีแผ่นดินจารึกขนาดใหญ่สิบหกชิ้นพุ่งขึ้นสู่อากาศ!

แผ่นหินทั้งสิบหกผุดออกมาจากพื้นดินและหยุดลงเหนืออากาศไปพันฟุต แสงสว่างเริ่มล้อมรอบแผ่นจารึก

ขณะเดียวกันพื้นดินรอบๆแผ่นจารึกทั้งสิบหกก็สั่นเทาอย่างต่อเนื่อง มีแผ่นจารึกเล็กๆอีกสี่สิบชิ้นลอยออกมาจากพื้นดิน พวกมันหยุดลงเมื่ออยู่เหนือพื้นไปแปดร้อยฟุต

ยังไม่จบแค่นี้ หลังจากมีแผ่นจารึกสี่สิบชิ้นลอยออกมา มีแผ่นจารึกอีกมากกว่าร้อยชิ้นลอยออกมาด้านนอกและหยุดลงกลางอากาศห้าร้อยฟุต พวกมันก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดยักษ์

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซียนส่วนใหญ่เข้าร่วมการประมูล ดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจ ทั้งหมดกระจายตัวและนั่งลงบนแผ่นจารึกหลากหลายแห่งโดยมีพื้นฐานมาจากระดับบ่มเพาะและสถานะของตนเอง

หวังหลินก้าวเท้าออกไปโดยมีท่าทีสงบนิ่ง เขามาถึงแผ่นจารึกด้านหน้าหนึ่งในสิบหกที่อยู่บนสุดและนั่งลง ไม่มีใครประหลาดใจที่เขานั่งอยู่ที่นั่นและดูเหมือนค่อนข้างชัดเจนต่อทุกคน

พอมองไปรอบๆ เซียนทั้งหมดที่นั่งอยู่บนแผ่นจารึกสิบหกชิ้นนี้ต่างก็เป็นเซียนเฒ่าขั้นทลายสวรรค์และหวังหลินรู้จักเกือบหมด หลังจากทุกคนนั่งประจำที่จึงมีเงาร่างเสน่ห์หนึ่งอยู่บนแผ่นจารึกหินของหวังหลิน หลี่เฉียนเหมยขยิบตาให้หวังหลินและนั่งลงเงียบๆ

หลังจากนั่งลง นางก็กระซิบราวกับกำลังพูดกับตัวเอง “ข้ากำลังจะไปแล้ว”

ขณะที่นางนั่งลงข้างหวังหลิน สายลมพัดพลิ้วทำให้เส้นผมนางกระพือเบื้องหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างนางเข้าสู่จมูกหวังหลินอย่าชัดเจน

กลิ่นเบาบางมากเหมือนความเงียบสงบของหลี่เฉียนเหมย สามารถทำให้จิตใจผู้คนสงบลงได้

ณ ตอนที่การประมูลเริ่มขึ้น คนที่รับผิดชอบการประมูลคือผู้อาวุโสของสำนักหยกสมบัติ เขาลอยตัวขึ้นเหนือจัตุรัสด้วยของชิ้นแรก มันคือสมบัติเหมือนกระดิ่งที่มีรอยสักอสูรดุร้ายสลักเอาไว้

หลังจากสังเกตว่าเส้นผมของตัวเองพัดไปหาหวังหลิน ใบหน้าหลี่เฉียนเหมยก็สีแดงระเรื่อเล็กน้อย นางรีบดึงผมกลับมาและรวบขึ้นอย่างลวกๆ

“เมื่อไหร่” หวังหลินไม่ได้มองหลี่เฉียนเหมยแต่มองผู้อาวุโสสำนักหยกสมบัติที่กำลังอธิบายผลลัพธ์ของสมบัติ

“ข้าจะไปหลังจบการประมูล” หลี่เฉียนเหมยกล่าวเสียงเบา ดวงตามองออกไปยังท้องฟ้าไกล ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

หวังหลินเอ่ยขึ้นเงียบๆ “ข้าจะไปส่งเจ้า”

นาทีนั้นกระดิ่งจึงถูกขายออกไป ผู้อาวุโสสำนักหยกสมบัตินำของชิ้นที่สองออกมา มันคือเม็ดยา

หลี่เฉียนเหมยยิ้มบาง นางหันกลับมามองหวังหลินด้วยสายตาส่องประกาย พลันเอ่ยขึ้น “ท่านจะไปส่งข้าได้อย่างไร? ท่านพึ่งส่งข้าออกมาจากเพิ่งหลายไม่ใช่หรือ…”

“ก็ใช่” หวังหลินพยักหน้าและยังไม่มองหลี่เฉียนเหมย

หลี่เฉียนเหมยมองด้านข้างใบหน้าหวังหลิน นางขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยเสียงเบา “หรือส่งข้าไปที่เขตระดับเก้า?”

หวังหลินขบคิดเงียบๆ

“หรือส่งข้าไปที่สำนักมารและต่อต้านการรุกรานของอสูรกับข้า?” หลี่เฉียนเหมยเอ่ยน้ำเสียงงดงามและไพเราะดุจเสียงเพลง

หวังหลินยังคงเงียบ

หลี่เฉียนเหมยหันกลับมา นางมองออกไปไกลและถอนหายใจ

ขณะนี้ของชิ้นที่สองถูกขายออกไป ผู้อาวุโสของสำนักหยกสมบัตินำของชิ้นที่สาม มันคือภาพวาด ไม่มีภูเขาแต่เป็นแม่น้ำและทะเลสาบที่กำลังเคลื่อนไหวดูสมจริงมาก

หลี่เฉียนเหมยเงียบอยู่พักใหญ่และจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ “เดิมทีข้าไม่ได้จะออกไปเร็วนักและยังมีสองสามอย่างที่ข้าไม่ทราบ อย่างไรก็ตามอาจารย์เรียกข้ามาเมื่อวาน อสูรที่สำนักมารเพิ่มขึ้นฉับพลัน…ศิษย์ทั้งหมดของสำนักระดับเก้าต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ข้าไม่รู้ว่าครั้งนี้ข้าจะไปนานแค่ไหน…”

หวังหลินกล่าว “ขอให้เดินทางปลอดภัย”

“ตอนที่ท่านต่อสู้กับหวู่ฉิง ข้าไม่ได้ลงมือเพราะ…” หลี่เฉียนเหมยลังเลแต่ก็ถูกหวังหลินขัด

“ข้าเข้าใจ”

หลี่เฉียนเหมยมองหวังหลิน หลังจากนั้นสักพักนางก็กระซิบ “ท่านเข้าใจจริงๆใช่ไหม…”

หวังหลินไม่ได้ตอบแต่มองภาพวาดในมือผู้อาวุโสขณะที่มีเหล่าเซียนเสนอราคา ขบคิดเล็กน้อยจึงเอ่ยออกไป

“ภาพวาดนี้ ข้าจะเอา”

หลังเอ่ยขึ้น ทุกคนที่กำลังเสนอราคาพลันหยุดลงและมองหวังหลิน ไม่มีใครกล้าขัดแย้งกับหวังหลิน เรื่องหวู่ฉิงทุกคนต่างรู้ดี เหตุผลที่เขาตายก็เพราะโลภมากและไปแย่งสมบัติอสูรร้ายตนนี้

หวังหลินยื่นแขนขวาออกไปนำม้วนนั้นออกมาจากผู้อาวุโสของสำนักหยกสมบัติ เขาเปิดมันออกและหันกลับมา เป็นครั้งแรกที่หวังหลินมองใบหน้างดงามของหลี่เฉียนเหมยที่สามารถทำให้หัวใจใครต่อใครเต้นระรัวและดวงตาเงียบสงบ

“ของขวัญสำหรับเจ้า!” หวังหลินยื่นมือส่งภาพวาดให้

หลี่เฉียนเหมยขบคิดเงียบๆ หลังจากนั้นสักพักนางก็ยิ้มและรับภาพวาดเอาไว้ ยืนขึ้นกัดริมฝีปากและกระซิบ “หากท่านเจอคนที่พบหินหยกของสำนักทะลวงสวรรค์ โปรดส่งข้อความนี้ให้เขา : สำนักทะลวงสวรรค์ยินดีต้อนรับเขา”

หลังจากนางพูดจบก็ไม่มองหวังหลินอีกและเคลื่อนร่างดุจผีเสื้อเริงระบำ เส้นผมสีดำเปลี่ยนกลายเป็นสีฟ้าสะดุดตาและนางค่อยๆหายตัวไปเบื้องหน้าสายตาเซียนทุกคน

นางยังคงถือภาพวาดนั้นด้วย

‘ลืมกันคงดีกว่า…ใช่ไหม…’

………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version